@ ร้านบะหมี่ลุงตี๋
“ที่จริงผมคิดว่าเราจะมาพังร้านบะหมี่ยั่วโมโหเธอคนนั้นแบบเกรี้ยวกราดซะอีก ไหงเป็นงี้ไปได้” ไคยะพูดกับมาโครขณะที่สายตาของพวกเขาจับจ้องไปยังคิระที่นั่งกินบะหมี่มุ้งมิ้งกับเธอคนนั้นที่ว่า เธอ...คนที่ได้ขึ้นว่าเป็นผู้หญิงของเตโชที่บังเอิญโดดลงจากวินมอไซค์มาเมื่อกี๊ และตอนนี้กำลังดินเนอร์แบบติดดินกับคิระอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรทั้งสิ้น “มันคงคิดมาแล้วว่าต้องเจอแน่” มาโครตอบกลับมาสั้นๆ และจ้องไปที่ผู้หญิงคนนั้นอย่างพิจารณา ก่อนจะละสายตาไปมองมือถือและถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายกับข้อความบนจอพร้อมกับโยนมันทิ้งลงไปบนเบาะข้างๆ “คุณฟาเดียหรอครับ” “......” ความเงียบแทนคำตอบนั้นได้ดีจนไคยะไม่ต้องการคำตอบของคำถามอีก แต่ก็ยังอดพูดบางอย่างออกมาไม่ได้อยู่ดี “เฮียเคนชินบอกว่าเธอสบายดีนะครับ ถ้าเผื่อว่ามัน...จะทำให้คุณอารมณ์ดี” แน่นอนเธอคนนี้ที่ไคยะพูดถึง ไม่ใช่คนที่กำลังดินเนอร์กับคิระอยู่ แต่เป็นคนที่มีอิทธิพลกับมาโครมาก ใครๆก็รู้ดี... รักษาการ...เฟรย่า...หรือยัยแม่มดของคิระ คือคนที่กำลังถูกพูดถึงในตอนนี้ แชะ! “ถ้านายหญิงลิซ่าเห็นจะเป็นยังไงครับเนี่ย” เพราะรอบข้างคิระเต็มไปด้วยลูกน้องที่แฝงตัวเข้าไปนับสิบ สถานการณ์เลยไม่น่ากังวลอะไร ทำให้คนที่ตั้งตารอบนรถอย่างไคยะนึกสนุก แกล้งหยิบมือถือมาเปิดกล้องแอบถ่ายคิระกับโมเน่ต์ แล้วยังพูดงึมงำอะไรคนเดียวแบบขำๆ ก่อนจะหันมายิ้มกว้างให้มาโครอย่างไม่เกรงกลัวอีก “ส่งสิ ไอ้คินมันจะได้ไล่มึงกลับไปหาพี่มึงก็คราวนี้” ถึงปากจะพูดกับไคยะ สมองนึกคิดถึงใครบางคนที่หมอนี่พูดถึงเมื่อกี๊ แต่สายตาของมาโครก็สำรวจบริเวณรอบข้างอย่างระวังหลังให้คิระเต็มที่ เพราะคิดว่าต้องมาแน่ คู่ปรับตลอดกาลอย่างเตโชที่ไม่มีทางปล่อยผู้หญิงของตัวเองไปไหนมาไหนคนเดียวในสถานการณ์แบบนี้ ส่วนพี่ของไคยะที่ว่าก็คือ ‘เคนชิน’ มือขวาของเฟรย่าที่ไคยะคอยหลอกถามเรื่องเธอจากหมอนั่นมาพูดลอยๆแบบนี้ให้เขาฟังทุกที “มีคีบลูกชิ้นให้กันด้วยนะครับ ถ้านายหญิงลิซ่ารู้นี่บ้านแตกแน่ …RIP” แชะ! แชะ! ไคยะไม่สนใจคำพูดมาโคร เช่นเดียวกับมาโครที่ไม่ได้สนใจว่าคิระจะทำอะไรเพราะรู้ว่ามันเป็นแค่แผนปั่นประสาท ส่วนคิระในตอนนี้.... “ชอบกินลูกชิ้น?” คิระมองโมเน่ต์ที่กำลังกินบะหมี่ในชามที่มีลูกชิ้นล้นทะลักอย่างเอร็ดอร่อย กลับกัน... เขากลับเขี่ยบะหมี่ในชามตัวเองอย่างไม่ได้คิดพิศวาสหรืออยากจะกินมันสักนิด เอาจริงแค่คิดว่าไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้ไปรับลิซ่าหลังเลิกเรียนก็ชวนให้หงุดหงิดฉิบ แต่ที่ยังนั่งอยู่นี่ ก็แค่หาเรื่องคุยไปเรื่อยให้ไอ้ติณณ์มันมาสักที เพราะแอบเห็นว่าก่อนหน้านี้โมเน่ต์คุยไลน์กับมัน และข้อความพวกนั้นก็ดูร้อนรนสิ้นดี แต่ไอ้ติณณ์แม่งก็โคตรจะอืดอาด รถมันเติมเมือกหอยทากแทนน้ำมันรึเปล่า ยืดยาดได้อีก... “อืม (- -)(_ _)” “เอามั้ย?” พอโมเน่ต์พยักหน้าตอบกลับมา เขาก็คีบลูกชิ้นในชามตัวเองไปให้ แอบคิดว่าถ้าเป็นลิซคงดี เห็นว่าวันนี้เรียนหนัก ป่านนี้จะหาข้าวกินรึยัง ทั้งที่ควรจะได้กินข้าวเย็นด้วยกัน แล้วทำไมกูต้องมานั่งร่วมโต๊ะกับยัยนี่ -_-? “หึ กินเหอะ” “ได้นะ เอาไปดิ” “หึ เอาเลย.. อยู่แถวนี้หรอไม่เคยเห็นหน้า” สายตาสงสัยปนจับผิดของโมเน่ต์ถูกส่งมา แต่เธอก็ไม่ได้มีทีท่าจะรู้ตัวเหมือนเดิมนั่นแหละนะ คิระเลยเฉไฉแล้วเริ่มคีบบะหมี่เข้าปากระหว่างรอบ้าง “เปล่า แวะมาทำธุระน่ะ” “ท่าทางแบบนี้ มาเก็บค่าเช่าที่หรอ?” “หึ.. เก็บค่าเช่าที่? อะไรทำให้คิดงั้น” ได้ฟังคำถามชวนขำ คิระก็หลุดหัวเราะในลำคอเบาๆ อย่างสุดจะกลั้น ยัยบ้าเอ๊ย…อย่างน้อยก็น่าจะสังเกตหรือรู้สึกได้ถึงความปกติของสายตานับสิบคู่ที่จ้องตัวเองอยู่สักนิด ใช่... สาเหตุที่คิวต่อแถวซื้อบะหมี่ยาวเหยียดกว่าปกติน่ะ เพราะเกินกว่าครึ่งนึงเป็นคนของเขาที่ไคยะส่งมาคอยคุ้มกันแบบเว่อร์วังซะจริง แต่นี่หรอวะผู้หญิงของไอ้ติณณ์? สัญชาตญาณต่อความผิดปกติรอบด้านห่วยแตกได้อีก “ก็..เสื้อผ้าแบรนด์เนมที่คนแถวนี้เขาไม่ใส่กันล่ะมั้ง ฮ่ะๆ” โมเน่ต์ตอบกลับมาหน้าซื่อและหลุดขำตามเขาบ้างอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรจริงๆ คิระที่สบโอกาสเลยแกล้งหยอดไปเพราะอยากรู้ว่าระดับความสัมพันธ์ของคนตรงหน้ากับไอ้ติณณ์จะแน่นแฟ้นแค่ไหน แต่เธอก็ดู...ไม่เข้าใจอะไรสักอย่างอยู่ดี “น่ารักดีเน่อะ” “ปูเป้อ่ะหรอ?” ฟังเขาพูดจบ อยู่ๆโมเน่ต์ก็หันซ้ายหันขวาและหมุนตัวหันไปมองข้างหลังในขณะที่คิระนั่งงงกับคำตอบนั้น ก่อนที่เธอจะเอ่ยปากเรียกเด็กขายดอกไม้ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเข้ามา “ก็เด็กขายดอกไม้ไง ปูเป้มานี่...” ให้ตายเหอะยัยนี่ ไม่รู้ ไม่ทันเกมส์อะไรสักอย่าง คุณสมบัติการเป็น Leader’s Wife ต่ำเตี้ยเรี่ยดินจริงๆ “พี่โมเน่ต์~ สวัสดีค่ะพี่สุดหล่อ” พอโดนเธอเรียก สาวน้อยหน้าตาน่ารักคนหนึ่งก็ถือตะกร้าใส่ดอกไม้เดินยิ้มแย้มเข้ามา “พี่คนนี้จะเหมาดอกไม้เราอ่ะ” คิระมองนิ้วเรียวเล็กของโมเน่ต์ที่ชี้มาหาตัวเองแล้วเลิกคิ้วใส่แบบแอคติ้งสุดฤทธิ์ทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้อะไร แต่ในใจเบื่อการกระทำซื่อบื้อนี้จะตาย และอยากลากเธอขึ้นรถให้จบๆไป “น่ารักไม่ใช่ไง? ต้องช่วยซื้อแล้ว…” “จริงๆ หรอคะ” แว๊บนึงคิระส่งสายตาตำหนิไปให้โมเน่ต์ ในขณะที่เธอยักคิ้วท้าทายเขาให้เหมาดอกไม้ในตะกร้า แต่สิ่งที่ทำให้คิระลดระดับความเบื่อลงนิดหน่อยก็เห็นจะเป็นสีหน้าดีใจของปูเป้พอรู้ว่าตัวเองจะขายดอกไม้ได้ที่ถูกส่งมา “ครับ งั้นพี่เอาหมดเลย” “เย่~ พูดจริงนะ เดี๋ยวหนูห่อกระดาษให้ค่ะ แฟนพี่โมน่ารักจริงๆ เลยน้าา” ได้ฟังน้ำเสียงสดใสที่พูดเองเออเองและเปลี่ยนสถานการณ์น่าเบื่อบนโต๊ะไป ทำให้คิระเผลอมองปูเป้ที่รีบร้อนวางตะกร้าลงบนเก้าอี้แล้วใช้กระดาษห่อดอกไม้พวกนั้นให้เขาอย่างมีความสุข แม้มันจะทุลักทุเลเพราะสถานที่ไม่อำนวยไปบ้าง แต่ก็เป็นภาพที่น่าประทับใจ เพราะเขา...