“บ้าป่ะวะ -.-”
เอ๊ะ... ว่าไงนะ =[]=!!! จังหวะที่ฉันกำลังโอดโอย ผู้ชายหน้าวอกๆขาวๆตรงหน้าก็พึมพำออกมาแถมยังถอดแว่นตาไปเกี่ยวคอเสื้อฮาวายที่ใส่แบบชิลๆ แล้วส่งสายตาเหมือนฉันเป็นตัวประหลาดมาให้ “แอร์พอร์ตไทยเอาคนบ้ามาเต้นแร้งเต้นการับนักท่องเที่ยวตั้งแต่เมื่อไหร่ -.-” หนอยยยย =[]=! “นี่นาย! เอิ่ม หมายถึงพี่ชายอ่ะ มองเห็นด้วยหรอ ไม่ได้ตาบอดหรอคะเนี่ย o_O?” ฉันเท้าเอวตอบกลับไป แต่เพิ่งนึกได้ว่าพ่อหนุ่มผิวขาวเผือกตรงหน้าดูแล้วน่าจะแก่กว่า แถมพี่แกก็มองเห็นด้วยนี่ โธ่ เห็นใส่แว่นดำไอ้เราก็อุตส่าห์รู้สึกผิดที่เป็นภาระคนตาบอดตั้งนานสองนานนะคะเนี่ย -*- “หลบ” เจ้าของร่างสูงที่หน้านิ่งๆพูดกับฉันแล้วเดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่เดี๋ยวดิ... “เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยวๆ หนูพูดด้วยอยู่นะ ไม่มีมารยาทเลยอะ” ฉันก้มไปโกยซากมือถือที่แตกละเอียด แล้วรีบวิ่งเข้าไปขวางคนที่ทำหน้าเอือมๆเต็มที “มีไร จะร้องลิเกให้ดูอีกไง๊?” ไอ้พี่หน้าเผือกลอยหน้าลอยตาใส่ฉัน แล้วหลุดขำในใจแน่นอนสังเกตจากสายตาแพรวพราวที่พี่แกมอง “ลิเกบ้านพี่อ่ะดิ นี่...พี่ทำมือถือหนูพังอ่ะ ดูสิ” แกร๊งงงง... พูดไปฉันก็โปรยเศษซากมือถือตัวเองที่แตกละเอียดยิบลงพื้นอย่างอาลัยอาวรณ์ไป “มุก 18 มงกุฎ?” “โห...บ้า! อย่ามาพูดพล่อยๆนะ ไม่ใช่ซะหน่อย ก็เนี่ย พี่เหยียบมือถือหนูแล้วมันก็พัง ชดใช้มาก่อนแล้วถึงจะแยกย้ายได้ อืมมม...หนูคิดไม่แพงหรอกค่ะ XS Max ตอนนั้นซื้อมา 41,000 หักลบระยะเวลาใช้งาน งั้นหนูคิดแค่สามหมื่นสอ...” พรึ่บ! “บาทเดียวก็ไม่ให้” ฉันยังพูดไม่ทันจบ พี่แกก็เดินตัวปลิวผ่านไปแบบสนโลกอีก หนำซ้ำยังตั้งใจเดินกระแทกไหล่ฉันจนเซหัวเกือบทิ่ม -*- อื้อหือ...น่ากลัวจริงๆผู้ชายคนนี้ เกิดในบ้านป่าเมืองเถื่อนรึเปล่า เดินชนผู้หญิงกระเด็นกระดอนแบบนี้ ไม่คิดจะหันมามองกันสักนิดเลยรึไงเล่า =[]=! “โอ๊ย! ไอ้พี่บ้า! กลับมาเดี๋ยวนะ ไม่งั้นหนูจะ....” “เด็กบ้า ปัญญาอ่อน” โอ้โหววว ได้ยินแล้วขึ้นเลยค่ะ Bro! จี้ปมมาก ฟังแล้วอยากจะกินหัวพี่แกแบบกัดคำเดียวแล้วเคี้ยวงั่มๆ ไม่ก็เอาเข้าเครื่องปั่น ปั้นเป็นก้อนตุ๋นในน้ำซุปเห็ดหอมไปเลยละกัน “หยุดดดดด! หยุดนะ!! เข้าใจซะใหม่ว่าหนูโตแล้ว ถ้าพี่จะไปก็จ่ายค่ามือถือมาสิคะ แล้วก็...ต้องถอนคำพูดก่อน” เห็นองศาการหมุนตัวของพี่แกไม่บอกก็รู้ว่าคิดจะเดินหนีฉันอีกครั้ง แต่ใครจะไปยอมกับเล่า รู้จักลิซ่าที่ตัวเล็กแต่เผ็ดเหมือนผัดกะเพราน้อยไปซะแล้ว เอ๊ะ...แต่กะเพราเด็กบางทีเค้าก็ไม่ใส่พริก อ้าว...แล้วจะเล่นตัวเองทำไมเนี่ยเรา =_=^ “ฝัน!” นั่นแน่ พี่แกตอบมาแล้วเก๊กหน้าเหมือนกำลังพยายามใช้ความอดทนกับฉันมาก แต่ จุ๊ๆๆๆ ท้าทายๆ คิดว่าตัวเองเป็นใครกันล่ะเนี่ย เจ้าผู้ชายผู้ไม่เคยรู้ว่าโลกของผู้หญิงนั้น...