Episode 36
ขอเป็นแม่
“โอเคยัง” เนิ่นนานกระทั่งคนที่ทาบมือกับพวงแก้มเอ่ยถามขึ้น ฉันสูดหายใจเข้าลึก ๆ โดยที่ฮีลยังใช้มืออีกข้างช่วยปาดน้ำตาที่มันเริ่มแห้งเหือดออกไปให้ “หายปวดหัวยัง”
“อือ”
ดีดตัวลุกมองหน้ามัน โดยที่อีกฝ่ายก็มองฉันไม่ยอมละสายตาไปไหน
“มีอะไร”
“ก็แค่...อยากเป็นแม่เธอ”
“...!” มันบ้าหรือมันบ้ากันแน่ถึงได้พูดออกมาแบบนี้ เมื่อเช้าอยากเป็นผัวตกเย็นอยากเป็นแม่ อะไรของมัน จนฉันต้องทำสายตางง ๆ พร้อมทั้งสีหน้าอึ้ง ๆ ส่งไป เห็นท่าทีนี้แล้วมุมปากของอีกฝ่ายก็ยกสูงขึ้น ฮีลลอบอมยิ้มอ่อน ๆ ให้
“ฉันแค่อยากโดนกอดบ้าง”
เฮ้ออออ ไอ้บ้านี่ นี่มันกำลังเต๊าะฉันอยู่ใช่ไหม จะบอกว่าอิจฉาแม่ฉันว่างั้นที่โดนทั้งกอดทั้งหอมแก้ม จนต้องส่ายหน้าให้มันแล้วหลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ฮีลโหมดนี้ไม่ค่อยได้เห็นจริง ๆ ฉันจะยิ้มออกมาก็ไม่แปลก
“เป็นแม่นมฉันไหม แก่ดี”
“เป็นอะไรก็ได้ที่ได้อยู่ใกล้เธอ”
“ไอ้บ้า!” ด่าไปเบา ๆ หนึ่งแมตช์ด้วยรอยยิ้ม
“ยิ้มแล้ว”
“แล้วไม่ให้ฉันยิ้มได้ยังไงล่ะ ก็นายเล่นพูดบ้าอะไรก็ไม่รู้”
“เธอว่าฉันบ้า อยากมีผัวเป็นคนบ้าเหรอ”
“เดี๋ยว! ฉันยังไม่ยอมรับสักหน่อย” ยู่จมูกใส่พลางมองค้อนไปทันที “นายนี่นะ ตะกี้ยังอยากเป็นแม่อยู่เลย”
“เป็นผัวแล้วเธอจะกอดแบบนี้ไหม” พูดอะไรของมันก็ไม่รู้ ฉันว่าฉันเริ่มชักจะรำคาญแล้วล่ะ จึงล้มตัวลงนอนแล้วหันหน้าหนีทันที รู้สึกว่าตรงหน้าอกคันยุบยิบจนต้องสอดมือเข้าไปใต้หมอนแล้วแอบจิกเบา ๆ
ไม่ได้เขิน ฉันไม่ได้เขินจริง ๆ
“พูดมากนะ เดี๋ยวนี้น่ะ”
“ก็ไม่อยากนั่งเฉย ๆ แล้ว” ฮีลตอบ เวลานี้ฉันไม่เห็นหน้ามันเสียด้วยซ้ำว่ากำลังอยู่ในท่าทีไหน ทว่าแรงยุบของเตียงผู้ป่วยทำให้ฉันเข้าใจว่ามันย้ายตัวเองมาอยู่บนเตียงเดียวกับฉันแล้ว
คราวนี้มันจะพูดอะไรให้ฉันหงุดหงิดอีก...
