เสียงฝนกระแทกกระจกหน้าต่างดังรัว... มันไม่ใช่เพียงเสียงธรรมชาติ แต่มันคือเสียงที่กรีดลึกลงไปในจิตใจของณภัทร คล้ายกับทุกหยดกำลังนับถอยหลังสู่หายนะบางอย่างที่เขาหนีไม่พ้นเขาก้าวลงจากรถที่จอดซ่อนอยู่ข้างตึกเก่า กลิ่นสนิมและความอับชื้นตีขึ้นมาปะทะหน้า กลิ่นเหล่านี้ไม่น่ารังเกียจสำหรับเขาอีกต่อไป แต่มันกลับให้ความรู้สึกเหมือนคำเตือนว่า เขากำลังเดินเข้าสู่สถานที่ที่ความจริงและภาพลวงตาไม่มีเส้นแบ่งณภัทรเงยหน้ามองป้ายโรงพยาบาลจิตเวชเก่า ๆ ตัวอักษรซีดจางจนแทบเลือนหาย ราวกับเสียงตะโกนของผู้คนที่เคยอยู่ที่นี่... ถูกกาลเวลากลืนหายไป เขาหายใจแรงจนได้ยินเสียงชัดเจนเหมือนเสียงคนแปลกหน้าที่คอยกระซิบอยู่ในหัว“กลับไป... กลับไปซะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นในหัว แต่เท้าของเขากลับก้าวเดินต่ออย่างดื้อดึง เหมือนหุ่นเชิดที่ถูกบังคับด้วยเส้นด้ายที่มองไม่เห็นทางเดินในอาคารเงียบสงัด... เงียบเสียจนเสียงรองเท้าของเขาก้องสะท้อนราวกับคำเตือนจากความมืด พยาบาลเวรเงยหน้ามองเพียงแวบเดียว แววตาของเธอเต็มไปด้วยความลังเล ก่อนจะรีบเบือนสายตาไปทางอื่น ราวกับไม่อยากมองเห็นสิ่งที่อยู่ในตัวเขา ณภัทรเพียงยื่นบัตรเจ้าหน้าที่สืบสวนให
หลังข่าวการยื่นฟ้องของดนุสะเทือนทั้งวงการธุรกิจและสังคม เขาปรากฏตัวต่อหน้าสื่ออีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่เพื่อโต้เถียงหรือแสดงอำนาจ แต่เพื่อประกาศบางสิ่งที่ทำให้ทั้งเมืองต้องหยุดหายใจ“ตั้งแต่วันนี้ ผมจะยุติบทบาทผู้นำแก๊งทั้งหมด”คำประกาศนั้นดังชัดเจน ดนุในชุดสูทสีดำเรียบยืนเผชิญหน้ากับนักข่าว ใบหน้าเรียบนิ่งปราศจากอารมณ์ใดๆ เขาเหมือนคนที่ปลดเปลื้องภาระหนักอึ้งออกจากบ่า แต่ในแววตาเย็นเฉียบกลับซ่อนบางอย่างที่ไม่มีใครคาดเดาได้ ทันทีที่เขาหันหลังให้กล้องและก้าวขึ้นรถ บรรยากาศรอบตัวกลับเย็นวาบเหมือนมีเงาไร้รูปร่างแทรกเข้ามาในความมืดค่ำคืนนั้น ในโกดังร้างนอกเมือง ประตูเหล็กบานใหญ่ค่อยๆ ปิดลง เงาร่างหลายคนยืนเรียงเงียบอยู่ในความมืด ดนุเดินตรงไปข้างหน้า ไม่มีคำพูดฟุ่มเฟือย เขาเพียงสบตาพวกเขาทีละคนก่อนจะพูดด้วยเสียงต่ำ“ตั้งแต่คืนนี้ไป… พวกนายคือ ‘หน่วยเงา’”ไม่มีเสียงตอบรับ มีเพียงการก้มศีรษะพร้อมกัน เสียงรองเท้ากระทบพื้นปูนก้องสะท้อนในความเงียบงัน มันคือเสียงแห่งความภักดีที่ไม่ต้องการคำยืนยันไม่กี่วันต่อมา ศพแรกก็ถูกพบ ร่างชายวัยกลางคนลอยคว่ำอยู่ริมแม่น้ำ แสงไฟสีน้ำเงินแดงจากรถตำรวจแลบวาบกล