มีไม้ตายในละครที่ถูกปลูกฝังมาในจริตของเรา... “เดี๋ยว!!! ไหนลองตอบมาอีกครั้งสิคะ หนูลดให้เหลือสามหมื่น จะเอาไม่เอา” ฉันถามเพื่อความแน่ใจ แล้วพี่แกถอนหายใจ พร้อมกับตอบมาแบบไม่หยุดคิดเลย “ไม่เอา!” ก้ออออ ด้ายยยยยยย :) “’งั้น……” พรึ่บ! “กรี๊ดดดดดดด!!! พี่จะทิ้งหนูง่ายๆแบบนี้เลยหรอคะ! กลับมาถึงไทยพี่ก็บอกเลิกหนูเลย พี่ไปติดใจสาวฝรั่งตาน้ำข้าวมาใช่มั้ย ทำไมถึงได้ใจไม้ไส้ระกำ ใจดำอำมหิตผิดมนุษย์มนาแบบนี้ TT^TT!!!” สิ้นสุดคำตอบนั้นฉันก็กรีดร้องออกไปดังลั่นและโหยหวนทันที แถมไม่รู้ผีอะไรเข้าสิงฉันเลยโดดไปล็อคแขนพี่แกเต็มแรง กอดแน่นเกาะหนึบเป็นตีนตุ๊กแกจนคนรอบข้างหันมองทันที คิกๆๆ ก็แหม...พี่หน้าเผือกคนนี้น่ะ ปุ๊บปั๊บจะหาทางชิ่งไม่รับผิดชอบมือถือของฉันที่พังเละเทะเลยนี่ ส่วนหน้าพี่แกตอนนี้... “-_-” แหน่ะ อึ้ง แค่นี้ทำเป็นอึ้ง เก๊กหน้าถมึงทึงก็ไม่ช่วยอะไรหรอกจ๊ะพ่อหนุ่ม ทางเดียวที่จะแก้ปัญหาได้คือเอามาเลยสามหมื่น คิกๆๆๆ “นี่เธอ...เป็นบ้าจริงๆหรอวะ -_-” “อ่ะ ไม่คืนจริงๆสินะคะ แงงงงง TT[]TT! พี่มันคนทรโย๊ศศศศ พี่ไม่รักหนูแล้วทำไมไม่บอกกันตรงๆ พี่นอกใจหนูที่มีแต่ความรักที่แสนมั่นคง ไหนล่ะคะคำมั่นสัญญาที่บอกว่าพี่จะซื่อตรงที่เคยพูดกับหนูวันลอยกระทง ฮือออออ!” ‘ต๊ายยย เด็กสมัยนี้ ให้คำมั่นสัญญาต่อหน้าพระแม่คงคาแล้วยังจะกล้าผิดสัญญาอีกงั้นหรอเนี่ย’ ‘โธ่ สงสารยัยหนูตัวเล็กซะจริง นี่ทิ้งสาวไทยไปหาแหม่มเลยเร๊อะ ไม่แมนเลยนะพ่อคุณ!’ พอฉันยิ่งร้องออกไป คุณน้า คุณป้าที่เดินสวนมาก็ออกอาการสงสาร หันมาตำหนิพี่แกยกใหญ่จนพี่แกบ่นออกมาแบบหน้าเซ็งใช้ได้ “ยัยบ๊อง จะเล่นงี้ใช่มั้ย?” “ใช่สิคะ รู้ซึ้งแล้วก็ขอโทษที่พูดจาไม่เข้าหู อ้อ! โอนเงินคืนค่ามือถือหนูมาด้วย พร้อมเพย์เบอร์ 099-xxxxx99 เลขสวยๆ ไม่งั้น...” พรึ่บ! “ไม่เอาสิคะไม่งอแงนะ เช้านี้หนูกินยารึยัง พี่บอกแล้วว่าอย่าพึ่งออกจากโรงบาลบ้า ^_^” เย้ยยย... ดูเหมือนพี่แกคิดจะสู้กับฉัน บังอาจทำเนียนเอาแขนมากอดคอแล้วส่งยิ้มหวาน แต่ที่พูดออกมานั่นมัน.... หึ! ร้ายยย! ‘อ้าว ยัยหนูคนนั้นสติไม่ดีหรอกหรอ ซุบซิบๆๆ’ นั่นไง พี่แกตั้งใจสร้างกระแสโจมตีฉัน... ได้! “ฮืออออ ถึงกับต้องใส่ร้ายให้หนูเป็นคนบ้าเลยหรอคะ แค่เพราะพี่อดทนไม่ได้กับสายตาของคนรอบข้างที่ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมอันชั่วร้ายของพี่น่ะ” ฉันจีบปากจีบคอและเบิกตากว้างๆขู่พี่แกออกไป โฮ่ะๆๆ ท่าทางคงกลัวล่ะสิ หันหน้าหนีทำไมไม่ทราบ หันหน้าหนีนี่กลัวใช่มั้ย แต่...ชะแว๊บ! เอ้า ทำไมหน้าขาวๆของพี่แกถึงยิ้มกว้างออกมาซะได้ =[]=! “ชู่วววว อย่าดื้อสิคะ พี่รักหนูคนเดียว ขนาดหนูต้องกินยาทุก 15 นาทีพี่ก็ยังรักหนู เชื่อสิ” หมับ! “อุ๊บ! งื้อออ >_<” ยี๋....พูดจบพี่แกก็ยัดบางอย่างที่รสเปรี้ยวจี๊ดใส่ปากฉันเป็นกำมือทันที นะ...