ชอบความไร้เดียงสาของคนที่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหน ก็ยังเป็นคนที่สามารถทำให้โลกทั้งใบดูสดใส เหมือนสาวน้อยตรงหน้า และใครบางคนที่โคตรคิดถึงจนอยากจะกลับไปฟัดให้จมเตียงตอนนี้ไง “แก่แดดนักนะเรา แฟนพี่ที่ไหนกัน” “ฮ่ะๆ นี่ค่ะ ได้แล้ว” คิระไม่ได้สนใจคำพูดโมเน่ต์เลยสักนิด ความสนใจทั้งหมดไปตกอยู่ที่ปูเป้ที่กำลังยื่นช่อดอกไม้ช่อใหญ่ที่ห่อกระดาษธรรมดาแต่ดูสวยมากมาให้ “ให้พี่โมเลยครับ” แต่เพราะคิดว่าตัวเองไม่ได้เหมาะจะถือของแบบนี้เท่าไหร่ คิระเลยชี้ให้ปูเป้ให้มันกับโมเน่ต์แทน แล้วสาวน้อยมือจิ๋วที่ยื่นดอกไม้มาตรงหน้าเขาก็ทำท่าเขินอาย “หูยยย แล้วบอกไม่ใช่ >_<” “อะไร” โมเน่ต์หันมองเขาด้วยท่าทางไม่เข้าใจ แต่ก็แอบอมยิ้มเล็กๆให้กับทั้งช่อดอกไม้และความสดใสของปูเป้ที่มอบให้ ตึง! แล้วท่ามกลางรอยยิ้มของโมเน่ต์และปูเป้ตรงหน้า เสียงปิดประตูรถอย่างฉุนเฉียวก็ดังขึ้นจากไกลๆ ระยะทางที่ห่างพอสมควรทำให้คิระมองผ่านทั้งคู่ไปและแสยะยิ้มร้ายหน้าซื่อออกมาพอเห็นร่างสูงที่คุ้นตากำลังก้าวขาเข้ามาอย่างรีบร้อนจนแทบจะวิ่งเข้ามากระชากโมเน่ต์ที่นั่งกับเขาออกไปให้ได้ หึ... แต่คิระก็ไม่ได้มีท่าทีตกใจ มิหนำซ้ำยังนั่งนับถอยหลังตามจำนวนก้าวเดินของมัน และส่งยิ้มให้โมเน่ต์พร้อมกับแกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ “ช่วยซื้อแล้วไง โมก็ช่วยรับไว้จะเป็นไร” “(- -)(_ _)” ยิ่งโมเน่ต์พยักหน้ายิ้มๆกลับมา ความถี่ของก้าวเดินจากเตโชก็ยิ่งไวขึ้นจนทั้งมาโครและไคยะที่นั่งรอบนรถถึงกลับต้องลงมาแสตนด์บาย ก่อนที่ปูเป้จะหยิบปากกาหลายสีขึ้นมาและตั้งท่าจะทำอะไรบางอย่าง ซึ่งสาวน้อยไม่รู้เลย ว่ามันเป็นการกระทำที่จุดฉนวนอารมณ์ของคนบางคนให้ยิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “หนูเขียนชื่อให้ได้ด้วยนะ ว่าแต่แฟนพี่โมชื่ออะไรหรอคะ?” “บอกว่าไม่ใช่แฟนไง -.-” คิระมองผ่านไปข้างหลังโมเน่ต์และเห็นว่าเตโชอยู่ห่างออกไปไม่เท่าไหร่ ท่าทางฉุนเฉียวเหมือนอยากจะฆ่าเขาให้ตาย แต่ในขณะเดียวกันแววตาของมันก็หวาดกลัวว่าโมเน่ต์ที่อยู่กับเขาจะเป็นอันตราย แต่คิระก็ยังทำใจเย็นรอให้มันประชิดตัวแล้วค่อยพูดออกไป “หึ.. คิระครับ พี่ชื่อคิระ” โครมมมม! สิ้นสุดเสียงของคิระ ร่างสูงของเตโชก็พุ่งเข้ามาถีบโต๊ะที่คิระกับโมเน่ต์นั่งอยู่จนกระเด็นออกไป คิระมือไวลุกขึ้นและคว้าปูเป้กระชากไปหลบหลังเขา ในขณะที่โมเน่ต์เองก็ลุกพรวดด้วยความตกใจ แต่... ผลัวะ! ผลัวะ! ผลัวะ! เพราะมัวแต่ห่วงปูเป้ ทำให้จังหวะที่หันกลับมา เตโชที่กำลังเดือดจัดก็พุ่งเข้าไปหาคิระและปล่อยหมัดซัดหน้าเขาไม่ยั้งจนคนรอบข้างฮือฮากันใหญ่ พอเป็นแบบนั้น คิระกำลังจะโต้ตอบแต่โมเน่ต์พุ่งเข้ามาขวางไว้ เธอยืนคั่นกลางระหว่างเขากับเตโชแล้วตะคอกเสียงดังใส่หน้าผู้มาเยือนออกไป “เตโชหยุด! เป็นบ้าไรของนาย?!” ตุ้บ! พลั่ก! โมเน่ต์ใช้มือดันอกเตโชเอาไว้แล้วออกแรงดันตัวเขาให้ถอยออกไป ก่อนจะหันกลับมาหาคิระที่พยุงตัวเองลุกขึ้นมาและจ้องหน้าเตโชด้วยแววตายียวน มือข้างนึงไขว้หลังส่งสัญญาณห้ามไม่ให้ Member รอบข้างเข้ามาโดยที่โมเน่ต์ไม่รู้เรื่องอะไร “คิระ นายเป็นไรมั้...” โครมมม! น้ำเสียงห่วงใยจากโมเน่ต์พูดกับคิระไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำ เตโชก็อาละวาดถีบโต๊ะอีกตัวจนล้มคว่ำ แก้วน้ำ ชามบะหมี่ และพวงเครื่องปรุงหล่นแตกกระจาย ก่อนจะตะคอกใส่เธอเสียงดัง “กลับบ้าน!” คิระที่มองดูการกระทำนั้นได้แต่ยิ้มเยาะในใจ ‘หึ...ใช้ได้ ร้านเละโดยที่กูไม่ต้องทำอะไร’ แล้วไม่นานว่าที่ Leader และ Leader’s Wife ก็ออกโรงตะคอกกันไปมายกใหญ่ คิระเลยได้โอกาสคว้าตัวปูเป้ที่ยืนหน้าซีดตัวสั่นอยู่ไม่ไกลมายืนดูละครน้ำเน่าข้างเขาท่ามกลางความเลอะเทอะที่ไอ้ติณณ์ทำไว้ “อะไรของนาย! ต้องทำขนาดนี้เลยรึไง!” “บอกให้กลับ!” เตโชกับโมเน่ต์ตะคอกและยื้อยุดกันอยู่สักพัก ก่อนที่มันจะลากผู้หญิงของมันหมุนตัวกลับหลังหันให้เดินไปพร้อมกันแต่ปูเป้ดันเรียกเธอไว้ “พะ..พี่โมเน่ต์” โมเน่ต์หันกลับมาตามเสียงเรียก ปูเป้เลยยื่นช่อดอกไม้ที่เธอกอดไว้แน่นตั้งแต่โดนดึงมาหลบหลังคิระไปให้ มือเล็กสั่นระริก ดวงตากลมโตของปูเป้มองคิระ เตโช และโมเน่ต์สลับกันแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่ยังไม่ทันที่โมเน่ต์จะรับมัน เตโชก็คว้าช่อดอกไม้ในมือปูเป้ไปแล้วเขวี้ยงมันลงพื้นอย่างแรง ก่อนจะเหยียบมันซ้ำๆ จนแหลกละเอียด เล่นเอาปูเป้ถอยไปหลบหลังคิระด้วยความกลัว ส่วนคิระ...เขายิ้มเยาะอย่างปั่นประสาทให้กับการกระทำที่เสียลุคนิ่งๆนั้น “หึ....” พรึ่บบบ! แกร๊บ! แกร๊บ! พอกระทืบช่อดอกไม้ที่กระชากไปจนหนำใจ เตโชก็ออกแรงกระชากโมเน่ต์อีกครั้งให้เดินตามหลังไป แต่คิดจะมาเช็คเรตติ้งด้วยละครน้ำเน่าเถียงกันไม่กี่ประโยคแล้วงอแงเป็นเด็กเอาแต่ใจเหยียบดอกไม้ที่ทำจากความตั้งใจของเด็กคนนึงน่ะ แค่นี้มันจะสนุกอะไร พรึ่บบบ! ......พรึ่บบบ! คิดได้แบบนั้น คิระก็เอื้อมมือไปคว้าแขนโมเน่ต์กระชากกลับมาหาเขาอย่างนึกสนุก แต่ในจังหวะเดียวกันเตโชก็กระชากแขนเธอกลับไป แล้วจ่อปากกระบอกปืนที่พอได้เห็นก็เล่นเอาโมเน่ต์พูดไม่ออกมาให้ กรี๊ดดดดด “อึก ตะ..เตโช” สีหน้าอึ้งจัดบอกชัดว่าโมเน่ต์แทบไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำว่าพวกเขาเป็นใคร คนรอบข้างเองก็กรี๊ดจนแทบเสียสติ และเหมือนเดิม ไอ้เวรนี่เอาแต่ตะคอกใส่เธออยู่ได้ “ไปขึ้นรถ!” คิระลอยหน้าลอยตาอย่างไม่รู้สึกรู้สาแม้จะโดนปากกระบอกปืนจ่ออยู่ตรงหน้า ในขณะที่ลูกค้าร้านบะหมี่ซึ่งเป็นคนธรรมดาวิ่งหาที่หลบวิถีกระสุนกันแทบบ้า “นะ...