หลังจากที่จัดการกับเงาปีศาจที่พุ่งลงมาจากฟ้าได้แล้ว ไดชิและดาอิก็มาถึงทะเลสาบแห่งความเงียบ ทะเลสาบแห่งนี้แตกต่างจากที่อื่นอย่างสิ้นเชิง ผืนน้ำเป็นสีดำสนิทและนิ่งสงบจนน่าขนลุก ราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอาศัยอยู่เลย มีเพียงเสียงนกร้องที่แหบแห้งดังขึ้นเป็นระยะๆ ทำให้บรรยากาศดูวังเวงและน่ากลัว
"นี่คือทะเลสาบแห่งความเงียบ...สินะ" ดาอิพึมพำด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ "ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังจ้องมองเราอยู่" "ใช่แล้ว..." ไดชิกล่าวพร้อมกับกำดาบอาคมในมือแน่น เขากวาดสายตาไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง และในพริบตานั้น...เขาก็ต้องชะงักเมื่อพบว่ามีเงาปีศาจตัวหนึ่งกำลังยืนอยู่บนเกาะที่อยู่ตรงกลางทะเลสาบ มันไม่ใช่ปีศาจธรรมดา...แต่มันคือ ปีศาจปลา ที่มีรูปร่างที่น่ากลัวและแข็งแกร่งกว่าปีศาจตัวไหนๆ ที่เขาเคยเจอมา ดวงตาของมันเป็นสีแดงก่ำและมีเสียงคำรามที่น่ากลัวดังขึ้นเป็นระยะๆ "ฮ่าฮ่าฮ่า!" ปีศาจปลากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความดูถูก "พวกแก...คิดว่าจะหนีข้าไปได้งั้นรึ" "หลีกทางซะ!" ไดชิคำรามออกมาอย่างโกรธจัด เขากำดาบอาคมในมือแน่น และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูที่ไม่คาดฝันอีกครั้ง การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือดและยาวนาน ไดชิและดาอิพยายามที่จะต่อสู้กับปีศาจปลาด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี แต่ก็ไม่เป็นผล ร่างของมันดูเหมือนจะแข็งแกร่งเกินกว่าที่จะถูกทำลาย "ฮึ่ม! ทำไมมันถึงไม่โดนเลยวะ!" ไดชิสบถออกมาอย่างหงุดหงิด "เพราะมันไม่ใช่แค่ปีศาจธรรมดา..." ปู่เฒ่าดาฟกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม "มันคือผู้พิทักษ์แห่งทะเลสาบ...ที่ถูกครอบงำด้วยพลังของความมืด!" "ผู้พิทักษ์แห่งทะเลสาบ..." ดาอิพึมพำด้วยความตกใจ "นี่มันหมายความว่าเราต้องสู้กับผู้พิทักษ์ด้วยงั้นเหรอ" "ใช่...พวกมันเป็นเหมือนหุ่นเชิดที่ถูกควบคุมโดยพลังของจอมเวทแห่งเงามืด!" รูฟคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด "พวกมันจะไม่รู้สึกเจ็บปวดและจะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะถูกทำลายอย่างสิ้นซาก!" "ไม่ยอมหรอก!" ไดชิคำรามออกมาอย่างโกรธจัด เขาใช้พลังทั้งหมดที่มีในการพุ่งเข้าใส่ปีศาจปลาอย่างรวดเร็วและแม่นยำ แต่ก็ไม่เป็นผล ปีศาจปลามีจำนวนมากเกินไปและแข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาจะรับมือได้ ไดชิรู้สึกเหมือนกำลังต่อสู้กับกำแพงที่ไม่มีวันพังทลายลงได้ "ฮึ่ม! ยอมแพ้ซะเถอะ! เจ้าไม่มีทางเอาชนะข้าได้หรอก!" ปีศาจปลาหัวเราะเยาะเย้ยเสียงดัง มันยกมือขึ้น และพร้อมที่จะเข้าโจมตีไดชิอย่างรุนแรง แต่ในจังหวะนั้นเอง...ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา "ใช่แล้ว...ผ้ายันต์!" ไดชิคำรามออกมา เขาพยายามที่จะลุกขึ้นยืน แต่ร่างกายของเขาไม่สามารถที่จะขยับได้เลยแม้แต่น้อย เขามองไปที่ปีศาจปลาที่กำลังจะเข้าโจมตีเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง "ไม่นะ! อย่าทำแบบนั้นนะ!" เสียงเล็กๆ ดังขึ้นจากด้านหลังของปีศาจปลา "ดาอิ!" ไดชิคำรามออกมาด้วยความตกใจ เขาหันไปมองและพบว่าดาอิกำลังยืนอยู่ตรงนั้น ร่างกายของเธอดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่เธอก็ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างไม่ยอมแพ้ "ฮ่าฮ่าฮ่า! น้องสาวของแกมาตายเป็นเพื่อนแล้ว!" ปีศาจปลาหัวเราะเยาะเย้ยเสียงดัง "อย่าทำร้ายน้องสาวข้า!" ไดชิคำรามออกมาอย่างโกรธจัด เขาใช้พลังทั้งหมดที่มีในการพุ่งเข้าใส่ปีศาจปลาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ถูกมันใช้หางขนาดมหึมาของมันฟาดเข้าที่เขาจนกระเด็นไปตกไกล "อั่ก!" ไดชิร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เขาล้มลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง แต่เขาก็ยังคงไม่ยอมแพ้ เขามองไปที่ดาอิที่กำลังจะถูกปีศาจปลาเข้าโจมตีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง "ไม่นะ! อย่าทำอะไรน้องสาวข้า!" ไดชิคำรามออกมาอย่างโกรธจัด เขาพยายามที่จะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แต่ร่างกายของเขาไม่สามารถที่จะขยับได้เลยแม้แต่น้อย "ยอมแพ้ซะเถอะ! เจ้าไม่มีทางเอาชนะข้าได้หรอก!" ปีศาจปลาคำรามออกมาด้วยความสะใจ มันยกมือขึ้น และพร้อมที่จะเข้าโจมตีดาอิอย่างรุนแรง "ไม่นะ!" ดาอิร้องออกมาด้วยความตกใจ เธอใช้พลังอาคมในการสร้างบาเรียป้องกันที่แข็งแกร่ง แต่ก็ไม่เป็นผล บาเรียของเธอแตกสลายไปในพริบตา "ฮ่าฮ่าฮ่า!" ปีศาจปลาหัวเราะเยาะเย้ยเสียงดัง มันยกมือขึ้นอีกครั้ง และพร้อมที่จะเข้าโจมตีดาอิอย่างรุนแรง แต่ในจังหวะนั้นเอง...ไดชิก็ตัดสินใจทำในสิ่งที่เขาไม่เคยคิดที่จะทำมาก่อน "หยุดนะ!" ไดชิคำรามออกมาอย่างโกรธจัด เขาใช้พลังทั้งหมดที่มีในร่างกายของเขา และพุ่งเข้าใส่ปีศาจปลาอย่างรวดเร็ว "แก...กล้าดียังไง!" ปีศาจปลาคำรามออกมาด้วยความโกรธ มันหันไปมองไดชิด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง และใช้พลังอาคมในการสร้างลูกบอลหินขนาดใหญ่ และพุ่งตรงไปยังไดชิอย่างรวดเร็ว "ไม่นะ!" ดาอิร้องออกมาด้วยความตกใจ เธอใช้พลังอาคมในการสร้างบาเรียป้องกันที่แข็งแกร่ง และพุ่งเข้าใส่ลูกบอลหินอย่างรวดเร็ว บาเรียของเธอก็แตกสลายไปในพริบตา