นี่มัน นี่มัน!!! ลูกอม Super Lemon ยืนหนึ่งเรื่องความเปรี้ยวจี๊ดในกาแล็คซี่นี้ ว้ากกกก “หึ...อดทนหน่อยนะคะ น้ำไม่ต้องหรอก ยาเนี่ยหมอบอกว่าดูดซึมจากใต้ลิ้นนะ ถ้ากินน้ำตามเดี๋ยวฤทธิ์ยาจางไปกับน้ำพอดี ^_^” คนตรงหน้าไม่พูดเปล่า พี่เค้าใช้มืออีกปิดปากฉันไว้ไม่ให้ฉันคายมันออกไป อ๊ากกกก เปรี้ยววว เปรี้ยวมาก พรุ่งนี้เลือดจางแน่ตายๆๆ ไอ้ลูกอมซูเปอร์เปรี้ยวมหาประลัย =[]=! “ไอ้อนอ้าาา เอาอังอ่าอืออื๋ออู๋อืนอาเอยอ๊ะ (ไอ้คนบ้า เอาตังค์ค่ามือถือหนูคืนมาเลยนะ)” “ไม่ให้เว้ย ยัย 18 มงกุฎ เธอซุ่มซ่ามมาชนคนอื่นเองป่ะวะ” “ไอ้อนอิ๊อั๋ยเอี๋ย! อันเอี้ยวอ๊ะเอี่ยอั๊ดเอ้าอาไอ้ >_< (ไอ้คนนิสัยเสีย! มันเปรี้ยวนะเนี่ยยัดเข้ามาได้ >_<)” “ดี! จะได้หายบ้า!” “ลูกลิซ?!” ...หืมมมม? จังหวะที่ฉันกำลังเถียงกับ...ตาลุงนี่! (ไม่อยากเรียกพี่ละเปลี่ยนใจ -.-) อยู่ๆก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากที่ไกลๆ และความคุ้นเคยที่สัมผัสได้นี่แหละ ที่ชวนให้รู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดีเท่าไหร่ พะ...พ่อ! พ่อกับแม่หรอ O[]O! หึ๊ยยย มาได้ไง!!! “เย้ยย ลุง! บังให้หนูที บังให้หนูหน่อย หนูไม่พร้อมเจอพวกเค้า ม่ายยยยย >_<” เห็นแบบนั้นฉันนี่หลบหลังตาลุงหน้าวอกพัลวัน แต่ไม่ทันแย้ววว คุณแม่กำลังเดินดุ่มๆมาทางนี้แย้ววว “ว๊าวววว ผู้ชายคนนี้คือลูกเขยแม่งั้นหรอคะคุณลูกกกก” หวืดดด! “เอ่อคือ...” คงเพราะคุณแม่คนสวยและร้อนแรงของฉันเป็นคนเฟรนด์ลี่และไม่ถือตัวเลยสักนิด เลยยื่นมือมากำลังจะแตะตัวตาลุงที่ยืนงงในครอบครัวของเราตอนนี้ แต่ลุงแกก็เบี่ยงตัวหลบและก้าวขาจะเดินหนีพวกเราทันที หมับ! แต่อย่าคิดว่าจะหนีไปได้นะ ก็บอกแล้วไงให้ชดใช้ค่ามือถือฉันก่อน คิดได้แบบนั้นฉันเลยคว้าแขนใหญ่ๆกล้ามเป็นมัดนั่นไว้ด้วยสกิลกาวยู้ฮูติดหนึบคูณสอง เหนียวแน่นกว่าเดิมเราขอท้าให้คุณลอง “ว่าไงล่ะจ๊ะลูกชาย นี่เป็นแฟนกันหรอลูก ไม่เห็นเคยบอกเลยว่าแม่มีลูกเขยหล่อลากไส้ขนาดนี้เนี่ย หื้มมม น่าเอ็นดูจังเล้ยลูกชายแม่” “เอ่อแม่คะ แม่คะ คุณแม่!!!” โอ๊ยตาย แล้วคุณแม่เป็นอะไรกับตาลุงนี่ล่ะคะเนี่ย จะพุ่งหาเค้าอย่างเดียว คุณแม่! หนูอยู่นี่นะคะเนี่ย!! “หรือว่าพ่อกับแม่เข้าใจผิด ที่จริงลูกลิซวางแผนใช้ผู้ชายคนนี้มาโกหกเรา เพราะรู้จากลูกโรสว่าเราจะมาที่นี่?” พ่อพูดออกมาพร้อมกับขมวดคิ้วใส่ฉันอย่างจับผิด หาาา... ไปกันใหญ่แล้วจ้า ฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อกับแม่จะมา ล่าสุดบอกว่าจะไปดูหมีโคอาล่า ไหงมาโผล่นี่ได้อ่ะ “หึหึหึ อ๋อ...รู้ว่าพ่อกับแม่จะมาที่นี่ก็เลยสร้างกระแสตะโกนเสียงดังไปทั่วสนามบินแบบนี้” แม่ส่งสายตาตำหนิมาให้ฉันแบบเดิมเหมือนที่เคยทำมาเสมอ อะไรกันเนี่ย อีกเดี๋ยวคงบ่นว่าฉัน.... “ไม่ได้เรื่องเลยนักเรียน แม่คิดว่าปล่อยไปโกอินเตอร์แล้วจะควงแขนผู้ชายเซอร์ๆมาซะอีก นี่โกหกกันล่ะสิ หึ! ไปกันเถอะค่ะคุณ กว่าจะได้เห็นแฟนของลูก ก็คงตอนที่เราไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้” “อะ...