“เดี๋ยวน้ำลายบูด แล้วเดี๋ยวจะจูบไม่หวาน” รู้สึกถึงแรงดันเบา ๆ จนต้องพลิกกายไปหาคนข้าง ๆ ก่อนที่ร่างสูงจะก้มตัวลงมา สัมผัสเรียวปากของฉันเบา ๆ
ตอนนี้เหมือนสมองจะตื้อไปหมด ฉันคิดไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าควรจะต้องผลักมันออกไปไกล ๆ จึงทำได้เพียงแค่นอนนิ่งอยู่กับที่แต่ยังคงปิดปากไว้ แรงกดจึงหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนฉันเผยอริมฝีปากออกเล็กน้อยให้คนข้างบนได้สอดแทรกเรียวลิ้นเข้ามา แต่ด้วยความช่ำชองของอีกฝ่ายทำให้ฉันค่อย ๆ เคลิ้มไปกับสัมผัสอันนุ่มนวล ขยับปากจูบตอบไปด้วยความรู้สึกหวานที่ปลายลิ้นจากลูกอมกลิ่นมินต์ รู้สึกชอบใจกับรสจูบนี้จนหลับตาลง ไล้มือขึ้นสูงจากแผ่นหลังไปยังท้ายทอย ก่อนสางเข้าไปในเส้นผมสีเทาแล้วจิกเบา ๆ ที่ตรงนั้นอย่างลืมตัว
“หวานไหม” ผละออกแล้วถามขึ้น แต่ประโยคนั้นจะให้ฉันตอบว่าไงล่ะ ก็เล่นจูบตอบมันไปเสียขนาดนั้น
“เฉย ๆ”
“เหรอ!” หลากเสียงประสานกันดังขึ้น จนตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าตัวเองต้องชอบจูบนั้นแน่ ๆ ถึงขั้นไม่รู้ตัวว่าพวกเพื่อนเข้ามาในนี้ตั้งแต่ตอนไหน
ทั้งลูกปลา พี่ฮัท ลูกพีช ไอดี และแสนดี ต่างก็ยืนเรียงหน้ากระดานมองพวกเราอยู่
“เฉย ๆ แต่จูบใหญ่เลยนะ” ลูกปลาจีบปากจีบคอแซว อะไรนัก ยัยคนนี้!
“นั่นดิ เสียงจ๊วบจ๊าบนี่ดังใหญ่เลย” แสนดีเสริม
“ใช่! เสียดาย” ไอดีพูดพลางส่ายหน้า “นึกว่าจะได้ดูหนังโป๊ซะอีก”
ปึก!
“ไปแซวเพื่อน เดี๋ยวมินนี่ก็เขินหรอก” ลูกพีชทุบเบา ๆ ที่แผ่นหลังไอดี ดวงตากลมโตมองมาที่ฉันคล้ายสังเกตอาการเก้อเขิน
ยัยนุ่มนิ่มคนนี้ก็ร้าย มาแซวแบบนี้ได้ยังไง
เผลอกัดปากแน่นในทันที ก่อนจะขยับตัวออกห่างทั้ง ๆ ที่ไปได้ไกลที่สุดก็ยังอยู่บนเตียงเดียวกันเหมือนเดิม
“มาทำอะไรกันตอนนี้ฮะ!”
“มาสังสรรค์” ลูกปลาตอบ นั่นทำให้ฉันมุ่นคิ้วอย่างุนงง นี่โรงพยาบาลนะ พวกมันคิดจะทำบ้าอะไรกัน
“อะไรของพวกแก สังสรรค์อะไรนี่โรงพยาบาล”
“ทำอย่างกับไม่เคยแหกกฎ” ไอดีตอบพลางหยิบขวดน้ำสีอำพันออกมาจากกระเป๋า ส่วนลูกปลาก็หย่อนกายลงบนโซฟาหนังสีเทา พี่ฮัทเตรียมพร้อมหยิบผ้าผืนเล็ก ๆ มาปูวางบนโต๊ะโดยมีลูกปลาช่วยหยิบกล่องไพ่ออกมา
อะจ้า ยัยพวกนี้
“ฉันป่วยนะ พวกแกจะไม่ให้ฉันพัก?”
