หลายวันต่อมา...
@ LISA’S CONDO “ก็คือจะมาทุกวันเลยว่างั้น” ระหว่างที่ฉันกำลังเทนมลงในชามซีเรียลยี่ห้อโปรดของโรส เจ้าตัวก็เดินออกจากห้องมาจิกกัดเฮียคินที่นั่งเท้าคางมองฉันอยู่แบบชิลๆ ก่อนจะเกิดสงครามเล็กๆขึ้นมาเหมือนทุกวันจนฉันเริ่มชิน “แหะๆ เอาน่าโรส เฮียคินก็แค่....” “ว่างงานหรือที่บ้านไม่มีข้าวกินถามจริง” อื้มมม นั่นแหละนะ ก็ตั้งแต่โรสรู้ว่าเรากุ๊กกิ๊กกัน เฮียคินก็มาทุกวัน ไม่สิ เรียกว่ามากินข้าวพร้อมเราทุกเช้า รอรับฉันไปเรียนเหมือนคนว่างงานอย่างที่โรสว่าจริงๆ “หงุดหงิดผัวก็อย่าพาลคนอื่น” อะจึ๋ย - -* เฮียอย่าไปพูดแบบนั้นสิ เดี๋ยวโรสก็รู้หมดหรอกว่า.... “นี่ก็เล่าให้ฟังทุกเรื่องเลยจริงๆ!” แล้วก็เหมือนเดิม โรสถลึงตาใส่ฉันพอโดนเฮียคินพูดสวนกลับไปแบบนั้นแล้วเดินงอนยกชามซีเรียลหนีไปนั่งไกลๆเราทุกวัน แต่ก็นะ ช่วงนี้โรสงอนกับเฮียโยแบบวันเว้นวันเลยนี่นา แถมยังทำหน้ามุ่ย ฉันเห็นแล้วไม่สบายใจก็เลยเล่าให้เฮียคินฟังกะว่าจะขอคำปรึกษา แล้วก็ได้คำตอบที่ดีมากๆว่า... ‘ก็นี่ไง งี่เง่าเท่าไหร่ก็ได้ของไอ้วาโยน่ะ’ งู้ยยย ฟังแล้วเขินจนอยากตีลังกาเลยนะ ถ้าเฮียโยพูดแบบนั้นกับโรสบ้าง โรสต้องเขินจนสำลักซีเรียลตายไปเลยอ่ะ >_< พรึ่บๆ! “หืม?” แล้วระหว่างที่ฉันแอบคิดอะไรคนเดียวเพลินๆ มือหนาก็ถูกส่งมาโบกสะบัดเรียกสติฉันไปมา “ยิ้มไรคนเดียว” “อ๋อ เปล่าค่ะ วันนี้หนูไม่ทำสโมคแซลมอนห่อไข่หรอกนะ เฮียกินทุกวันคงเบื่อแย่ เช้านี้เราไปกินหมูปิ้งนอกบ้านกันดีกว่า ^^” แต่พอได้ฟัง เฮียคินก็ทำหน้างง “หมูปิ้ง?” “ใช่ เฮียก็ยังไม่เคยลองใช่ม้า หมูปิ้งแถวคอนโดเฮียไง ไปกินกันหนูอยากกินค่ะ” หมับ! พูดจบฉันก็คว้ากระเป๋ากับชีทเรียนที่เตรียมไว้เดินไปคว้าแขนเฮียคินพากันออกจากห้องมาเลย ที่ไม่ได้ชวนโรสไปพร้อมกันเพราะเคยชวนแล้ว แต่โรสนี่เคยถึงกับเอ่ยปากว่าขอนั่งซาเล้งเก็บขยะไปเรียนดีกว่าต้องนั่งรถเฮียคินอ่ะ แล้ววันนั้นเฮียคินเองก็ปั่นประสาท จ้างรถซาเล้งที่ไหนไม่รู้มารอรับ ฉันนี่หูชาเพราะโดนโรสฝากด่าเฮียไปเป็นวันเลยนะ เฮ่อ...สองคนนี้นี่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันจังอ่ะ =_=^ และไม่นาน...สารถีรถม้าสุดเท่ของฉันก็พาเรามาอยู่ข้างถนน ย้ำว่าข้างถนนจริงๆ รถสปอร์ตสีน้ำเงินที่เฮียเลือกขับมาวันนี้จอดเด่นเป็นสง่าเคียงข้างกับรถเข็นหมูปิ้งของคุณลุงคุณป้า ช่างเป็นภาพความประทับใจที่หาดูยากจริงๆเลยน้า “เอากี่ไม้ลูก ^_^” งื้อออ ท่าทางคุณป้าจะใจดีด้วยอ่ะ แค่เห็นฉันเดินเข้าไป คุณป้าก็ส่งยิ้มมาแต่ไกลเลย “หนูเอา...หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า....” ฉันทำท่านับนิ้วเพราะกะไม่ถูกว่าจะกินกี่ไม้ดี ก็ดูสิมันห๊อมหอม แต่เอ๊ะ นี่มันก็สายแล้วนะ ปกติลุงกับป้าน่าจะขายใกล้หมดแล้วสิ ทำไมหมูปิ้งในกล่องยังเยอะอยู่เลยหรือว่า... “แค่กๆๆ เอากี่ไม้ดีลูก เดี๋ยวมันจะเย็นชืดซะก่อน” คุณลุงพูดแล้วค่อยๆนั่งลงตรงริมฟุตบาท ก่อนจะไอออกมาหนักมากซ้ำๆแล้วหยิบยาหลายเม็ดขึ้นมากินต่อหน้าพวกฉัน “หืม...ไม่ค่อยสบายหรอคะคุณลุง” “จ้ะ ช่วงนี้ลุงแกจะลุกจะนั่งก็ไม่ค่อยไหว วันนี้เลยออกช้าหน่อย เดี๋ยวหนูต้องไปเรียนใช่มั้ยลูก มาๆ รีบซื้อรีบไป มหาลัยชื่อดังพอมองใกล้ๆใส่ชุดสวยจัง” คุณป้าเป็นคนตอบแทนแล้วหยิบถุงเตรียมพร้อมจะใส่หมูปิ้งให้ฉันอย่างกระฉับกระเฉง ฉันเลยเอ่ยปากสั่งออกไป “งั้นหนูเอา...” “หมดนี่แหละครับ” “หืม? / หืม?” แล้วอยู่ๆเฮียคินที่ยืนเงียบอยู่พักใหญ่ก็พูดขึ้นมา เล่นเอาทั้งฉันและคุณป้าหันไปมองเขาที่มองเรานิ่งๆ แถมยังพูดย้ำด้วยเจตนารมณ์แน่วแน่มาก “ครับ เอาหมดนี่แหละ” “ได้จ้ะ ขอบคุณนะพ่อหนุ่ม ^_^” พูดจบคุณป้าก็รีบหยิบหมูปิ้งที่อยู่บนเตาใส่ถุงอย่างไว แต่โหยยยย เดี๋ยวนะ... “เฮียจะกินทั้งหมดนี่เลยหรอคะ พอกลืนลงไปแล้วเอาไปไว้ตรงไหนเนี่ย นี่มันตั้งเกือบ 50 