Episode 37
เหตุจงใจ
“แม่ไปก่อนนะลูก ดูแลตัวเองดี ๆ นะ” เข้าสวมกอดแม่เอาไว้แน่นด้วยความโหยหา จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ผ่านมาร่วมอาทิตย์แล้ว ร่างกายของฉันเริ่มเข้าที่เข้าทาง แผลที่ศีรษะเริ่มสมานจนเป็นเนื้อเดียวกัน อาการปวดหัวก็ค่อย ๆ ดีขึ้นตาม
ลำดับ และเมื่อไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ก็ถึงเวลาที่แม่จะต้องไปต่างจังหวัดอีกแล้วเฮ้อออ ยังไม่หายคิดถึงเลย
“ไม่อยากให้ไปเลยค่ะ อยากอยู่กับแม่ต่ออีกนิด”
“มีแฟนอยู่แล้วยังจะเหงาอีก”
“แม่อะ หนูก็บอกว่าเพื่อนกัน”
“จ้า แม่เข้าใจศัพท์วัยรุ่น” ฉันยู่จมูกใส่แม่ คุณกานต์นี่ไม่ไหวจริง ๆ เลย มีการเข้าใจศัพท์วัยรุ่นไปอีก
“ไปอยู่โน่นก็ขยัน ๆ หน่อยนะคะ เผื่องานสินค้าโอท็อปของคุณกานต์จะเสร็จเร็ว ๆ”
“ยัยลูกคนนี้ ติดแม่เป็นเด็ก ๆ ไปได้”
“นมน้อยใจดีไหมคะ เครื่องจะขึ้นแล้วป่านนี้ยังไม่ได้กอดคุณหนูเลย” ได้ยินดังนั้นก็รีบปล่อยกอดแม่แล้วหันไปกอดร่างอันโรยราของแม่นม วงแขนทั้งสองข้างโอบรัดเอาไว้แน่นให้คนแก่หายน้อยใจ
“พอไหมคะ อย่าน้อยใจหนูเลยนะคะ”
“กอดแน่นขนาดนี้หายก็ได้ค่ะคุณหนู” คลี่รอยยิ้มออกมาหลังจากนั้น แม่นมนี่ง้อง่ายจริง ๆ เลย
“ได้เวลาแล้ว” ฝ่ามืออันอบอุ่นแตะที่แขนฉันเบา ๆ แววตาของท่านแสดงออกว่าเป็นกังวลมากเมื่อถึงเวลาที่จะต้องไป “ดูแลตัวเองดี ๆ นะลูก” ถัดมาดวงตาสีเดียวกับฉันก็หันไปหาคนที่ยืนรออยู่เงียบ ๆ “ฝากดูแลด้วยนะฮีล”
นาทีนี้ฉันตงิดใจเล็กน้อย ทำไมแววตาของแม่ถึงได้ฉายความพะวักพะวนออกมาได้ถึงขนาดนี้ หรือเพราะเคยเกิดเรื่องร้ายกับฉันมาแล้วครั้งหนึ่งท่านเลยเป็นกังวล พอสันนิษฐานว่าต้องเป็นแบบนี้จึงสะบัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไป ก่อนส่งยิ้มให้แม่หลังคลายอ้อมกอดออกจากแม่นม
“ครับผม” ฮีลตอบรับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ฟังดูแล้วก็สุภาพและนุ่มนวลพอตัว กับผู้ใหญ่นี่วางตัวเก่งจริง ๆ
“ถึงแล้วจะโทรหานะ”
“ค่ะ บายนะคะ” โบกมือลาแล้วยืนรอแม่เดินเข้าเกตไป กระทั่งร่างบอบบางของบุพการีหายไปจนลับตาฉันก็หมุนตัวไปหาคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“ไป กลับกัน”
“อือ”
จากนั้นเราก็กลับคอนโด ฉันเข้าไปเก็บของนิดหน่อยเพราะไม่สะดวกใจที่จะอยู่คนเดียวแล้ว ดังนั้นจึงย้ายเสื้อผ้าตัวเองบางส่วนไปอยู่กับไอ้ฮีลแทน