นาย....” “เดี๋ยวนี้!!!” คิระมองเตโชที่ฟิวส์ขาดและตะคอกเอาๆอย่างพิจารณา ก่อนจะหันไปส่งสัญญาณให้ลูกน้องข้างหลังเอาตัวปูเป้ที่ยืนหลบหลังเขาออกไป การกระทำนี้ทำให้เตโชรับรู้ได้ทันทีว่ารอบตัวเขามีแต่คนของคิระทั้งนั้น ภาพตรงหน้าเตโชคือกลุ่มคนนับสิบที่ไม่ได้วิ่งหนีหรือหลบหลีกเพราะกลัวปืนจะลั่นใส่เหมือนลูกค้าธรรมดาทั่วไป แม้ตำแหน่งการยืนจะสะเปะสะปะ แต่คิระคือเป้าสายตาของทุกคนที่ต่างก็จับจ้องไปที่เขาอย่างรอคำสั่งให้จัดการเท่านั้น ห่างออกไปไม่ไกลมีตัวจี๊ดที่โคตรอันตรายอย่างมาโคร ที่แม้จะยืนพิงรถอยู่ข้างไคยะด้วยท่าทางธรรมดา แต่สัญชาตญาณของเตโชบอกชัด ว่าทั้งเขาและโมเน่ต์เองก็โดนมาโครจับจ้องอยู่ไม่วางตา “มะ..ไม่อ่ะ” โมเน่ต์ที่มีท่าทางหวาดกลัวจากปืนในมือเตโชและแรงบีบรัดจากมือเขาที่กำมือเธอไว้พูดออกมาเสียงสั่นอย่างไม่รู้ว่ารอบตัวตอนนี้อันตรายแค่ไหน พรึ่บ! และเพราะไม่มีทางเลือก เตโชเลยเลื่อนปืนจากอกข้างซ้ายของคิระขึ้นไปจ่อหัวเขาแทนอย่างหงุดหงิดและตั้งสติประเมินสถานการณ์รอบด้าน แต่ยังไม่ทันจะคิดอะไรได้ โมเน่ต์ก็มาคว้าแขนเขาไว้ หมับ! “ถะ..ถ้าจะกลับ...ก็กลับด้วยกันดิ ติณณ์...กลับบ้านกัน” เสียงสั่นระริกของโมเน่ต์พูดออกมาอย่างกลัวใจเตโช ในขณะที่เตโชเองก็กลัวใจคิระที่ยืนตรงหน้าไม่ต่างกัน แต่ท่าทางทีเล่นทีจริงที่ถ้าจะเอาตัวเธอไปคงเอาไปนานแล้วของคิระ ทำให้เตโชค่อนข้างมั่นใจว่านี่เป็นเพียงการเอาคืนเขาที่ปั่นประสาทคิระไว้ที่ Ztudio เท่านั้น “ติณณ์... โอ๊ย!” พรึ่บบบ! แล้วความตื้อไม่เลิกจากโมเน่ต์และความฉุนเฉียวของเตโชที่อารมณ์ค้างอยู่ ก็ทำให้เขากระชากแขนเธอเดินถอยออกไปและยอมลดปืนลงง่ายๆ แต่ก็ไม่ได้ประมาทคิระและเหล่าลูกน้อง รวมถึงมาโครและไคยะที่ยืนห่างออกไป เตโชยังคงกระชับด้ามปืนในมือพร้อมลั่นไกไม่ว่าใครหน้าใครจะเข้ามาใกล้ คิระเองก็ไม่ได้เดินตามหรือให้ใครตามเขา มีเพียงริมฝีปากที่ยิ้มเยาะ และดวงตาที่จ้องมองไปอย่างมีเลศนัยจนทั้งคู่ขึ้นรถและขับพ้นรัศมีสายตาทุกคนในพื้นที่นี้ออกไป “…มึงก็ยังเป็นมึง มีผู้หญิงมาเกี่ยวหน่อยไม่ได้” หลังจากเตโชเดินพ้นไป มาโครก็เดินเข้ามาและเอ่ยปากแซวคิระขำๆ เขาเองก็แค่หลุดขำในลำคอพลางคิดว่าก็จริง เพราะเขาไม่ได้มีรสนิยมก่อความรุนแรงต่อหน้าผู้หญิง ก่อนที่ไคยะที่จะวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาพร้อมมือถือในมือและส่งเสียงโวยวายดังลั่น “แย่แล้วครับ! แย่แล้วครับนาย!” “อะไร?” พรึ่บ! สิ้นสุดคำพูดของคิระ ไคยะก็หันหน้าจอมือถือในมือส่งมา ปรากฏภาพคิระกำลังคีบลูกชิ้นไปให้โมเน่ต์ ภาพที่ส่งยิ้มให้กันหวานเจี๊ยบ ภาพที่กุ๊กกิ๊กกันโดยมีแต่ปูเป้เป็นกามเทพตัวน้อย และทุกๆภาพที่ไคยะถ่ายไว้ถูกส่งไปหาลิซ่าเรียบร้อยด้วยฝีมือของมาโครที่อาศัยจังหวะที่พวกเขาพรวดพราดลงจากรถตอนเตโชมา “คือผม ผมไม่ได้ทำนะครับนาย คือว่า....” ไคยะปรายตาไปมองมาโครที่ยืนกลั้นขำและลอยหน้าลอยตา ก่อนทำท่าจะโวยวายออกมา แต่เจ้าตัวดันไหวตัวทันรีบชิงพูดตัดหน้า “กูบอกมันแล้วว่าอย่าถ่าย เหี้ยจริงๆเลยนะมึงอ่ะ :)”อีกด้านหนึ่ง ย้อนกลับไป 10 นาทีก่อน...
@LISA’S CONDO “มาแล้วววว วันนี้ลิซทำของโปรดของเราทั้งคู่เลยน้า ข้าวไข่ข้นปูยู้ฮูววว ดูสิๆหอมมากเลยใช่ม้า ^_^” ฉันพูดและวางจานอาหารลงตรงหน้าโรสที่ท้องร้องจ๊อกๆตั้งแต่ที่ฉันเริ่มตีไข่และตั้งกระทะ ก่อนที่โรสจะช่วยรินน้ำใส่แก้วแล้วมากินข้าวเย็นด้วยกันสองคนตามประสา “สุดยอดดดด จะกินแล้วนะค้าาา ^_^” โรสไม่รอช้าตั้งข้าวเข้าปากคำใหญ่เบ้อเร่อเลยล่ะ ส่วนฉันพอยกช้อนขึ้นมานิดหน่อย อยู่ๆก็มีไลน์จากพี่ไคยะที่ไม่รู้ส่งรูปภาพอะไรเยอะแยะมา Line Line Line Line Line…. KAIYA ส่งรูปภาพถึงคุณ KAIYA ส่งรูปภาพถึงคุณ KAIYA ส่งรูปภาพถึงคุณ KAIYA ส่งรูปภาพถึงคุณ KAIYA ส่งรูปภาพถึงคุณ และพอเปิดดูก็... นี่มัน... เฮียคิระกับใครกัน?หลายชั่วโมงต่อมา..."กลับมาแล้วค่าาา U_U"ฉันยื่นซองเอกสารที่ใส่ทะเบียนสมรสเป็นหลักฐานให้เฮียติณณ์ดู แล้วก็เพิ่งสังเกตว่าในนี้มีทั้ง Nightshade และ Nightshade's Lady นั่งอยู่"เอ้าโรส! แล้วก็พวกเฮียๆด้วยนี่นา สวัสดีค่าทุกคน~ ^_^""ไง ได้ข่าวว่าไม่โสดแล้วหรอ ใช่ม้า~"โรสเอ่ยปากแซวฉันก็หันไปยิ้มกับเฮียโย แต่ไม่ได้การละ เฮียๆอยู่ที่นี่ทั้งที"หึ๊ยยย ฟ้องเฮียดีกว่า เฮียขะ...."กึก...แล้วพอก้าวขาจะไปโผล่ตรงกลางระหว่างเฮียโยกับเฮียพาย อยู่ๆขาฉันก็ชะงักไปเพราะสายตาผู้หญิงของเฮียพายที่มองมาพอดี"เอ่อคือ...""ขอโทษนะ...ลิซ ที่วันนั้นเข้าใจผิด"เอ๋??? รุ่นพี่เป็นฝ่ายขอโทษฉันงั้นหรอ เรื่องจริงหรอเนี่ย ฉันเลยหันไปมองหน้าเฮียพายสลับกับเฮียคิน นี่อย่าบอกนะว่ามีใครไปทำอะไรมาเนี่ย"อ๋อ เอ่อคือ...ไม่เป็นไรเลยค่ะเจ๊...นิลลา แหะๆ""ว่า?"จังหวะที่ฉันหันไปยิ้มแห้งๆ เฮียพายก็ถามมา โอ๊ะเกือบลืมแหนะฟุ้บ!"คือว่าเฮียขาาา~ อะแฮ่ม ลิซขอแทรกหน่อยน้า เฮียขา เฮียคินบังคับให้หนูไปจดทะเบียน โดยมีเฮียติณณ์! เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดค่าา... อะแฮ่มอีกที! เฮียช่วยกระทืบใครสักคนให้หน่อยได้มั้ยคะ หนูปวดร้าวหัวใจมากที่เค้ามาป
วันต่อมา..."ไม่สนค่ะ! ถ้าไม่ใช่รูปนกฟีนิกซ์ หนูจะไม่ยอมประทับตราเด็ดขาด >[]ฉันตะโกนออกไปแบบแน่วแน่สุดๆไปเลย ก็มีอย่างที่ไหนอ่ะ ตื่นเช้ามายังไม่ทันจะอาบน้ำแปรงฟัน เฮียคินก็มาขู่ให้คนอื่นเค้าเอาดาบไขว้มาประทับไว้บนตัว และให้เหตุผลว่าการประทับตราเป็นการบ่งบอกว่าเราคือ Dark Shadow แต่โหย! ตั้งมีดดาบเชียวนะ เกิดมันมีชีวิตแล้วแทงเข้าไปในเนื้อหนังอันละเอียดอ่อนของฉันจะว่าไงอ่ะ =[]="Dark Shadow ต้องประทับตราเดียวกัน -_-""ก็หนูไม่อยากเป็....""ถ้าพูดมันออกมาอีกครั้ง..."เสียงเข้มกับสายตาดุๆถูกส่งมาให้ฉัน ก่อนที่ฉันจะยอมอ่อนลงนิดนึง เชอะ! "อะไรคะ ที่จริงหมายถึงไม่อยากให้ตราประทับเป็นรูปมีดดาบต่างหากล่ะ -3-""เลือกตำแหน่งที่อยากประทับไว้เลย"พรึ่บ!พูดจบเฮียคินก็ลุกขึ้นจากเตียงเฉย เดี๊ยะๆ ทำเป็นมาสั่งเนาะ"ไม่! หนูไม่เลือก ไม่สนใจ ไม่ประทับตราแน่ๆจะบอกให้"ฟุ้บ!ฉันทิ้งตัวนอนแล้วดึงผ้าห่มคลุมโปงไปเลย ก็ไม่อยากได้มีดดาบ ไม่ชอบอ่ะมันคม กลัวมันแทงเข้าไปควักไส้ หยึ๋ยยยย =[]=! ซาหยองจาตายยย"จะดื้อจนนาทีสุดท้ายเลยรึไง""ไม่ดื้อ! หนูไม่ได้ดื้อ หนูแค่ไม่ชอบ...""อาบน้ำแต่งตัว เช้าบินไปจดทะเบียน
