ท่ามกลางสายลมยามค่ำคืนที่พัดหวีดหวิว ราวกับเสียงกระซิบจากความว่างเปล่า ดาอิ และ ไดชิ สองฝาแฝดผู้แบกรับชะตากรรมยืนอยู่เบื้องหน้าประตูมิติที่เรืองแสงเรื่อๆ สีคราม ครอบครัวของพวกเขายืนอยู่ด้านหลัง ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวลและความรักที่ไม่อาจเอ่ย ไดชิหันไปมองดาอิ ดวงตาของเขามีประกายแห่งความแน่วแน่และมุ่งมั่น ต่างจากดาอิที่แววตาเปี่ยมด้วยความลังเลเล็กน้อย แต่เพียงเสี้ยววินาที ความลังเลนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยความมุ่งมั่นไม่แพ้กัน เมื่อทั้งคู่สบตากัน พยักหน้าให้กันเบาๆ เป็นสัญญาณ ก่อนจะจับมือกันแน่น และก้าวเท้าเข้าไปในมิติที่บิดเบี้ยวตรงหน้า
ทันทีที่ก้าวผ่านพ้นธรณีประตูมิติ ร่างของพวกเขาก็ถูกเหวี่ยงเข้ามายังสถานที่แห่งหนึ่งที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง ลมพัดหวีดหวิวเมื่อครู่พลันเงียบสงัดราวกับถูกดูดกลืน ความอบอุ่นจากอ้อมกอดของครอบครัวเมื่อครู่พลันหายไป เหลือเพียงความมืดมิดและไอเย็นยะเยือกที่กัดกินเข้าถึงกระดูก สัมผัสแรกที่เท้าของพวกเขาเหยียบลงไปคือผืนทรายเย็นเฉียบ เม็ดทรายละเอียดแทรกซึมผ่านรองเท้าผ้าใบจนรู้สึกได้ แสงสว่างเดียวที่มีคือแสงสีเงินยวงของพระจันทร์เต็มดวงที่ลอยเด่นอยู่เหนือหัว ส่องกระทบผิวน้ำทะเลที่ราบเรียบราวกับกระจก ไม่มีการกระเพื่อมของคลื่น ไม่มีเสียงของน้ำทะเลที่ซัดสาด ไม่มีแม้แต่เสียงลมหายใจของสิ่งมีชีวิตใดๆ นอกจากของพวกเขาเอง "โอ้โห...น่ากลัวชะมัด" ดาอิพึมพำเสียงแผ่ว สอดส่ายสายตาไปรอบๆ เกาะร้างที่เงียบสงัดไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตใดๆ ดวงตาสีรัตติกาลของเธอพยายามปรับให้เข้ากับความมืดมิด เบื้องหน้าคือผืนทรายสีขาวที่ทอดยาวจรดขอบน้ำทะเลที่นิ่งสนิทราวกับภาพวาด ไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นปู ปลา หรือแม้แต่หอยกาบ ทว่าความว่างเปล่านั้นกลับทำให้ความรู้สึกไม่สบายใจเกาะกุมแน่นในอก "ไม่มีเสียงอะไรเลย...เงียบเกินไป" ไดชิขมวดคิ้วแน่น เขากำด้ามมีดอาคมที่เหน็บไว้ข้างตัวไว้แน่น ดวงตาคมกริบกวาดมองไปทั่วทิศทาง สัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติ ความรู้สึกเหมือนถูกจับจ้องจากที่ไหนสักแห่งทำให้ขนลุกซู่ไปทั้งตัว "พวกแกอยู่ไหน...ออกมาเดี๋ยวนี้!" เสียงของเขาดังกังวานออกไปในความเงียบงัน พร้อมกับชูมีดอาคมที่เปล่งแสงเรืองรองสีเงินอมฟ้าขึ้นมาด้านหน้าอย่างระมัดระวัง เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ทว่า...ไม่มีสิ่งใดปรากฏ ไม่มีแม้แต่เสียงตอบรับจากคำท้าทายของเขา นอกจากความเงียบงันที่น่าขนลุกยิ่งกว่าเดิม ผืนทรายยังคงราบเรียบ น้ำทะเลยังคงนิ่งสงบ และอากาศยังคงเย็นยะเยือก "หรือว่า...