ภาพสุดท้ายที่คอนโดฉันจำได้ว่าค่อนข้างเลอะเทอะ ทั้งเศษแก้วและรอยเลือดเกลื่อนกระจัดกระจาย ทว่าตอนนี้ทุกอย่างกลับมาสะอาดสะอ้านดังเดิม ราวกับว่าก่อนหน้านั้นไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แต่พอมองไปทีไรก็ติดตาชวนให้ใจหวิวตลอด
ไม่รู้ว่าตัวเองยืนสั่นอยู่นานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีก็โดนรวบกอดเอาไว้แล้ว
“โอเคหรือเปล่า”
“อือ โอเค”
“เอาไง จะบอกมันไหม”
“บอกใครอะ”
“เฮ้ย!” ไอดีมีท่าทีตกใจ เมื่อฉันเดินพรวดพราดเข้าไปกลางวงสนทนา ทว่ายังแอบฟังไม่ได้ศัพท์ก็เกิดคำถามขึ้นเสียก่อน พวกมันดูตกใจมาก ฉันแค่มาเรียนหลังจากนอนเดี้ยงอยู่บนเตียงมาหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ เอง
“ตกใจไร ฉันคน” หากท่าทีนั้นไม่ได้แสดงออกเหมือนว่าเห็นผี ฉันคงไม่มีคำพูดนี้ออกมาจากปาก
“เปล่าอะ นี่สบายดีแล้วเหรอ”
“อือ” พยักหน้าให้ลูกปลาพร้อมหย่อนกายนั่ง ก่อนหยิบกระดาษมากมายปึกหนึ่งส่งคืนให้เพื่อน “อะ ขอบใจมาก แต่พูดตามตรงนะ ฉันอ่านไม่ไหวว่ะ หัวจะระเบิด”
ความหมายของฉันคือขี้เกียจทำความเข้าใจ ไม่ได้เกี่ยวกับแผลที่ศีรษะแต่อย่างใด
ไม่รู้อาจารย์จะสอนอะไรนักหนา ฉันหยุดเรียนแค่อาทิตย์เดียวเองแต่ชีตเรียนกลับหนาเป็นกองสูงเท่าภูเขา เฮ้อ เห็นละท้อแท้ใจ จึงเลือกอ่านแต่วิชาที่ไม่ค่อยถนัดเอาเท่านั้น
“เกรดตกฉันจะฮาให้” ลูกปลารับเอกสารมากมายไปวางไว้บนหน้าตัก พร้อมบ่นกระปอดกระแปดออกมา
“ว่าแต่ เมื่อกี้เมาท์อะไรกัน มีอะไรจะบอกฉันงั้นเหรอ” ไม่รู้ว่า ‘มัน’ ของประโยคไอดีหมายถึงใคร จึงต้องถามย้ำด้วยความเผือก
ฉันปรายตามองทุกคน ไล่ตั้งแต่แสนดีที่นั่งนิ่งทำเหมือนไม่ได้ยิน ไอดีหันหน้าหนี ส่วนลูกพีชส่ายหน้าให้ จนถึงคนสุดท้ายก็คือยัยลูกปลา “ไม่มีอะไร บางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องเผือกนะจ๊ะคนงาม”
มันด่าพร้อมกับชม แบบนี้ฉันควรโกรธไหม?
“นี่คือวิธีการเอาตัวรอดของแกใช่ไหม” ตบหัวแล้วลูบหลังอะ ยัยคนนี้นี่ไม่ไหวจริง ๆ เลย
ส่ายหน้าให้พร้อมหันไปมองคนที่นั่งน้ำลายบูดอยู่ไม่ไกลนัก ฮีลเข้ามาพร้อมฉันและไม่ได้หายไปไหน มันแค่ไม่มีบทพูดก็เท่านั้น
นิ่งจริง
“ไปเรียนกันไหม จะสายแล้ว” ลูกพีชพูดขึ้นหลังจากนั้น ทุกคนจึงรีบร้อนดีดตัวลุกแล้วเดินออกไป อะไรกันยัยพวกนี้ แปลกพิกลแฮะ
เราเข้าเรียนไปตามปกติจนจบคลาส แต่วันนี้ฉันต้องเข้าไปห้องวิชาการเพื่อติดต่อเรื่องลาป่วยกับอาจารย์ที่ปรึกษา หลังคุยเสร็จสรรพก็เดินเลียบฟุตพาทแล้วมานั่งรอไอ้ฮีลอยู่ตรงม้าหินอ่อนตรงข้างตึก
“โอ๊ะ!” สายลมพัดโกรกเบา ๆ ปัดเอาเอกสารที่วางเรียงรายกระจัดกระจายลงพื้นคอนกรีต ทำให้ฉันตามเก็บแทบไม่ทัน
เพล้ง!