"แย่จริงๆ คุณเปิดตัวอลังการขนาดนี้ ลูกหลานได้หัวใจวายกันพอดี :)""ท่านย่า""ท่านแม่"กึก!สิ้นสุดคำพูดของท่านปู่ เฮียคินที่ยืนอึ้งก็พูดออกมาเสียงสั่น เขาก้าวขาจะเดินตรงเข้าไปหาท่านย่าเช่นเดียวกับเจ๊เฟรย์ที่น้ำตาคลอขึ้นมาแบบฉับพลัน แต่ทั้งเฮียและเจ๊ก็ต้องชะงัก คงเพราะเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังประคองร่างเฮียแม็คและรุ่นพี่เลโอที่อาการสาหัส ท่านย่าเลยหันมองทั้งคู่ และเงยหน้ามองรุ่นพี่เตโชที่สีหน้าเขาเองก็ทึ่งไม่จากพี่น้องคนอื่นเลยสักนิดกึก...กึก...กึก...ไม่รอให้ใครพูดอะไร ท่านย่าปรับสีหน้าให้ดูนิ่งเรียบ ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเฮียแม็คและรุ่นพี่เลโอที่ถูกประคองเอาไว้ เฮียแม็คพอเห็นแบบนั้น เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีขยับตัวให้หลุดจากการประคอง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งคุกเข่าก้มหัวต่อหน้าท่านย่า และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก"ผมขอโทษครับท่าน ขอโทษ...สำหรับทุกเรื่องครับ"ภาพตรงหน้าทำให้ฉันหันมองเจ๊เฟรย์ที่ยืนนิ่งทันทีที่ได้ฟัง ท่านย่าเองก็มองไปที่เธอ และค่อยๆยกฝ่ามือขึ้นวางบนบ่าเฮียแม็คที่ยังอยู่ในชุดเจ้าบ่าวที่ตนเองเป็นคนออกแบบ ก่อนจะตบบ่าเขาเบาๆ และพูดมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
วันทดสอบหัวใจของรักษาการ...“โอเคมั้ย?”เฮียแม็คในชุดแปลกตาที่นั่งตรงข้ามกันพูดกับฉัน คงเพราะฉันเริ่มจะเลิ่กลั่ก ก็นี่มันเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ฉันเลยส่ายหัวออกไปอย่างไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน“ใจเย็นๆลิซ"“หนูอาจไม่ใช่หนึ่งสตรีที่เค้าตามหากันก็ได้”นั่นสินะ... อย่าว่าแต่การเป็นหนึ่งสตรีเลย คนที่ร่ำลือว่าเป็นเนื้อคู่ตอนนี้ ฉันเห็นเขาแค่แว๊บเดียวเมื่อเช้าที่ห้องแต่งตัว แล้วเฮียคินก็เดินหนีหายไปไหนไม่รู้ มีแค่คำสั่งที่กำชับพี่ไคยะเอาไว้ว่าให้ฉันอยู่แต่ในห้องนี้“ไม่เห็นจะเกี่ยวกับการเป็นหนึ่งสตรีตรงไหน”เฮียแม็คทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มือก็เอื้อมมาหยิบสมุดโน้ตฉันไปเปิดดูสิ่งที่ฉันพอจะนึกอะไรได้แล้วโน้ตเพิ่มลงไป“เกี่ยวสิคะ ก็แค่ทดสอบยังทำไม่ได้ แถมหนูตะคอกใส่เฮียคินกับท่านปู่เสียงดังมากด้วย กับเฮียคินน่ะ...เราคุยกันน้อยลงมาก ช่วงวันสองวันนี้ U_U"“ไอ้คินมันยุ่งๆ อย่าคิดมาก ส่วนเรื่องในห้องประชุม คนเรามันก็ตกใจกันได้”“...เฮียแม็ค”“?”ฉันส่งเสียงเรียกคนตรงหน้าออกไปเสียงอ่อน เขาก็แค่เลิกคิ้วขึ้นนิดนึง แล้วก็นะ มันดูอ่อนแอมากเลยที่จะต้องพูดว่า...“หนูอยากกลับบ้านค่ะ"แล้วแค่นั้นเฮีย
