“ถ้าไม่มีเมนูอะไรอยากทานเป็นพิเศษงั้นรอสักครู่ค่ะ เดี๋ยวหงส์จะเอาอาหารเที่ยงมาให้” พูดจบฉันก็เดินปึงปังกระแทกเท้าด้วยความไม่พอใจออกมาจากห้องมนุษย์หน้านิ่งทันที
[Yuuki’s part]
ไม่มีมารยาทจริงๆ ผู้หญิงอะไร นี่ขนาดผมเป็นคนที่เธอบอกจะมาตอบแทนบุญคุณงี่เง่าอะไรนั่นแท้ๆ แต่แค่เรื่องอาหารการกินแค่นี้ยังต้องถ่อมาถามผม แล้วแบบนี้จะตอบแทนอะไรผมได้ เรื่องขี้ประติ๋วยังคิดเองไม่เป็น
ผมนั่งทำงานต่อสักพักเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ก๊อกๆ
“ขอเข้าไปนะคะ” ครั้งนี้ไม่ได้มีแค่เสียงเคาะประตู แต่มีเสียงพูดกึ่งตะโกนของผู้หญิงที่เพิ่งออกจากห้องผมไปเมื่อยี่สิบนาทีก่อนดังมาด้วย
แอ้ด~ ประตูไม้สักใบเขื่องของผมถูกเปิดออก พร้อมกับกลิ่นหอมของอาหารที่คนตัวเล็กที่หน้าตามอมแมมยกเข้ามา
“สาบานว่ากินได้” ผมถามออกไปทั้งๆ ที่ยังไม่เห็นหน้าตาของอาหารที่อยู่ในจานและมีฝาคลอบอยู่อีกที ที่ถามเพราะดูจากสภาพหน้าตามอมแมม เสื้อผ้าเลอะซอสมะเขือเทศ และเศษหมูสับที่ติดผ้ากันเปื้อนเธออยู่ต่างหาก
“อย่าดูถูกฝีมือหงส์นะคะ รับรองว่าหมูสับสามรสของหงส์อร่อยเหาะ”
หงส์ยกจานข้าวในมือขึ้นสูงระดับไหล่ พร้อมกับการันตีเองคนเดียวว่าของที่ยกมานั้นอร่อย จากนั้นเธอก็เดินไปวางจานข้าวไว้ตรงโต๊ะรับแขกที่ผมมักจะใช้มันทั้งกินข้าว นั่งพักผ่อนคลายเครียดไปด้วย
“ต้องทานร้อนๆ ถึงจะอร่อย คุณยูกิวางมือจากงานแล้วมาทานเร็วๆ สิคะ”
ยัยนี่กล้าสั่งผม? ผมมองหน้าเธอแบบดุๆ แต่แทนที่หงส์จะกลัวเธอกลับยิ้มแฉ่งโชว์ฝันขาวสะอาดเรียงตัวสวยให้ผมแทน
ยัยนี่เป็นคนที่สองที่กล้าท้าทายอำนาจมืดของผม
ผมไม่อยากให้เธออยู่ในห้องนี้นานๆ เลยรีบเดินมากินให้เสร็จเธอจะได้เก็บจานแล้วออกจากห้องผมไปสักที
หมับ! ผมที่กำลังจะตักหมูสับอะไรสักอย่างที่ชื่อโคตรจะยาวของเธอเข้าปากก็ต้องหยุดชะงักมือค้าง เมื่อยัยตัวดี นั่งลงบนพื้นกระเบื้องข้างๆ โซฟาตัวที่ผมนั่งอยู่
เธอจ้องมองหน้าผมตาแป๋ว ทำหน้าตาลุ้นอย่างหนักว่าอาหารเธอจะอร่อยอย่างที่โม้ไว้หรือเปล่า
“ลุก!” ผมสั่งเธอเสียงแข็ง พร้อมกับวางช้อนข้าวลงที่จานตามเดิม หงส์ทำสีหน้าตกใจ สะดุ้งตัวโหยงกับเสียงตะคอกเมื่อครู่