เอ่อ ไม่ใช่แบบนั้นนะคะแม่ คือ...” “สรุปว่ายังไง นายน่ะ เป็นแฟนลูกสาวฉันรึเปล่าล่ะฮะ” ครั้งนี้พ่อทำเสียงเข้มออกมา คงเพราะเห็นแม่กำลังทำท่าทางผิดหวังและเสียอกเสียใจเรื่องแฟนของฉัน -.- เหอะๆๆ นี่มันอะไรกันเนี่ย โรสที่ชอบเฮียโยเคยโดนกดดันแบบฉันบ้างมั้ยเนี่ยยยย >_< แต่เพื่อความสบายใจ.... “พ่อคะ แม่คะ คือที่จริง...ใช่แล้วล่ะค่ะ!!!” ฉันก้มหน้ามองพื้น หลับตาปี๋พูดไปและเหล่มองคนข้างๆที่พอได้ฟังก็ทำเหวอ เลิกคิ้วออกมาแบบงงไปกันใหญ่ “o_O?” ก่อนที่ฉันจะกระดึ๊บๆ ล็อคแขนตาลุงนี่ฟูลเทิร์นหันหลังมากระซิบด้วยเสียงสงบศึกสักครู่และขอความเห็นใจ “อย่าบอกนะยัยติงต๊อง” “ลุงคะ ช่วยหนูหน่อยดิ หนูไม่อยากให้พ่อกับแม่...” “ไม่!” “นั่นไงว่าแล้ว ยัยหนูลิซ!” เย้ยยย...ฉันอุตส่าห์ขอร้องลุงแกดีๆ แต่ยังไม่พูดจบลุงก็ออกตัวปฏิเสธทันที แล้วพ่อแม่ที่เงี่ยหูฟังอยู่พอได้ยินแบบนั้นก็ชี้หน้าคาดโทษฉันยิกๆเลยตอนนี้ “ง่าาา พ่อขาแม่ขา คือลิซ...” “สามหมื่น” เสียงแว่วเบาๆดังขึ้นจากข้างหลังให้พอได้ยินกันแค่สองคนในระหว่างที่ฉันถลาเข้าไปแก้ตัวกับพ่อแม่ที่เบ้ปากมองบน เชิดใส่กันเหมือนจะตัดฉันออกจากกองมรดกซะวันนี้พรุ่งนี้ “หืม?” “สามหมื่นเรื่องจบ” คนตัวสูงยืนล้วงกระเป๋าชิลๆตอบกลับมา แล้วเหลือบตามองฉันสลับกับพ่อแม่ก่อนจะยักคิ้วให้ นี่อย่าบอกนะ... “ไอ้คนขี้งก หนูไม่ยกหนี้ให้หรอก ไม่ก็ไม่” “แล้วแต่ นับหนึ่งถึงสาม คิดอีกทีจะเอามั้ยแฟน ถ้าเอาจะเป็นให้เดี๋ยวนี้ หนึ่ง...สอง...” กรี๊ดดดดดดด ไอ้คนแผนสูง!!! “ได้เลยค่าาาา... เฮ้อ แย่จัง เฮียก็ไปอำพ่อกับแม่เค้าได้นะคะ จริงๆแล้วพวกเราเป็นแฟนกันค่ะคุณพ่อคุณแม่ขา =_=^” ผีบ้าเอ๊ย! ฉันเปลี่ยนโหมดคว้าแขนพี่แกแล้วฟูลเทิร์นกลับมา ถ้าไม่ติดว่าคุณแม่กำลังดราม่าเสียใจ แล้วคุณพ่อก็คาดคั้นเรื่องตาลุงนี่อยู่ได้ ฉันไม่ยอมเสียเงินสามหมื่นหรอกนะ เศรษฐกิจยิ่งไม่ดีอยู่ด้วย ขาดทุนตาย -*- “แน่ใจ? ก็ไหนพ่อหนุ่มรูปงามคนนี้บอกว่าไม่ใช่ กระซิกๆ” “ก็...ไม่ใช่แฟนไงคะแม่ แต่ที่จริงแล้วเราเป็นเนื้อคุ....” ‘...จับตาดูผู้ชายหล่อ Handsome กล้ามเป็นมัด ร่างสูง ผิวขาวจัด ท่าทางอวดดี แถมยังกวนบาทา ปากพล่อย เป็นลักษณะของคนที่ไม่ถูกโฉลกกับเราอย่างแรงเลยล่ะค่ะช่วงนี้’ ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบ อยู่ๆเสียงแม่หมอ Myztery ก็แว่วมาตามลม ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ฉันหันมองคนข้างๆที่ลอยหน้าลอยตามาทำเป็นข่ม! แต่โอ้วม่ายยยย เห็นได้ชัดว่าบุคลิกตาลุงนี่เป็นบุคคลที่ฉันควรอยู่ให้ไกลเหมือนเฮียบีทอีกคน -*- “หาาา เนื้อคู่เลยหรอลูกกก ^[]^!” “...