พลั่กกก! ตึงงง!
หลังจากมาโครกระชากเลโอออกไป ทุกอย่างก็เกิดขึ้นรวดเร็วตามสัญชาตญาณของ DS Member ที่ได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี ผลัวะ! ผลัวะ! หวืดดด กำปั้นของมาโครพุ่งพรวดเข้าไปหาเลโอที่ยังไม่ทันตั้งตัวจนหน้าสะบัดถึงสองครั้ง ก่อนที่เลโอซึ่งเป็นผู้ถูกกระทำจะเบี่ยงตัวหลบหมัดนั้นอย่างเฉียดฉิวแบบไม่ยอมให้มีครั้งที่สามและ... ผลัวะ! ผลัวะ! เลโอปล่อยหมัดพุ่งสวนกลับไปหามาโครด้วยความฉุนเฉียวบ้าง นั่นยิ่งทำให้มาโครหัวร้อนขึ้นมาทันควัน พุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อเลโออีกครั้งและง้างมือยกสูงขึ้นมาด้วยแววตาที่ดูจริงจัง ก่อนจะ... พรึ่บบ! หมับ! ไม่ทันที่หมัดหนักของมาโครจะพุ่งเข้ามาซัดหน้าเลโอ ฉันก็เอาร่างตัวเองเข้ามาขวางและใช้แรงทั้งหมดที่มียื่นมือตัวเองไปรับกำปั้นหนักๆ นี้ไว้แทน “......” แววตาโมโหร้ายของมาโครจ้องมาที่ฉันอย่างไร้ซึ่งความเข้าใจ แต่จะให้ตอบยังไง..ในเมื่อฉันก็ยังไม่เข้าใจการกระทำชั่ววูบนี้ของตัวเองเหมือนกัน พรึ่บ! ฉันสะบัดมือมาโครที่ตัวเองรับไว้ออกอย่างไม่รู้จะพูดอะไร เห็นแบบนั้นเลโอก็รีบปัดแขนมาโครที่กำคอเสื้อตัวเองอยู่ออกไป ก่อนจะคว้ามือฉันไปดูด้วยสีหน้าไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ “เข้ามาทำไม?!” น้ำเสียงที่เลโอเลือกใช้ทำฉันแปลกใจ เพราะมันไม่ใช่เสียงง้องแง้งแบบที่ทำเป็นประจำทุกวัน กลับกัน..มันฟังดูห้วนและจริงจัง เหมือนหมอนี่กำลังตำหนิฉันแถมยังหันกลับไปหามาโครด้วยแววตาที่ดูจะยิ่งทวีคูณความโกรธที่มีในก่อนหน้านั้นขึ้นมาอีก พรึ่บบบ! เลโอกำลังจะพุ่งเข้าไปหามาโครอีกครั้งแต่ฉันเป็นคนยั้งไว้ เพราะจากน้ำหนักของหมัดที่ส่งมามันบอกชัดว่ามาโครจริงจังกับการซัดเลโอให้คว่ำแค่ไหน ถึงจะไม่รู้ว่าเลโอมีสกิลต่อสู้เท่าไหร่ แต่ที่ฉันรู้ดีและมั่นใจคือมาโครไม่เคยแพ้ใคร..แม้แต่คิระ “จะหลบหลังผู้หญิง?” “มึง!” หมับ! น้ำเสียงยียวนถูกส่งมาให้ เล่นเอาเลโอฟึดฟัดจะพุ่งเข้าไปให้ได้ ฉันเลยตัดสินใจคว้าแขนแกร่งของคนที่เริ่มเปลี่ยนโหมดขี้เล่นเป็นโมโหร้ายเอาไว้แล้วตอบกลับไปแทน “ก็เคยไม่ใช่รึไง?” “.....” ได้ฟังแบบนั้นมาโครถึงกับกัดฟันหันหน้าหนีไป ส่วนฉันก็คว้าแขนเลโอเดินแยกออกมาแบบไม่ให้ความสนใจคนที่มาเยือนสักเท่าไหร่ “...