ไม้เลยนะ” พูดไปฉันก็เดินวนรอบตัวเขาไป แล้วก็แกล้งเอานิ้วจิ้มพุงแน่นๆนั่นสองสามทีด้วย ก่อนที่เฮียคินจะขำๆและหันไปบอกคุณป้าให้เอาส่วนที่ปิ้งเสร็จแล้วใส่ถุงมาเพราะฉันต้องรีบไปเรียน ส่วนที่เหลือเขาก็โทรบอกเฮียแม็คมาเอาไปแจกจ่ายบรรดาลูกน้อง... น่าจะใช่นะ ได้ยินแว่วๆว่าเมมเบอร์ๆอะไรประมาณนั้นอ่ะ ไม่กี่นาทีต่อมา... “นี่หนูต้องกินให้หมดอีก 20 ไม้ก่อนเข้าเรียนหรอเนี่ย =[]=!” “บ่นไรกินไป มองลุงซะเศร้าขนาดนั้น ลึกๆก็คิดจะเหมาอยู่แล้วนี่” เฮียคินลอยหน้าลอยตาใส่ฉันอย่างรู้ทัน แล้วกินหมูปิ้งชิลๆต่อท่ามกลางแอร์ที่เย็นฉ่ำ “มั่ว หนูเปล่านะ เฮียเองต่างหากที่เป็นคนเหมามา -3-” เห๊อะ! ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ตอนนี้ฉันกับเฮียนั่งกินหมูปิ้งกันอยู่บนรถสปอร์ตที่ลานจอดรถข้างตึก IST อ่ะ โฮ่ะๆๆ โรแมนติกกันจริงจริ๊งงงง ที่กินเข้าไปสองคนก็ 10 ไม้แล้วอ่ะ แล้วที่เหลือนี่จะทำไง เขาออกตัวว่าจะไม่เอากลับด้วยนะ ให้ฉันรับจบไป “โอ๊ะ หนูรู้แล้วล่ะต้องทำไง” คิดได้แบบนั้นฉันก็จัดแจงหยิบข้าวของกำลังจะลงจากรถ แต่ก็โดนคนบางคนคว้าไว้ และ... หมับ! “โอ๊ะหนูลืมค่ะ Kiss Kiss นะคะ เจอกันตอนเย็นนะ” จุ๊บ! ฉันโน้มตัวไปจุ๊บแก้มเฮียคินแล้วรีบวิ่งขึ้นตึกมาทันที ไม่นานเขาก็ขับรถออกไป แต่คิดออกแล้วๆ 20 ไม้ อืมมม... 20 หาร 5 เท่ากับคนละ 4 ลงตัวพอดี นี่แหละ! ทีมงานคุณภาพที่จะพิชิตหมูปิ้ง!!! แกร๊ก! “ฮัลโหลเฮียโยเฮียพายยยยยย!” กึก! “อุ่ย…” ชะ...ใช่ 20 หาร 5 5 คนก็ที่ว่าก็คือเฮียโย เฮียพาย และเพื่อนๆ Nightshade ของเขาไงล่ะ แต่ทั้งที่ปกติเฮียโยไม่ก็เฮียพายจะมาก่อนใครในห้อง Nightshade ไม่ใช่หรอ แล้วทำไมวันนี้ถึงได้กลายเป็นรุ่นพี่เตโชกับรุ่นพี่เลโอไปซะได้ =[]=! “เอ่อ ขะ...ขอโทษค่ะรุ่นพี่ คือ.....” โอ๊ะ! จ้องอ่ะ ฉันโดนรุ่นพี่เตโชจ้องมา หระ...หรือว่าเขาจะไม่พอใจที่ฉันเสียงดังอย่างงั้นใช่มะ “งื้อออ ขอโทษค่ะ” “ไอ้เฮีย มึงทำน้องเค้ากลัว” จังหวะที่ฉันคิดจะโกยแน่บ รุ่นพี่เลโอก็พูดขึ้นมาแถมยังหันมาทำหน้าใจดีมากๆใส่ฉันด้วยนะ แต่ใช่...ใช่เลย ท่าทางรุ่นพี่เตโชขนาดแค่มองมานิ่งๆยังน่ากลัวชะมัดเลย นึกถึงตอนไปหลุดปากเรียกเขาว่าเฮียติณณ์แล้วสยองเลยอ่ะ เขาคงจะคิดในใจว่านังคนนี้มันช่างกล้า! Oh my goshhhh! นี่เรากำลังหวาดกลัวอดีตเนื้อคู่เข้าให้แล้ว... แงงงงง แต่เขาจะรู้มั้ยว่าฉันเคยปลาบปลื้มเขาจนสุดหัวใจแค่ไหน แค่คิดว่าไม่ได้คู่กันก็ใจแป้ววว >[]<! ตึง! “มาไมอ๊อง” แล้วคุณพระคุณเจ้า ท่ามกลางสถานการณ์ทำตัวไม่ถูกของฉัน เฮียพายก็เดินเข้ามา แต่ทำไมกันนะ ทำไมรุ่นพี่เตโชถึงไม่ยอมละสายตาที่จ้องฉันอยู่เลยอ่ะ “เอ่อคือ เฮีย หนูเอาหมูปิ้งมาฝาก ทั้งหมด 20 ไม้ แบ่งกันกินนะคะหนูไปละ” พรึ่บ! “หมูปิ้ง?” ฉันยัดถุงหมูปิ้งใส่มือเฮียพายแล้วตั้งท่าเดินหนี แต่เฮียเองก็ดูงงๆ ก็คงแปลกใจล่ะมั้งว่าทำไมฉันถึงหอบหมูปิ้งมามากมายแบบนี้ “ค่ะหมูปิ้ง คือว่าร้านนี้คุณลุงเค้าขายกับคุณป้า คุณลุงไม่ค่อยสบายเดินไม่ไหวเลยเอาออกมาขายช้า หนูเห็นว่าสายแล้วแต่เค้ายังเหลือตั้งเยอะก็เลย…” “เหมามา” “อื้อ” ฉันพยักหน้าตอบเฮียพายที่พูดสวนขึ้นมาอย่างรู้ทัน ก่อนที่เขาจะถามกลับมาอีกครั้ง “ไม่แบ่งให้มันไป?” “หืม มะ...มัน? มันอะไรหรอ?” เอ๊ะ... มัน หรือว่าจะหมายถึงเฮียคินอ่ะ O_O หรือว่าเฮียพายจะรู้ว่าฉันไปซื้อหมูปิ้งกับเฮียคินมา =[]=! “...