งอกค่ะแม่! เนื้องอก! หนูไปดูดวงมา เฮียเค้าเป็นเนื้องอกของหนู เป็นชิ้นส่วนจะงอยเล็กๆที่ลอยมากับลม” โอ้โห เพิ่งนึกได้ว่าเรียกเฮียไปอีก สรรพนามสมจริงขนาดนี้ควรได้รางวัลสุพรรณหงส์! “เนื้องอกกับความรักมีที่ไหน สมองรวนรึไงยัยลูกสาว - -*” “ถูกแล้วค่ะแม่ เนื้องอกเป็นสเต็ปแรกของการเป็นเนื้อคู่ค่ะ หมอดูผู้โด่งดังที่นั่งบำเพ็ญเพียรภาวนาบนภูเขากว่าห้าพรรษาบอกหนูมา” “...เชื่อก็บ้า” เสียงตาลุงหน้านิ่งกระซิบเบาๆขัดขึ้นมา ทำให้ฉันย่นจมูกใส่ไป แล้วตาลุงนั่นก็กระตุกยิ้มมุมปากออกมา “ฮะ =[]=! จริงหรอลูกพ่อกับแม่เชื่อแล้วจ้า แล้วนี่...แอบมาฮันนีมูนกันหรอจ๊ะ” “อ๋อ ที่จริงเราบังเอิ.... เย้ยย ใช่ค่ะ เรามาเที่ยวกุ๊กกิ๊กกระชับความสัมพันธ์กันค่ะ อุ๊ย หนูเลทแล้วนี่นา แพลนเที่ยวไว้เยอะเลยด้วย งั้นบายนะคะ ^_^” พรึ่บ! เอาล่ะ สมควรแก่เวลาที่ฉันจะลากตาลุงนี่ออกจากวงสนทนาแล้วล่ะ เพราะถ้าอยู่คุยต่อท่าทางจะยาว แต่พอจะก้าวขาคุณแม่ก็.... “เดี๋ยวววว....” “ค่าาา แหะๆ มีอะไรอีกงั้นหรอคะ ^_^” บ้าบอ ขอให้ไม่ใช่การชวนกินข้าว ไม่ใช่การอยากมาร่วมทริปกับเรา ไม่ใช่การอยากรู้ภูมิลำเนาบ้านเกิดพี่เขา.... “แม่ยังไม่รู้จักชื่อว่าที่ลูกเขยเลยนะคะ” เฮ้อ...แล้วไป “อ๋อ เฮียเค้าชื่อ...” หืม...ชื่อ นั่นดิแล้วชื่อไร “???” ทั้งพ่อและแม่หันมาจ้องที่ฉันอย่างรอฟัง ส่วนฉันก็ลากเสียงยาวออกไปอีกครั้งและหันไปหาเจ้าตัวที่ยืนทำหน้าเหมือนกำลังกลั้นขำ “….ชื่อออออออออ?” “อ้าวทำไมเงียบไปล่ะคะ บอกพ่อกับแม่ไปสิ ^_^” ผีบ้าผีบอตาลุงคนนี้ บอกบ้าอะไร ฉันก็ยังไม่รู้จักชื่อแซ่ของลุงเลยนี่ไง =[]=! “เอ่อคือ เฮียเค้าชื่อ.... TT^TT” ซวยแย้ว ซวยแบบไม่มีทีท่าจะรอดได้ เพราะลุงแกเหมือนจะตั้งใจจะแกล้งฉันด้วยล่ะ แต่เอ๊ะ...นั่นน่ะ... “คิน...ค่ะ นี่เฮียคินแฟนหนูเอง” “คิระ” พอฉันพูดไปแบบนั้น เสียงเข้มของผู้ชายคนนั้นก็สวนขึ้นมาแบบดุๆทันควัน เอ๋ เดาผิดหรอเนี่ย ไอ้เราก็คิดว่า... “อ่าหะ ถ้าคิระคือชื่อเล่น งั้นชื่อคินที่น้องลิซเรียกก็คงจะเป็น.....” “อ๋อ ชื่อที่เราเรียกกันเองแบบน่ารักกุ๊กกิ๊กมุกมิกจุ๊กจิ๊กค่ะแม่ เอาเป็นว่าหนูไปก่อนนะคะ เฮียเค้าคงร้อนแล้ว โอ๊ะๆๆ เหงื่อไหลเลยหรอหนูซับให้ค่า ไปนะคะบ๊ายยยย” พรึ่บบบบ! พูดจบฉันก็ทั้งลากตาเฮียบ้านี่และกระเป๋าของพี่แกเดินลิ่วๆออกมา ท่ามกลางสีหน้าของพ่อกับแม่ที่ดูชื่นมื่นและยินดีแบบนั้น =_=^ “มั่วเก่ง” เจ้าของใบหน้าดุๆหันมองมาที่ฉันและคง...พูดถึงชื่อของเขาที่ฉันพูดออกไปเมื่อกี๊ล่ะมั้ง “มั่วที่ไหนคะ ก็ซ่อนไว้ไม่มิดเองนี่” แหงสิ ที่ตอบไปว่าชื่อคิน เพราะจังหวะที่หันไป ระดับสายตาของฉันมองทะลุเสื้อฮาวายของคนตรงหน้าเข้าไปเห็นตัวหนังสือเล็กๆใกล้รอยสักของเขาไง และมันเขียนไว้ว่า... ‘KYN’ “…..” แต่พอได้ฟังฉันพูด คนตรงหน้าก็เงียบไป “อ้าวงง ก็ตัวหนังสือใต้รอยสักรูปดาบไขว้ของเฮียไงคะ ว่าแต่...คิระนี่ชื่อจริงหรอคะ คินเรียกง่ายกว่าอีก งั้นหนูเรียกเฮียคินนะ อ้อแล้วก็...บอกตามตรงเห็นแบบนั้นแล้วมันอดที่จะพูดคำนี้ไม่ได้เลยล่ะคะ!” ใช่ๆ... นี่เป็นคำพูดที่ฉันอยากจะพูดออกไปทันทีที่เห็นรอยสักหน้าตาแปลกๆนั่นเลยนะ แล้วเฮียเขาก็ทำหน้าสงสัย... “?” ““ก็... เอ่อ ถึงจะดูเถื่อนไปนิด แต่รอยสักเท่มากเลยนะคะ อุ๊ย ไม่รู้จะพูดยังไง พูดไปแล้วจะเขินมั้ย อะแฮ่ม! รอยสักนี้เหมาะมาก ช่างเหมาะกับฉายา...เฮียคิระยอดนักดาบบบบบบ!!! เย้ๆๆๆ!”” แปะๆๆๆ พูดจบฉันก็ปรบมือเข้าจังหวะไป สุดยอดไปเลย สุดยอดมาก คนอะไรมีดาบไว้ที่ตัว เหมือนเป็นลูกหลานชาวบ้านบางระจัน ตัดภาพไปที่คนฟัง... “-_-” เฮ้อ...ทำไมชอบทำหน้าตาแบบนี้ใส่เราอยู่เรื่อย รู้จักกันมาตั้งนานสองนานละ งงจัง =_=^หลายชั่วโมงต่อมา..."กลับมาแล้วค่าาา U_U"ฉันยื่นซองเอกสารที่ใส่ทะเบียนสมรสเป็นหลักฐานให้เฮียติณณ์ดู แล้วก็เพิ่งสังเกตว่าในนี้มีทั้ง Nightshade และ Nightshade's Lady นั่งอยู่"เอ้าโรส! แล้วก็พวกเฮียๆด้วยนี่นา สวัสดีค่าทุกคน~ ^_^""ไง ได้ข่าวว่าไม่โสดแล้วหรอ ใช่ม้า~"โรสเอ่ยปากแซวฉันก็หันไปยิ้มกับเฮียโย แต่ไม่ได้การละ เฮียๆอยู่ที่นี่ทั้งที"หึ๊ยยย ฟ้องเฮียดีกว่า เฮียขะ...."กึก...แล้วพอก้าวขาจะไปโผล่ตรงกลางระหว่างเฮียโยกับเฮียพาย อยู่ๆขาฉันก็ชะงักไปเพราะสายตาผู้หญิงของเฮียพายที่มองมาพอดี"เอ่อคือ...""ขอโทษนะ...ลิซ ที่วันนั้นเข้าใจผิด"เอ๋??? รุ่นพี่เป็นฝ่ายขอโทษฉันงั้นหรอ เรื่องจริงหรอเนี่ย ฉันเลยหันไปมองหน้าเฮียพายสลับกับเฮียคิน นี่อย่าบอกนะว่ามีใครไปทำอะไรมาเนี่ย"อ๋อ เอ่อคือ...ไม่เป็นไรเลยค่ะเจ๊...นิลลา แหะๆ""ว่า?"จังหวะที่ฉันหันไปยิ้มแห้งๆ เฮียพายก็ถามมา โอ๊ะเกือบลืมแหนะฟุ้บ!"คือว่าเฮียขาาา~ อะแฮ่ม ลิซขอแทรกหน่อยน้า เฮียขา เฮียคินบังคับให้หนูไปจดทะเบียน โดยมีเฮียติณณ์! เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดค่าา... อะแฮ่มอีกที! เฮียช่วยกระทืบใครสักคนให้หน่อยได้มั้ยคะ หนูปวดร้าวหัวใจมากที่เค้ามาป
วันต่อมา..."ไม่สนค่ะ! ถ้าไม่ใช่รูปนกฟีนิกซ์ หนูจะไม่ยอมประทับตราเด็ดขาด >[]ฉันตะโกนออกไปแบบแน่วแน่สุดๆไปเลย ก็มีอย่างที่ไหนอ่ะ ตื่นเช้ามายังไม่ทันจะอาบน้ำแปรงฟัน เฮียคินก็มาขู่ให้คนอื่นเค้าเอาดาบไขว้มาประทับไว้บนตัว และให้เหตุผลว่าการประทับตราเป็นการบ่งบอกว่าเราคือ Dark Shadow แต่โหย! ตั้งมีดดาบเชียวนะ เกิดมันมีชีวิตแล้วแทงเข้าไปในเนื้อหนังอันละเอียดอ่อนของฉันจะว่าไงอ่ะ =[]="Dark Shadow ต้องประทับตราเดียวกัน -_-""ก็หนูไม่อยากเป็....""ถ้าพูดมันออกมาอีกครั้ง..."เสียงเข้มกับสายตาดุๆถูกส่งมาให้ฉัน ก่อนที่ฉันจะยอมอ่อนลงนิดนึง เชอะ! "อะไรคะ ที่จริงหมายถึงไม่อยากให้ตราประทับเป็นรูปมีดดาบต่างหากล่ะ -3-""เลือกตำแหน่งที่อยากประทับไว้เลย"พรึ่บ!พูดจบเฮียคินก็ลุกขึ้นจากเตียงเฉย เดี๊ยะๆ ทำเป็นมาสั่งเนาะ"ไม่! หนูไม่เลือก ไม่สนใจ ไม่ประทับตราแน่ๆจะบอกให้"ฟุ้บ!ฉันทิ้งตัวนอนแล้วดึงผ้าห่มคลุมโปงไปเลย ก็ไม่อยากได้มีดดาบ ไม่ชอบอ่ะมันคม กลัวมันแทงเข้าไปควักไส้ หยึ๋ยยยย =[]=! ซาหยองจาตายยย"จะดื้อจนนาทีสุดท้ายเลยรึไง""ไม่ดื้อ! หนูไม่ได้ดื้อ หนูแค่ไม่ชอบ...""อาบน้ำแต่งตัว เช้าบินไปจดทะเบียน