ฟาร์ดา” กึก! “......” เสียงเรียกที่คุ้นเคยก็ทำให้ขาฉันที่กำลังก้าวออกมาถึงกับชะงักไป ก่อนจะเผลอกำแขนเลโอในมือแน่น เพราะทันทีที่ได้ยินก็ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกตอนนี้ยังไง หึ...ฟาร์ดาหรอ เหมือนคุ้น..แต่ไม่อยากคุ้น เหมือนเคยได้ฟัง แต่ความรู้สึกตอนนี้...มันว่างเปล่าดีจัง “เลือกข้างซะ!” “...เฟรย่า” จังหวะที่มาโครพูดออกมา ฉันก็พูดชื่อตัวเองสวนกลับไปสั้นๆ ก่อนจะย้ำมันอีกครั้งให้หมอนั่นจำ..ให้ขึ้นใจ “ไม่ใช่ฟาร์ดา..หรือฟาเดีย” หมับ! สิ้นสุดคำพูดของฉัน อยู่ๆ เลโอก็ขยับแขนตัวเองในมือฉันออกไป แล้วเปลี่ยนเป็นยื่นมือหนามาจับมือฉันไว้พาเดินต่อไปโดยไม่สนใจคนข้างหลังอีกเลย หลังจากเราเดินออกจากตรงนั้น ก็ไม่รู้อะไรดลใจให้ฉันขึ้นมานั่งอยู่บน Supercar ของเลโอที่ขับออกจาก ม. มาแบบไม่รู้จุดหมายปลายทางอย่างนี้เหมือนกัน รู้แค่เราต่างคนต่างนั่งเงียบกันมาตลอดทางโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยสักคำ ‘มันไม่สำคัญว่าเราจะปล่อยหมัดไปแรงแค่ไหน ที่มันสำคัญคือต้านหมัดคู่ต่อสู้ได้มากน้อยแค่ไหน’ ทั้งที่เลือกจะเลี่ยง ไม่ปริปากพูดอะไร แต่ความเป็นมาโครก็ยังฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของฉันแบบเดิมอย่างนี้อยู่ได้ ‘แล้วถ้าสุดท้ายต้านมันไม่ไหว?’ ‘ก็ต้องถามตัวเองว่าการสู้ครั้งนี้มีเพื่ออะไร ถ้าคู่ต่อสู้เป็นภัยร้าย จุดมุ่งหมายเดียวคือทำลาย ไม่มีความยืดหยุ่นใดๆ ถึงเวลาจวนตัวเมื่อไหร่....’ พรึ่บ! พรึ่บ! “ให้ส่งที่ไหน” เสียงเรียบถูกส่งมาพร้อมกับมือหนาของเลโอที่เลื่อนขึ้นเลื่อนลงตรงหน้าฉันด้วยอารมณ์ที่ดูจะเย็นลงไปบ้าง ฉันเลยตอบกลับไป “ที่ไหนก็ได้” อันนี้ไม่ได้กวน แต่ไม่มีเหตุผลให้ไปถึง DS Castle ไง เพราะงั้นอยากส่งไหนก็ส่ง หรือจะกลับไปส่งที่ ม. ก็ได้ ฉันไม่ได้ซีเรียสอะไร “.....” แล้วเลโอก็เงียบไปก่อนจะขับรถต่อไปเรื่อยๆ และเหมือนเดิม..ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกซ่าาา~ ซ่าาา~