ไอ้บีท” เอ๋??? “อ๋อ เฮียบีท เฮียยยยบีท เฮียบีทเค้าไม่กินหรอก เฮียเอาไปเถอะหนูไปแล้วนะ” เฮ่ออออ โล่งอกไปที โล่งอกที่เฮียคิดว่าฉันไปกับเฮียบีท ไม่งั้นล่ะก็ ถึงจะเป็นเฮียพายก็โดนเทศน์ยาวแน่ๆที่แอบไปกินหมูปิ้งกับผู้ชายแบบนี้ =_=^ พรึ่บ! “หึ๊ยยย แบ่งกัน ถ้างั้นก็มีของกูด้วยใช่ม้า ไหนมาลองดิ๊ ขอบคุณนะสาวน้อย กำลังหิวพอดี ไอ้เฮียมึงเอามะ” แล้วพอฉันจะหมุนตัวเดินหนีอีกครั้ง รุ่นพี่เลโอก็เดินเข้ามาคว้าถุงหมูปิ้งจากมือเฮียพายที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน แถมยังไปชวนรุ่นพี่เตโชที่เอาแต่มองมาไม่วางตาแบบนั้นด้วย รุ่นพี่เตโชพอโดนชวนเขาก็ลุกขึ้นและเดินเข้ามา เหอะๆ ถ้าเป็นคนอื่นใน Treatise คงอิจฉาตาร้อนกันน่าดูเลยสินะ เช้านี้ฉันได้เผชิญหน้ากับเทพเจ้า Nightshade ตั้งสามคน แม้ว่าคนนึงจะดูเหมือนสงสัยอะไรในตัวฉันมากอ่ะ เอาเป็นว่าจะเผ่นจริงๆละนะ “งั้นหนูไป....” ตึงงงง! “รุ่นพี่ครับ Know more ระบบล่มฮะ” ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบ อยู่ๆก็มีคนพรวดพราดเข้ามา คำพูดนั้นทำให้เฮียพายเดินลิ่วๆออกไปพร้อมกับรุ่นพี่เลโอที่ยัดถุงหมูปิ้งที่ดึงจากเฮียพายคืนมาให้ฉัน แล้วห้องทั้งห้องก็เงียบลง โดยมีรุ่นพี่เตโชที่ยัง...จ้องหน้าฉันอยู่อย่างนั้น “เอ่อ...” เอาไงดีล่ะเอาไงดี รู้สึกประหม่ายังไงก็ไม่รู้แฮะ หรือว่าต้องถามตรงๆไปเลยว่ารุ่นพี่จะมองทำไมนักล่ะคะ โอเค! เอางั้นเลยนะ! พรึ่บ! “นี่ค่ะหมูปิ้ง” โอ่ยยย ถามตรงสุดๆ ถามตรงจริงๆ คิกๆๆ ฉันยื่นถุงหมูปื้งเกือบทิ่มหน้ารุ่นพี่เตโชอยู่แล้ว แต่รุ่นพี่ก็มองมาแบบนิ๊งนิ่ง ไม่ติดตลกเหมือนฉันที่แอบขำตัวเองในใจเลยสักนิด - -* “…….” “รุ่นพี่...ไม่ชอบหมูปิ้งหรอคะ ร้านนี้อร่อยนะลองกิ.....” “แน่ใจว่าไม่มียาพิษ?” เสียงทุ้มแต่ไม่ได้ดูน่ากลัวอะไรพูดขึ้นมา แล้วเอาแต่จ้องหน้าฉันอีก แต่เดี๋ยวนะ... “ยาพิษ?” ฉันทวนคำพูดนั้นออกไปหน้าซื่ออย่างไม่เข้าใจ เขาเองก็ไม่พูดอะไร แค่หมุนตัวเดินหนีไปกลับที่โซฟา แต่ยาพิษเนี่ยนะ นี่รุ่นพี่พูดเรื่องอะไรกันล่ะเนี่ย พรึ่บ! “เดี๋ยวสิคะรุ่นพี่ แล้วทำไมในหมูปิ้งต้องมียาพิษด้วย?” เพราะท่าทางจับผิดที่เขามองมา กับคำพูดโทนเสียงธรรมดาแต่ความหมายไม่ธรรมดาพวกนั้น ทำให้ฉันวิ่งเข้าไปขวางทางรุ่นพี่เตโชเอาไว้ เขาเองก็ตอบกลับมาแบบไม่รีรออะไร “นั่นสิ ทำไม” เอ๊... อะไรกันล่ะเนี่ย ทำไมรุ่นพี่เตโชดูเป็นคนพูดอะไรเข้าใจยาก “คือ... ถ้ามีอะไรก็พูดกับหนูตรงๆเถอะค่ะ รุ่นพี่มองหนูไม่วางตาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ถ้าไม่พอใจเรื่องที่หนูตะโกนเสียงดังหนูขอโท...” “เมื่อสองวัตถุปะทะกัน ย่อมเกิดความเสียหาย…” ฉันกำลังจะขอโทษที่พรวดพราดเข้ามาในห้องนี้อีกครั้ง แต่รุ่นพี่ก็ชิงพูดบางอย่างออกมาแบบคลุมเครือ และบอกเลยว่าแค่ฟังครั้งแรกก็รู้ได้ง่ายๆ... ว่าคนซื่อบื้ออย่างฉันน่ะ ไม่มีวันเข้าใจความหมาย ฮืออออ T^T “สะ...สองวัตถุ ทำไมกัน อะไรหาย...นะคะ?” “อยู่ให้ห่างเอาไว้ อย่าเอาตัวเองเข้ามาใกล้” หืออออ? วัตถุ? เสียหาย? ห่างๆใกล้ๆ? ทำไมคีย์เวิร์ดคลุมเครือจากอดีตเนื้อคู่ช่างมีมากมาย =_=^ “รุ่นพี่พูดเรื่องอะไรคะ หนูไม่เข้าใจ” ฟุ้บ! “ไว้ถึงเวลาก็ถามมันเอง” อีกครั้งที่คนตรงหน้าพูดอะไรก็ไม่รู้ออกมา แล้วเขาก็ทิ้งตัวนั่งบนโซฟา จะว่าแววตาที่มองมาดูดุก็ไม่เชิง รุ่นพี่อาจจะแค่เป็นคนนิ่งๆ และมีสกิลมองทะลุร่างโปร่งแสงของฉันอย่างกับกำลังพิจารณาบางสิ่ง “....ถามมัน? หมายถึงให้ถามเฮียบีท?” “หึ...” พอฉันพูดไปแบบนั้น รุ่นพี่ก็กระตุกยิ้มมุมปากไปทีก่อนจะกลับไปทำหน้านิ่ง แต่แววตาของเขาเหมือนกำลังแอบอมยิ้มในใจ ขัดกับสีหน้าตอนนี้แบบสุดฤทธิ์ ทิ้งระยะไปไม่ถึงสามวิ รุ่นพี่เตโชก็เอื้อมมือไปหยิบโบรชัวร์ของ TYN Supercar ธุรกิจขึ้นชื่อของเขาที่วางอยู่บนชั้นหนังสือที่ห่างออกไป แล้วหมุนโบรชัวร์นั้น หันรูปโลโก้ ‘TYN’ มาให้ฉัน ซึ่งนี่ไง... นี่ไงคือคำว่า ‘ติณณ์’ ที่ย่อมาจากติณณวัชร์ใช่มั้ย??? แต่หลังจากหมุนโบรชัวร์แผ่นนั้นมา รุ่นพี่ก็เบนความสนใจของฉันกลับไปหาเรื่องที่ยังคาใจ “มัน...” “มัน o_O?” ยิ่งฉันทำหน้าไม่เข้าใจ รุ่นพี่ก็หยิบปากกาด้ามหนึ่งจากกระเป๋าเสื้อสูท Treatise ที่ใส่อยู่ แล้วมองมาที่ฉันแต่ไม่พูดอะไร ก่อนที่เขาจะจรดปากกาลงบนโลโก้ที่โบรชัวร์ ตรงรอยต่อที่ตัดกันของตัวอักษร T แล้วลากมันตัดเฉียงลงมาที่มุมล่างซ้าย ครืด “.....มันไง” แล้วแค่เสี้ยวนาทีหลังจากนั้น แม้จะไม่มีคำอธิบาย แต่สิ่งที่รุ่นพี่พยายามจะสื่อจากภาพตรงหน้าฉันมันก็ชัดเจนแบบไม่ต้องหาความหมาย KYN… คิน... เฮียคิน... นี่พวกเขา...รู้จักกันจริงๆ- เลิกเรียน -