เสียงแตกของอะไรบางอย่างดังขึ้นจากด้านหลังฉัน พอหันไปมองก็แทบทรุดตัวลงไปกับพื้น มันคือกระถางต้นไม้ที่หล่นมาจากชั้นไหนของตึกก็มิอาจทราบ แต่ที่แน่ ๆ มันเฉียดหัวฉันไปอย่างหวุดหวิด
“มินนี่! เกิดอะไรขึ้น”
ฉันชี้มือไปตรงนั้น พร้อมทั้งจ้องมองอย่างอึ้ง ๆ “ตะ...ตรงนั้น”
คนที่เพิ่งเข้ามาใหม่น่าจะเห็นเหตุการณ์ก่อนแล้ว ฮีลย่อตัวลงพลางดึงที่เรียวแขนให้ฉันลุกขึ้น พร้อมทั้งประคองเอาไว้ราวกับว่าขาของฉันมันสั่นเสียจนทรงตัวไม่อยู่
เงยหน้ามองบนนั้นอีกครั้ง กระถางนี้ถ้าจำไม่ผิดมันถูกวางอยู่หน้าประตูห้องเรียน แล้วมันจะตกลงมาได้ยังไง หากไม่มีใครตั้งใจจะหยิบมันมาฟาดใส่หัวฉันซ้ำแผลเก่า
มันไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นความจงใจของใครสักคน
นึกแล้วก็เคลื่อนดวงตาหวาดหวั่นไปมองคนข้าง ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ “มะ...มีคนโยนมันลงมา”
ฉันว่าฉันไม่ได้ทำอะไรให้ใครเลยนะ พี่เก่งกับมิรินก็เข้าคุกไปแล้ว คราวนี้จะเป็นใครได้อีก
หรือจะเป็นน้องฟาง
ครุ่นคิดว่าตัวเองเคยไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจบ้างหรือเปล่าถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ แต่นึกไปนึกมาก็คงจะมีแค่ชื่อที่กล่าวออกมาเท่านั้น
กับน้องฟาง ฉันว่าฉันไม่ได้ทำอะไรให้น้องมันเกลียดสักหน่อย แต่ก็ไม่แน่นะ อยู่เฉย ๆ ก็เกิดเกลียดกันได้ เพราะฉันดันได้ตำแหน่งที่มันอยากจะได้เสียด้วย
“กลับกันเถอะ” เสียงของฮีลดึงฉันออกจากภวังค์ความคิด หลังสะดุ้งตัวก็พยักหน้าให้แล้วค่อย ๆ ก้าวขาที่สั่นเทาออกไปจากตรงนี้
“อือ”
ตอนพิเศษ 2ขอแต่งงานฉบับซงจุงฮีล“โหหหห นังดาวยั่ว วันนี้มาในลุคสตรีตเลย” ลูกปลาพูดขึ้นเมื่อฉันเดินออกมาจากห้องพักไรง่ะ มาถึงนี่ทั้งทีก็ต้องแต่งตัวให้อินเทรนด์หน่อยสินี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ฉันได้ออกมาเที่ยวต่างประเทศอีกครั้ง แน่นอน ติ่งอย่างฉันก็ต้องเลือกเกาหลีเป็นประเทศแรก“ไม่ได้เที่ยวซะนาน ต้องอินเทรนด์หน่อย” เชิดหน้ามั่น ๆ แล้วพูดออกมา ก่อนปรายตามองคนอื่นวันนี้เพื่อน ๆ ต่างก็อยู่ในชุดเดรสสีขาวกันหมด เพราะนัดกันไว้ว่าธีมสีขาว ซึ่งฉันรู้แล้ว แต่ไม่เอาอะ ฉันไม่ชอบใส่เดรสสีขาว ก็เลยเลือกใส่เป็นชุดนี้แทน“ไม่ได้! ชุดนี้เอาไว้ใส่พรุ่งนี้ วันนี้ใส่ให้เข้าธีม” แสนดีเริ่มพูดขัด ข้าง ๆ มันเป็นพี่รามที่มาด้วยในวันนี้“ใช่! ดูสิ ขนาดเดมี่ยังใส่ชุดสีขาวเลยเนอะเดมี่เนอะ”“แอ๊” เสียงเด็กน้อยร้องขานรับ ทำให้ฉันต้องยื่นมือไปบีบแก้มนุ่มนิ่มของเดมี่ ลูกสาวตัวน้อย ๆ ของยัยลูกพีชเชื่อไหมว่าสองคนนี้น่ะรักกันมาก เพราะหลังจากเรียนจบลูกพีชก็มอบของขวัญวันเกิดให้แก่คุณป๋าทันทีนั่นก็คือการปล่อยตัวเองให้ท้องตั้งแต่ก่อนจบ เนื่องจากอายุอานามของคุณป๋าก็ไม่ใช่น้อย ๆ คู่นี้จึงต้องรีบมีกันหน่อยน่ารักเนอะ
ตอนพิเศษ 1คำขู่ของซงจุงฮีล“ไปแล้วนะ”“อือ มากอดที”เข้าสวมกอดแฟนตัวเองเอาไว้แน่นเพื่อแทนความคิดถึง ก่อนคลายมันออกหลังจากชื่นใจพอแล้ว ฉันจ้องดวงตาสีนิลของฮีล แววตาคู่นั้นยังคงนิ่งสงบอยู่เหมือนเคย ทว่ามุมปากที่ยกยิ้มทำให้ใบหน้านั้นไม่ดูไร้ชีวิตชีวามากเท่าใดวันนี้ฉันจะต้องพาพนักงานบริษัทไปทริปเที่ยวประจำปีที่ทะเลสุราษฎร์ฯ ซึ่งเป็นนโยบายอย่างหนึ่งที่ช่วยสร้างกำลังใจให้กับพนักงาน เรียกได้ว่าเป็นโบนัสอีกก้อนเลยก็ว่าได้“เดินทางดี ๆ ถึงแล้วโทรหาด้วย”“โอเค เสร็จแล้วตามมานะ” ฉันพยักหน้า ก่อนมองอีกฝ่ายด้วยความคิดถึง หากไม่ติดว่าฮีลเองก็มีงานที่ต้องทำเหมือนกันฉันคงอ้อนวอนขอให้มันไปด้วยกันตั้งแต่วันนี้แล้ว แต่เพราะอีกฝ่ายก็งานยุ่งพอสมควรเลยทำอย่างที่คิดไว้ไม่ได้ ถึงอย่างนั้นฮีลก็ยังอุตส่าห์รับปากว่าหากเสร็จงานแล้วจะรีบตามมาจริง ๆ แล้วเราสองคนไม่เคยห่างกันนานเลย“อือ”หลังจากนั้นก็เดินไปขึ้นรถเพื่อออกเดินทาง ใช้เวลาจนเย็นก็เดินทางมาถึงที่นี่ ฉันเลือกที่จะเข้าห้องพักในทันทีแล้วนอนหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ก่อนจะตื่นมาพบกับพระอาทิตย์ตกในยามเย็นทะเลที่นี่สวยมาก สวยพอ ๆ กับทะเลตอนนั้นเลย ตอนที่ฉัน
Episode 53พื้นที่ที่ฉันอยากจะเข้าไป“ทำไมถึงพามาที่นี่อะ” ฉันเอ่ยถามหลังจากย่างสามขุมเข้ามาในคอนโดของตัวเอง จะว่าไปก็ผ่านมานานแล้วเหมือนกันที่ฉันไม่ได้เข้ามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เกิดเรื่องนั้น...“มันเป็นที่ที่ฉันอยากมา”“หืม...” ฉันร้องหืมในลำคอ มองใบหน้าอีกฝ่ายแล้วพยายามเดาความคิดของฮีล “ทำไมอะ ถ้าเราจะเดตกัน นายก็จะเลือกเดตที่นี่เหรอ”“อือ”“เพราะ?”