พวกมันยังไม่มา?" ดาอิเอ่ยขึ้นมาเบาๆ พลางยกข้อมือซ้ายขึ้นมาดู นาฬิกาอาคม สีดำสนิทที่ปรากฏขึ้นบนข้อมือของเธอหลังเหตุการณ์เงาปีศาจแพร่กระจาย ยังคงนิ่งสนิท หน้าปัดดิจิทัลแสดงผล "ไม่มีสัญญาณปีศาจ" เธอหันไปมองไปทางป่ามะพร้าวขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางเกาะ ลักษณะของต้นมะพร้าวที่สูงใหญ่และหนาทึบจนมองไม่เห็นแสงจันทร์ที่ส่องผ่านลงมาได้เลย ทำให้มันดูเป็นสถานที่ที่น่าสงสัยอย่างยิ่ง "หรือพวกมันจะซ่อนอยู่ในป่านั้นคะ?" เธอชี้มือไปยังป่ามะพร้าวที่ดูมืดมิดราวกับเป็นหลุมดำขนาดใหญ่ "อืม...อาจจะ" ไดชิพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อสันนิษฐานของน้องสาว เขายื่นมือเข้าไปในกระเป๋าเป้สะพายหลัง และหยิบไฟฉายขนาดเล็กออกมา ส่องลำแสงสีขาวนวลไปเบื้องหน้าก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มก้าวเดินอย่างระมัดระวัง มุ่งหน้าสู่ป่ามะพร้าวที่ดูเหมือนจะซ่อนเร้นความลับบางอย่างเอาไว้ เมื่อก้าวเท้าเข้าสู่ป่ามะพร้าว ความมืดมิดก็กลืนกินพวกเขาจนแทบมองไม่เห็นสิ่งใดได้ด้วยตาเปล่า ต้นมะพร้าวแต่ละต้นสูงเสียดฟ้า ราวกับกำแพงธรรมชาติที่กั้นแสงจันทร์ไม่ให้เล็ดลอดลงมาได้เลย มีเพียงลำแสงจากไฟฉายของไดชิเท่านั้นที่ยังคงส่องสว่างนำทางพวกเขาไปข้างหน้า เผยให้เห็นกิ่งก้านสาขาที่บิดเบี้ยวและใบไม้ที่หนาทึบ "ที่นี่...อุดมสมบูรณ์จังเลยนะไดชิ" ดาอิเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ เธอส่องไฟฉายไปรอบๆ พลางกวาดสายตาไปตามต้นไม้แต่ละต้นที่เต็มไปด้วยผลไม้แปลกๆ บางชนิดไม่เคยเห็นมาก่อนในโลกของพวกเขา ผลไม้เหล่านั้นมีสีสันสดใสชวนน่ามอง บ้างก็เป็นสีแดงทับทิมฉ่ำวาว บ้างก็เป็นสีม่วงเข้มราวกับอัญมณี เถาวัลย์พันเกี่ยวรัดกันจนแน่น ข้าวของเครื่องใช้ที่ดูเหมือนจะเป็นของมนุษย์ หรือแม้แต่เศษซากกระดูกที่กระจัดกระจายเกลื่อนพื้น... "เฮ้! ระวังนะดาอิ!" เสียงห้าวของไดชิดังขึ้นอย่างตกใจ มือของเขาคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของดาอิที่กำลังจะเอื้อมไปจับผลไม้สีแดงสดใสที่ห้อยระย้าอยู่เหนือหัว "อย่าไปจับมันนะ! เราไม่รู้ว่ามันอาบยาพิษ หรือมีอะไรแอบแฝงอยู่รึเปล่า" ดาอิสะดุ้งเล็กน้อยที่ถูกจับมือ เธอดึงมือกลับทันทีอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเธอฉายแววไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย "อ่า...