“จ้องขนาดนี้คือคิดถึงมาก?” เฮียคินพูดขึ้นมาขำๆทั้งที่ตายังมองทาง ฉันเองก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าเผลอจ้องเขามาตลอดทาง ก็มันคาใจว่าพวกเขามีอะไรกันน่ะสิ บอกเลยตรงนี้ว่าเฮียคินกับรุ่นพี่เตโชต้องมีซัมติงแน่ๆ คิดดูนะ ขนาดชื่อพวกเขายังคล้องกันอ่ะ ‘TYN’ กับ ‘KYN’ เหมือน! เหมือนมาก! กลิ่นไอของความสัมพันธ์มันอบอวลจนน่าค้นหาจริงจริ๊ง “ทำไมชื่อเฮียถึงเป็น K Y N หรอคะ?” ไวเท่าความคิด พอสติวนเวียนกับตัวหนังสือสามตัวพวกนั้น ฉันก็หลุดถามออกไป เล่นเอาเฮียหันมามองนิดนึงแล้วเขาก็ถามกลับมา “แล้วทำไมถึงจะเป็น K Y N ไม่ได้ล่ะ?” เฮียคินตอบคำถามของฉันแบบกวนๆนิดๆ แต่เว้นช่วงไปไม่เท่าไหร่ เขาก็พูดบางอย่างออกมาซึ่งก็ตรงตามที่ฉันคิด “มันควรเป็น K I N คิดงั้นล่ะสิ” “อื้ม ก็ถ้าเป็นคนส่วนใหญ่....” “Y มาจาก ญาณิกา” เฮียไม่รอฟังคำอธิบายจากฉัน แถมยังพูดอะไรที่ฉันไม่ค่อยเข้าใจเหมือนตอนที่รุ่นพี่เตโชพูดไม่มีผิดออกมา “ญาณิกา?” “อืม ชื่อของท่านย่า” “ท่านย่า?” ดะ...เดี๋ยวนะ ก็รู้แหละว่ารวยมากๆ แต่ที่บ้านเขาต้องลำดับญาติกันแบบไหน มีเรียกทงเรียกท่านกันด้วย o_O? “ย่าไง ...ย่า” “หนูรู้แล้วค่ะว่าท่านย่าก็คือย่า หนูก็แค่สงสัย แล้วอย่างพ่อแม่ พี่...น้อง ก็ต้องเรียกท่านด้วยมั้ย?” “พี่ก็เรียกยัยแม่มด” โอ๊ะ...สรรพนามนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน “แล้วเฮียมีแต่เจ๊เฟรย์เป็นพี่สาวหรอคะ ไม่มีพี่ชาย?” “……” พอฉันปล่อยหมัดรุกหนักเขาไป เฮียคินก็เงียบเลยอ่ะ เงียบ...เงียบมาก เงียบเหมือนป่าช้า สรุปว่าใช่ๆมั้ยอ่ะ??? “ยัยนั่นใช่พี่แท้ๆซะที่ไหน” อ้าววว เปลี่ยนเรื่องไปเลย “หนูรู้ค่ะ เจ๊เฟรย์ที่จริงแล้วมีศักดิ์เป็นอา พี่ไคยะบอกมา แถมยังบอกว่าเฮียรักเจ๊เฟรย์มากๆเลยด้วยนะ” แต่ได้ฟังแบบนั้นเฮียคินนี่ทำหน้าหยีจนฉันหลุดขำเลยอ่ะ ฮ่ะๆ “รักยัยนั่นเนี่ยนะ -*-” “แหม ไม่ต้องเขินหรอกค่า พี่น้องที่ไหนเขาก็รักกันทั้งนั้นแหละน่า เฮียยังเคยละเมอเรียกเจ๊เฟรย์ออกบ่อย หนูแอบได้ยินด้วยนะ แล้วก็เรียกเฮีย....อะไรสักอย่างด้วยอ่ะ” โม้... ขอบอกเลยตรงนี้ว่าฉันโม้! ไม่มีหรอกละมงละเมอ ฉันแค่จำได้ว่าเคยได้ยินเฮียเพ้อตอนเขาฝันร้าย ก็เลยใช้เรื่องนี้มาเนียนถามซะเลยเหอะ “...เราหูแว่ว” “เอ๊ๆ หรือว่าที่จริงมีพี่ชายแต่ไม่ยอมบอกหนู งู้ยยย ใครอ่ะบอกหน่อยหนูอยากเจออออ” พูดไป ฉันก็เอื้อมมือไปจิ้มแขนเฮียที่กำลังขับรถ แต่พอพูดเรื่องพี่ชายอะไรนี่ขึ้นมา เขาก็ทำเป็นไม่สนใจ “ไม่มี เราอ่ะเพ้อ” “งั้น...น้องชายล่ะ น้องชายมีมั้ยคะ” “หึ...” “แต่เอ๊ เหมือนเคยได้ยินเฮียละเมอ...” “……” เงียบกริบ มีพิรุธได้อีก ที่จริงตัวเองมีพี่น้องแล้วแอบอุบอิบเอาไว้ล่ะซี้ “แล้ววว เย็นนี้เราจะกินไรกันดีหรอคะ” ฉันแกล้งทำเป็นเปลี่ยนเรื่องเพราะกลัวเฮียคินจะหงุดหงิดที่ไปเซ้าซี้ เขาเองก็แอบเหล่มานิดๆ “กิน.....” เฮียคินเว้นช่วงไม่พูดต่อแล้วชี้มาที่ฉัน นี่ๆ เดี๋ยวสิ! “อ๋อกินประตู?” “หึ” “ฮะ? กินกระจก?” “ไม่ใช่” “อุ๊ยสงสัยกินกินเกียร์รถ?” “เด็กบ๊อง เกียร์รถมันกินได้ที่ไหน” “เฮ่อออ นี่เฮียหิวกว่าหนูอีกนะเนี่ย เห็นอะไรก็จะกินไปซะหมด เอ๊ะหรือว่าอยากกินหลังคาโร๊ดดดด ง่า แก้มย้วยโหมดดด” พอโดนฉันป่วนเข้าหน่อยคนบางคนที่แอบปิดบังอะไรไว้ก็ดึงแก้มฉันซะยืดติดมือเขาไป -3- “มีร้านนึง เดี๋ยวพาไป” พูดแค่นั้นเฮียคินก็ไม่พูดอะไรต่อ แล้วสรุปว่ามีพี่น้องมั้ยเนี่ย จะปิดบังกันไปถึงไหน -3-@ ร้านบะหมี่ลุงตี๋
ใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึงชุมชนแห่งหนึ่งที่ฟีลลิ่งสโลว์ไลฟ์มาก บอกเลยฉันอินกับกลิ่นใบไม้ใบหญ้ามากจริงๆ ตรงหน้าฉันตอนนี้คือร้านบะหมี่ที่ชิคสุดๆไปเลย เพราะมีทั้งแบบให้นั่งกินที่โต๊ะและให้นั่งพื้นด้วย โอ้โห บรรยากาศติดดิ๊นติดดิน แต่เอ๊ะ… “ร้านนี้….” “ร้านในรูป” ฉันถามไปเพราะคิดว่ามันดูคุ้นๆ แล้วก็ใช่จริงด้วย นี่มันร้านที่พี่ไคยะถ่ายรูปส่งมาให้ “แล้วเฮียพาหนูมาที่นี่ทำไม” เคร้งงงง! ฉันยังพูดไม่ทันจบ อยู่ๆก็มีเสียงชามวางกระทบรถเข็นที่ขายบะหมี่ดังมาจากที่ไกลๆ “โทษทีจ้ะลุง มันหนักหนูเลยวางแรงไปหน่อย” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งพูดกับคุณลุงที่น่าจะเป็นเจ้าของร้าน แล้วทั้งสองคนก็คุยโต้ตอบกันไปมาอยู่พักใหญ่ แต่หืม... หอมน้ำซุปจัง งื้อออ หิวเลยอ่ะ ขอกินสองชามเลยได้มั้ย “ยกทีละน้อยๆหน่อยเอ็งน่ะ เดี๋ยวก็ล้มคะมำไป” “จ้าๆ หนูว่านั่งพื้นก็ดีนะ หนูจะได้ช่วยลุงเสิร์ฟได้แทนพี่โมไง อ้าวพี่คิระ!” ระหว่างที่ฉันกำลังแยกประสาท วิเคราะห์ที่มาของกลิ่นน้ำซุปว่าคุณลุงใส่อะไรลงไป สาวน้อยคนนั้นก็หันมาเรียกเฮียคิน คุณลุงเลยหันมา เฮียคินก็คว้ามือฉันเดินเข้าไป “ไงล่ะเอ็ง มาตามดูลูกน้องอู้งานรึไง” หืม? ลูกน้องอู้งานหรอ... ฉันมองตามคุณลุงที่หันไปมองกลุ่มชายชุดดำร่างกายกำยำนับสิบ ซึ่งตอนนี้อยู่ในผ้ากันเปื้อนสีสันสดใสกำลังเดินเสิร์ฟน้ำ เช็ดโต๊ะ เก็บชามกันให้วุ่นวาย แล้วมันก็อดไม่ได้ต้องหลุดขำออกไป “อุ๊ย นั่นพี่ไคยะนี่ คิกๆๆ นั่นก็พี่ๆที่อยู่บนเกาะ ทำไม...” “โทษฐานที่ไอ้ไคยะมันมือลั่น ให้มันชดใช้กรรมจนกว่าลุงจะพอใจ :)” อย่าว่าแต่ฉันเลย เฮียคินตอบมาเขายังแอบขำเหมือนกันอ่ะ แต่มือลั่นนี่หมายถึงรูปที่พี่ไคยะส่งมาใช่ม้า “เอ็งเอาไรมั้ยล่ะ เดี๋ยวคิวจะยาว” “เอ็งอะไรล่ะลุง พี่เขาชื่อพี่คิระนะ” สาวน้อยตัวเล็กพูดแล้วหันมาทำตาหวานให้เฮียคิน อย่ามาบอกนะว่ามาครั้งก่อนก็มี FC แล้วเนี่ย “อืมมม... ชื่อคิระเร๊อะ” “ครับ” “พระอาทิตย์กับไฟ กินกันไม่ลงเลยสินะ” “…….” และนี่เป็นครั้งที่สามของวัน ที่ได้ยินคนพูดจาแปลกๆออกมาแบบนั้น คุณลุงพูดและมองหน้าเฮียคิน ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากขำๆ เขาเองก็ฟังเงียบๆอยู่พักนึงและ.... “ถ้าเฮียคิดไม่ออกหนูสั่งแล้วนะ หนูเอาหมี่แห้งพิเศษกระเทียมเจียวเยอะๆ ขอน้ำซุปใส่หัวไชเท้าหวานๆถ้วยนึงนะคะคุณลุง ^_^” ใช่... ฉันหิวอ่ะ ก็เลยตัดบทซะ งื้ออออ เห็นกระดูกหมูที่ลอยในน้ำซุปนั่นมั้ย นี่ต้องเป็นน้ำใสๆที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรสชาติมหัศจรรย์แน่ๆ แค่คิดก็น้ำลายไหลลล “สองเลยครับ” “อ้าว ทำไมลอก” “ก็ใครใช้ให้สั่งก่อน” เฮียคินหันไปบอกคุณลุงที่พยักหน้ารับรู้แล้วจูงมือฉันเดินเข้าไป อืม... นั่งโต๊ะหรือนั่งพื้นดีน้า แต่อย่างเฮียคินอ่ะฉันว่า... “พื้นนะ” “หาาา =[]=!” “ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นอ่ะ -_-?” “พวกพี่ๆเค้าคงยอมกันหรอกค่ะ” พูดไปฉันก็ชี้ไปหาบรรดาลูกน้องของเฮียรวมถึงพี่ไคยะ ที่พอเหลือบมาเห็นเฮียตั้งแต่เมื่อกี้ พวกเขาก็เคลียร์พื้นที่ขัดๆถูๆโต๊ะจนเงาแว๊บ พร้อมรับเฮียคินอย่างกับกลัวเสื้อผ้าเฮียจะเลอะพอนั่งลงไปงั้นแหละ “แล้วไป คิดว่าเรานั่งพื้นไม่ได้” แหมมม... คำพูดคำจาทำท่ายักคิ้วใส่หนูนี่มันน่า.... “นายครับ ผมว่าไปนั่งที่โต๊ะ....” “ไปทำหน้าที่ของแกซะ” เฮียคินปัดมือไล่พี่ไคยะที่ทำท่าจะเข้ามาดูแลความเรียบร้อยให้ จนพี่ไคยะทำหน้าจ๋อยไป แต่ก็ไม่วายแอบหันมาส่งยิ้มให้ฉัน “รับทราบครับ ทานให้อร่อยนะครับนายหญิง ^_^” “ค่าาา สู้ๆนะคะพี่ไคยะ Keep fighting ค่ะ!” แล้วคล้อยหลังพี่ไคยะนิดหน่อย สาวน้อยคนเดิมก็เดินเข้ามา “....