LOGINบทที่ 8 จิ้งจอกเจ้าเล่ห์
หลี่อวี้เหิงขนลุกชัน ลมหายใจอุ่นร้อนของไท่ฉางจวินรดรินข้าง ๆ ใบหูจนชายหนุ่มรู้สึกว่าใบหูเริ่มร้อนผ่าว ไท่ฉางจวินบีบติ่งหูเล็กน่ารักเบา ๆ ก่อนจะแลบลิ้นออกมาโลมเลียไปตามใบหูและติ่งหูของร่างบางอย่างเชื่องช้า “เป็นอย่างไร...” เสียงทุ้มแฝงด้วยแรงอารมณ์ถาม แต่หลี่อวี้เหิงไม่ใช่คนหน้าไม่อายเช่นเขาจึงไม่ตอบแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ไท่ฉางจวินรำคาญใจ เขาใบหน้างดงามของหลี่อวี้เหิงหันมาจูบ ไท่ฉางจวินลูบไล้ร่างกายบอบบางอย่างอ่อนโยนอย่างหาได้ยาก ทั้งยังเต็มไปด้วยความปรารถนา ร่างสูงกำข้อมือข้างหนึ่งของหลี่อวี้เหิงแล้วพรมจูบไปทั่ว “อ๊ะ..” หลี่อวี้เหิงยกขาขึ้นแล้วถูไถต้นขาด้านในกับอีกฝ่ายโดยไม่ทันได้ตั้งตัว แต่พอรู้ตัวก็รีบผงกศีรษะขึ้นมอง สายตาเลื่อนไปตามลำคอแข็งแกร่ง กล้ามอกที่เด่นชัดไปจนถึงหน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของคนด้านบน ไท่ฉางจวินเห็นคนใต้ร่างมองตาไม่กะพริบ เขาจึงคว้าข้อมือบอบบางมาวางลงบนกล้ามหน้าท้องของตัวเอง หลี่อวี้เหิงหน้าแดงก่ำ ก่อนหน้านี้ได้เพียงแค่เหลือบมองไม่เคยได้ลองสัมผัส คราวนี้พอได้จับแล้วกลับรู้สึกว่ามันแข็งแรงกว่าที่คิด ถึงว่ายามที่อีกฝ่ายขยับเอวบนร่างตนราวกับราชสีห์ที่กำลังเคี่ยวกรําเหยื่อ มือเรียวลูบไล้ต่ำลงไปจนถึงไรขนรอบสะดือ เขาเกือบหยุดหายใจ อุณหภูมิในร่างกายรุ่มร้อนผิดปกติจนเหมือนกับจะลุกโหมเผาไหม้ แต่ไท่ฉางจวินไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้นยังคงจับข้อมือขาวต่ำลงไปเรื่อย ๆ จนสัมผัสส่วนที่ตั้งชูชันในที่สุด หลี่อวี้เหิงรีบชักมือกลับ แต่ร่างสูงกลับหัวเราะออกมาก่อนจะก้มลงจูบ ไม่ได้ฝืนใจอีก เขาเล้าโลมคนใต้ร่างตั้งแต่หน้าผากไปจนถึงหน้าท้องขาว หลี่อวี้เหิงไม่ได้มีรูปร่างสมบูรณ์กำยำเช่นเขา แต่อีกฝ่ายกลับงดงามในแบบของตัวเอง ผิวที่ขาวราวกับหิมะ เมื่อสัมผัสมากเข้าหน่อยก็แดงขึ้นสีระเรื่อ ไท่ฉางจวินโน้มตัวลงจูบคนใต้ร่างพลางลูบไล้นิ้วเปียกชุ่มกับช่วงล่างของหลี่อวี้เหิง ลากได้ผ่านแท่งเนื้อที่มีขนาดเล็กกว่าตนอย่างเบามือ บีบนวดจนร่างบางกระตุกเอวสอบ “อา อืม...” ไท่ฉางจวินได้ยินเสียงหวานก็รู้ว่าอีกฝ่ายเสร็จไปหนึ่งครั้งแล้ว เขาปาดเอาหยาดวสันต์มาถูไถที่ช่องทางด้านหลังอย่างระมัดระวัง แล้วค่อย ๆ สอดเข้าไปในตัวของพระชายา หลี่อวี้เหิงขมวดคิ้วน้อย ๆ ความรู้สึกที่ถูกชำแรกในครั้งนี้อึดอัดไม่น้อย