เสียงที่ดังเล็ดลอดขึ้นมาปลุกฉันให้ลืมตาตื่นจากภวังค์ ไม่รู้ว่าคิดอะไรเพลินๆ จนหลับไปตอนไหนเหมือนกัน ภาพตรงหน้าฉันตอนนี้คือชายหาดกว้างสุดลูกหูลูกตาท่ามกลางความเงียบงัน พอหันไปข้างๆ ก็เจอกับเลโอที่กำลังนั่งเล่นมือถือชิลๆ ว่าแต่...ไอ้บ้านี่พาฉันมาที่นี่ทำไมกัน -.- “.....” “เย้! ตื่นสักที เค้าหิวอ่ะไปหาไรกินกัน” แกร๊ก พอหันมาเห็นฉัน เลโอก็กดปิดจอมือถือแล้วส่งยิ้มแบบเดิมๆ ที่ลบความหงุดหงิดเมื่อตอนเย็นนั่นออกไปมาให้ “กลับ” เพราะยังงัวเงียบวกกับปรับโฟกัสสายตาไม่ได้ ฉันเลยตอบกลับไปทั้งที่หลับตาอยู่แบบนี้ ก่อนจะมีเสียงง้องแง้งที่ฉันเริ่มคุ้นเคยบังเกิดขึ้นมาทันที “ได้ไงอ่ะ ก็ตัวเองบอกว่าไปไหนก็ได้หนิ” “ไม่ใช่ที่นี่” ฉันตอบกลับไปสั้นๆ หมอนี่ก็เริ่มออกอาการฟึดฟัด ขยับตัวยุกยิกอยู่บนเบาะข้างๆ และหันมาจ้องหน้าฉันแบบกดดันน่าดู ขนาดหลับตายังรู้เลย -.- “เอ้า แต่ตัวเองบอกว่าที่ไหนก็ได้ไง” “ก็บอกว่าไม่ชะ....” “แต่เค้าหิว อยากกิน Seafood ต้องมากินที่นี่ เค้าหิวววว ไม่รู้แหละเค้าหิวอ่ะ!” นอกจากจะพูดอะไรยืดยาวคนเดียวออกมา หมอนี่ยังทำบูดบึ้งเหมือนเด็กเอาแต่ใจ สลัดมาดโมโหร้ายไปซะเกลี้ยง ..ใช่แล้วล่ะ ไบโพล่าร์อ่ะ ใช่ละ -_- “หิวก็ลงไป รอนี่” ฉันพูดตัดรำคาญไปแล้วหลับตาลงใหม่ ไปไหนก็ไปป่ะ ชักรำคาญละ วุ่นวาย.. “ก็ได้ แล้วตัวเองจะมาว่าเค้าไม่ได้นะ เค้างอนแล้วด้วย” “เชิญ!” ตึงงงง! พูดจบหมอนี่ก็เปิดประตูรถลงไปเลย ดีเหมือนกัน นอนรอเลยนะถ้างั้น กึก แกร๊ก พรึ่บบบ! “เฮ้ย!” แล้วระหว่างหลับตาเพลินๆ ประตูรถฝั่งฉันก็ถูกเปิดออก ก่อนเบลท์ที่คาดอยู่จะถูกปลดอย่างรวดเร็ว พร้อมกับตัวฉันที่ลอยละลิ่วจากเบาะขึ้นมาจนตาเบิกโพลง “ปล่อย!” “ไม่! เวลางอนใครเค้าจะไม่พูดด้วย เชอะ!” ให้ตายเหอะ! ภาวนาให้คอเคล็ดสักที ไปจำมาจากไหนไอ้ท่าสะบัดหน้าสะบัดคอแบบนี้ คิดว่า cute ตายเลยมั้ง -.- จิ๊! ฉันขยับตัวไปมาบนแขนแกร่งที่ช้อนตัวไว้ได้ไม่นาน ไอ้บ้าเลโอก็ยิ่งกระชับอ้อมแขนนั้นจนแน่น ก่อนจะหลุดขำแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้าพูดคนเดียวขึ้นมาซะงั้น -.- “เฮ่อออ ตัวหนักก็ดิ้นจัง เฮ้ยก้อนเมฆ..นี่ร้านประจำเราอ่ะ อร่อยมากจริงๆนะ เลิกดื้อแล้วลองก่อนได้มั้ยเนี่ยฮะ?!” เหอะ! ก้อนเมฆบ้านป้าแกดิไอ้ติงต๊อง! ฟังหมอนี่พูดจบฉันก็กระทุ้งศอกตัวเองใส่หน้าท้องแข็งๆ เกินตัวไปที เมื่อไหร่จะเลิกง้องแง้งเป็นเด็กสามขวบแบบนี้วะ -.- พลั่กกก! “อุ๊บ เค้าเจ็บนะ!!” “สม” ฉันลอยหน้าลอยตาสะใจ แต่โอดโอยได้ไม่เท่าไหร่ไอ้บ้านี่ก็ขำออกมาอีกจนได้ -.