เมื่อค้างคาวปีศาจยักษ์สลายไป ความเงียบสงบก็กลับมาปกคลุมทั่วทั้งผืนป่าอีกครั้ง ไดชิและดาอิยืนหอบหายใจอยู่ท่ามกลางซากต้นไม้ที่หักโค่นและร่องรอยของการต่อสู้ที่ดุเดือด แต่ใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจ
"เราทำได้แล้วนะไดชิ..." ดาอิกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยหอบ "ใช่...เราทำได้แล้ว" ไดชิกล่าวพร้อมกับพยักหน้าให้เธออย่างมั่นใจ เขามองไปที่หอคอยแห่งเงามืดที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเขา หอคอยที่เคยปกคลุมไปด้วยความมืดมิด ตอนนี้กลับเปล่งแสงเรืองรองออกมาอย่างน่าประหลาดใจ "นั่นมัน...ผ้ายันต์!" ดาอิกล่าวด้วยความตื่นเต้น "ดูเหมือนว่าการที่เราจัดการกับค้างคาวปีศาจยักษ์ได้ ทำให้หอคอยเปิดออกแล้ว" "งั้นเราก็ไปกันเถอะ!" ไดชิกล่าวพร้อมกับเดินนำดาอิไปยังหอคอยแห่งเงามืดอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปใกล้หอคอยมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่ามีเหล่าปีศาจจำนวนสิบตัวกำลังยืนขวางทางเข้าหอคอยเอาไว้ พวกมันไม่ได้มีรูปร่างที่เหมือนกันเลยแม้แต่น้อย แต่กลับมีรูปร่างที่แปลกประหลาดและน่ากลัวต่างกันออกไป "ดูเหมือนว่า...เรายังต้องเจอกับบททดสอบอีกนะเนี่ย" ดาอิกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง เธอเหลือบมองไปที่ปีศาจทั้งสิบตัวด้วยความกังวล "ไม่ต้องห่วง..." ไดชิกล่าวพร้อมกับกำดาบอาคมในมือแน่น "ไม่ว่าพวกมันจะเป็นอะไร...เราก็จะจัดการพวกมันให้หมด!" และแล้ว...การต่อสู้ก็เริ่มต้นขึ้น! ปีศาจตัวที่ 1: ปีศาจแห่งความเร็ว (The Speed Demon) ปีศาจตัวนี้มีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์ แต่มีขาที่ยาวและผอมมาก มันวิ่งเข้ามาหาพวกเขาอย่างรวดเร็วราวกับสายลม ไดชิและดาอิไม่สามารถจับการเคลื่อนไหวของมันได้เลยแม้แต่น้อย "มันเร็วเกินไป!" ไดชิคำรามด้วยความหงุดหงิด เขาพยายามที่จะฟันดาบอาคมเข้าใส่มัน แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรมันได้เลย "อาคมแห่งลม!" ดาอิกล่าวเสียงดัง เธอใช้พลังอาคมในการสร้างพายุหมุนขนาดเล็ก และพุ่งตรงไปยังปีศาจแห่งความเร็วอย่างรวดเร็ว พายุหมุนนั้นเข้าโจมตีปีศาจแห่งความเร็วอย่างรุนแรง ทำให้มันต้องล้มลงไปกับพื้นอย่างแรง ไดชิใช้โอกาสนี้ในการฟันดาบอาคมเข้าใส่หัวของมันอย่างรวดเร็ว ทำให้มันแตกสลายเป็นควันสีดำจางๆ เหลือเพียงดวงวิญญาณสีม่วงเข้มที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ปีศาจตัวที่ 2: ปีศาจแห่งพลัง (The Strength Demon) ปีศาจตัวนี้มีรูปร่างที่กำยำและแข็งแรง มันเดินเข้ามาหาพวกเขาอย่างช้าๆ แต่ทุกย่างก้าวของมันทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนไปทั่ว ไดชิและดาอิรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับภูเขาที่กำลังเดินได้ "มันแข็งแกร่งเกินไป!" ไดชิคำรามด้วยความหงุดหงิด เขายกดาบอาคมในมือขึ้น และพุ่งเข้าใส่ปีศาจแห่งพลังอย่างรวดเร็ว แต่ก็ถูกมันใช้มือขนาดมหึมาของมันจับดาบของเขาไว้แน่น "ฮึ่ม! มนุษย์ตัวเล็กๆ อย่างแก...ไม่มีทางทำลายข้าได้หรอก!" ปีศาจแห่งพลังหัวเราะเยาะเย้ยเสียงดัง "อย่ามาดูถูกกันนะ!" ไดชิคำรามออกมาอย่างโกรธจัด เขาใช้พลังทั้งหมดที่มีในการดึงดาบกลับมา แต่ก็ไม่เป็นผล ดาอิไม่รอช้า เธอใช้พลังอาคมในการสร้างบาเรียป้องกันที่แข็งแกร่ง และพุ่งเข้าใส่ปีศาจแห่งพลังอย่างรวดเร็ว บาเรียเข้าโจมตีมันอย่างรุนแรง ทำให้มันต้องปล่อยมือจากดาบของไดชิด้วยความเจ็บปวด ไดชิใช้โอกาสนี้ในการฟันดาบอาคมเข้าที่หัวใจของมันอย่างรวดเร็ว ทำให้มันแตกสลายเป็นควันสีดำจางๆ ปีศาจตัวที่ 3: ปีศาจแห่งเงา (The Shadow Demon) ปีศาจตัวนี้มีรูปร่างคล้ายกับเงาที่ไม่มีตัวตน มันสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วและสามารถหายตัวไปในความมืดมิดได้ ไดชิและดาอิไม่สามารถมองเห็นมันได้เลยแม้แต่น้อย "มันซ่อนตัวได้!" ไดชิคำรามด้วยความหงุดหงิด "ไม่ต้องห่วง..." ดาอิกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างมั่นใจ "ฉันจะจัดการมันเอง" เธอใช้พลังอาคมในการสร้างลูกไฟขนาดเล็กๆ จำนวนมาก และโยนไปทั่วทั้งบริเวณ ลูกไฟส่องสว่างไปทั่วทั้งบริเวณ ทำให้ปีศาจแห่งเงาต้องปรากฏตัวออกมา ไดชิใช้โอกาสนี้ในการฟันดาบอาคมเข้าที่มันอย่างรวดเร็ว ทำให้มันแตกสลายเป็นควันสีดำจางๆ ปีศาจตัวที่ 4: ปีศาจแห่งความกลัว (The Fear Demon) ปีศาจตัวนี้ไม่มีรูปร่างที่แน่นอน แต่กลับมีรูปร่างที่เปลี่ยนไปตามความกลัวของมนุษย์ มันปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าของพวกเขาในรูปร่างของงูยักษ์ที่น่ากลัว ทำให้ไดชิและดาอิต้องตกใจ "อย่ากลัวมัน!" ดาอิร้องออกมา "มันเป็นแค่ภาพลวงตา!" "ใช่แล้ว..." ไดชิกล่าวพร้อมกับพยักหน้าให้เธอ เขากัดฟันแน่น และใช้ดาบอาคมในมือฟันเข้าใส่ภาพลวงตานั้นอย่างรวดเร็ว ทำให้มันแตกสลายไปในพริบตา เหลือเพียงดวงวิญญาณสีม่วงเข้มที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ปีศาจตัวที่ 5: ปีศาจแห่งความโกรธ (The Wrath Demon) ปีศาจตัวนี้มีรูปร่างคล้ายกับสุนัขยักษ์ที่มีสามหัว ดวงตาของมันเป็นสีแดงก่ำ และมีเขี้ยวที่แหลมคม มันคำรามออกมาด้วยความโกรธ และพุ่งเข้ามาโจมตีพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง "มันบ้าไปแล้ว!" ดาอิร้องออกมาด้วยความตกใจ "เราต้องทำให้มันสงบลง!" ไดชิกล่าวพร้อมกับใช้ดาบอาคมในมือฟันเข้าที่มันอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรมันได้เลยแม้แต่น้อย ดาอิไม่รอช้า เธอใช้พลังอาคมในการสร้างบาเรียป้องกันที่แข็งแกร่ง และเข้าโจมตีมันจากทางด้านหลัง บาเรียเข้าโจมตีมันอย่างรุนแรง ทำให้มันต้องล้มลงไปกับพื้น ไดชิใช้โอกาสนี้ในการฟันดาบอาคมเข้าที่คอของมันอย่างรวดเร็ว ทำให้มันสลายไปในพริบตา ปีศาจตัวที่ 6: ปีศาจแห่งความเกลียดชัง (The Hate Demon) ปีศาจตัวนี้มีรูปร่างคล้ายกับแมงมุมยักษ์ที่มีตาแปดดวง มันพ่นใยสีดำออกมาจากปากของมัน และพุ่งตรงเข้ามาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว "ระวัง!" ไดชิร้องออกมาด้วยความตกใจ ทั้งสองใช้ความคล่องแคล่วของพวกเขาในการหลบหลีกใยสีดำที่กำลังพุ่งเข้ามาหาพวกเขาอย่างไม่หยุดยั้ง ดาอิใช้พลังอาคมในการสร้างลูกไฟขนาดเล็กๆ จำนวนมาก และโยนไปที่ใยสีดำเหล่านั้น ทำให้มันไหม้ไปในพริบตา ไดชิใช้โอกาสนี้ในการฟันดาบอาคมเข้าใส่หัวของมันอย่างรวดเร็ว ทำให้มันแตกสลายไปในพริบตา ปีศาจตัวที่ 7: ปีศาจแห่งความอิจฉา (The Envy Demon) ปีศาจตัวนี้มีรูปร่างคล้ายกับคนที่มีหัวหลายหัว แต่ละหัวมีสีหน้าและอารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป มันมองมาที่พวกเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉา "มัน...น่ากลัวเกินไป" ดาอิพึมพำด้วยความหวาดกลัว "ไม่ต้องกลัวมัน!" ไดชิกล่าวพร้อมกับกำดาบอาคมในมือแน่น เขาใช้ดาบอาคมในมือฟันเข้าใส่ปีศาจแห่งความอิจฉาอย่างรวดเร็ว ทำให้มันต้องล้มลงไปกับพื้น ดาอิใช้โอกาสนี้ในการใช้พลังอาคมในการสร้างลูกไฟขนาดใหญ่ และพุ่งตรงไปยังหัวใจของมันอย่างรวดเร็ว ทำให้มันสลายไปในพริบตา ปีศาจตัวที่ 8: ปีศาจแห่งความเย่อหยิ่ง (The Pride Demon) ปีศาจตัวนี้มีรูปร่างคล้ายกับนกยูงที่มีหางที่สวยงามและมีสีสันสดใส แต่ดวงตาของมันกลับเป็นสีแดงก่ำ มันมองมาที่พวกเขาด้วยสายตาที่ดูถูก "มนุษย์ตัวเล็กๆ อย่างพวกแก...ไม่มีทางทำลายข้าได้หรอก!" ปีศาจแห่งความเย่อหยิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความดูถูก "อย่ามาดูถูกกันนะ!" ดาอิคำรามออกมาอย่างโกรธจัด เธอใช้พลังอาคมในการสร้างลูกไฟขนาดใหญ่ และพุ่งตรงไปยังปีศาจแห่งความเย่อหยิ่งอย่างรวดเร็ว ลูกไฟเข้าโจมตีมันอย่างรุนแรง ทำให้มันต้องล้มลงไปกับพื้น ไดชิใช้โอกาสนี้ในการฟันดาบอาคมเข้าที่หัวใจของมันอย่างรวดเร็ว ทำให้มันสลายไปในพริบตา ปีศาจตัวที่ 9: ปีศาจแห่งความโลภ (The Greed Demon) ปีศาจตัวนี้มีรูปร่างที่อ้วนและมีถุงเงินมากมายห้อยอยู่ที่เอวของมัน มันเดินเข้ามาหาพวกเขาอย่างช้าๆ แต่ทุกย่างก้าวของมันทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนไปทั่ว "เงิน! เงินของข้า!" ปีศาจแห่งความโลภกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโลภ "ข้าจะเอาเงินของพวกเจ้ามาให้หมด!" "ฮึ่ม! ไม่ยอมหรอก!" ดาอิคำรามออกมาอย่างโกรธจัด เธอใช้พลังอาคมในการสร้างลูกไฟขนาดใหญ่ และพุ่งตรงไปยังปีศาจแห่งความโลภอย่างรวดเร็ว ลูกไฟเข้าโจมตีมันอย่างรุนแรง ทำให้มันต้องล้มลงไปกับพื้น ไดชิใช้โอกาสนี้ในการฟันดาบอาคมเข้าที่หัวใจของมันอย่างรวดเร็ว ทำให้มันสลายไปในพริบตา ปีศาจตัวที่ 10: ปีศาจแห่งความทรยศ (The Betrayal Demon) ปีศาจตัวนี้มีรูปร่างคล้ายกับคนที่มีใบหน้าที่สวยงาม แต่ดวงตาของมันกลับเป็นสีแดงก่ำ มันเดินเข้ามาหาพวกเขาอย่างช้าๆ และยิ้มให้พวกเขาอย่างเป็นมิตร "ไม่ต้องห่วง...ข้าจะช่วยพวกเจ้า" ปีศาจแห่งความทรยศกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน "ข้าจะนำทางพวกเจ้าไปสู่หอคอย" "อย่าไปเชื่อมันนะ!" ดาอิกล่าวด้วยความตกใจ "มันเป็นแค่ปีศาจ! มันจะทรยศเรา!" "ใช่แล้ว..." ไดชิกล่าวพร้อมกับกำดาบอาคมในมือแน่น "ฉันไม่เชื่อมันหรอก!" ทั้งสองใช้พลังทั้งหมดที่มีในการต่อสู้กับปีศาจแห่งความทรยศ ไดชิใช้ดาบอาคมในการฟันเข้าใส่หัวของมันอย่างรวดเร็ว ทำให้มันต้องล้มลงไปกับพื้น ดาอิใช้โอกาสนี้ในการใช้พลังอาคมในการสร้างลูกไฟขนาดใหญ่ และพุ่งตรงไปยังหัวใจของมันอย่างรวดเร็ว ทำให้มันสลายไปในพริบตา หลังจากจัดการกับปีศาจทั้งสิบตัวได้แล้ว ไดชิและดาอิก็นั่งลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง พวกเขาหอบหายใจอย่างหนัก ร่างกายของพวกเขาเจ็บปวดไปทั้งตัว แต่ใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ภูมิใจ "เราทำได้แล้ว..." ดาอิพึมพำด้วยความโล่งใจ "ใช่...เราทำได้แล้ว" ไดชิกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน เขาลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ทางเข้าหอคอยแห่งเงามืดอย่างช้าๆ เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในหอคอย พวกเขาก็พบว่าภายในหอคอยนั้นเต็มไปด้วยความมืดมิด แต่แล้ว...ก็มีแสงสว่างจางๆ ส่องออกมาจากกำแพงทางด้านใน และในพริบตานั้น...ผ้ายันต์ผืนที่สองก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของพวกเขา มันเป็นผ้ายันต์สีเขียวที่เปล่งแสงเรืองรองออกมาอย่างน่าประหลาดใจ "ผ้ายันต์!" ดาอิกล่าวด้วยความตื่นเต้น "ใช่...