น้ำค่ะพี่ๆ” “วันนี้ไม่ขายดอกไม้?” เฮียคินช่วยรับน้ำจากมือสาวน้อยคนนี้และถามไป แล้วคนที่โดนถามก็ยิ้มกว้างเชียว แถมยังทำท่าดีใจยกใหญ่ “หึ๊ยยย ขายสิคะ พี่คิระจะเอาหรอ รอหนูแป๊บนะ” “ปูเป้” กึก! เสียงเรียกของเฮียคินทำให้สาวน้อยที่กำลังจะวิ่งออกไปชะงัก อ่าฮะ น้องเค้าชื่อปูเป้ “คะ?” “เอาหมดเลย แล้วก็...” พรึ่บ! “…ลิซ่า” นิ้วเรียวยาวถูกชี้มาที่ฉัน พร้อมกับสายตาเขินๆของน้องที่ชื่อปูเป้คนนั้น “อ๋อออ หนูรู้ละ ไม่ใช่พี่โมแต่ว่าเป็นพี่ลิซ่า มิน่าล่ะมิน่าาา....คิกๆๆ ^_^” พูดแค่นั้นน้องปูเป้ก็เดินยิ้นหวานออกไป ก่อนจะหายไปพักใหญ่และกลับเข้ามาพร้อมกับ... “เย้ยยยย พี่คิระรับหน่อย หนูมองไม่เห็นทางค่าาาา” ฟรึ่บ! ดอกไม้หลากสีที่ห่อด้วยกระดาษคราฟท์ช่อใหญ่ลอยลิ่วเข้ามาที่โต๊ะพร้อมกับปูเป้ที่เดินเซไปเซมา โชคดีที่เฮียคินรับมันไว้ทัน และในขณะเดียวกันเขาก็คว้าปูเป้ที่จะล้มหน้าคะมำอย่างที่คุณลุงว่าเอาไว้ทันด้วย “เฮ่อ ค่อยโล่งอก ให้เลยสิคะ ให้เลยให้เล้ยยย ^_^” ปูเป้กระตุกแขนเสื้อเฮียคินแล้วส่งยิ้มตาหยีมาให้ฉัน แถมยังกระซิบกระซาบอะไรกันสองคน ก่อนที่เฮียคินจะมองช่อดอกไม้ในมืออย่างพอใจและ... พรึ่บ! “อ่ะ เป็นแฟนกัน” หืมมมมมมมมมมมมมมมม O///O? หืมอะไรกันล่ะเนี่ยยยย o_O? เฮียคินยิ้มหวานแล้วยื่นดอกไม้ในมือมาให้ฉันอ่ะ >///////< แต่ว่าก็ว่าเถอะ หน้าตาฉันตอนนี้มันดูงงปนเขินปนอึ้งมากสินะ แต่ขอเป็นแฟนอ่ะ! เฮียคินขอฉันเป็นแฟน!! มันคือความใฝ่ฝันของสาวน้อยผู้บอบบางแม้ว่าเราจะเคยได้กันนนน >_< “กะ...ก็ไหนตอนนั้นบอกว่าทำไมอยากเป็นนักแค่แฟน แล้วทำไมตอนนี้....” “ไม่เอาก็ช่าง” หมับ! “งื้อออ เอาสิคะ! เรื่องไรจะไม่เอาอ่ะ >[]<!” เฮียคินทำท่าจะดึงช่อดอกไม้กลับไป คงเพราะฉันมัวแต่เขินอยู่ได้ แต่ฉันไวกว่าก็เลยรวบดอกไม้ช่อใหญ่ในมือเขามา และเห็นตัวหนังสือสีสันสดใสถูกเขียนไว้ว่า... ‘คิระ ♥ ลิซ่า’ ง่าาา มันจั๊กกะจี้ที่หัวใจไม่รู้ทำไมเลยอ่ะ >_<!!! “คิกๆๆ ดูสิพี่ลิซ่าเขิ๊นเขิน หนูก็เขินเหมือนกันอ่ะ >_<” น้องปูเป้ที่ยืนอยู่ข้างเฮียคินเอ่ยปากแซวฉัน ส่วนเฮียคินเขาก็เอาแต่ยิ้มจนใจฉันยิ่งดี๊ด๊ามากขึ้นซะอย่างนั้น >_< “น้อยๆหน่อยไอ้ปูเป้ มายกบะหมี่ไปเสิร์ฟสักทีสิโว้ยยยย” “โหยลุง พวกพี่เค้ากำลังจีบกัน!!!” ปูเป้เดินเขินและหัวเราะคิกคักออกไป เฮียคินก็มองฉันแล้วยิ้ม แถมยักแกล้งยักคิ้วให้ฉันที่เขินจนอยากเอาหน้าแนบโต๊ะและจับพวงเครื่องปรุงเขย่าๆให้พริกน้ำตาลน้ำปลาน้ำส้มกระจายๆ คือมันเขินขนาดนั้น!!! “อะแฮ่ม! มองอะไรไม่ทราบคะ -/////-” พอรู้ตัวว่ายังไงก็หลบสายตาคนตรงหน้าไม่พ้น ฉันเลยแกล้งกระแอมเบาๆแล้วลอยหน้าลอยตาถามไป เฮียคินก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “ก็ไหนคำตอบ...ล่ะคะ?” “ก็.... ไม่รู้สิคะ คงต้อง...ขอคิดดูก่อนอ่ะ >/////<” บ้าแกกกก ไม่คิดแล้ว คิดอะไร ผ่านหลักสูตรได้กันไปแล้ว เขาสอนเองจำไม่ได้หรอ อุ๊ยตายว๊ายกรี๊ดดดด อย่าให้พวกเฮียๆรู้นะว่าหนูคิดอะไรแบบนั้นออกไป >//////< “ขอคิด?” “อื้อ” “มีที่นึงไปถึงรู้เลยไม่ต้องคิด ไปมั้ย?” เอ๋??? เฮียคินถามมาแบบยิ้มๆ แล้วยกแขนขึ้นเอามือเท้าคางสบายใจ วันนี้เขาดูอารมณ์ดีผิดปกติแฮะ “รู้? รู้อะไรหรอคะ?” “คำตอบไง” หืมมมม? “ที่ไหน?” “อยากรู้จริงหรอ :)” “อื้อ” แล้วพอได้ฟังแบบนั้น จากที่ใกล้อยู่แล้ว จากที่เขาทำเป็นมานั่งเท้าคางใส่ ใบหน้าเรียวของคนตรงหน้าก็ยิ่งใกล้เข้ามา ใกล้.... จนพอเผลอไปมอง พวกพี่ไคยะก็แกล้งทำเป็นเฉไฉ บ้างก็เอามือปิดตาตัวเองไว้ “…ที่นอน ไปมั้ย” “งื้อออ เฮียคิน!!!” ฉันกำมือแกล้งจะทุบให้เพราะว่าเขินจะตาย แต่เฮียคินมือไว เขาคว้ามือฉันไปแถมยังกดจูบลงบนหลังมือแบบไม่เกรงใจสายตาใครทั้งนั้น พรึ่บ! จุ๊บ! “อยากไปเมื่อไหร่ก็บอก ^_^” กรี๊ดดดดดดดด มั่ว! ไม่มีใครเค้าอยากไปกับตัวหรอก -3- คนมองทั้งร้านแล้วด้วย อร๊ายยยย หนูทั้งเขินทั้งอายอ่ะ >_<!!!หลายชั่วโมงต่อมา..."