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...- ห้องทำงานคิระ -แกร๊กๆๆๆ“จิ๊!”“อย่าเครียดนักสิ”“มันอีกแค่นิดเดียวเองค่ะ เหมือน XVII ตั้งใจปั่นประสาทหนูน่าดู ย้ายโลเคชั่นทุกครั้งที่ออนไลน์เลยมั้ง โรคจิต!”“.......”ฉันตอบกลับเฮียคินทั้งที่มือยังคาอยู่บนคีย์บอร์ดโน้ตบุ๊คแบบนี้ แล้วเพราะโดนเฮียเงียบใส่นี่แหละ เลยทำให้ฉันหยิบมีดสั้นเล่มนึงใกล้ๆมือปาออกไปที่เป้าข้างหลังเขาแบบหงุดหงิดฉึก!หึ...มันดูแปลกใช่มั้ยล่ะ ที่มีเป้านิ่งให้ระบายอารมณ์ได้เต็มที่ แต่เป้านี้ยังถือเป็นอะไรที่เบสิคมากเลย เพราะในห้องเฮียคินไม่เหมือนห้องเจ๊เฟรย์เลยสักนิด เขาเอาอาวุธเยอะแยะมาวางเรียงเป็นของตกแต่งเหมือนที่ชอบเอาปืนซ่อนไว้ในทุกอาณาเขตของคอนโดไม่มีผิด“ยังปาแม่นเหมือนเดิมนี่ หนึ่งสตรี”“เฮียแม็ค~”เสียงที่คุ้นหูทำให้ฉันละสายตาจากเป้ามองคนที่เดินเข้ามาในห้องทันที แล้วเฮียคินนี่ออกตัวดุมาเชียว“ดีใจกว่าเจอหน้าผัวอีก -.-”ชิชะ! ไม่ต้องเลยนะ ทำมาเป็นพูดดี“เฮียแม็คไปไหนมาคะเนี่ย ไม่เจอตั้งหลายวันอ่ะ”“มันไล่”“อ้าว จับได้แล้วเจ้าตัวดี -3-”พอฟังเฮียแม็คตอบมา ฉันก็ส่งสายตาฟาดฟันไปให้เฮีย เขาก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่ที่จริงเฮียคินก็บอกฉันแล้วล
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...“ลิซ...จะไม่พูดไรหน่อยเลยหรอ?”นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ฉันนั่งฟังความจริงว่าพวกเขาเป็นใคร? Dark Shadow คืออะไร? จากปากเฮียคินและเจ๊เฟรย์ ซึ่งพี่เคนชินและพี่ไคยะเองก็อยู่ที่นี่และทุกคนกำลังจ้องมาแต่เฮียคินกับเจ๊ก็พูดไม่หมด ทั้งสองคนพูดถึงการทำความผิดของสภาก็จริง แต่ก็ไม่ได้พูดถึงวิธีน่ากลัวที่ใช้จัดการกับสภาไปแล้ว น้่นก็คือความโหดร้ายที่เฮียคินกับรุ่นพี่เตโชทำ ซึ่งอย่างที่รู้กัน ฉันเห็นภาพเหตุการณ์ตอนพิพากษาพวกนั้นเมื่อกี๊ ถึงจะไม่มีช่วงที่รุนแรงเลือดสาดมันก็พอจะรู้อยู่ดีและที่เล่ามามันก็มีเรื่องใหม่ๆที่ฉันไม่ได้รู้ลึกอย่างความสัมพันธ์ที่เคยมีปัญหาของเฮียคินกับรุ่นพี่ แต่บอกตามตรงนะฉันก็ยังแอบโกรธรุ่นพี่เตโชอยู่ดี แล้วก็กำลังสนใจเรื่อง XVII มากกว่าด้วยตอนนี้“หนูเข้าใจทุกอย่างเลยค่ะ”ฉันเลือกจะตอบคำถามท่ามกลางความเงียบในห้องแบบขอไปที เฮียคินพอเห็นฉันนิ่งก็มองมาและทำท่าจะพูดอะไร ฉันเลยชิงพูดไปก่อน“เจ๊คะ หนูขอยืมได้มั้ย โน้ตบุ๊คเครื่องนี้”ได้ฟังแบบนั้นเจ๊เฟรย์ไม่ได้อิดออดอะไร แถมยังหันไปพยักหน้าให้พี่เคนชินหยิบมันมาทันทีและพอได้มา สิ่งแรกที่ฉันอยากจะมั่นใจก่อน คือ X