“ฉันบอกให้ลุก ใครใช้ให้เธอมานั่งจ้องคนกำลังกินข้าว ไม่มีมารยาท” ผมก่นด่าเธอพร้อมกับมองด้วยสายตาตำหนิ
“ขอโทษค่ะ ไม่เห็นจะต้องดุขนาดนี้เลย คนหรือหมากันแน่ ดุชะมัด” หงส์คงคิดว่าตัวเองก่นด่าผมเบามากสิท่า ถึงได้กล้าเปรียบว่าผมดุเหมือนหมา
“อย่าปีนเกลียว คิดว่าไอ้มอม้าให้ท้ายแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ?” ผมว่าให้เธอเสียงดุอีกรอบ ครั้งนี้หงส์จ้องหน้าผมพร้อมกับทำหน้าเหวอๆ ปากพะงาบๆ เหมือนกับจะเถียงอะไรออกมาแต่ก็ต้องหุบปากลงตามเดิม
ผมใช้เวลากินข้าวฝีมือยัยเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอยู่ประมาณสิบนาทีถามว่ารสชาติเป็นยังไง ก็พอกินได้ระดับหนึ่ง ดีกว่ากับข้าวมอม้าที่มันทำให้ผมกินทุกมื้อแทนแม่บ้านคนเก่าที่ผมเพิ่งไล่ตะเพิดไปก็แล้วกัน
“คุณยูกินอนในห้องทำงานด้วยเหรอคะ” เสียงเจื้อยแจ้วของยัยเด็กตาสีฟ้ายังคงดังเข้ามารบกวนสมาธิการทำงานผมเป็นระยะๆ ไม่รู้จะมาวนเวียนอะไรในนี้ ไม่มีการมีงานอย่างอื่นทำหรือยังไงวะ
“ออกไปได้แล้ว ฉันต้องการสมาธิ” ผมไม่จำเป็นต้องตอบคำถามเด็กที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าตรงหน้า เลยไล่ให้เธอออกไปจากห้องทำงานนี้สักที
“ออกไปข้างนอกก็ถูกไล่เข้ามาในนี้ อยู่ในนี้ก็ถูกไล่ออกไปข้างนอก จะให้หงส์อยู่ส่วนไหนของที่นี่ไม่ทราบ” น้ำเสียงประชดปนน้อยใจนิดๆ ของหงส์ดังขึ้น
ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง เห็นเธอกำลังยืนก้มหน้ามองเท้าน้อยๆ ที่สวมรองเท้าผ้าใบสีชมพู ใช้เท้าเขี่ยพื้นไปมา
เฮ้อ! ไม่รู้ทำไม เวลาเห็นท่าทางน้อยใจของเด็กคนนี้ทำให้ผมนึกถึงแก้มใสเมียไอ้กรุงโซลขึ้นมาตะหงิดๆ จะว่าไป ผมก็ไม่เห็นพวกนั้นมาเยี่ยมผมนานแล้วนะ
“เอาผ้าปูที่นอนฉันไปซักแล้วจะไปที่ไหนต่อจากนั้นก็ไป ไม่ต้องเข้ามาที่นี่อีกจนกว่าฉันจะเรียก” รำคาญที่จะมองหน้าผู้หญิงตรงหน้านานๆ เลยไล่เธอกรายๆ ด้วยการให้ไปทำความสะอาดห้องนอนตัวเองที่อยู่ห้องข้างๆ ห้องทำงานแห่งนี้
นี่แค่ไม่กี่วันที่เธอเข้ามาที่ยุกกี้คาสิโนของผม ก็ทำให้ผมปวดประสาทได้ขนาดนี้เชียว แล้วถ้าเธอยังคงอยู่ข้างกายผมแบบนี้เรื่อยๆ ผมไม่เป็นบ้าไปเลยเหรอวะ!