“พักไรของแก ถ้าพวกฉันไม่มาแกก็ไปออกกำลังกายกับไอ้ฮีลสองคนอยู่ดี ก็แค่หัวแตก คิดเลขได้อยู่แล้ว” ยัยลูกปลานี่! มันเคยคิดจะเป็นห่วงฉันบ้างไหม
“ไม่มีตังค์” หันไปหาคนที่อยู่บนเตียงเดียวกัน คำเมื่อกี้ฉันไม่ได้อ้อนนะ แต่เพราะมาโรงพยาบาลด้วยสภาพแบบนี้จะให้พกอะไรมาได้ยังไง
“เดี๋ยวจัดการให้”
“หูยยยยยยย ลำไยคนมีผัว”
“อะไรของแกฮะแสนดี แกไม่มีมั้ง”
“อะ เร็ว ๆ เลย เอาไง พอดีรีบร้อนอยากหาค่าเหล้า” และแทนที่คนป่วยอย่างฉันจะได้นอนพักผ่อนกลับกลายเป็นว่าต้องมานั่งคิดเลขอยู่วงไพ่กับพวกมัน
เฮ้อออ ยัยพวกนี้ ไม่ไหวจริง ๆ กว่าจะกลับไปได้ก็ดึกดื่น ไอดีก็เมาเหมือนเดิม ส่วนคนที่รวยสุดก็เป็นมันนั่นแหละ ได้ตังค์หอบใส่กระเป๋าไปหลายบาท พอค่าเหล้าสมใจมันแล้วแหละ
“นายคุยอะไรกับแม่เหรอ ทำไมแม่ถึงยอมให้มานอนเฝ้า” เอ่ยถามคนที่นอนกอดซ้อนหลังเอาไว้ หลังจากพวกเพื่อนกลับไปมันก็ทำหน้ามึนย้ายมานอนบนเตียงเดียวกับฉันโดยที่ยังไม่ทันได้อนุญาต
“บอกว่าอยากอยู่ใกล้เมีย” กระชับอ้อมกอดแน่นแล้วตอบออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ จึงบิดที่เรียวแขนไปทันทีหนึ่งหน
“ล้อเล่น ฉันแค่ขอตรง ๆ บอกว่าอยากนอนเฝ้าเธอ”
“...” ฉันครุ่นคิด เอาจริงท่าทีของมันก็ดูจริงใจอยู่ไม่น้อยแม่คงรู้สึกได้ ถึงได้ยอมปล่อยให้มันทำอย่างนี้ ซึ่งไม่ใช่แค่แม่หรอกที่คิด ฉันก็รู้สึกได้เหมือนกัน แต่เพราะฝังใจกับความรัก ก็เลยยังไม่กล้าเปิดรับความรู้สึก
เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน จะว่าฉันเห็นแก่ตัวก็ได้นะ แต่ฉันว่าแบบนี้มันก็ดีอยู่แล้ว ถูกฮีลสนใจ ถูกฮีลใส่ใจ ฉันไม่รู้เลยว่าหลังจากที่เปลี่ยนสถานะกันแล้วมันจะดีขึ้นหรือแย่ลง แต่ความกลัวมันทำให้ฉันคิดในแง่ร้ายไปก่อนตลอดเลย
ถามว่ารักมันไหม ก็ต้องตอบว่า ‘ไม่เชิง’ คือยังไงอะ แบบว่า ก็ดีที่เป็นแบบนี้ รู้สึกว่าใจเต้นแรงเวลาถูกเทกแคร์ ยิ่งเวลาโดนฮีลเวอร์ชันขี้อ้อนแล้วยิ่งคันยุบยิบที่หัวใจ แต่ว่า ๆ มันก็พูดแบบเต็มปากเต็มคำไม่ได้อะว่า ‘รัก’ คือฉันไม่รู้ว่าต้องเอาอะไรมาวัดจริง ๆ