แต่เมื่อได้ยินเสียงลมหายใจหอบถี่กระชั้นของไท่ฉางจวินก็คล้ายกับว่าปลุกความปรารถนาของเขาขึ้นมา แล้วบังคับให้ตัวเองผ่อนคลายเพื่อน้อมรับแรงรุกล้ำ “ผ่อนคลายหน่อย...” เสียงของไท่ฉางจวินที่คร่อมอยู่เหนือร่างเขาช่างแหบพร่า ฟังแล้วชวนกระสันเสียวเผลออ้าขาออกกว้างกว่าเดิม ไท่ฉางจวินไม่รอให้หลี่อวี้เหิงคุ้นเคยนานนัก หลังจากเริ่มเบิกทางแล้วเขาก็จับส่วนที่มีขนาดใหญ่กว่านิ้วมือเข้าไปช้า ๆ จนร่างบางอดที่จะครวญครางในลำคอไม่ได้ “อาส์ ท่านอ๋อง...” “เด็กดี...” ไท่ฉางจวินก้มลงจูบหัวคิ้วที่ขมวดเป็นปมของหลี่อวี้เหิงพลางหายใจหอบ สัมผัสรัดแน่นตรงนั้นส่งผลให้หัวสมองของร่างสูงขาวโพลน เขากัดฟันแล้วขยับสอดเข้าไปจนลึก หลี่อวี้เหิงมีสีหน้าคล้ายกับกำลังทรมาน หางตาแดงเรื่อ แม้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ทั้งสองห่างเหินกันนานแล้ว ช่องทางจึงกลับมาคับแน่น ไท่ฉางจวินก็จับเข่าทั้งสองข้างของหลี่อวี้เหิงขึ้นวางพาดลงบนไหล่ของตัวเอง แล้วเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว เขากดกระแทกเข้าไปจนแท่งเนื้อใหญ่ผลุบเข้าไป ก่อนจะค่อย ๆ ถอดออกมาแล้วกดกายเข้าไปอีกครั้งอย่างเชื่องช้า หลี่อวี้เหิงสั่นสะท้าน ปล่อยให้ไท่ฉางจวินเคี่ยวกรำเขา ขยับเข้าออกจนบั้นท้ายกลมกลึงสั่นคลอนไปตามจังหวะเคลื่อนไหว ร่างบางปล่อยให้เขารังแกได้ตามอำเภอใจ ไม่ว่าจะลูบไล้เรือนร่างหรือหยอกล้อกับตุ่มไตบนหน้าอก “อ๊า!” ปฏิกิริยาของหลี่อวี้เหิงทำให้ลมหายใจของไท่ฉางจวินสะดุด ก่อนหน้านี้ร่วมรักกันหลายครั้ง แต่เขาไม่เคยเห็นคนใต้ร่างเป็นเช่นนี้ ครั้นพอเห็นหลี่อวี้เหิงแอ่นแผ่นอกขึ้นเพราะความกระสันเสียว เขาจึงใช้ปลายนิ้วทั้งเขี่ยทั้งคลึงเคล้า ภายในของหลี่อวี้เหิงร้อนระอุยิ่งกว่าเดิม ไท่ฉางจวินเร่งแรงกระแทกช่องทางที่ร้อนผ่าวและคับแน่นอย่างรัวเร็ว ไม่นานนักหลี่อวี้เหิงก็ลำตัวกระตุกสุขสมปลดปล่อยออกมาก่อน ไท่ฉางจวินเห็นเช่นนั้นจึงพลิกร่างอ่อนระทวยของเขาให้นอนคว่ำลงแล้วแทรกกายเข้ามาอีกครั้ง ร่างสูงบดคลึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า กระแทกกายใส่จนรู้สึกได้ถึงช่องทางคับแน่นกำลังดูดดึงเขาแน่นไม่ยอมปล่อย จึงยกเอวขึ้นเพียงนิดแล้วเอื้อมมือไปด้านหน้า รูดรั้งแก่นกายเล็กจนมันแข็งสู้มือ “ฮือ...” หลี่อวี้เหิงครวญครางแทบขาดใจ ยามที่ไท่ฉางจวินสอดลึกเข้ามาก็ชนเข้ากับผนังด้านในของเขาจนรู้สึกเสียวปราบ น้ำตานองหน้า “อ๊า พอแล้ว... ฮือ ฮือ... อ๊า!” หลี่อวี้เหิงบิดเร้าร่างกายสั่นระริกอยู่บนเตียงแต่ไท่ฉางจวินก็ยังกระแทกกระทั้นจุดอ่อนไหวไม่หยุดหย่อน ถึงแม้กระทั่งว่าหลี่อวี้เหิงถึงความวสันต์อีกครั้งก็ยังไม่ยอมหยุดอยู่ดี “ฮือ...