[End part]
“ฉันส่งข้อความบอกคู่หมั้นเธอแล้วว่าเธอเปลี่ยนใจจะอยู่ที่นี่ต่อ”วะ ว่าไงนะ! นี่มันมากไปแล้วนะ ฉันไปตัดสินใจแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่“มากไปแล้วนะยูกิ” ฉันเผลอตัวเรียกเขาด้วยชื่ออีกแล้วแต่แทนที่ยูกิจะใส่ใจในเรื่องนั้นเขากลับนิ่งเฉย แต่แวบหนึ่งฉันกลับเห็นความตื่นเต้นกับสิ่งที่ฉันเรียกเขาก่อนหน้าในแววตาคู่คมนั้น“มากตรงไหน ใครจะยอมให้เมียตัวเองไปกับอิแค่คู่หมั้น” ยูกิยังคงเรียกฉันด้วยสรรพนามน่าอายนั้น ตกลงเขาต้องการอะไรจากฉันกันแน่“จะให้ฉันบอกอีกกี่ครั้ง ฉันไม่...”“หรือจะให้ฉันจัดให้อีกสักครั้ง หรือจะเหมายันเช้าดี เธอจะได้จำได้สักทีว่าร่างกายของเธอเป็นของใคร”“อ๊ะ อย่าเข้ามานะ ถอยไป”ยูกิพูดจบก็คุกเข่าค่อยๆ คลานขึ้นมาบนเตียงที่มีฉันนั่งอยู่บนนี้ สายตาเขามีแววความสะใจอยู่ในนั้น เขากำลังสนุกที่ไล่ต้อนฉันได้สำเร็จ“คนไม่มีหัวใจอย่างคุณอย่าเอาคำนั้นมาเรียกคนอื่นดีกว่า” ฉันเมินหน้าไปทางอื่น ไม่อยากมองหน้าผู้ชายที่กำลังเล่นตลกกับหัวใจฉันอีกแล้วฉันมีคู่หมั้นแล้ว เมื่อวันที่อยู่โรงพยาบาลเขาก็น่าจะเห็น และอีกอย่างเฮียเทียนบอกฉันว่าเขาเล่าเรื่องฉันกับเฉินฮ่งให้ยูกิฟังแล้ว แล้วดูสิ่งที่เขากำลังทำ
“นี่จะไม่เอาอะไรไปเลยเหรอหงส์” เสียงสิตาถามฉันฉันออกมาจากโรงพยาบาลสองวันแล้วล่ะ และวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะอยู่ที่ยุกกี้คาสิโนแห่งนี้“ตอนมาก็มีแค่ตัวกับเสื้อผ้าชุดนี้ชุดเดียว อย่างอื่นมันไม่ใช่ของหงส์อยู่แล้วนี่”ถึงจะบอกสิตาไปแบบนั้น แต่ในใจฉันกลับปวดหนึบแปลกๆรู้สึกโหวงๆ เมื่อรู้ว่ากำลังจะไปจากสถานที่แห่งนี้ สถานที่ที่สอนฉันในหลายๆ อย่าง สถานที่ที่ทำให้ฉันได้เจอกับความรักครั้งใหม่ตอนที่ลืมคู่หมั้นตัวเอง และได้รับสิ่งตอบแทนที่สาสมที่บังอาจลืมแม้กระทั่งคู่หมั้นได้ลงคอ“แล้วจะกลับมาที่นี่อีกตอนไหนเหรอ” เจ๊ลิชาที่นั่งทำหน้าเศร้าอยู่ปลายเตียงถามฉันน้ำเสียงฟังดูหดหู่หลังจากที่ฉันกลับจากโรงพยาบาลฉันก็ได้คุยเรื่องเฉินฮ่งกับเฮียเทียน เขาเล่าให้ฉันฟังทุกอย่างว่าฉันกับเฉินฮ่งเราเพิ่งหมั้นกันได้หกเดือนก่อนที่ฉันจะมาอยู่ที่นี่และเขาก็ยังบอกอีกว่าที่เฉินฮ่งไม่ได้ออกตามหาฉันเพราะเขาเองก็มีเรื่องต้องทำ แต่ฉันจับผิดสีหน้าพี่ชายตัวเองได้ เหมือนเขากำลังปิดบังอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่ฮ่องกง“ไว้มีโอกาสเรานัดเจอกันที่อื่นดีไหมคะ” ฉันเลี่ยงที่จะตอบคำถามเจ๊ลิชาบางทีการออกจากที่นี่ในวันนี้อ