- “ฮ่ะๆ ยังพูดไม่จบจ้ะ เจ็บเหมือนมดกัดเองอะ เจ้าแขนจิ๋ว” จึ๊กๆ! แล้วนิ้วเรียวยาวก็ถูกเลื่อนมาจิ้มที่แขนฉันอย่างกวนประสาทอีกสองสามที ก็ไม่สำนึกเลยใช่มั้ยฮะ...จะเอางี้ใช่มะ ได้ว่ะ! พลั่ก พลั่ก พลั่ก คราวนี้ฉันออกแรงกระทุ้งศอกรัวๆ ใส่หน้าท้องแกร่งจนเลโอตัวงอ ก่อนจะปัดแขนใหญ่ๆ ที่อุ้มร่างฉันไว้ออก แล้วโดดลงมาอย่างง่ายดาย ฟุ้บ! “เฮ้ย เจ็บจริงแล้วนะ!” “กลับได้ละ” พูดจบฉันก็เดินออกมาโดยไม่สนใจว่าหมอนั่นจะพล่ามอะไร รู้แค่ตอนนี้ฟ้ามันเริ่มจะมืดแล้วไง แถมฝนก็ทำท่าเหมือนจะตกลงมาให้ได้ -.- หมับ! “ตัวเองงง~ เดี๋ยวดิ กินข้าวก่อนนะ เค้าหิวอ่ะ ไม่เชื่อจับท้องดูได้” โคร่กกก~ เลโอวิ่งอ้อมมาดักหน้าฉันอีกครั้ง แถมยังคว้ามือฉันไปจับท้องตัวเองที่ร้องออกมาซะดัง -.- “เป็นไงล่ะ...เค้าน่าสงสารใช่ป้ะ T^T” พรึ่บบบ! “ไม่!” ฉันสะบัดมือออกแล้วตอบกลับไป ได้ยินแบบนั้นเลโอก็คว้ามือฉันไปจับที่ท้องตัวเองใหม่ “หึ๊ย ลองอีกที ร้องดังขนาดนี้ ไม่สงสารเค้าจริงดิ” หมับ! โคร่กกก~ โคร่กกก~ “ก็บอกว่ามะ....” Rrrrrrrrrrr~ - KENSHIN - ฉันเอ่ยปากออกไปและกำลังจะสะบัดมือตัวเองที่ถูกคว้าไว้ออก แต่ยังพูดไม่ทันจบก็มีสายเรียกเข้าจาก ‘เคนชิน’ คนสนิทของท่านผู้นำที่ได้รับคำสั่งให้ติดตามฉันโทรเข้ามาซะก่อน “เข้าไป” เพราะรู้ว่าถ้าเป็นเคนชินมันต้องเป็นเรื่องสำคัญ ฉันเลยหันไปบอกเลโอที่ยืนหน้ามุ่ยเหมือนเด็กเอาแต่ใจรอบที่สามล้านของวันแล้วหมอนี่ก็ทำหน้างง “หื้ม?” “เข้าไปรอข้างใน” “แล้วตัวเอง...” “เดี๋ยวตามไป” Rrrrrrrr~ เคนชินโทรเข้ามาซ้ำอีกครั้ง ฉันเลยก้าวขาเดินเลี่ยงออกมาอีกทางแต่เลโอก็ยังเดินตามมาพร้อมๆ กันไม่ยอมเดินแยกออกไป “บอกว่าให้...” “ก็รู้แล้วไง” ไม่รอให้ฉันพูดจบเลโอก็สวนกลับมา แล้วก็เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนคนบ้า “รู้ก็ไป อย่าลีลา” “เค้าไปไม่ได้อ่ะ” เฮ่ออออ ฉันถอนหายใจออกไป แล้วเลิกคิ้วถามทั้งที่ใจร้อนอยากรู้ธุระของเคนชินเป็นบ้า “...ว่า?” “ก็ตัวเองยังไม่ปล่อยมือจาก Six pack สุดเซ็กซี่ของเค้าเลยอ่ะ....” พรึ่บบบ! ได้ยินแบบนั้นฉันนี่ก้มมองมือตัวเองแทบไม่ทัน ก่อนจะสะบัดมือหนาๆ ที่คว้ามือฉันไปล็อคกับหน้าท้องตัวเองเอาไว้ออก แล้วหมอนั่นก็หมุนตัวเดินหัวเราะกลับไปที่ร้านดังลั่น “คิกๆๆ เข้าใจ..จับนิดเดียวก็เคลิ้มแล้วใช่ม้า บ้าาา~ ตัวเองอ่ะ ทำไรก็ไม่รู้ เค้าเขินนะ >_<” “-.