ฉางจวิน” เขาวางมือลงบนหลังมือของร่างสูง กำแน่นระบายความเสียดเสียวที่ได้รับ เมื่อไท่ฉางจวินเห็นคนใต้ร่างน้ำตาไหลพรากอย่างน่าสงสารเขาจึงมอบจูบให้อย่างนุ่มนวล “ชู่ว์ เด็กดีอย่าร้อง...” ถึงแม้ว่าหลี่อวี้เหิงจะบิดร่างกายสั่นระริกอยู่บนเตียงจน ร้องขอให้อีกฝ่ายเบาแรง เสียงครางระหว่างหายใจดังขึ้นทุกขณะ ผมสีดำสนิทยุ่งเหยิงปลกลงบนใบหน้าเปียกชื้นและแผ่สยายลงบนเตียงพลิ้วไหวตามแรงกระแทก แต่ไท่ฉางจวินก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมปล่อยเขาไปง่าย ๆ ภายในร่างกายที่ถูกสอดลึกไม่หยุด จวบจนกระทั่งหลี่อวี้เหิงรู้สึกราวกับว่าร่างกายใกล้จะแหลกสลายเต็มที ไท่ฉางจวินก็พวยพุ่งหยาดวสันต์เข้าใส่ร่างเขาอย่างรุนแรง จนร่างบางรู้สึกได้ถึงความอุ่นร้อนภายใน รุ่งสางหลี่อวี้เหิงตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนนอนอยู่บนอกสามีด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า ด้วยความเขินอายเขาจึงรีบลุกขึ้นในทันที คิดว่าหากช้าไปกว่านี้เกรงว่าไท่ฉางจวินตื่นขึ้นมาแล้วจะต่อว่าต่อขานตน แต่ความจริงแล้วไท่ฉางจวินก็รู้อยู่แล้ว เมื่อเห็นว่าร่างบางทำท่าจะหนีราวกับเห็นเข้าเป็นภูตผี จึงยื่นมือออกไปดึงรั้งร่างบางเข้ามากอดเอาไว้ ก่อนจะกระซิบว่า “เจ้าจะไปไหน หืม” ไท่ฉางจวินคลอเคลียอยู่ที่คอระหงที่มีแต่รอยรักเต็มไปหมด “อย่าพึ่งลุก นอนต่อเถิด” หลี่อวี้เหิงยังง่วงจึงไม่ขัด เขานอนหลับไปทั้งอย่างนั้น ยามอู่ ไช่เสี่ยวเหมิงเห็นว่าท่านอ๋องยังไม่ตื่น ก็เกรงว่าจะป่วย ขันทีชราจึงมาร้องเรียกอยู่หน้าประตูด้วยเสียงไม่เบานัก “ท่านอ๋อง ตื่นได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ” “ยามใดแล้ว” “ยามอู่สามเค่อแล้วขอรับ” “อืม เตรียมน้ำเข้ามา” หลี่อวี้เหิงก็ตื่นขึ้นมาด้วยแล้วเช่นกัน ร่างกายเปลือยเปล่าผมเผ้ายุ่งเหยิง ร่างกายเต็มไปด้วยรอยจูบแดงระเรื่อรีบลุกขึ้นแต่งตัว หลังจากนั้นไม่นานนัก บ่าวรับใช้ก็ยกน้ำล้างหน้าเข้ามา ทั้งสองจึงล้างหน้าแปรงฟัน ทั้งสองนั่งกินสำรับกลางวันด้วยกัน ไท่ฉางจวินหันไปถามหลี่อวี้เหิงว่า “เจ้ามีสิ่งที่อยากได้หรือไม่” หลี่อวี้เหิงไม่คิดอยากได้สิ่งได้จึงได้แต่ส่ายหัวไปมาบอกกับสามีว่า “ตอนนี้ข้ายังไม่ได้อยากได้อะไร” “งั้นหรือ เช่นนั้นเจ้าอยากออกไปข้างนอกหรือไม่” “ข้างนอกหรือ” “อืม ข้าจำได้ว่าตั้งแต่เจ้าเข้าจวนมาก็ไม่ค่อยมีข้าวของเครื่องใช้สักเท่าไร เช่นนั้นวันนี้ข้าจักพาเจ้าไปที่ร้านขายเครื่องประดับเสียหน่อย” หลี่อวี้เหิงยิ้มไม่คิดเลยว่าไท่ฉางจวินจะใส่ใจเขาถึงเพียงนี้ “ขอพระทัยท่านอ๋องที่ใส่พระทัย” “อิ่มแล้วก็รีบไปแต่งตัวเถิด ข้าจะไปรอเจ้าที่หน้าจวน” “อืม ได้” หลี่อวี้เหิงที่ได้ยินอย่างนั้นก็ไม่อยากขัดใจผู้เป็นสามี ตั้งแต่เว่ยหนิงจื่อออกไปจากจวนอ๋อง นางก็ไม่ได้พบกับไท่ฉางจวินอีกเลย วันนี้นางจึงคิดจะมาหาเขาที่จวน แต่ใครจะไปคิดว่าทันทีที่นางมาถึง รถม้าของเขาก็แล่นออกไปพอดิบพอดี แถมนางยังทันได้เห็นคนที่อยู่ด้านใน ไท่ฉางจวินจับมือไอ้จิ้งจอกขาวนั้นขึ้นไปบนรถม้าด้วยตนเอง นางโกรธจนแทบจะบ้า อยากจะตามไปเอาความกับคนทั้งสอง แต่ดีที่บ่าวข้างกายห้ามเอาไว้ได้ทัน “คุณหนูใจเย็นก่อนนะเจ้าค่ะ โวยวายไปจะไม่เหมาะ” นางที่รักษาหน้าตาเป็นสุดได้ฟังเช่นนั้นก็กลืนความโกรธลงท้อง ก่อนจะเชิดหน้าขึ้น ไม่นานก็กลับมาเป็นคุณหนูเว่ยผู้เพียบพร้อมเช่นเดิม “ขึ้นรถ ตามทั้งคู่ไป” ไท่ฉางจวินตั้งใจพาหลี่อวี้เหิงมาที่หน้าร้านเครื่องประดับโดยไม่รู้ว่าเว่ยหนิงจื่อตามอยู่ด้านหลัง ในทันทีที่รถม้าจอดสนิท ร่างสูงก็เป็นฝ่ายลงมาก่อน แล้วจึงยืนแขนไปให้หลี่อวี้เหิงจับเอาไว้ ร่างบางยกยิ้มแต่ก็วางเรียวนิ้วลงบนท่อนแขนของสามี จากนั้นทั้งสองก็พากันจับมือเดินเข้าไปในร้านขายเครื่องประดับด้วยกันอย่างแช่มชื่นบทที่ 32 สัมฤทธิ์ผลไท่ฉางจวินพาครอบครัวล่องเรือกลับเมืองหลวง ไท่อวี้หลินกับไท่ฉางชุนดูตื่นเต้นและมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาชี้ชมทิวทัศน์รอบตัวที่เต็มไปด้วยความงดงามของธรรมชาติ น้ำใสสะท้อนแสงแดดระยิบระยับราวกับภาพวาด ขณะที่ภูเขาและท้องฟ้ากว้างใหญ่โอบล้อมพวกเขาไว้“ท่านพ่อ! ท่านแม่! พวกเราชอบมาเที่ยวแบบนี้มากเลย!” ไท่อวี้หลินกับไท่ฉางชุนพูดอย่างตื่นเต้น ยิ้มแย้มพร้อมเสียงหัวเราะสดใสไท่ฉางจวินหันมามองลูกๆ ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “ถ้าพวกเจ้าชอบ พ่อจะพามาเที่ยวแบบนี้บ่อย ๆ” เขาสัญญาด้วยน้ำเสียงอบอุ่น หลี่อวี้เหิงยืนมองเด็ก ๆ ทั้งสองด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความรักและความสุข เขายิ้มบาง ๆ สายลมเย็นพัดผ่าน เสียงน้ำกระทบเรือเบา ๆ ขณะที่พวกเขาล่องเรือผ่านผืนน้ำไหลเอื่อย เหมือนเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่สงบและงดงามเมื่อเรือลอยลำเข้าใกล้เมืองท่าเรือ บ้านเดิมของหลี่อวี้เหิงปรากฏอยู่ในสายตา ริมชายฝั่งมีบ้านเรือนเก่าแก่ตั้งอยู่เรียงราย สภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นและคุ้นเคย ทำให้หลี่อวี้เหิงรู้สึกทั้งตื่นเต้นและวิตกกังวลในเวลาเดียวกัน“ท่านพี่ ทำไมเราถึงแวะที่นี่หรือ”หลี่อวี้เหิ
บทที่ 31 ไม่ลดละเวลาผ่านไปสองปี ไท่ฉางจวินยังคงพยายามตามง้อภรรยาอย่างไม่ลดละ หลี่อวี้เหิงเองก็เริ่มเปิดใจให้เขามาอยู่ใกล้ลูก ๆ ได้มากขึ้น ทุกครั้งที่ร่างบางเห็นไท่ฉางจวินเล่นกับลูกน้อย หลี่อวี้เหิงก็รู้สึกถึงความอบอุ่นและความสุขที่มีในครอบครัว แต่ถึงอย่างนั้นในใจก็จะยังมีความวิตกกังวลแอบแฝงอยู่บ้างหลี่อวี้เหิงยืนอยู่ห่าง ๆ มองดูฉากตรงหน้า ด้วยแววตาที่มีความสุขปนเศร้า เขารู้สึกดีใจที่ไท่ฉางจวินกลับมารักลูก ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็รู้สึกถึงความหวั่นไหวในหัวใจด้วยเช่นกัน ยังไม่กล้าเปิดใจแม้จะเห็นถึงความพยายามของอีกฝ่าย เพราะกลัวว่าความรู้สึกดี ๆ นี้อาจจะกลับกลายเป็นความเจ็บปวดอีกครั้ง“เขาจะเปลี่ยนไปได้จริง ๆ นะหรือ?”หลี่อวี้เหิงคิดในใจ ขณะที่แอบมองไท่ฉางจวินที่กำลังเล่นกับลูก ๆ ด้วยสายตาอ่อนโยนวันหนึ่งขณะที่ไท่ฉางชุนและไท่อวี้หลินกำลังนั่งฟังไท่ฉางจวินเล่านิทานใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้าน เสียงหัวเราะใส ๆ ของพวกเขาก็ดังขึ้นไม่หยุด ชายหนุ่มมักเล่าเรื่องสนุก ๆ แต่แฝงไปด้วยข้อคิดดี ๆ “ท่านพ่อ พวกเราชอบฟังเรื่องของท่านมาก!” ลูกคนโตพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น “จริงหรือ?” ไท่ฉางจวินยิ้มบาง “พ่อดีใจที่พว
บทที่ 30 เฝ้าบุปผางามหลังจากที่ทุกอย่างคลี่คลาย ไท่ฉางจวินถูกเฮ่อหลานซีเรียกตัวไปเข้าเฝ้า พระสนมซีมองบุตรชายที่ยืนอยู่เบื้องหน้าด้วยสายตาเรียบเฉย แต่ก็เต็มไปด้วยความหวัง“ไท่ฉางจวิน.... เจ้ารู้ตัวหรือไม่ ว่าสิ่งที่เจ้าทำกับหลี่อวี้เหิงและลูก ๆ นั้นสร้างบาดแผลใหญ่หลวงเพียงใด?”ไท่ฉางจวินโขลกศีรษะอย่างสำนึกผิด “กระหม่อมรู้ตัวแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม... หน้ามืดตามัว เข้าข้างเว่ยหนิงจื่อมากเกินไป จนทำให้พระชายาและลูก ๆ ต้องทนทุกข์ทรมาน ไม่แปลกที่หลี่อวี้เหิงจะเกลียดกระหม่อม...”