“มันเป็นพื้นที่ส่วนตัวของคุณเมาส์...” เซอร์ไพรส์กับคำตอบที่ได้มาก ๆ ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดแค่นั้นของผู้ชายหน้านิ่งอย่างฮีล ถึงกับทำให้ฉันรู้สึกเหมือนถูกหยอดให้เขินซ้ำแล้วซ้ำเล่า “พื้นที่ที่ฉันอยากจะเข้าไปมาก”“อือ แต่ตอนนี้ก็ทำสำเร็จแล้ว พอใจหรือยัง”“เข้าห้องเถอะ อยากโดนป้อนจูบแล้ว” ฝ่ามือหนาออกแรงรั้งให้ฉันเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง“ถามจริงนะ ถ้าวันไหนไม่ได้จูบจะเบื่อฉันไหม ถ้าวันไหนที่ฉันให้เรื่องเซ็กซ์กับนายไม่ได้”“ถามอะไรแปลก ๆ” ฮีลตอบ ทรุดกายลงกับเตียงใหญ่ขนาดคิงไซซ์แล้วพูดต่อ “ห่างกันมาเป็นเดือนก็เคยมาแล้ว”“นั่นสินะ”“หยุดกังวลไปได้เลยว่าฉันจะรักเธอเพียงเพราะแค่เซ็กซ์” น้ำเสียงนั้นไม่ได้ส่อแววน้อยใจ แต่ฟังแล้วออกเจ้าเล่ห์อย่างไรอ
Episode 52จูบมัดจำ“อีมินนี่! แกทำลูกฉัน!” เสียงนี้ดังมาก่อนตัวจนฉันต้องหันไปมอง ก่อนพบผู้หญิงคนที่เคยอยู่ในตำแหน่งแม่เลี้ยงกำลังวิ่งเข้ามาหาด้วยท่าทางคุกคาม ทว่าสองมือกลับไร้เครื่องมือประทุษร้ายแต่เมื่อกี้เหมือนทางนั้นจะพูดอะไรผิดไปนะ ลูกสาวของมันต่างหากที่ทำฉันก่อนเพราะเธอพุ่งเข้ามาอย่างไร้การตรึกตรอง การส่งเสียงมาก่อนตัวในระยะร้อยเมตรจึงทำให้ฮีลกับพี่ฮัทที่นั่งทานข้าวอยู่กับฉันรีบกันออกไปได้ทัน“อีมินนี่ ฮืออออ” หลังจากที่ทำอะไรฉันไม่ได้เธอก็ทรุดลงกับพื้นพร้อมทั้งร้องไห้โฮ ก่อนจะรำพันไปเรื่อยเปื่อยคล้ายคนบ้าเฮ้อออ เห็นแล้วถึงกับต้องพรูลมหายใจออกมา ทำไมสองคนนั้นถึงเอาแต่คิดว่าฉันเป็นตัวต้นเหตุ ทั้งที่ความจริงคือพวกมันต่างหากที่เป็นคนเริ่มเป็นคนเข้ามาทำให้ชีวิตครอบครัวของฉันวุ่นวาย“รอสงเคราะห์คนที่อยู่ในเรือนจำก็พอ อย่าเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในนั้นเลย”“แก!”“ไม่ต้องมาเรียก! ฉันใจดีแค่ไหนที่ให้มันไปนอนในคุกเฉย ๆ ไม่ทำกับมันเหมือนที่มันจะทำกับฉันก็บุญแล้ว!”ตอบแค่นี้คนข้างล่างก็มองฉันด้วยแววตาเคียดแค้น ถัดมาแววตาก็อ่อนลงเหมือนคนหมดหวัง นั่งเหม่อลอยบนพื้นคอนกรีตด้วยดวงตาที่ปริ่มน้ำส