แต่เธอก็ยังคงไม่ยอมแพ้ เธอใช้พลังอาคมในการสร้างลูกบอลหินขนาดใหญ่ และพุ่งตรงไปยังปีศาจปลาอย่างรวดเร็วหลังจากทำข้อตกลงกับหัวหน้าเผ่าสึนะ ไคลด์ ไดชิ และดาอิ ก็เริ่มต้นภารกิจที่อันตรายที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเผชิญมา การเดินทางสู่ แหล่งพลังอาคมแห่งเงาที่แท้จริง ซึ่งซ่อนอยู่ลึกใต้เกาะแสงอรุณ มีเพียงไคลด์เท่านั้นที่รู้ทางเข้า ซึ่งต้องเดินทางผ่านทางน้ำใต้ดินที่ซับซ้อน"พวกเราทุกคนต้องรู้ว่าความมืดมิดที่พวกเจ้าเคยทำลายไปนั้น...เป็นแค่ เปลือกนอก ของพลังงานทั้งหมด" ไคลด์กล่าวขณะนำทางพวกเขาไปยังปากถ้ำที่ถูกซ่อนไว้ใต้รากต้นไม้ใหญ่ริมทะเลสาบ "พลังเงาที่แท้จริงไม่ได้มีไว้เพื่อทำลายล้าง แต่มีไว้เพื่อ รักษาสมดุลของผืนดิน เมื่อหลายศตวรรษก่อน ผู้พิทักษ์รุ่นก่อนได้ผนึกมันไว้ไม่ให้ถูกผู้ใดครอบครอง"ปากทางสู่ความมืดปากถ้ำนั้นแคบและมืดมิด มีเพียงแสงจากตะเกียงอาคมที่ดาอิสร้างขึ้นเท่านั้นที่ช่วยให้พวกเขามองเห็นได้ ไคลด์ลงไปในน้ำก่อน ตามมาด้วยไดชิและดาอิ พวกเขาต้องว่ายน้ำตามกระแสน้ำใต้ดินที่เย็นเฉียบและมืดสนิทไปนานหลายนาทีเมื่อกระแสน้ำสงบลง พวกเขาก็พบว่าตัวเองอยู่ใน อุโมงค์หินขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำค้างและเสียงสะท้อนที่น่าขนลุก พื้นผิวของผนังถ้ำเต็มไปด้วย คริสตัลเงาสีดำ ที่ส่องแสงสลัว ๆ บ่งบอกถึงความหน
หลังจากที่พิธีสืบทอดตำแหน่งเสร็จสิ้น ไคลด์ก็กลายเป็นผู้พิทักษ์แห่งเกาะแสงอรุณอย่างเป็นทางการ แต่ภัยคุกคามจากชนเผ่าแห่งเงาก็ยังคงเป็นบาดแผลฉกรรจ์ ไดชิ ดาอิ และไคลด์ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า การเจรจาคือหนทางเดียวที่จะนำความสงบสุขที่แท้จริงมาสู่เกาะนี้พวกเขาตัดสินใจเดินทางไปยัง ป่าสนทมิฬ อีกครั้ง สถานที่ที่พวกเขาเคยถูกซุ่มโจมตี โดยมี ปู่เฒ่าดาฟ ร่วมเดินทางไปด้วยในฐานะตัวแทนของชาวเกาะ"การเจรจานี้อันตรายยิ่งกว่าการต่อสู้กับปีศาจ" ปู่เฒ่าดาฟกล่าวขณะเดินนำ "ความบาดหมางระหว่างเรากับชนเผ่าแห่งเงาฝังรากลึกมาตั้งแต่สมัย จอมเวทแห่งเงามืด ยังเป็นมนุษย์""ท่านปู่ ช่วยเล่าเรื่องราวความบาดหมางนั้นให้พวกเราฟังได้ไหมครับ" ไดชิถาม"ได้สิ..." ปู่เฒ่าดาฟเริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย "ในอดีต จอมเวทที่ทรยศนั้นเคยเป็นหัวหน้ากลุ่มนักเวทที่แข็งแกร่งที่สุดบนเกาะ แต่เขามองว่าชาวเกาะธรรมดาและชนเผ่าแห่งเงาที่อาศัยอยู่ในป่าลึกเป็นเพียง เครื่องมือ และ พลังงาน ที่ไร้ค่า เขาต้องการให้ทุกคนกราบไหว้บูชาเขาเพียงผู้เดียว""แล้วชนเผ่าแห่งเงาเกี่ยวข้องอย่างไรคะ" ดาอิถาม"ชนเผ่าเหล่านั้นเป็นกลุ่มคนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่