"แย่จริงๆ คุณเปิดตัวอลังการขนาดนี้ ลูกหลานได้หัวใจวายกันพอดี :)""ท่านย่า""ท่านแม่"กึก!สิ้นสุดคำพูดของท่านปู่ เฮียคินที่ยืนอึ้งก็พูดออกมาเสียงสั่น เขาก้าวขาจะเดินตรงเข้าไปหาท่านย่าเช่นเดียวกับเจ๊เฟรย์ที่น้ำตาคลอขึ้นมาแบบฉับพลัน แต่ทั้งเฮียและเจ๊ก็ต้องชะงัก คงเพราะเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังประคองร่างเฮียแม็คและรุ่นพี่เลโอที่อาการสาหัส ท่านย่าเลยหันมองทั้งคู่ และเงยหน้ามองรุ่นพี่เตโชที่สีหน้าเขาเองก็ทึ่งไม่จากพี่น้องคนอื่นเลยสักนิดกึก...กึก...กึก...ไม่รอให้ใครพูดอะไร ท่านย่าปรับสีหน้าให้ดูนิ่งเรียบ ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเฮียแม็คและรุ่นพี่เลโอที่ถูกประคองเอาไว้ เฮียแม็คพอเห็นแบบนั้น เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีขยับตัวให้หลุดจากการประคอง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งคุกเข่าก้มหัวต่อหน้าท่านย่า และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก"ผมขอโทษครับท่าน ขอโทษ...สำหรับทุกเรื่องครับ"ภาพตรงหน้าทำให้ฉันหันมองเจ๊เฟรย์ที่ยืนนิ่งทันทีที่ได้ฟัง ท่านย่าเองก็มองไปที่เธอ และค่อยๆยกฝ่ามือขึ้นวางบนบ่าเฮียแม็คที่ยังอยู่ในชุดเจ้าบ่าวที่ตนเองเป็นคนออกแบบ ก่อนจะตบบ่าเขาเบาๆ และพูดมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
วันทดสอบหัวใจของรักษาการ...“โอเคมั้ย?”เฮียแม็คในชุดแปลกตาที่นั่งตรงข้ามกันพูดกับฉัน คงเพราะฉันเริ่มจะเลิ่กลั่ก ก็นี่มันเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ฉันเลยส่ายหัวออกไปอย่างไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน“ใจเย็นๆลิซ"“หนูอาจไม่ใช่หนึ่งสตรีที่เค้าตามหากันก็ได้”นั่นสินะ... อย่าว่าแต่การเป็นหนึ่งสตรีเลย คนที่ร่ำลือว่าเป็นเนื้อคู่ตอนนี้ ฉันเห็นเขาแค่แว๊บเดียวเมื่อเช้าที่ห้องแต่งตัว แล้วเฮียคินก็เดินหนีหายไปไหนไม่รู้ มีแค่คำสั่งที่กำชับพี่ไคยะเอาไว้ว่าให้ฉันอยู่แต่ในห้องนี้“ไม่เห็นจะเกี่ยวกับการเป็นหนึ่งสตรีตรงไหน”เฮียแม็คทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มือก็เอื้อมมาหยิบสมุดโน้ตฉันไปเปิดดูสิ่งที่ฉันพอจะนึกอะไรได้แล้วโน้ตเพิ่มลงไป“เกี่ยวสิคะ ก็แค่ทดสอบยังทำไม่ได้ แถมหนูตะคอกใส่เฮียคินกับท่านปู่เสียงดังมากด้วย กับเฮียคินน่ะ...เราคุยกันน้อยลงมาก ช่วงวันสองวันนี้ U_U"“ไอ้คินมันยุ่งๆ อย่าคิดมาก ส่วนเรื่องในห้องประชุม คนเรามันก็ตกใจกันได้”“...เฮียแม็ค”“?”ฉันส่งเสียงเรียกคนตรงหน้าออกไปเสียงอ่อน เขาก็แค่เลิกคิ้วขึ้นนิดนึง แล้วก็นะ มันดูอ่อนแอมากเลยที่จะต้องพูดว่า...“หนูอยากกลับบ้านค่ะ"แล้วแค่นั้นเฮีย