-” แล้วฉันก็ได้แต่ยืนกัดฟันมองหมอนั่นเดินเข้าร้านไปจนลับตา ก่อนจะกดโทรกลับหาเคนชินที่ก็รับสายกันทันทีอย่างไม่รอให้เสียเวลา [ตื๊ดดด.... นายหญิงครับ] “ว่าไง” [ใช่อย่างที่คิดครับนาย ลายเซ็นในจดหมายไม่ได้ถูกเซ็นต์ด้วย Quill แต่เป็นลายเส้นของปากกาทั่วไป] หึ...ได้ฟังแบบนั้นก็ทำให้ฉันโล่งใจขึ้นมาครั้งใหญ่ ข้อดีของการที่ใครสักคนรักษาสัจจะมันเป็นแบบนี้เองสินะ “แล้วคินล่ะ ตอนนี้อยู่ไหน?” [อยู่ที่นี่ครับ ตอนนี้คุณคิระกำลังซ้อมอย่างหนักในห้องปิดตาย เพราะวันประทับตราสภากฎวางคู่ต่อสู้สุดท้าย...] “ติณณ์คินใช่มั้ย?” ฉันพูดขัดออกไปแบบ.. จะให้บอกว่าไง? เดาไม่ออกก็โง่เกินคนแล้วมั้ย ก็แค่ลูกไม้ตื้นๆ ของพวกคนแก่ใกล้ตาย [ใช่ครับ] “ก็ดี งั้นฝากยื่นสกิลจับคู่ใหม่ให้ที” [ครับ?] คำพูดของฉันทำให้น้ำเสียงของเคนชินที่ดูหนักแน่นในตอนแรกถึงกับเขวไปสักพัก “ก็ไม่จำกัดเพศไม่ใช่? เหงาไง..ขอแจมด้วยดิ” [เดี๋ยวนะครับนาย แต่ว่าท่านผู้นำสั่งไว้ว่า.....] “ทำตามคำสั่งเถอะน่าเคนชิน!” [แต่...] ตริ๊ด! ไม่รอให้เคนชินพูดจบ ฉันก็กดตัดสายอย่างรู้ทันว่ามันคงเป็นคำพูดห้ามปรามที่หมอนี่มักพูดประจำโดยเอาท่านผู้นำมาอ้างทุกครั้ง ฉันน่ะ..ถึงจะเคารพในตัวท่านผู้นำ แต่ก็โตพอที่จะทำตามคำสั่งเสียสุดท้ายของผู้มีพระคุณสูงสุดอีกคนของตัวเองแล้วเหมือนกัน... ทั้งไออุ่นจากอ้อมกอดสุดท้าย น้ำเสียงสั่นเครือ และแววตาเชื่อมั่นในตัวฉันจากบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่บุญธรรมของตัวเองแบบนั้น... ถ้าไม่เริ่มมันสักที จะรอให้มันเลวร้ายไปกว่านี้ก็คงรับมือไม่ไหวกันพอดี ‘Please promise me Farida... If your bro fight, Forbid them!’“คิระ นี่มันเรื่องอะไรกัน?!”ไม่ใช่แค่ฉันหรอก แต่ DS Member ทุกคนก็ดูสับสนพอกัน ถ้าเรียกตัวคืนสู่สังกัด แปลว่ามาโครอยู่สังกัดของเรา? แต่จะเป็นไปได้ไงก็ในเมื่อแม็ค...“ว่ากันว่า...ถ้าจะหลอกศัตรูให้ตายใจ ก็ต้องหลอกพวกเดียวกันให้ได้ซะก่อน”คิระเดินตรงเข้ามาหาฉัน และมองลงไปที่กลางสนามประลอง เห็นแม็คกับเลย์ยืนอยู่ข้างล่างท่ามกลางความเงียบงันที่ไม่มีใครพูดอะไร ยิ่งไปกว่านั้น สองคนนั้นกับติณณ์และท่านพ่อ ก็ยังหันมาดูปฏิกิริยาของฉันด้วยซ้ำพรึ่บ! หมับ!