หมู่บ้านแสงอรุณกลับมาสู่ความสงบเงียบอีกครั้ง แต่ความเงียบสงบในครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน ๆ มันคือความสงบที่มาพร้อมกับความตึงเครียดและความเตรียมพร้อม ชาวบ้านช่วยกันพาไดชิ ดาอิ และไคลด์ไปที่วิหารเก่า ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่รักษาพยาบาลชั่วคราวบาดแผลและการเยียวยาไคลด์มีอาการหนักที่สุด พิษจากศรของชนเผ่าแห่งเงาได้เริ่มซึมซาบเข้าสู่กระแสเลือดของเขา แม้ร่างกายจะแข็งแกร่งดุจหินผา แต่พิษร้ายก็ทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก"นี่มันพิษจาก พฤกษามรณะ" ปู่เฒ่าดาฟกล่าวขณะที่กำลังทำความสะอาดบาดแผลอย่างระมัดระวัง "ชนเผ่าแห่งเงาใช้สารนี้มาตั้งแต่สมัยโบราณเพื่อทำให้เหยื่ออ่อนแรง...แต่ดีที่เจ้าเป็นบุตรแห่งทะเล ร่างกายจึงต้านทานได้ดีกว่าคนอื่น"ดาอิที่เฝ้าดูอาการของไคลด์อยู่ไม่ห่างรู้สึกผิดที่เธอไม่สามารถปกป้องเขาได้ เธอจึงตัดสินใจใช้พลังอาคมของตนเองเข้าช่วยในการรักษา ไดชิที่ถูกชนเผ่าทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่แขนและขา ก็พยุงตัวเองมานั่งข้าง ๆ น้องสาว"ดาอิ...บาดแผลของนาย" ไดชิกล่าวด้วยความเป็นห่วง"ฉันไม่เป็นไรหรอกพี่ไดชิ" ดาอิส่ายหน้า เธอจ้องมองไปที่บาดแผลของไคลด์อย่างตั้งใจ ก่อนจะหลับตาลงเพื่
การเดินทางกลับหมู่บ้านเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับ ไคลด์ ผู้พิทักษ์แห่งท้องทะเล ชายหนุ่มลึกลับคนนี้ยังคงเดินนำหน้าอย่างเงียบ ๆ ร่างกายของเขาสง่างามและเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง ราวกับว่าเขาไม่ได้เดินอยู่บนพื้นดิน แต่กำลังล่องลอยไปตามกระแสลม ไดชิและดาอิเดินตามหลังเขาไปอย่างเงียบ ๆ ด้วยความตื่นเต้นและกังวลใจ"ไคลด์..." ไดชิเริ่มต้นบทสนทนาหลังจากที่เดินทางมาได้พักใหญ่ "นายช่วยบอกเราได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นที่ทะเลเมื่อวานนี้ คลื่นนั่นมันไม่ใช่คลื่นธรรมชาติใช่ไหม"ไคลด์ไม่หยุดเดิน แต่ตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยแต่แฝงด้วยความหนักแน่น "คลื่นนั้นคือ การปฏิเสธของจิตวิญญาณแห่งทะเล พวกมันไม่ยอมรับผู้ที่ไม่ได้มาจากท้องทะเลให้เข้าใกล้พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อเห็นว่าพวกเจ้าไม่ยอมแพ้...พวกมันจึงอนุญาตให้ข้าช่วยนำทางพวกเจ้ากลับมา""แล้วศรเพลิงที่ช่วยเราจากอสูรหินล่ะ" ดาอิถามอย่างกระตือรือร้น "นั่นเป็นของนายใช่ไหม"ไคลด์หันมามองพวกเขาเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำทะเลนั้นสบตาไดชิและดาอิอย่างช้า ๆ "ศรนั่นทำจาก ไม้แห่งภูเขาไฟ ที่ไม่ไหม้ไฟ และอาบด้วยพิษแห่งความมืดที่สามารถทำลายสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากพลังตกค้างได้...นั่นคือสิ่งที