เฮ่อหลานซีถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยว่า “เจ้าได้ทำผิดพลาดไปแล้ว แต่หากยังต้องการใช้ชีวิตคู่กับหลี่อวี้เหิงและลูก ๆ เจ้าต้องพิสูจน์ให้เห็นถึงความจริงใจ พยายามง้อขอคืนดี หากเจ้ายังรักเขาและลูกอยู่ จงใช้ความพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้พวกเขากลับมา”ไท่ฉางจวินเงยหน้าขึ้น สายตาของเขาฉายแววความมุ่งมั่น “กระหม่อมจะทำเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไม่ยอมแพ้อย่างเ็ดขาด จะตามไปคืนดีให้จงได้”เฮ่อหลานซีพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเพิ่มเติม “เช่นนั้นเจ้าจงไปตามเมียและลูกกลับมาให้จงได้ ไม่อย่างนั้นก็อย่าได้ไปตามตอแยเขาอีก”ร่างสูงคุกเข่า
บทที่ 29 ความอัปยศที่รออยู่ไท่ฉางจวินพักรักษาตัวอยู่ที่ชายแดนเหนือ หลังจากที่เขาฟื้นตัว ก็พบว่าตนเองไม่ได้อยู่ในจวนของเซียวอี้หรานอีกต่อไป แต่กลับถูกย้ายออกมาอยู่ในบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ห่างออกมาจากตัวจวน แม้เขาจะไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับหลี่อวี้เหิงเหมือนก่อน แต่ไท่ฉางจวินก็ไม่คิดจะถอดใจ อีกฝ่ายอยากจะหย่าก็หย่าไปแต่เขาจะไม่หย่า แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร ข่าวที่ให้องครักษ์ไปสืบมาเมื่อคราวก่อนก็ส่งมยังเขาอย่างเงียบเชียบ “ท่านอ๋อง ข้ามีข่าวมาแจ้ง” องครักษ์กล่าวพร้อมก้มศีรษะอย่างนอบน้อม “หลังจากสืบสวนและติดตามเบาะแส เราพบว่ามีกลุ่มคนลึกลับที่เกี่ยวข้องกับการลอบทำร้ายลูก ๆ ของพระองค์ พวกเขาเชื่อมโยงกับพระสนมเว่ยและรับคำสั่งจากนางโดยตรง”ไท่ฉางจวินได้ยินเช่นนั้นก็เกิดความโกรธเกรี้ยว “เว่ยหนิงจื่อเป็นคนสั่งการจริงหรือ?”“ขอรับ หลักฐานทั้งหมดชี้ไปที่นาง พวกเราพบว่ามีการว่าจ้างนักฆ่าและการวางแผนอย่างละเอียดจากนางเพื่อจัดการกับลูก ๆ ของพระองค์”ไท่ฉางจวินกัดฟันแน่น เขารู้สึกทั้งโกรธและเสียใจที่คนที่เขาเคยเชื่อใจกล้าทำเรื่องเช่นนี้ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็รู้ว่าเขาต้องเผชิญกับความจริง“ข้าจะไม่ยอมให้เร
บทที่ 28 เงาของความเจ็บปวดหลี่อวี้เหิงเดินทางไปหาลูก ๆ ที่ชายแดน แต่ระหว่างทางที่เขาผ่านเข้าไปในป่าเขียวขจี ความสงบที่ควรจะมีกลับถูกทำลายด้วยเสียงคำรามของคนร้ายที่ซุ่มอยู่ในเงามืด ทันใดนั้นเองมีเสียงขยับจากพุ่มไม้ข้างทาง ตามด้วยเสียงตะโกนจากองครักษ์ที่เซียวอี้หรานส่งมาคุ้มกัน “ระวัง!” เสียงตะโกนจากองครักษ์ดังขึ้น ขณะที่คนร้ายพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว หลี่อวี้เหิงรู้สึกตื่นตระหนก