ได้ฟังแบบนั้นฉันก็ก้าวขาจะเดินลงไปข้างล่าง แต่คินมันดันมาคว้าแขนไว้ และกระชากกลับไปอย่างแรง พร้อมกับพูดด้วยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ติณณ์“ครั้งนี้ไม่เอาตัวแถม ถ้าพวกมันรักเธอ...พวกมันก็มีเรื่องต้องเคลียร์กัน!”แล้วพอคินพูดจบ อยู่ๆติณณ์ก็โยนดาบคาตานะสองเล่มให้แม็คกับเลย์ที่ก็ยื่นมือไปรับมัน นั่นทำให้ฉันวิตกขึ้นมา เพราะแม็คน่ะ...ใช้ดาบคาตานะคล่องมากอยู่ละ แต่เลย์กับดาบคาตานะน่ะ...“ศิษย์สำนักเดียวกัน ไม่เห็นต้องทำหน้าเหวอขนาดนั้น”“สำนักเดียวกัน?” ฉันหันไปหาคินด้วยสีหน้างงๆ“ก็ใครสอนไอ้แม็ค? ใครประทับตราให้มัน?”คิระตอบกลับคำถามขอ
สองวันต่อมา...@ Dark Shadow Castle (JAPAN)“โห สวยมากกกก เจ๊คือสวยในสวย สวยโคตรๆ สวยแบบถ้าเลย์เห็นต้องยกเลิกงานแต่ง ลากไปขังไว้ในห้องไม่ให้ออกมาพบผู้คนแน่ๆ O[]O”เสียงนิลลาอวยฉันที่ยืนหมุนตัวอยู่หน้ากระจกไปมาในชุดเจ้าสาวที่เคยใส่แล้ว แต่วันนี้มันดูแปลกตากว่าครั้งนั้น คงเพราะทรงผมที่ทำมันไม่เหมือนกันล่ะมั้ง“หรอ -/////- แต่นั่นน่าจะเป็นนิสัยดิบเถื่อนของพายุมากกว่า”“แหะๆ อย่าเปิดประเด็นนินทาพายสิคะ รายนั้นยิ่งชอบเจ้ากี้เจ้าการ บังคับให้แต่งๆอยู่ได้ ไม่สนใจคนรอบข้างเลยอ่ะ -*-”“อ้าวโรส เฮียพายมาหรอ”“เย้ยยย ไอ้ด้า! เดี๋ยวกูตบกบาล”อ๋อ! รู้ละอีกอย่างนึงที่มันต่าง คือความครื้นเครงในห้องแต่งตัวเจ้าสาวตอนนี้ ที่เต็มไปด้วยบรรดา Nightshade’s Lady มาช่วยตรวจความเรียบร้อยให้ แถมยังตื่นเต้นกว่าฉันที่สวมชุดเองซะอีก“ก็สวยจริงๆนั่นแหละนะ”โมเน่ต์พูดไปแล้วจัดระเบียบชุดเจ้าสาวของฉันไปด้วยสีหน้าที่ดูดีขึ้นแบบเคลียร์ใจกันทั้งหมดแล้วก็นะ เพราะฉันกับติณณ์อายุห่างกันนิดหน่อย แถมยังเรียนมหาลัยปีเดียวกัน เราเลยคงสรรพนามเดิมคือเรียกชื่อกันเฉยๆ ไม่จำเป็นต้องเรียกเจ๊หรืออะไรจริงจัง เพราะทั้งติณณ์และคิระ ถ้า
หลายวันต่อมา...@ Dark Shadow Castleหลังผ่านการพิพากษาคิระ ซึ่งทุกอย่างก็เหมือนจะจบลงด้วยดี เพียงแต่...ไอ้สองพี่น้องขี้เก๊กนั่นมันก็ยังไม่ยอมเปิดใจคุยกันตรงๆสักทีก็...แล้วแต่นะ การกระทำมันสำคัญกว่าคำพูดอยู่แล้วนี่อ้อ...