พลิกกายไปหาคนที่อยู่ข้างหลัง สอดแขนเข้าไปโอบกอดร่างกายอันหนั่นแน่นเอาไว้แล้วประสานสายตาท่ามกลางแสงสีส้มอ่อน ๆ ที่ทอประกายออกมาจากโคมไฟ “ขอบคุณนะ ที่ช่วยฉันไว้”
“อือ”
“ฉันยังไม่รู้เลยว่าวันนั้นทำไมจู่ ๆ นายถึงไปช่วยฉันได้”
ฮีลมองฉันนิ่ง ๆ หนึ่งนาทีให้หลังก็เอ่ยปากออกมา “เธอมีสิทธิ์ที่จะโกรธฉัน แต่เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะห่างฉันแล้วนะมินนี่” มันย้ำคำพูดเมื่อกลางวัน ให้ว่าไงดีอะ คือฉันที่เพิ่งจะขวัญเสียจากการถูกทำร้ายจึงสนิทใจมากหากว่าคนตรงหน้าจะอยู่ด้วยตลอดเวลา ทำตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ก็โอเค
“อือ”
“ฉันมีคีย์การ์ดของเธอ” ได้ยังไง คิ้วทั้งสองข้างมุ่นเข้าหากันหลังได้ยินคำตอบ “ฉันขอเจ้าของโครงการไว้ ตอนนั้นฉันเห็นว่าไอ้เก่งมันอะไร ๆ กับมิรินเลยไปขอเผื่อไว้ แล้วมันก็เป็นอย่างที่ฉันคิดไว้จริง ๆ” ได้ยินคำอธิบายก็โกรธไม่ลง ไม่รู้ว่ามันมีสิ่งนั้นอยู่ในมือตั้งแต่ตอนไหน แต่ฮีลมันก็ดีอย่างหนึ่งที่ไม่พยายามทำสิ่งที่ฉันไม่ชอบ คือการเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของฉันโดยไม่ได้รับอนุญาต
“แล้ว...”
“วันนั้นฉันบังเอิญเห็นว่าไอ้เก่งมันขึ้นคอนโด ก็เลยเข้าไปช่วยเธอได้ แต่ที่ช้าไปเพราะมัวแต่หาคีย์การ์ดอยู่”
“ขอบคุณนะ นายดีกับฉันมากจริง ๆ”
“อย่าขอบคุณ ฉันต่างหากที่ไปช้า แต่ฉันไม่คืนนะ ต่อจากนี้จะถือมันติดตัวไว้ตลอดเลย” ฮีลตอบ โชว์ความหน้ามึนออกมาซึ่งครั้งนี้ไม่ได้น่ารำคาญอีกต่อไป
“อือ นายเก็บไว้เลยก็ได้”
“อือ”
“งั้นคืนนี้ฉันจะตอบแทนนายโดยการให้นายเป็นแม่ดีไหม” ว่าแล้วก็กระชับอ้อมกอดอีกฝ่ายแน่นขึ้น ครั้งแรกเลยที่ฉันกอดมันแน่นทั้งที่เราไม่ได้ทำกิจกรรมอย่างว่า แล้วยังเป็นการกอดที่สติสัมปชัญญะยังอยู่ร้อยเปอร์เซ็นต์อีกต่างหาก ไม่ได้หลับ แล้วก็ไม่ได้เมา
อบอุ่นจัง พอไม่มีเรื่องเซ็กซ์เข้ามาเกี่ยวข้องฉันกลับรู้สึกว่ากอดนี้มันอุ่นกว่าทุกครั้ง จึงซุกหน้าลงกับอ้อมอกแกร่ง สูดกลิ่นกายของฮีลเข้าไปเต็มปอด
หอมด้วย...