หลังจากที่เรือกลับถึงฝั่งอย่างปลอดภัย ไดชิและดาอิรีบวิ่งขึ้นจากหาดทรายทันที หัวใจของพวกเขายังเต้นรัวจากความตื่นเต้นและความฉงนสนเท่ห์ที่ได้เห็นชายหนุ่มลึกลับคนนั้น ชายที่สามารถควบคุมพลังของทะเลและซ่อมแซมเรือได้ในพริบตา"เขา...เขาต้องเป็นผู้พิทักษ์คนต่อไปที่เราตามหาแน่ ๆ!" ดาอิกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดขีด"ใช่" ไดชิพยักหน้าอย่างเห็นด้วย "แต่เขาไม่ได้อยากให้เราเจอเลย และการที่เขาพาเรือเรากลับเข้าฝั่งอย่างรวดเร็วขนาดนี้ หมายความว่าเขาอาจจะมุ่งหน้าสู่ใจกลางเกาะแล้ว"สองพี่น้องตัดสินใจเริ่มต้นการตามล่าทันที โดยมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่พวกเขาเชื่อว่าจะเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสู่ถ้ำของปู่เฒ่าดาฟและหมู่บ้าน ซึ่งพวกเขาเดาว่าชายหนุ่มคนนั้นน่าจะไปที่นั่นก่อนเพื่อพบกับผู้อาวุโสอุปสรรคแรก: ลานหินอัปลักษณ์พวกเขาต้องผ่าน ลานหินอัปลักษณ์ ที่เต็มไปด้วยก้อนหินแหลมคมและเศษซากของต้นไม้ที่ตายแล้ว ซึ่งเคยเป็นอาณาเขตของปีศาจหินก่อนที่เกาะจะฟื้นฟู พวกเขาต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะพื้นผิวที่ลื่นและไม่มั่นคง"ดาอิ ระวังให้ดี" ไดชิเตือนขณะที่ใช้มือจับดาบอาคม "พลังงานมืดที่นี่จางหายไปแล้ว แต่พลังอาคมของธาตุหิน
หลังจากผ่านบททดสอบที่โหดร้ายทั้งสองครั้ง ไดชิและดาอิก็เข้าใจแล้วว่าการค้นหาผู้พิทักษ์ที่แท้จริงไม่ใช่แค่การต่อสู้ แต่เป็นการ ทดสอบปัญญาและจิตวิญญาณ ของผู้ถูกเลือก ไดชิและดาอิใช้เวลาในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนที่สามในการฝึกฝนร่างกายและจิตใจอย่างหนักหน่วง พวกเขาตระหนักว่าอาคมของพวกเขาจำเป็นต้องผสานเข้ากับธรรมชาติอย่างแท้จริงตามคำแนะนำของปู่เฒ่าดาฟและรูฟ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทะเลของเกาะ พวกเขาจึงตัดสินใจพาเรือเล็กออกไปฝึกฝนกลางมหาสมุทร"ท่านปู่บอกว่าพลังที่แท้จริงของเกาะแสงอรุณไม่ได้อยู่บนพื้นดินเท่านั้น แต่อยู่ใน ท้องทะเลที่ลึกที่สุด ด้วย" ดาอิกล่าว ขณะที่เธอกำลังตรวจสอบผืนผ้าใบเรือที่ถูกเย็บอย่างแข็งแรง"ใช่" ไดชิกล่าวพร้อมกับดึงเชือกใบเรือให้ตึง ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยเหงื่อ "ที่นี่คือสถานที่ที่ไม่มีกำแพงและไม่มีภาพลวงตา มีเพียงพลังงานบริสุทธิ์ของคลื่นและลมเท่านั้น"พวกเขาแล่นเรือออกไปไกลจากชายฝั่งหลายชั่วโมงจนมองไม่เห็นเกาะแล้ว มีเพียงผืนน้ำสีครามที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ไดชิปิดตาลง พยายามใช้จิตสัมผัสถึงพลังอาคมที่แผ่กระจายอยู่ใต้น้ำ ในขณะที่ดาอิฝึกร่ายคาถาควบคุมสายลม เพื่อให้เรือ