เราเจอแล้ว" ไดชิกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน เขารู้ดีว่าภารกิจของพวกเขายังไม่จบ และการเดินทางที่รออยู่ข้างหน้าจะเต็มไปด้วยความท้าทายที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เคยเจอมาอย่างแน่นอนหลังจากทำข้อตกลงกับหัวหน้าเผ่าสึนะ ไคลด์ ไดชิ และดาอิ ก็เริ่มต้นภารกิจที่อันตรายที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเผชิญมา การเดินทางสู่ แหล่งพลังอาคมแห่งเงาที่แท้จริง ซึ่งซ่อนอยู่ลึกใต้เกาะแสงอรุณ มีเพียงไคลด์เท่านั้นที่รู้ทางเข้า ซึ่งต้องเดินทางผ่านทางน้ำใต้ดินที่ซับซ้อน"พวกเราทุกคนต้องรู้ว่าความมืดมิดที่พวกเจ้าเคยทำลายไปนั้น...เป็นแค่ เปลือกนอก ของพลังงานทั้งหมด" ไคลด์กล่าวขณะนำทางพวกเขาไปยังปากถ้ำที่ถูกซ่อนไว้ใต้รากต้นไม้ใหญ่ริมทะเลสาบ "พลังเงาที่แท้จริงไม่ได้มีไว้เพื่อทำลายล้าง แต่มีไว้เพื่อ รักษาสมดุลของผืนดิน เมื่อหลายศตวรรษก่อน ผู้พิทักษ์รุ่นก่อนได้ผนึกมันไว้ไม่ให้ถูกผู้ใดครอบครอง"ปากทางสู่ความมืดปากถ้ำนั้นแคบและมืดมิด มีเพียงแสงจากตะเกียงอาคมที่ดาอิสร้างขึ้นเท่านั้นที่ช่วยให้พวกเขามองเห็นได้ ไคลด์ลงไปในน้ำก่อน ตามมาด้วยไดชิและดาอิ พวกเขาต้องว่ายน้ำตามกระแสน้ำใต้ดินที่เย็นเฉียบและมืดสนิทไปนานหลายนาทีเมื่อกระแสน้ำสงบลง พวกเขาก็พบว่าตัวเองอยู่ใน อุโมงค์หินขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำค้างและเสียงสะท้อนที่น่าขนลุก พื้นผิวของผนังถ้ำเต็มไปด้วย คริสตัลเงาสีดำ ที่ส่องแสงสลัว ๆ บ่งบอกถึงความหน
หลังจากที่พิธีสืบทอดตำแหน่งเสร็จสิ้น ไคลด์ก็กลายเป็นผู้พิทักษ์แห่งเกาะแสงอรุณอย่างเป็นทางการ แต่ภัยคุกคามจากชนเผ่าแห่งเงาก็ยังคงเป็นบาดแผลฉกรรจ์ ไดชิ ดาอิ และไคลด์ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า การเจรจาคือหนทางเดียวที่จะนำความสงบสุขที่แท้จริงมาสู่เกาะนี้พวกเขาตัดสินใจเดินทางไปยัง ป่าสนทมิฬ อีกครั้ง สถานที่ที่พวกเขาเคยถูกซุ่มโจมตี โดยมี ปู่เฒ่าดาฟ ร่วมเดินทางไปด้วยในฐานะตัวแทนของชาวเกาะ"การเจรจานี้อันตรายยิ่งกว่าการต่อสู้กับปีศาจ" ปู่เฒ่าดาฟกล่าวขณะเดินนำ "ความบาดหมางระหว่างเรากับชนเผ่าแห่งเงาฝังรากลึกมาตั้งแต่สมัย จอมเวทแห่งเงามืด ยังเป็นมนุษย์""ท่านปู่ ช่วยเล่าเรื่องราวความบาดหมางนั้นให้พวกเราฟังได้ไหมครับ" ไดชิถาม"ได้สิ..." ปู่เฒ่าดาฟเริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย "ในอดีต จอมเวทที่ทรยศนั้นเคยเป็นหัวหน้ากลุ่มนักเวทที่แข็งแกร่งที่สุดบนเกาะ แต่เขามองว่าชาวเกาะธรรมดาและชนเผ่าแห่งเงาที่อาศัยอยู่ในป่าลึกเป็นเพียง เครื่องมือ และ พลังงาน ที่ไร้ค่า เขาต้องการให้ทุกคนกราบไหว้บูชาเขาเพียงผู้เดียว""แล้วชนเผ่าแห่งเงาเกี่ยวข้องอย่างไรคะ" ดาอิถาม"ชนเผ่าเหล่านั้นเป็นกลุ่มคนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่