ตอนพิเศษ 2ขอแต่งงานฉบับซงจุงฮีล“โหหหห นังดาวยั่ว วันนี้มาในลุคสตรีตเลย” ลูกปลาพูดขึ้นเมื่อฉันเดินออกมาจากห้องพักไรง่ะ มาถึงนี่ทั้งทีก็ต้องแต่งตัวให้อินเทรนด์หน่อยสินี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ฉันได้ออกมาเที่ยวต่างประเทศอีกครั้ง แน่นอน ติ่งอย่างฉันก็ต้องเลือกเกาหลีเป็นประเทศแรก“ไม่ได้เที่ยวซะนาน ต้องอินเทรนด์หน่อย” เชิดหน้ามั่น ๆ แล้วพูดออกมา ก่อนปรายตามองคนอื่นวันนี้เพื่อน ๆ ต่างก็อยู่ในชุดเดรสสีขาวกันหมด เพราะนัดกันไว้ว่าธีมสีขาว ซึ่งฉันรู้แล้ว แต่ไม่เอาอะ ฉันไม่ชอบใส่เดรสสีขาว ก็เลยเลือกใส่เป็นชุดนี้แทน“ไม่ได้! ชุดนี้เอาไว้ใส่พรุ่งนี้ วันนี้ใส่ให้เข้าธีม” แสนดีเริ่มพูดขัด ข้าง ๆ มันเป็นพี่รามที่มาด้วยในวันนี้“ใช่! ดูสิ ขนาดเดมี่ยังใส่ชุดสีขาวเลยเนอะเดมี่เนอะ”“แอ๊” เสียงเด็กน้อยร้องขานรับ ทำให้ฉันต้องยื่นมือไปบีบแก้มนุ่มนิ่มของเดมี่ ลูกสาวตัวน้อย ๆ ของยัยลูกพีชเชื่อไหมว่าสองคนนี้น่ะรักกันมาก เพราะหลังจากเรียนจบลูกพีชก็มอบของขวัญวันเกิดให้แก่คุณป๋าทันทีนั่นก็คือการปล่อยตัวเองให้ท้องตั้งแต่ก่อนจบ เนื่องจากอายุอานามของคุณป๋าก็ไม่ใช่น้อย ๆ คู่นี้จึงต้องรีบมีกันหน่อยน่ารักเนอะ
ตอนพิเศษ 1คำขู่ของซงจุงฮีล“ไปแล้วนะ”“อือ มากอดที”เข้าสวมกอดแฟนตัวเองเอาไว้แน่นเพื่อแทนความคิดถึง ก่อนคลายมันออกหลังจากชื่นใจพอแล้ว ฉันจ้องดวงตาสีนิลของฮีล แววตาคู่นั้นยังคงนิ่งสงบอยู่เหมือนเคย ทว่ามุมปากที่ยกยิ้มทำให้ใบหน้านั้นไม่ดูไร้ชีวิตชีวามากเท่าใดวันนี้ฉันจะต้องพาพนักงานบริษัทไปทริปเที่ยวประจำปีที่ทะเลสุราษฎร์ฯ ซึ่งเป็นนโยบายอย่างหนึ่งที่ช่วยสร้างกำลังใจให้กับพนักงาน เรียกได้ว่าเป็นโบนัสอีกก้อนเลยก็ว่าได้“เดินทางดี ๆ ถึงแล้วโทรหาด้วย”“โอเค เสร็จแล้วตามมานะ” ฉันพยักหน้า ก่อนมองอีกฝ่ายด้วยความคิดถึง หากไม่ติดว่าฮีลเองก็มีงานที่ต้องทำเหมือนกันฉันคงอ้อนวอนขอให้มันไปด้วยกันตั้งแต่วันนี้แล้ว แต่เพราะอีกฝ่ายก็งานยุ่งพอสมควรเลยทำอย่างที่คิดไว้ไม่ได้ ถึงอย่างนั้นฮีลก็ยังอุตส่าห์รับปากว่าหากเสร็จงานแล้วจะรีบตามมาจริง ๆ แล้วเราสองคนไม่เคยห่างกันนานเลย“อือ”หลังจากนั้นก็เดินไปขึ้นรถเพื่อออกเดินทาง ใช้เวลาจนเย็นก็เดินทางมาถึงที่นี่ ฉันเลือกที่จะเข้าห้องพักในทันทีแล้วนอนหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ก่อนจะตื่นมาพบกับพระอาทิตย์ตกในยามเย็นทะเลที่นี่สวยมาก สวยพอ ๆ กับทะเลตอนนั้นเลย ตอนที่ฉัน