Episode 51ห้านาทีMinnie’s Part“ว้ายยยย” เกือบจะลื่นล้มหัวแตกเข้าให้เมื่อเดินเข้ามาก็เจอกับพื้นเปียก ๆ ไม่รู้ว่าป้าแม่บ้านทำอะไรหก ถ้าฮีลไม่รับไว้ป่านนี้ฉันคงเจ็บตัวไปแล้วล่ะมั้งคราวซวยจริง ๆ เลยช่วงนี้ ฉันว่าชีวิตฉันยังไม่ถึงวัยเบญจเพสเลยนะ“ขอโทษค่ะคุณ หนูนาเผลอทำน้ำหก” ถึงตอนนี้ฉันก็มองหน้าไอ้ฮีลเป็นเชิงถามว่าคนนี้ใคร วันนี้จู่ ๆ ก็มีใครที่ไหนไม่รู้ชื่อหนูนาเข้ามาที่นี่ แล้วมือที่จับไม้ถูพื้นนั่นหมายความว่ายังไงก็ไม่รู้“เอ่อ...สวัสดีค่ะ หนูนามาช่วยป้าจ๋าทำงานเพราะวันนี้แกป่วยค่ะ” ฉันปรายตามองเด็กสาวที่อยู่ในชุดเดรสสีชมพูสวมทับด้วยผ้ากันเปื้อน มัดผมเรียบร้อยดูน่ารัก แถมยังสวมแมสก์ปิดปากอย่างมิดชิดก็รู้ว่าช่วงนี้มันต้องป้องกัน แต่แอบคิดว่ามันไม่ร้อนเหรอถ้าจะใส่ตอนทำงานขนาดนี้ เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่มีใครอยู่ในคอนโด ไม่เห็นจะต้องกังวลอะไรเลย“เหรอ งั้นตามสบายนะ”“ค่ะ ขอโทษอีกครั้งนะคะ”“อือ” ว่าแล้วก็เดินไปหย่อนก้นลงบนโซฟาตัวเก่ง ก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไถไปเรื่อยเปื่อยแก้เบื่อ “ฮีล ลืมบอกว่าเมื่อเช้าพี่คลาสเอาคลิปนั้นมาให้แล้วอยู่ในห้องน่ะ”“อือ หิวไหม” ร่างสูงนั่งลงข้าง ๆ ก่อนวาดแข
Episode 50โอกาสแก้ตัวพลิกตัวไปหาคนที่กำลังนอนหงายแล้วใช้มือไพล่หลังคออยู่ ท่าทางของฮีลคล้ายกำลังคิดอะไรสักอย่าง และดูคิดมากจนฉันต้องหันไปถามสีหน้าฮีลไม่ได้ฟ้องหรอก แต่เพราะค้างอยู่แบบนี้นานแล้ว ก็เลยต้องตั้งคำถามสักหน่อย“มีอะไรเหรอ”“เรื่อง Memory Card” ฮีลตอบสั้น ๆ บอกแค่นั้นฉันก็พยายามนึกตาม ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็ผ่านมาสองวันแล้ว แต่เรายังไม่ได้หลักฐานชิ้นนั้นกันเลย“ไม่มีอะไรหรอกมั้ง ก็คุณเลขาเขาบอกว่ายังติดธุระนี่!”“ฉันกลัวว่าทางนั้นจะอยากแก้แค้นแทนเมียตัวเอง” ฮีลคงหมายถึงอาเกริกสินะ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องของผู้ใหญ่เป็นยังไง แต่เรื่องของฉันกับพี่คลาสอะลงตัว ส่วนกับอาเค้กท่านก็ดูเอ็นดูฉันพอสมควร เดาจากท่าทางที่แสดงออกในวันนั้นฉันคิดเป็นอื่นไม่ได้จริง ๆ“ไม่มีอะไรหรอก”“อย่าพูดแบบนี้คุณเมาส์ ทั้งที่ตัวเองเกือบจะโดนกระทำตั้งหลายรอบ”“เข้าใจก็ได้ ว่าแต่คุณเมาส์นี่คืออะไรเหรอ” ยกคางไปเกยเข้ากับแผงอกแกร่งแล้วช้อนสายตาขึ้นมอง ตั้งแต่วันนั้นฉันยังไม่รู้ความหมายของคำว่า ‘เมาส์’ เลย“คือชื่อของเธอไง” ฝ่ามือหนายกขึ้นลูบศีรษะฉันเบา ๆ “มินนี่ เมาส์”“โหยยยย ไรอะ ไม่อินเลย” บ่น