จริงด้วยสิ ฉันลืมไปเลย" เธอกำลังจะเอ่ยต่อ แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้พูดอะไรให้จบประโยค จู่ๆ ก็มี เงาสีดำขนาดใหญ่ ร่างหนึ่งพุ่งพรวดตัดหน้าพวกเขาไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ มันเคลื่อนที่อย่างไร้เสียง แม้แต่ใบไม้ที่ถูกสัมผัสก็ยังไม่สั่นไหว ราวกับเป็นภาพลวงตา "นั่นไง! พวกมันอยู่นั่น!" ไดชิร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้น ดวงตาเบิกกว้างด้วยความมุ่งมั่น มือของเขาจับมือของดาอิไว้แน่น ก่อนจะออกวิ่งตามเงาดำนั้นไปอย่างไม่ลังเล ดาอิที่ถูกดึงก็ออกวิ่งตามไปด้วยอย่างรวดเร็ว เสียงฝีเท้าของพวกเขาก้องกังวานไปทั่วป่า แต่ไม่ว่าพวกเขาจะวิ่งตามไปเร็วแค่ไหน ระยะห่างระหว่างพวกเขากับเงาดำนั้นก็ไม่ลดลงเลย มันราวกับว่าเงาปีศาจกำลัง "เล่น" กับพวกเขา ล่อให้พวกเขาเข้าไปในกับดักบางอย่าง "มันเร็วมากเลยนะไดชิ!" ดาอิหอบเล็กน้อย เธอสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่แผ่ออกมาจากเงาปีศาจนั้น แม้ว่านาฬิกาอาคมของเธอยังคงนิ่งสนิทก็ตาม "นาฬิกายังไม่เตือนเลย! หรือว่ามันไม่ใช่ปีศาจทั่วไป?" "ไม่รู้สิ! แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร มันก็ต้องเกี่ยวข้องกับเงาที่เราปล่อยออกมาแน่ๆ!" ไดชิยังคงไม่ละความพยายาม เขาวิ่งตามไปอย่างไม่ลดละ ดวงตาจ้องมองไปยังเงาดำที่พุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างไม่ลดละ สังเกตเห็นว่าเงาดำนั้นไม่ได้พุ่งไปในแนวตรง แต่กลับเลี้ยวลดคดเคี้ยวไปตามต้นไม้ใหญ่ ราวกับกำลังนำทางพวกเขาไปสู่จุดหมายบางอย่างที่ซ่อนเร้น ทันใดนั้น เงาดำก็พุ่งหายเข้าไปในความมืดมิดอีกครั้ง ไดชิเร่งฝีเท้าตามไปติดๆ ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อมาถึงทางแยกที่ดูผิดปกติ ทางด้านซ้ายมือคือต้นไม้ใหญ่ที่ดูเหมือนจะกลมกลืนไปกับป่า แต่ทางขวามือกลับมีช่องว่างเล็กๆ ที่ดูเหมือนเป็นทางลับเข้าไปด้านใน "มันหายไปไหน?" ดาอิหอบเล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้นมองรอบๆ ตัว "นาฬิกายังไม่เตือน...มันแปลกจริงๆ" เธอกดดูนาฬิกาอาคมอีกครั้ง พยายามหาเบาะแส "ไม่แน่...มันอาจจะรู้ว่าเรามีนาฬิกาอาคม" ไดชิพึมพำกับตัวเอง เขากวาดไฟฉายไปรอบๆ ทิศทาง พยายามจับสัญญาณของเงาดำนั้น แต่ก็ไม่มีสิ่งใดปรากฏ "ดูเหมือนมันจะอยากให้เราตามไปนะ" เขาเอ่ยพลางมองไปยังช่องว่างทางด้านขวามือ "นายจะเข้าไปเหรอ?" ดาอิถามอย่างลังเล ช่องว่างนั้นมืดมิดเกินไปจนแสงไฟฉายแทบจะส่องไม่ถึง ราวกับเป็นปากทางไปสู่ความว่างเปล่า "เราต้องไป...เรามาที่นี่เพื่ออะไรล่ะ?" ไดชิกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยว เขากำมีดอาคมในมือแน่น "ถึงแม้ว่านาฬิกายังไม่เตือน แต่สัญชาตญาณฉันมันบอกว่าตรงนั้นแหละ...