หมู่บ้านแสงอรุณกลับมาสู่ความสงบเงียบอีกครั้ง แต่ความเงียบสงบในครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน ๆ มันคือความสงบที่มาพร้อมกับความตึงเครียดและความเตรียมพร้อม ชาวบ้านช่วยกันพาไดชิ ดาอิ และไคลด์ไปที่วิหารเก่า ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่รักษาพยาบาลชั่วคราวบาดแผลและการเยียวยาไคลด์มีอาการหนักที่สุด พิษจากศรของชนเผ่าแห่งเงาได้เริ่มซึมซาบเข้าสู่กระแสเลือดของเขา แม้ร่างกายจะแข็งแกร่งดุจหินผา แต่พิษร้ายก็ทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก"นี่มันพิษจาก พฤกษามรณะ" ปู่เฒ่าดาฟกล่าวขณะที่กำลังทำความสะอาดบาดแผลอย่างระมัดระวัง "ชนเผ่าแห่งเงาใช้สารนี้มาตั้งแต่สมัยโบราณเพื่อทำให้เหยื่ออ่อนแรง...แต่ดีที่เจ้าเป็นบุตรแห่งทะเล ร่างกายจึงต้านทานได้ดีกว่าคนอื่น"ดาอิที่เฝ้าดูอาการของไคลด์อยู่ไม่ห่างรู้สึกผิดที่เธอไม่สามารถปกป้องเขาได้ เธอจึงตัดสินใจใช้พลังอาคมของตนเองเข้าช่วยในการรักษา ไดชิที่ถูกชนเผ่าทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่แขนและขา ก็พยุงตัวเองมานั่งข้าง ๆ น้องสาว"ดาอิ...บาดแผลของนาย" ไดชิกล่าวด้วยความเป็นห่วง"ฉันไม่เป็นไรหรอกพี่ไดชิ" ดาอิส่ายหน้า เธอจ้องมองไปที่บาดแผลของไคลด์อย่างตั้งใจ ก่อนจะหลับตาลงเพื่
การเดินทางกลับหมู่บ้านเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับ ไคลด์ ผู้พิทักษ์แห่งท้องทะเล ชายหนุ่มลึกลับคนนี้ยังคงเดินนำหน้าอย่างเงียบ ๆ ร่างกายของเขาสง่างามและเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง ราวกับว่าเขาไม่ได้เดินอยู่บนพื้นดิน แต่กำลังล่องลอยไปตามกระแสลม ไดชิและดาอิเดินตามหลังเขาไปอย่างเงียบ ๆ ด้วยความตื่นเต้นและกังวลใจ"ไคลด์..." ไดชิเริ่มต้นบทสนทนาหลังจากที่เดินทางมาได้พักใหญ่ "นายช่วยบอกเราได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นที่ทะเลเมื่อวานนี้ คลื่นนั่นมันไม่ใช่คลื่นธรรมชาติใช่ไหม"ไคลด์ไม่หยุดเดิน แต่ตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยแต่แฝงด้วยความหนักแน่น "คลื่นนั้นคือ การปฏิเสธของจิตวิญญาณแห่งทะเล พวกมันไม่ยอมรับผู้ที่ไม่ได้มาจากท้องทะเลให้เข้าใกล้พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อเห็นว่าพวกเจ้าไม่ยอมแพ้...พวกมันจึงอนุญาตให้ข้าช่วยนำทางพวกเจ้ากลับมา""แล้วศรเพลิงที่ช่วยเราจากอสูรหินล่ะ" ดาอิถามอย่างกระตือรือร้น "นั่นเป็นของนายใช่ไหม"ไคลด์หันมามองพวกเขาเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำทะเลนั้นสบตาไดชิและดาอิอย่างช้า ๆ "ศรนั่นทำจาก ไม้แห่งภูเขาไฟ ที่ไม่ไหม้ไฟ และอาบด้วยพิษแห่งความมืดที่สามารถทำลายสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากพลังตกค้างได้...นั่นคือสิ่งที