Episode 53พื้นที่ที่ฉันอยากจะเข้าไป“ทำไมถึงพามาที่นี่อะ” ฉันเอ่ยถามหลังจากย่างสามขุมเข้ามาในคอนโดของตัวเอง จะว่าไปก็ผ่านมานานแล้วเหมือนกันที่ฉันไม่ได้เข้ามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เกิดเรื่องนั้น...“มันเป็นที่ที่ฉันอยากมา”“หืม...” ฉันร้องหืมในลำคอ มองใบหน้าอีกฝ่ายแล้วพยายามเดาความคิดของฮีล “ทำไมอะ ถ้าเราจะเดตกัน นายก็จะเลือกเดตที่นี่เหรอ”“อือ”“เพราะ?”“มันเป็นพื้นที่ส่วนตัวของคุณเมาส์...” เซอร์ไพรส์กับคำตอบที่ได้มาก ๆ ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดแค่นั้นของผู้ชายหน้านิ่งอย่างฮีล ถึงกับทำให้ฉันรู้สึกเหมือนถูกหยอดให้เขินซ้ำแล้วซ้ำเล่า “พื้นที่ที่ฉันอยากจะเข้าไปมาก”“อือ แต่ตอนนี้ก็ทำสำเร็จแล้ว พอใจหรือยัง”“เข้าห้องเถอะ อยากโดนป้อนจูบแล้ว” ฝ่ามือหนาออกแรงรั้งให้ฉันเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง“ถามจริงนะ ถ้าวันไหนไม่ได้จูบจะเบื่อฉันไหม ถ้าวันไหนที่ฉันให้เรื่องเซ็กซ์กับนายไม่ได้”“ถามอะไรแปลก ๆ” ฮีลตอบ ทรุดกายลงกับเตียงใหญ่ขนาดคิงไซซ์แล้วพูดต่อ “ห่างกันมาเป็นเดือนก็เคยมาแล้ว”“นั่นสินะ”“หยุดกังวลไปได้เลยว่าฉันจะรักเธอเพียงเพราะแค่เซ็กซ์” น้ำเสียงนั้นไม่ได้ส่อแววน้อยใจ แต่ฟังแล้วออกเจ้าเล่ห์อย่างไรอ
Episode 52จูบมัดจำ“อีมินนี่! แกทำลูกฉัน!” เสียงนี้ดังมาก่อนตัวจนฉันต้องหันไปมอง ก่อนพบผู้หญิงคนที่เคยอยู่ในตำแหน่งแม่เลี้ยงกำลังวิ่งเข้ามาหาด้วยท่าทางคุกคาม ทว่าสองมือกลับไร้เครื่องมือประทุษร้ายแต่เมื่อกี้เหมือนทางนั้นจะพูดอะไรผิดไปนะ ลูกสาวของมันต่างหากที่ทำฉันก่อนเพราะเธอพุ่งเข้ามาอย่างไร้การตรึกตรอง การส่งเสียงมาก่อนตัวในระยะร้อยเมตรจึงทำให้ฮีลกับพี่ฮัทที่นั่งทานข้าวอยู่กับฉันรีบกันออกไปได้ทัน“อีมินนี่ ฮืออออ” หลังจากที่ทำอะไรฉันไม่ได้เธอก็ทรุดลงกับพื้นพร้อมทั้งร้องไห้โฮ ก่อนจะรำพันไปเรื่อยเปื่อยคล้ายคนบ้าเฮ้อออ เห็นแล้วถึงกับต้องพรูลมหายใจออกมา ทำไมสองคนนั้นถึงเอาแต่คิดว่าฉันเป็นตัวต้นเหตุ ทั้งที่ความจริงคือพวกมันต่างหากที่เป็นคนเริ่มเป็นคนเข้ามาทำให้ชีวิตครอบครัวของฉันวุ่นวาย“รอสงเคราะห์คนที่อยู่ในเรือนจำก็พอ อย่าเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในนั้นเลย”“แก!”“ไม่ต้องมาเรียก! ฉันใจดีแค่ไหนที่ให้มันไปนอนในคุกเฉย ๆ ไม่ทำกับมันเหมือนที่มันจะทำกับฉันก็บุญแล้ว!”ตอบแค่นี้คนข้างล่างก็มองฉันด้วยแววตาเคียดแค้น ถัดมาแววตาก็อ่อนลงเหมือนคนหมดหวัง นั่งเหม่อลอยบนพื้นคอนกรีตด้วยดวงตาที่ปริ่มน้ำส