“…” เจอผมด่าหน่อยทำเป็นเงียบปาก“เพราะมึงนั่นแหละ ไอ้ตัวดี” ผมชี้หน้าคาดโทษกรุงโซลสายตาดุกร้าวแม้จะสืบสาวราวเรื่องที่มาของยานรกนั่นได้แล้ว แต่พวกเราเปลี่ยนแปลงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้อยู่ดี ผมกับไฉ่หงยังไงเราก็เป็นของกันและกันแล้ว“แล้วมึงจะเอายังไง” เฮียไททันหันไปถามไอ้เทียน“กูบอกมันแล้ว น้องกูว่าไงกูว่าตาม” ไอ้เทียนยืนยันคำเดิมที่เคยบอกผมให้ทุกคนฟัง “กูก็เคลียร์แล้ว” ผมรีบพูดออกไปคล้ายคนร้อนรน“เคลียร์? ไอ้สัส! เมื่อกี้มึงเรียกว่าเคลียร์เหรอวะ!” ไอ้เทียนขึ้นเสียงใส่ผมคำว่า ‘เคลียร์’ ของผมในสายตาไอ้เทียนคงเห็นว่าผมกำลังรังแกน้องมันอืม แต่ก็นะ เมื่อกี้ผมเกือบรังแกไฉ่หงอีกรอบอย่างที่มันคิดนั่นแหละ“เออ นั่นล่ะเรียกเคลียร์ น้องมึงยอมให้กูรับผิดชอบแล้ว”และนั่นคือบทสนทนาที่จบลงของลูกผู้ชายอย่างผม[End part]หลังจากพายุคลั่งของพวกผู้ชายหายไป ในห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง มอม้ารับหน้าที่พาทิวลิปที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นตามฉันออกไปด้านนอก ทำให้ตอนนี้เหลือเพียงฉันกับแก้มใสสองคน“หงส์ เจ้ขอโทษ” เสียงขอโทษที่ฉันไม่รู้ต้นสายปลายเหตุถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากอมชมพูระเรื่อ“...” ฉันเงียบแต
[Lantian’s part]“พอ แยกๆ” เสียงคมเข้มของไททันดังขึ้น“กูบอกมึงว่ายังไง กูบอกว่ายังไงห๊ะ!” ผมตะคอกหน้าไอ้ยูกิ แม้พวกเพื่อนๆ ของมันจะแยกพวกเราออกจากกันแล้วก็ตามผมว่าจะไม่ระเบิดอารมณ์กับมันแล้วนะ แต่ครั้งนี้ไม่ไหว ใครเห็นผู้ชายคนอื่นกำลังคร่อมร่างน้องสาวตัวเองอยู่จะไม่ของขึ้นได้วะ ครั้งนั้นผมไม่รู้ไม่เห็นเลยดูว่าผมใจเย็นไม่ใส่ใจอะไรใช่ไหม มันถึงได้กล้าหยามหน้าผมแบบนี้“ถุ้ย!” เสียงถ่มน้ำลายของไอ้ยูกิดังขึ้นมันยกมือเช็ดเลือดตรงมุมปากที่ปริ่มออกมาเล็กน้อยออก สองตาคมเข้มของมันยังคงจ้องมองผม ไม่ใช่แววตาเกลียด โกรธ แต่มันมองผมด้วยสายตาธรรมดาๆ เหมือนกับชอบใจที่เห็นผมระเบิดอารมณ์ใส่มันแม่งเป็นมาโซคิสหรือไงวะ สงสัยจะชอบความเจ็บปวด“มึงขัดคำสั่งกู” ผมชี้หน้ายูกิ พร้อมจะกระโจนใส่มันอีกรอบแต่ติดตรงกรุงโซลมันรั้งแขนผมไว้ ส่วนอีกข้างเป็นเอฟวัน“คุยดีๆ สิวะ กัดกันยังกับน้องมึงถูกไอ้ยูกิจับกินงั้นแหละ” เสียงไททันที่อายุเยอะสุดพูดขึ้น ไอ้ห่า! สาบานว่ามึงไม่รู้ ดันมาเสือกพูดถูกจุดมากสัสสงสัยเมื่อกี้พวกมันคงไม่ทันเห็นว่าไอ้ยูกิกำลังคร่อมน้องสาวผมอยู่เพราะผมพรุ่งปรี่เข้าไปกระชากมันลงมาก่อนล่ะมั้ง “กร