หลังจากที่เรือกลับถึงฝั่งอย่างปลอดภัย ไดชิและดาอิรีบวิ่งขึ้นจากหาดทรายทันที หัวใจของพวกเขายังเต้นรัวจากความตื่นเต้นและความฉงนสนเท่ห์ที่ได้เห็นชายหนุ่มลึกลับคนนั้น ชายที่สามารถควบคุมพลังของทะเลและซ่อมแซมเรือได้ในพริบตา"เขา...เขาต้องเป็นผู้พิทักษ์คนต่อไปที่เราตามหาแน่ ๆ!" ดาอิกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดขีด"ใช่" ไดชิพยักหน้าอย่างเห็นด้วย "แต่เขาไม่ได้อยากให้เราเจอเลย และการที่เขาพาเรือเรากลับเข้าฝั่งอย่างรวดเร็วขนาดนี้ หมายความว่าเขาอาจจะมุ่งหน้าสู่ใจกลางเกาะแล้ว"สองพี่น้องตัดสินใจเริ่มต้นการตามล่าทันที โดยมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่พวกเขาเชื่อว่าจะเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสู่ถ้ำของปู่เฒ่าดาฟและหมู่บ้าน ซึ่งพวกเขาเดาว่าชายหนุ่มคนนั้นน่าจะไปที่นั่นก่อนเพื่อพบกับผู้อาวุโสอุปสรรคแรก: ลานหินอัปลักษณ์พวกเขาต้องผ่าน ลานหินอัปลักษณ์ ที่เต็มไปด้วยก้อนหินแหลมคมและเศษซากของต้นไม้ที่ตายแล้ว ซึ่งเคยเป็นอาณาเขตของปีศาจหินก่อนที่เกาะจะฟื้นฟู พวกเขาต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะพื้นผิวที่ลื่นและไม่มั่นคง"ดาอิ ระวังให้ดี" ไดชิเตือนขณะที่ใช้มือจับดาบอาคม "พลังงานมืดที่นี่จางหายไปแล้ว แต่พลังอาคมของธาตุหิน
หลังจากผ่านบททดสอบที่โหดร้ายทั้งสองครั้ง ไดชิและดาอิก็เข้าใจแล้วว่าการค้นหาผู้พิทักษ์ที่แท้จริงไม่ใช่แค่การต่อสู้ แต่เป็นการ ทดสอบปัญญาและจิตวิญญาณ ของผู้ถูกเลือก ไดชิและดาอิใช้เวลาในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนที่สามในการฝึกฝนร่างกายและจิตใจอย่างหนักหน่วง พวกเขาตระหนักว่าอาคมของพวกเขาจำเป็นต้องผสานเข้ากับธรรมชาติอย่างแท้จริงตามคำแนะนำของปู่เฒ่าดาฟและรูฟ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทะเลของเกาะ พวกเขาจึงตัดสินใจพาเรือเล็กออกไปฝึกฝนกลางมหาสมุทร"ท่านปู่บอกว่าพลังที่แท้จริงของเกาะแสงอรุณไม่ได้อยู่บนพื้นดินเท่านั้น แต่อยู่ใน ท้องทะเลที่ลึกที่สุด ด้วย" ดาอิกล่าว ขณะที่เธอกำลังตรวจสอบผืนผ้าใบเรือที่ถูกเย็บอย่างแข็งแรง"ใช่" ไดชิกล่าวพร้อมกับดึงเชือกใบเรือให้ตึง ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยเหงื่อ "ที่นี่คือสถานที่ที่ไม่มีกำแพงและไม่มีภาพลวงตา มีเพียงพลังงานบริสุทธิ์ของคลื่นและลมเท่านั้น"พวกเขาแล่นเรือออกไปไกลจากชายฝั่งหลายชั่วโมงจนมองไม่เห็นเกาะแล้ว มีเพียงผืนน้ำสีครามที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ไดชิปิดตาลง พยายามใช้จิตสัมผัสถึงพลังอาคมที่แผ่กระจายอยู่ใต้น้ำ ในขณะที่ดาอิฝึกร่ายคาถาควบคุมสายลม เพื่อให้เรือ