แต่ก็พยายามตั้งสติให้ดี เขาไม่ใช่ผู้ที่มีทักษะด้านการต่อสู้ จึงพยายามหลบเลี่ยงการโจมตีอย่างเต็มที่“ปกป้องคุณชาย!” องครักษ์ที่เหลืออยู่พยายามพุ่งเข้ามาขวาง เพื่อปกป้องหลี่อวี้เหิง แต่จำนวนของคนร้ายมากกว่าจึงทำให้การต่อสู้เต็มไปด้วยความโกลาหล องครักษ์หลายคนถูกทำร้ายจนบาดเจ็บเสียงดาบกระทบกันดังก้องไปทั่วบริเวณ ความวุ่นวายเกิดขึ้นข้างกาย ขณะที่หลี่อวี้เหิงได้แต่แอบยืนอยู่ข้างหลังองครักษ์คนหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเกรงกลัวต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น “อย่าห่วงข้า!” เขาร้องบอกองครักษ์ที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือด “ไปจัดการพวกเขา!”องครักษ์ยังคงตอบโต้อย่างเต็มที่ ทว่าคนร้ายกลับมีจำนวนมากกว่า พวกเขาจึงไม่สามารถทำให้คนร้ายถ
บทที่ 27 ถึงเวลาแก้แค้นหลายวันต่อมา ไท่ฉางจิ้งมีราชโองการส่งถึงไท่ฉางจวิน ให้เขาเดินทางไปแคว้นโจวในฐานะทูตเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นแทนพระองค์ เมื่อไท่ฉางจวินทราบข่าว ก็รู้สึกไม่สบายใจนักที่จะต้องละทิ้งเรื่องราวในจวน แต่นี่เป็นภารกิจสำคัญที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แม้จะมีเรื่องราววุ่นวายมากล้นก็ตาม ความขัดแย้งระหว่างหลี่อวี้เหิงกับเว่ยหนิงจื่อ ซึ่งสถานการณ์ยังคงคาราคาซัง ก่อนออกเดินทาง ไท่ฉางจวินพยายามพูดคุยกับหลี่อวี้เหิงอีกครั้ง แม้รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขายังไม่ดีขึ้นนัก“ข้าต้องเดินทางไปแคว้นโจวตามพระประสงค์ของเสด็จพ่อ” ไท่ฉางจวินเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ยังคงความจริงจัง“เจ้าต้องรอข้ากลับมา อย่าได้ทำอะไรเกินไปกว่านี้”หลี่อวี้เหิงฟังด้วยสายตาเย็นชา ไม่แม้แต่จะตอบกลับ เขามองไท่ฉางจวินด้วยความไม่ไว้วางใจเหมือนเดิม“ท่านขังข้าเช่นนี้จะยังทำอะไรได้อีกหรือ”“เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าออกมานอกเรือนได้ แต่ห้ามออกจากจวน ดีหรือไม่”ไท่ฉางจวินกล่าวอย่างประณีประนอมเพราะหลายวันที่ถูกขังหลี่อวี้เหิงไม่ได้พยายามหนีหลังจากที่ไท่ฉางจวินออกเดินทางไปแคว้นโจว หลี่อวี้เหิงตัดสินใจเด็ดขาดที่จะจัดการ
![ผมไม่ได้ยั่ว เสี่ยต่างหากที่ห้ามใจไม่ได้[Mpreg]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)





![หวนคืนลิขิตรัก [Mpreg]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