Episode 51ห้านาทีMinnie’s Part“ว้ายยยย” เกือบจะลื่นล้มหัวแตกเข้าให้เมื่อเดินเข้ามาก็เจอกับพื้นเปียก ๆ ไม่รู้ว่าป้าแม่บ้านทำอะไรหก ถ้าฮีลไม่รับไว้ป่านนี้ฉันคงเจ็บตัวไปแล้วล่ะมั้งคราวซวยจริง ๆ เลยช่วงนี้ ฉันว่าชีวิตฉันยังไม่ถึงวัยเบญจเพสเลยนะ“ขอโทษค่ะคุณ หนูนาเผลอทำน้ำหก” ถึงตอนนี้ฉันก็มองหน้าไอ้ฮีลเป็นเชิงถามว่าคนนี้ใคร วันนี้จู่ ๆ ก็มีใครที่ไหนไม่รู้ชื่อหนูนาเข้ามาที่นี่ แล้วมือที่จับไม้ถูพื้นนั่นหมายความว่ายังไงก็ไม่รู้“เอ่อ...สวัสดีค่ะ หนูนามาช่วยป้าจ๋าทำงานเพราะวันนี้แกป่วยค่ะ” ฉันปรายตามองเด็กสาวที่อยู่ในชุดเดรสสีชมพูสวมทับด้วยผ้ากันเปื้อน มัดผมเรียบร้อยดูน่ารัก แถมยังสวมแมสก์ปิดปากอย่างมิดชิดก็รู้ว่าช่วงนี้มันต้องป้องกัน แต่แอบคิดว่ามันไม่ร้อนเหรอถ้าจะใส่ตอนทำงานขนาดนี้ เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่มีใครอยู่ในคอนโด ไม่เห็นจะต้องกังวลอะไรเลย“เหรอ งั้นตามสบายนะ”“ค่ะ ขอโทษอีกครั้งนะคะ”“อือ” ว่าแล้วก็เดินไปหย่อนก้นลงบนโซฟาตัวเก่ง ก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไถไปเรื่อยเปื่อยแก้เบื่อ “ฮีล ลืมบอกว่าเมื่อเช้าพี่คลาสเอาคลิปนั้นมาให้แล้วอยู่ในห้องน่ะ”“อือ หิวไหม” ร่างสูงนั่งลงข้าง ๆ ก่อนวาดแข
Episode 50โอกาสแก้ตัวพลิกตัวไปหาคนที่กำลังนอนหงายแล้วใช้มือไพล่หลังคออยู่ ท่าทางของฮีลคล้ายกำลังคิดอะไรสักอย่าง และดูคิดมากจนฉันต้องหันไปถามสีหน้าฮีลไม่ได้ฟ้องหรอก แต่เพราะค้างอยู่แบบนี้นานแล้ว ก็เลยต้องตั้งคำถามสักหน่อย“มีอะไรเหรอ”“เรื่อง Memory Card” ฮีลตอบสั้น ๆ บอกแค่นั้นฉันก็พยายามนึกตาม ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็ผ่านมาสองวันแล้ว แต่เรายังไม่ได้หลักฐานชิ้นนั้นกันเลย“ไม่มีอะไรหรอกมั้ง ก็คุณเลขาเขาบอกว่ายังติดธุระนี่!”“ฉันกลัวว่าทางนั้นจะอยากแก้แค้นแทนเมียตัวเอง” ฮีลคงหมายถึงอาเกริกสินะ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องของผู้ใหญ่เป็นยังไง แต่เรื่องของฉันกับพี่คลาสอะลงตัว ส่วนกับอาเค้กท่านก็ดูเอ็นดูฉันพอสมควร เดาจากท่าทางที่แสดงออกในวันนั้นฉันคิดเป็นอื่นไม่ได้จริง ๆ“ไม่มีอะไรหรอก”“อย่าพูดแบบนี้คุณเมาส์ ทั้งที่ตัวเองเกือบจะโดนกระทำตั้งหลายรอบ”“เข้าใจก็ได้ ว่าแต่คุณเมาส์นี่คืออะไรเหรอ” ยกคางไปเกยเข้ากับแผงอกแกร่งแล้วช้อนสายตาขึ้นมอง ตั้งแต่วันนั้นฉันยังไม่รู้ความหมายของคำว่า ‘เมาส์’ เลย“คือชื่อของเธอไง” ฝ่ามือหนายกขึ้นลูบศีรษะฉันเบา ๆ “มินนี่ เมาส์”“โหยยยย ไรอะ ไม่อินเลย” บ่น