คือที่ที่มันต้องการให้เราไป" ดาอิพยักหน้าเล็กน้อย แม้จะรู้สึกหวาดหวั่น แต่เธอก็เชื่อในสัญชาตญาณของไดชิเสมอมา "งั้นไปกันเถอะ...แต่ต้องระวังให้มากนะ" เธอกล่าวพร้อมกับยกขวดกักเก็บดวงวิญญาณปีศาจสีแก้วใสที่เหน็บไว้ข้างเอวขึ้นมาดูเพื่อความมั่นใจ ทั้งคู่เดินเข้าไปในช่องว่างนั้นอย่างช้าๆ ทางเดินเริ่มแคบลงเรื่อยๆ จนแทบจะเดินสวนกันไม่ได้ ต้นไม้ที่นี่หนาทึบและบิดเบี้ยวผิดรูป ราวกับรากไม้กำลังขยับได้ สายลมที่เคยเงียบสงบพลันมีเสียงกระซิบแผ่วเบาเล็ดลอดมาในหู ยากจะแยกแยะได้ว่าเสียงนั้นคือเสียงของลม หรือเสียงของบางสิ่งบางอย่างที่กำลังซ่อนตัวอยู่ ยิ่งเดินลึกเข้าไป อากาศก็ยิ่งหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ จนไอขาวพวยพุ่งออกมาจากปากของพวกเขา แสงสว่างจากไฟฉายของไดชิเริ่มสั่นไหวเล็กน้อย ราวกับพลังงานบางอย่างกำลังรบกวนมัน กลิ่นเหม็นเน่าประหลาดโชยมาเป็นระยะๆ ราวกับซากศพของสัตว์ป่าที่เน่าเปื่อย ทว่ากลับไม่มีซากสัตว์ให้เห็นเลย "กลิ่นอะไรน่ะ...เหม็นชะมัด" ดาอิยกมือขึ้นปิดจมูก "ไม่รู้สิ...แต่ฉันรู้สึกเหมือนมันใกล้เข้ามาแล้ว" ไดชิกระซิบตอบ เขาเงยหน้าขึ้นมองเพดานของอุโมงค์ต้นไม้ที่สูงชัน และแล้ว...ทันทีที่สองฝาแฝดพุ่งทะยานเข้าสู่ถ้ำมรณะ แสงจากไฟฉายของไดชิสาดส่องกระทบกับดวงตาสีแดงก่ำของเหล่า ร่างเงาที่สมบูรณ์แบบ ที่ยืนรายล้อมแท่นบูชา พวกมันไม่ใช่เงาเลือนรางที่เคยเจอ แต่เป็นรูปเป็นร่างชัดเจน ราวกับหล่อหลอมขึ้นจากความมืดมิด มีกล้ามเนื้อที่บิดเบี้ยว และเล็บมือที่แหลมคมราวใบมีด พร้อมที่จะฉีกกระชากทุกสิ่งที่ขวางหน้า"กร๊าซซซซซ!" เสียงคำรามต่ำๆ ดังขึ้นพร้อมกันจากเงาปีศาจราวสิบกว่าตัว ร่างกายของพวกมันพุ่งเข้าใส่สองพี่น้องอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ ราวกับคมมีดที่พร้อมจะบั่นคอให้ขาดสะบั้น"ระวัง!" ไดชิตะโกนลั่น เขากระชับมีดอาคมในมือแน่น พุ่งทะยานเข้าใส่เงาปีศาจที่อยู่ใกล้ที่สุด ฟันมีดออกไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ปลายมีดเงินอมฟ้าเสียบเข้าที่ศีรษะของเงาปีศาจตัวหนึ่งอย่างจังแคร้ง!เสียงเหมือนแก้วแตกดังสนั่น ร่างของเงาปีศาจตัวนั้นสลายเป็นควันสีดำจางๆ เหลือเพียง ดวงวิญญาณสีม่วงเข้ม ที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ไดชิรีบถอยฉากออกมาเพื่อเปิดทางให้ดาอิ"ดาอิ! เร็วเข้า!" เขาสั่งเสียงเครียด ขณะที่อีกสองสามตัวพุ่งเข้ามารุมล้อมดาอิไม่รอช้า เธอชู ขวดกักเก็บดวงวิญญาณ สีแก้วใสขึ้นเหนือหัว ปากของเธอพึมพำร่ายคาถ
ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด!ทันใดนั้นเอง นาฬิกาอาคมบนข้อมือของดาอิก็ส่งเสียงเตือนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับหน้าปัดที่แสดงผลเป็นตัวเลข "3 เมตร" และทิศทางที่ชี้ลงไปด้านล่าง"มันอยู่ใต้ดินเหรอ?" ดาอิพึมพำด้วยความประหลาดใจ"เป็นไปได้! สัญญาณมันชี้ลงไปข้างล่าง!" ไดชิหันไฟฉายส่องไปที่พื้นดินบริเวณนั้น และพบว่ามีรอยร้าวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนพื้นดินที่เต็มไปด้วยรากไม้ รอยร้าวเหล่านั้นดูเหมือนจะเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และมีช่องว่างเล็กๆ พอให้คนลงไปได้ ช่องว่างนั้นมืดมิดจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง แต่จากช่องว่างนั้น กลับมีไอเย็นยะเยือกและกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงกว่าเดิมโชยขึ้นมา"เราต้องลงไปข้างล่างเหรอ?" ดาอิถามอย่างไม่แน่ใจ แสงจากไฟฉายส่องไม่ถึงก้นเหว ราวกับว่าเบื้องล่างคือความมืดมิดที่ไร้ที่สิ้นสุด"ดูเหมือนจะเป็นทางเดียว...ถึงตอนนี้ เราคงไม่มีทางเลือกแล้ว" ไดชิถอนหายใจเฮือก เขามองลงไปในช่องว่างนั้นด้วยแววตาที่มุ่งมั่น "ระวังตัวไว้ให้ดีนะดาอิ...มันอาจจะไม่ใช่แค่เงาปีศาจธรรมดา" เขากล่าวพลางค่อยๆ หย่อนตัวลงไปในช่องว่างนั้นอย่างระมัดระวัง ดาอิรีบตามลงไปติดๆ แสงไฟฉายส่องนำทางพวกเขาลงสู่ความมืดมิดที่รออยู่เบื้องล่างพื้นด
ท่ามกลางสายลมยามค่ำคืนที่พัดหวีดหวิว ราวกับเสียงกระซิบจากความว่างเปล่า ดาอิ และ ไดชิ สองฝาแฝดผู้แบกรับชะตากรรมยืนอยู่เบื้องหน้าประตูมิติที่เรืองแสงเรื่อๆ สีคราม ครอบครัวของพวกเขายืนอยู่ด้านหลัง ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวลและความรักที่ไม่อาจเอ่ย ไดชิหันไปมองดาอิ ดวงตาของเขามีประกายแห่งความแน่วแน่และมุ่งมั่น ต่างจากดาอิที่แววตาเปี่ยมด้วยความลังเลเล็กน้อย แต่เพียงเสี้ยววินาที ความลังเลนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยความมุ่งมั่นไม่แพ้กัน เมื่อทั้งคู่สบตากัน พยักหน้าให้กันเบาๆ เป็นสัญญาณ ก่อนจะจับมือกันแน่น และก้าวเท้าเข้าไปในมิติที่บิดเบี้ยวตรงหน้าทันทีที่ก้าวผ่านพ้นธรณีประตูมิติ ร่างของพวกเขาก็ถูกเหวี่ยงเข้ามายังสถานที่แห่งหนึ่งที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง ลมพัดหวีดหวิวเมื่อครู่พลันเงียบสงัดราวกับถูกดูดกลืน ความอบอุ่นจากอ้อมกอดของครอบครัวเมื่อครู่พลันหายไป เหลือเพียงความมืดมิดและไอเย็นยะเยือกที่กัดกินเข้าถึงกระดูก สัมผัสแรกที่เท้าของพวกเขาเหยียบลงไปคือผืนทรายเย็นเฉียบ เม็ดทรายละเอียดแทรกซึมผ่านรองเท้าผ้าใบจนรู้สึกได้ แสงสว่างเดียวที่มีคือแสงสีเงินยวงของพระจันทร์เต็มดวงที่ลอยเด่นอยู่เหนือหัว ส่องกระทบผิวน้ำทะ