เฮือก!สัมผัสกรุ่นร้อนจากริมฝีปากหนากำลังซุกไซ้อยู่ข้างซอกหู ความนุ่มชื้นของปลายลิ้นกำลังลากไล้ดูดดึงผิวเนื้อบริเวณลำคอระหงของฉัน“อ๊ะ! อย่าทำ อื้อ” ทั้งสั่งห้าม ทั้งข่มกลั้นเสียงครางที่น่าเกลียดของตัวเองสองตาเพ่งมองไปยังบานประตูห้องผู้ป่วย กลัวจะมีใครเปิดเข้ามาเห็นฉากที่น่าอายแบบนี้ “อื้อ เธอยังหอมเหมือนเดิม”ยูกิไม่ยอมปล่อยริมฝีปากออกจากลำคอขาวเนียนฉันตอนเอ่ยประโยคนั้น นั่นยิ่งทำให้ฉันเสียวซ่านจากการเสียดสีของริมฝีปากและลมหายใจกรุ่นร้อนที่ออกมาพร้อมคำพูดเขา“ฉันเกลียดคุณ” ข่มกัดฟันบอกเขาออกไปยูกิชะงักการกระทำ แต่ก็แค่ชั่ววินาที จากนั้นเขาก็เริ่มรวบมือทั้งสองข้างฉันไปกุมไว้ที่มือหนาเพียงข้างเดียวของเขา มือที่ว่างก็เริ่มสอดแทรกเข้ามายังชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาล“อ๊ะ ไม่” ทั้งเสียงสั่งห้าม ทั้งเสียงน่าอายหลุดรอดจากปากฉันอีกครั้งไม่ได้นะ ฉันไม่อยากให้มันจบลงเหมือนเมื่อคืนอีกแล้ว“หยุดฉันให้ได้สิไฉ่หง เก่งยั่วนักไม่ใช่ ครั้งเดียวเธอไม่นับเองนี่”งั้นสินะ ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว ยูกิต้องการอะไร เขาต้องการให้ฉันบอกให้เขารับผิดชอบฉันสินะไม่มีทาง! ฉันเกลียดเขาแล้ว ความรู้สึกดีๆ ที่เคยมอบให้เขาม
“รีบตื่นขึ้นมาสิ มาปากเก่งด่าฉันอีกสิ ฉันอยากได้ยินเสียงด่าทอของเธอ”ความอุ่นวาบจากฝ่ามือหนาที่กำลังลูบไล้เส้นผมยาวหยักศกด้านหลังฉันช่างขัดกับคำพูดปากดีของยูกกิเสียจริง แต่การกระทำนั้นมันกำลังทำให้ความอ่อนแอเริ่มเล่นงานฉันอีกครั้งกึก พยายามกัดฟันไม่ให้เขาได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของตัวเองเมื่อหลายชั่วโมงก่อน หลังจากที่เหตุการณ์เลวร้ายจบลงไปตอนไหนไม่รู้ รู้แค่ตื่นมาอีกทีฉันกำลังนอนอยู่ในห้องของตัวเอง เนื้อตัวที่คาวไปด้วยคราบต่างๆ ก่อนที่จะหมดสติหายไปจากเรือนร่างบนตัวมีเสื้อแขนยาวของฉันเองสวมทับอยู่ บ่งบอกว่ามีคนอุ้มฉันมาที่ห้องเช็ดล้างคาบสกปรกเหล่านั้นและเปลี่ยนชุดนี้ให้ตอนนั้นความรู้สึกมันตีรวนกันไปหมด ทั้งเสียใจ ดีใจ ที่อย่างน้อยคนที่เป็นคนทำร้ายน้ำใจของฉันคือคนๆ เดียวกับที่ดูแลฉันหลังจากทำเรื่องนั้นลงไปแต่จิตใจด้านลบมันมีมากกว่า ฉันเกลียดเขาไปแล้วความตื้นตันใจที่เขาเคยช่วยชีวิตไว้มันหายไปตั้งแต่เขาย่ำยีฉันเมื่อคืน ฉันจะถือซะว่าได้ตอบแทนบุญคุณเขาไปเรียบร้อยแล้ว และต่อจากนี้ไปฉันจะเลือกทางเดินของตัวเองและจะไม่กลับเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตเขาอีกทางใครทางมัน นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดได้ในต