ลืมบอกไปนิด ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นฉันนี่แหละ ที่เป็นคนประทับตรา Dark Shadow ให้โมเน่ต์ตามคำขอของติณณ์ ซึ่งเราก็ไม่เห็นหน้ากันตรงๆหรอกนะ ฉันเข้าไปประทับให้ตอนที่เธอหันหลัง เพราะยังไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน และอย่างที่รู้... โมเน่ต์กับฉันก็ไม่ค่อยจะลงรอยกันหรอกตั้งแต่ที่ชมรมละแต่ไม่รู้ไปประทับอะไรผิดพลาดรึเปล่า เพราะอยู่ๆโมเน่ต์ก็ขอให้ติณณ์พามาที่ Castle ตั้งแต่กลับจากญี่ปุ่นตลอด Nightshade เองก็แวะเวียนมาที่นี่แทบทุกวัน จนตอนนี้กลายเป็น Ztudio Nightshade นั่นแหละที่ร้าง ในขณะที่ Castle ฝั่งติณณ์...ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!เสียงลั่นไกในห้องซ้อมยิงปืนจาก CCTV ที่เคนชินมันต่อเข้ามานั่งดูในห้องโถงของ Castle ฝั่งฉัน ดังสนั่นแบบที่ไอ้หมอนี่ไม่เห็นหัวเจ้าของ Castle ที่นั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบอยู่นี่เลยด้วยซ้ำ -_-แถมลูกน้องของฉันอีกหลายคนก็กำลังสุมหัว รอลุ้นวิถีกระสุนของโมเน่ต์
อีกด้านหนึ่งของ Dark Shadow Castleก๊อก ก๊อก ก๊อก...ฉันเคาะประตูห้องทำงานของติณณ์ที่ถูกเปิดแง้มเอาไว้ และถือวิสาสะเดินเข้ามาข้างในซึ่งก็มีติณณ์นั่งรออยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แต่แววตาก็เป็นอย่างที่คาดไว้หมอนี่...กำลังเสียใจก่อนที่ฉันจะยื่นอัลบั้มรูปในมือที่ตอนไปค้นรูปคิระให้ลิซ บังเอิญไปเจออัลบั้มที่มีรูปติณณ์กับคินถ่ายด้วยกันสมัยเด็กๆก็ไม่รู้หรอกว่าหมอนี่อยากได้มั้ย...แต่ในสถานการณ์แบบนี้น่ะ ฉัน...อยากให้“ไม่ฆ่ามันก็บุญเท่าไหร่”พรึ่บ!ติณณ์พูดออกมาเสียงเรียบ แล้วเลย์ที่มาด้วยกันก็วางเอกสารทั้งหมดที่ฉันได้จากเคนชินเรื่องสภาค้ายาลงบนโต๊ะแบบไม่พูดอะไรแต่ความเป็น Nightshade มันบอกชัด ว่าเลย์ก็ไม่ได้สบายใจที่ติณณ์มันอยู่ในสภาวะอารมณ์ที่...จุกแต่พูดอะไรไมได้“หลายอย่างน้องมันอาจตั้งใจ แต่บางการกระทำก็มีเหตุผลให้เป็นไป”ฉันพูดออกไป แล้วพอได้ฟังแบบนั้นติณณ์มันก็มองมานิ่งๆ และไม่มีทีท่าจะเปิดดูทั้งอัลบั้มรูปและเอกสารที่พวกฉันหอบมาให้สักนิด ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ของหมอนี่อยู่แล้วแหละ ที่จะดูหรือไม่ดูก็ได้“เข้าด้วยมั้ย?”คำถามคลุมเครือจากติณณ์ถูกส่งมา ด้วยแววตาที่ดูเหมือนกำลังหาที่พึ่ง