กลับมาแล้วค่าาา U_U"ฉันยื่นซองเอกสารที่ใส่ทะเบียนสมรสเป็นหลักฐานให้เฮียติณณ์ดู แล้วก็เพิ่งสังเกตว่าในนี้มีทั้ง Nightshade และ Nightshade's Lady นั่งอยู่"เอ้าโรส! แล้วก็พวกเฮียๆด้วยนี่นา สวัสดีค่าทุกคน~ ^_^""ไง ได้ข่าวว่าไม่โสดแล้วหรอ ใช่ม้า~"โรสเอ่ยปากแซวฉันก็หันไปยิ้มกับเฮียโย แต่ไม่ได้การละ เฮียๆอยู่ที่นี่ทั้งที"หึ๊ยยย ฟ้องเฮียดีกว่า เฮียขะ...."กึก...แล้วพอก้าวขาจะไปโผล่ตรงกลางระหว่างเฮียโยกับเฮียพาย อยู่ๆขาฉันก็ชะงักไปเพราะสายตาผู้หญิงของเฮียพายที่มองมาพอดี"เอ่อคือ...""ขอโทษนะ...ลิซ ที่วันนั้นเข้าใจผิด"เอ๋??? รุ่นพี่เป็นฝ่ายขอโทษฉันงั้นหรอ เรื่องจริงหรอเนี่ย ฉันเลยหันไปมองหน้าเฮียพายสลับกับเฮียคิน นี่อย่าบอกนะว่ามีใครไปทำอะไรมาเนี่ย"อ๋อ เอ่อคือ...ไม่เป็นไรเลยค่ะเจ๊...นิลลา แหะๆ""ว่า?"จังหวะที่ฉันหันไปยิ้มแห้งๆ เฮียพายก็ถามมา โอ๊ะเกือบลืมแหนะฟุ้บ!"คือว่าเฮียขาาา~ อะแฮ่ม ลิซขอแทรกหน่อยน้า เฮียขา เฮียคินบังคับให้หนูไปจดทะเบียน โดยมีเฮียติณณ์! เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดค่าา... อะแฮ่มอีกที! เฮียช่วยกระทืบใครสักคนให้หน่อยได้มั้ยคะ หนูปวดร้าวหัวใจมากที่เค้ามาป
วันต่อมา..."ไม่สนค่ะ! ถ้าไม่ใช่รูปนกฟีนิกซ์ หนูจะไม่ยอมประทับตราเด็ดขาด >[]ฉันตะโกนออกไปแบบแน่วแน่สุดๆไปเลย ก็มีอย่างที่ไหนอ่ะ ตื่นเช้ามายังไม่ทันจะอาบน้ำแปรงฟัน เฮียคินก็มาขู่ให้คนอื่นเค้าเอาดาบไขว้มาประทับไว้บนตัว และให้เหตุผลว่าการประทับตราเป็นการบ่งบอกว่าเราคือ Dark Shadow แต่โหย! ตั้งมีดดาบเชียวนะ เกิดมันมีชีวิตแล้วแทงเข้าไปในเนื้อหนังอันละเอียดอ่อนของฉันจะว่าไงอ่ะ =[]="Dark Shadow ต้องประทับตราเดียวกัน -_-""ก็หนูไม่อยากเป็....""ถ้าพูดมันออกมาอีกครั้ง..."เสียงเข้มกับสายตาดุๆถูกส่งมาให้ฉัน ก่อนที่ฉันจะยอมอ่อนลงนิดนึง เชอะ! "อะไรคะ ที่จริงหมายถึงไม่อยากให้ตราประทับเป็นรูปมีดดาบต่างหากล่ะ -3-""เลือกตำแหน่งที่อยากประทับไว้เลย"พรึ่บ!พูดจบเฮียคินก็ลุกขึ้นจากเตียงเฉย เดี๊ยะๆ ทำเป็นมาสั่งเนาะ"ไม่! หนูไม่เลือก ไม่สนใจ ไม่ประทับตราแน่ๆจะบอกให้"ฟุ้บ!ฉันทิ้งตัวนอนแล้วดึงผ้าห่มคลุมโปงไปเลย ก็ไม่อยากได้มีดดาบ ไม่ชอบอ่ะมันคม กลัวมันแทงเข้าไปควักไส้ หยึ๋ยยยย =[]=! ซาหยองจาตายยย"จะดื้อจนนาทีสุดท้ายเลยรึไง""ไม่ดื้อ! หนูไม่ได้ดื้อ หนูแค่ไม่ชอบ...""อาบน้ำแต่งตัว เช้าบินไปจดทะเบียน
"แย่จริงๆ คุณเปิดตัวอลังการขนาดนี้ ลูกหลานได้หัวใจวายกันพอดี :)""ท่านย่า""ท่านแม่"กึก!สิ้นสุดคำพูดของท่านปู่ เฮียคินที่ยืนอึ้งก็พูดออกมาเสียงสั่น เขาก้าวขาจะเดินตรงเข้าไปหาท่านย่าเช่นเดียวกับเจ๊เฟรย์ที่น้ำตาคลอขึ้นมาแบบฉับพลัน แต่ทั้งเฮียและเจ๊ก็ต้องชะงัก คงเพราะเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังประคองร่างเฮียแม็คและรุ่นพี่เลโอที่อาการสาหัส ท่านย่าเลยหันมองทั้งคู่ และเงยหน้ามองรุ่นพี่เตโชที่สีหน้าเขาเองก็ทึ่งไม่จากพี่น้องคนอื่นเลยสักนิดกึก...กึก...กึก...ไม่รอให้ใครพูดอะไร ท่านย่าปรับสีหน้าให้ดูนิ่งเรียบ ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเฮียแม็คและรุ่นพี่เลโอที่ถูกประคองเอาไว้ เฮียแม็คพอเห็นแบบนั้น เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีขยับตัวให้หลุดจากการประคอง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งคุกเข่าก้มหัวต่อหน้าท่านย่า และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก"ผมขอโทษครับท่าน ขอโทษ...สำหรับทุกเรื่องครับ"ภาพตรงหน้าทำให้ฉันหันมองเจ๊เฟรย์ที่ยืนนิ่งทันทีที่ได้ฟัง ท่านย่าเองก็มองไปที่เธอ และค่อยๆยกฝ่ามือขึ้นวางบนบ่าเฮียแม็คที่ยังอยู่ในชุดเจ้าบ่าวที่ตนเองเป็นคนออกแบบ ก่อนจะตบบ่าเขาเบาๆ และพูดมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