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...- ห้องทำงานคิระ -แกร๊กๆๆๆ“จิ๊!”“อย่าเครียดนักสิ”“มันอีกแค่นิดเดียวเองค่ะ เหมือน XVII ตั้งใจปั่นประสาทหนูน่าดู ย้ายโลเคชั่นทุกครั้งที่ออนไลน์เลยมั้ง โรคจิต!”“.......”ฉันตอบกลับเฮียคินทั้งที่มือยังคาอยู่บนคีย์บอร์ดโน้ตบุ๊คแบบนี้ แล้วเพราะโดนเฮียเงียบใส่นี่แหละ เลยทำให้ฉันหยิบมีดสั้นเล่มนึงใกล้ๆมือปาออกไปที่เป้าข้างหลังเขาแบบหงุดหงิดฉึก!หึ...มันดูแปลกใช่มั้ยล่ะ ที่มีเป้านิ่งให้ระบายอารมณ์ได้เต็มที่ แต่เป้านี้ยังถือเป็นอะไรที่เบสิคมากเลย เพราะในห้องเฮียคินไม่เหมือนห้องเจ๊เฟรย์เลยสักนิด เขาเอาอาวุธเยอะแยะมาวางเรียงเป็นของตกแต่งเหมือนที่ชอบเอาปืนซ่อนไว้ในทุกอาณาเขตของคอนโดไม่มีผิด“ยังปาแม่นเหมือนเดิมนี่ หนึ่งสตรี”“เฮียแม็ค~”เสียงที่คุ้นหูทำให้ฉันละสายตาจากเป้ามองคนที่เดินเข้ามาในห้องทันที แล้วเฮียคินนี่ออกตัวดุมาเชียว“ดีใจกว่าเจอหน้าผัวอีก -.-”ชิชะ! ไม่ต้องเลยนะ ทำมาเป็นพูดดี“เฮียแม็คไปไหนมาคะเนี่ย ไม่เจอตั้งหลายวันอ่ะ”“มันไล่”“อ้าว จับได้แล้วเจ้าตัวดี -3-”พอฟังเฮียแม็คตอบมา ฉันก็ส่งสายตาฟาดฟันไปให้เฮีย เขาก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่ที่จริงเฮียคินก็บอกฉันแล้วล
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...“ลิซ...จะไม่พูดไรหน่อยเลยหรอ?”นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ฉันนั่งฟังความจริงว่าพวกเขาเป็นใคร? Dark Shadow คืออะไร? จากปากเฮียคินและเจ๊เฟรย์ ซึ่งพี่เคนชินและพี่ไคยะเองก็อยู่ที่นี่และทุกคนกำลังจ้องมาแต่เฮียคินกับเจ๊ก็พูดไม่หมด ทั้งสองคนพูดถึงการทำความผิดของสภาก็จริง แต่ก็ไม่ได้พูดถึงวิธีน่ากลัวที่ใช้จัดการกับสภาไปแล้ว น้่นก็คือความโหดร้ายที่เฮียคินกับรุ่นพี่เตโชทำ ซึ่งอย่างที่รู้กัน ฉันเห็นภาพเหตุการณ์ตอนพิพากษาพวกนั้นเมื่อกี๊ ถึงจะไม่มีช่วงที่รุนแรงเลือดสาดมันก็พอจะรู้อยู่ดีและที่เล่ามามันก็มีเรื่องใหม่ๆที่ฉันไม่ได้รู้ลึกอย่างความสัมพันธ์ที่เคยมีปัญหาของเฮียคินกับรุ่นพี่ แต่บอกตามตรงนะฉันก็ยังแอบโกรธรุ่นพี่เตโชอยู่ดี แล้วก็กำลังสนใจเรื่อง XVII มากกว่าด้วยตอนนี้“หนูเข้าใจทุกอย่างเลยค่ะ”ฉันเลือกจะตอบคำถามท่ามกลางความเงียบในห้องแบบขอไปที เฮียคินพอเห็นฉันนิ่งก็มองมาและทำท่าจะพูดอะไร ฉันเลยชิงพูดไปก่อน“เจ๊คะ หนูขอยืมได้มั้ย โน้ตบุ๊คเครื่องนี้”ได้ฟังแบบนั้นเจ๊เฟรย์ไม่ได้อิดออดอะไร แถมยังหันไปพยักหน้าให้พี่เคนชินหยิบมันมาทันทีและพอได้มา สิ่งแรกที่ฉันอยากจะมั่นใจก่อน คือ X