หลายชั่วโมงต่อมา...“ยุติสถานการณ์บนเกาะพร้อมเคลียร์พื้นที่เรียบร้อยแล้วครับนายหญิง”เสียงลูกน้องคนหนึ่งของฉันมารายงานผลด้วยการกระซิบเบาๆเล่นเอาโล่งใจไปตามๆกัน ท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคักของลิซที่กำลังนั่งดูรูปคิระที่หน้าบูดตั้งแต่เด็กอยู่คนเดียว“คิกๆๆ ตาลุงคนนี้นี่หน้าตาโกตั๊กจังเลยนะคะเนี่ย ^_^”“แล้วสองคนนั้น?”ฉันถามออกไปเบาๆ เพราะเท่าที่ดูเหมือนลิซไม่รู้ว่าคิระเป็นใครด้วยซ้ำ ทั้งที่ตอนนั้นเกือบโดนคนของสภาเอาตัวไป แต่ไม่รู้คินมันหลอกน้องหรือความไร้เดียงสาทำให้ลิซคิดว่าฉันรวยมากเลยจะโดนจับไปเรียกค่าไถ่ -.-ส่วนเหตุผลที่มาที่นี่ก็พีคกว่าไง น้องมันโดนไอ้คินชวนมาล่าท้าผี เป่าหูลิซว่าที่นี่คือปราสาทร้อยปี แถมยังมีขนนกนำโชคที่จะทำให้พบรักแท้ซะด้วย หึหึ... เป็นประวัติ Castle ที่ช่าง...น่าสนใจ =_=^“คุณเตโชกับคุณคิระบาดเจ็บนิดหน่อย แต่โดยรวมปลอดภัยดีครับ Nightshade กับ Nightshade’s Lady ก็กลับมาที่นี่แล้ว อ้อ ส่วนคุณเลโอก็สบายมากหายห่วง ลูกพี่เคนชินขอตัวไปเปลี่ยนชุด แล้วจะกลับมาทำหน้าที่ต่อครับ ^_^”น้ำเสียงกับสีหน้าระรื่นของลูกน้องที่มารายงานถูกส่งมาให้ฉันแบบสวมรอยเคนชินมาชัดๆ หึ... ไอ้ล
ครึ่งชั่วโมงต่อมา...“คนของเราวางบอมบ์ได้ 60% จากพื้นที่ทั้งหมดแล้วครับ พิกัดแรกเราจะระเบิดคลังยาที่…”“คุณโมเน่ต์อาการไม่ดีเลยครับนายหญิง”ระหว่างที่ฉันกำลังสนใจสัญญาณที่คนของเราให้มาเป็นระยะว่าจะระเบิดคลังยานรกแต่ละที่ตอนไหน เคนชินที่หันไปเห็นโมเน่ต์จากภาพใน CCTV ที่เราเลิกสนใจตั้งแต่ติณณ์เดินออกไปก็พูดขึ้นมาได้ฟังแบบนั้นฉันเลยละความสนใจและหันไปดูโมเน่ต์ที่เดินวนไปวนมาโดยมีมือถือเครื่องหนึ่งแนบหู ซึ่งก็คงพยายามโทรหาติณณ์ที่ชิ่งออกไปแบบให้คำตอบคลุมเครือนั่นแหละนะถ้าให้ทาย“คนของเราอยู่ในนั้นแล้วใช่มั้ย?”“ครับ แฝงตัวเข้าไปตอนรายงานพิกัด”“งั้นก็ไม่มีไรต้องกังวลนี่”แล้วจังหวะที่ฉันกำลังหมุนตัวกลับไปดูพิกัดวางระเบิดหลังคุยเรื่องโมเน่ต์กับเคนชิน เสียงคนของเราที่ Castle ฝั่งติณณ์ก็ตะโกนเรียกออกมาดังลั่น‘นายหญิงครับ นายหญิง!!!’ “ว่า?”“คุณโมเน่ต์อยู่ๆก็หมดสติไปครับ”ตึงงงง!ได้ยินคำตอบจากเคนชินที่ตอบแทนลูกน้องที่อยู่ข้างใน ทำให้ฉันรีบผลักประตูและวิ่งข้ามทางเชื่อมตรงไปที่ Castle ฝั่งติณณ์ทันที“เคนชินเรียกรถพยาบาล! โมเน่ต์เป็นอะไร?”ฉันหันไปถามลูกน้องติณณ์ที่กำลังอุ้มร่างโมเน่ต์ที่ไร้ส