วันทดสอบหัวใจของรักษาการ...“โอเคมั้ย?”เฮียแม็คในชุดแปลกตาที่นั่งตรงข้ามกันพูดกับฉัน คงเพราะฉันเริ่มจะเลิ่กลั่ก ก็นี่มันเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ฉันเลยส่ายหัวออกไปอย่างไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน“ใจเย็นๆลิซ"“หนูอาจไม่ใช่หนึ่งสตรีที่เค้าตามหากันก็ได้”นั่นสินะ... อย่าว่าแต่การเป็นหนึ่งสตรีเลย คนที่ร่ำลือว่าเป็นเนื้อคู่ตอนนี้ ฉันเห็นเขาแค่แว๊บเดียวเมื่อเช้าที่ห้องแต่งตัว แล้วเฮียคินก็เดินหนีหายไปไหนไม่รู้ มีแค่คำสั่งที่กำชับพี่ไคยะเอาไว้ว่าให้ฉันอยู่แต่ในห้องนี้“ไม่เห็นจะเกี่ยวกับการเป็นหนึ่งสตรีตรงไหน”เฮียแม็คทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มือก็เอื้อมมาหยิบสมุดโน้ตฉันไปเปิดดูสิ่งที่ฉันพอจะนึกอะไรได้แล้วโน้ตเพิ่มลงไป“เกี่ยวสิคะ ก็แค่ทดสอบยังทำไม่ได้ แถมหนูตะคอกใส่เฮียคินกับท่านปู่เสียงดังมากด้วย กับเฮียคินน่ะ...เราคุยกันน้อยลงมาก ช่วงวันสองวันนี้ U_U"“ไอ้คินมันยุ่งๆ อย่าคิดมาก ส่วนเรื่องในห้องประชุม คนเรามันก็ตกใจกันได้”“...เฮียแม็ค”“?”ฉันส่งเสียงเรียกคนตรงหน้าออกไปเสียงอ่อน เขาก็แค่เลิกคิ้วขึ้นนิดนึง แล้วก็นะ มันดูอ่อนแอมากเลยที่จะต้องพูดว่า...“หนูอยากกลับบ้านค่ะ"แล้วแค่นั้นเฮีย
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...- ห้องทำงานคิระ -แกร๊กๆๆๆ“จิ๊!”“อย่าเครียดนักสิ”“มันอีกแค่นิดเดียวเองค่ะ เหมือน XVII ตั้งใจปั่นประสาทหนูน่าดู ย้ายโลเคชั่นทุกครั้งที่ออนไลน์เลยมั้ง โรคจิต!”“.......”ฉันตอบกลับเฮียคินทั้งที่มือยังคาอยู่บนคีย์บอร์ดโน้ตบุ๊คแบบนี้ แล้วเพราะโดนเฮียเงียบใส่นี่แหละ เลยทำให้ฉันหยิบมีดสั้นเล่มนึงใกล้ๆมือปาออกไปที่เป้าข้างหลังเขาแบบหงุดหงิดฉึก!หึ...มันดูแปลกใช่มั้ยล่ะ ที่มีเป้านิ่งให้ระบายอารมณ์ได้เต็มที่ แต่เป้านี้ยังถือเป็นอะไรที่เบสิคมากเลย เพราะในห้องเฮียคินไม่เหมือนห้องเจ๊เฟรย์เลยสักนิด เขาเอาอาวุธเยอะแยะมาวางเรียงเป็นของตกแต่งเหมือนที่ชอบเอาปืนซ่อนไว้ในทุกอาณาเขตของคอนโดไม่มีผิด“ยังปาแม่นเหมือนเดิมนี่ หนึ่งสตรี”“เฮียแม็ค~”เสียงที่คุ้นหูทำให้ฉันละสายตาจากเป้ามองคนที่เดินเข้ามาในห้องทันที แล้วเฮียคินนี่ออกตัวดุมาเชียว“ดีใจกว่าเจอหน้าผัวอีก -.-”ชิชะ! ไม่ต้องเลยนะ ทำมาเป็นพูดดี“เฮียแม็คไปไหนมาคะเนี่ย ไม่เจอตั้งหลายวันอ่ะ”“มันไล่”“อ้าว จับได้แล้วเจ้าตัวดี -3-”พอฟังเฮียแม็คตอบมา ฉันก็ส่งสายตาฟาดฟันไปให้เฮีย เขาก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่ที่จริงเฮียคินก็บอกฉันแล้วล
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...“ลิซ...จะไม่พูดไรหน่อยเลยหรอ?”นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ฉันนั่งฟังความจริงว่าพวกเขาเป็นใคร? Dark Shadow คืออะไร? จากปากเฮียคินและเจ๊เฟรย์ ซึ่งพี่เคนชินและพี่ไคยะเองก็อยู่ที่นี่และทุกคนกำลังจ้องมาแต่เฮียคินกับเจ๊ก็พูดไม่หมด ทั้งสองคนพูดถึงการทำความผิดของสภาก็จริง แต่ก็ไม่ได้พูดถึงวิธีน่ากลัวที่ใช้จัดการกับสภาไปแล้ว น้่นก็คือความโหดร้ายที่เฮียคินกับรุ่นพี่เตโชทำ ซึ่งอย่างที่รู้กัน ฉันเห็นภาพเหตุการณ์ตอนพิพากษาพวกนั้นเมื่อกี๊ ถึงจะไม่มีช่วงที่รุนแรงเลือดสาดมันก็พอจะรู้อยู่ดีและที่เล่ามามันก็มีเรื่องใหม่ๆที่ฉันไม่ได้รู้ลึกอย่างความสัมพันธ์ที่เคยมีปัญหาของเฮียคินกับรุ่นพี่ แต่บอกตามตรงนะฉันก็ยังแอบโกรธรุ่นพี่เตโชอยู่ดี แล้วก็กำลังสนใจเรื่อง XVII มากกว่าด้วยตอนนี้“หนูเข้าใจทุกอย่างเลยค่ะ”ฉันเลือกจะตอบคำถามท่ามกลางความเงียบในห้องแบบขอไปที เฮียคินพอเห็นฉันนิ่งก็มองมาและทำท่าจะพูดอะไร ฉันเลยชิงพูดไปก่อน“เจ๊คะ หนูขอยืมได้มั้ย โน้ตบุ๊คเครื่องนี้”ได้ฟังแบบนั้นเจ๊เฟรย์ไม่ได้อิดออดอะไร แถมยังหันไปพยักหน้าให้พี่เคนชินหยิบมันมาทันทีและพอได้มา สิ่งแรกที่ฉันอยากจะมั่นใจก่อน คือ X