เช้าวันจันทร์ ฟ้าหม่นเทา ฝนโปรยบาง ๆ ปกคลุมเมืองราวกับม่านหมอกแห่งความลับที่กำลังรอจะถูกเปิดเผย แต่ที่ศาลากลางจังหวัดกลับคลาคล่ำไปด้วยผู้สื่อข่าวและช่างภาพจากทุกสำนัก ทุกสายตาจับจ้องไปยังชายหนุ่มผู้หนึ่งในชุดสูทเรียบเขายืนอยู่หน้าประตูศาล สูดลมหายใจลึกจนอกขยาย เสียงสายฝนกระทบพื้นดังก้องในโสตประสาทเหมือนเสียงกลองแห่งสงคราม มือขวาของเขากำแฟ้มเอกสารแน่นราวกับกำลังยึดมันเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะทำให้เขายืนหยัดได้เมื่อก้าวแรกเหยียบเข้าไปในรั้วศาล แสงแฟลชจากร้อยกล้องสาดเข้าหาเขา เสียงชัตเตอร์ดังรัวไม่ขาดสาย ดนุยังคงสีหน้านิ่งขรึม ไม่ยอมอ่อนข้อ ข้างกายมีทนายความคู่ใจที่เดินเคียงข้างด้วยสีหน้าหนักแน่นและเมื่อเอกสารถูกยื่นเข้าสู่ระบบศาลอย่างเป็นทางการ ข่าวก็แพร่สะพัดไปราวกับไฟลามทุ่ง“ลูกชายอีกคนของพัชรลักษณ์โผล่! พร้อมหลักฐานว่าคือทายาทอีกคน!”“ดนุ ทายาทโดยชอบธรรมของชลธิชา ยื่นฟ้องตระกูลดัง!”พาดหัวเหล่านี้กลายเป็นระเบิดลูกใหญ่ที่สั่นสะเทือนทั้งสังคม ในเวลาไม่ถึงหกชั่วโมง คลิปสั้น ๆ ขณะที่ดนุเดินฝ่าฝูงนักข่าวกลายเป็นไวรัลในโลกออนไลน์ในคฤหาสน์หรูเงียบสงัด ณภัทร นั่งนิ่งอยู่บนห้องทำงานส่วนตัว เ
เสียงเหล็กเสียดสีกับพื้นซีเมนต์ดังก้องกังวานเย็นเยียบ ประตูโลหะของห้องใต้ดินคลับเก่าถูกผลักเปิดออกช้าๆ กลิ่นอับชื้นและความชื้นระคนกลิ่นเก่าแก่ของสถานที่ปะทะเข้าใบหน้าของณภัทรทันทีที่เขาก้าวเข้าไป มันไม่ใช่กลิ่นที่คุ้นเคย หากแต่ให้ความรู้สึกคล้ายย่างกรายเข้าสู่เบื้องลึกของเรื่องราวที่ถูกซ่อนงำ เขาไม่รู้ว่าสิ่งใดดลใจให้ยอมรับคำเชิญจากหมายเลขปริศนา แต่ลึกลงในใจกลับรับรู้ได้ว่า... เขาต้องมาภายในห้องอันสลัว มีเพียงแสงไฟดวงเดียวจากโคมเก่าห้อยระย้าลงมาจากเพดาน และชายผู้หนึ่งที่ยืนพิงผนังรออยู่ก่อนแล้ว ดนุเขาไม่ได้แย้มยิ้ม ไม่แม้แต่จะทักทาย เพียงแค่ยื่นแฟ้มเอกสารบางอย่างมาตรงหน้า"นี่คือของจริง ทุกสิ่งในนี้... คือความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับนาย เกี่ยวกับฉัน และเกี่ยวกับแม่ของเรา"ณภัทรรับแฟ้มเอกสารมาอย่างลังเล ดวงตาไล่อ่านช้าๆ ตั้งแต่ใบสูติบัตร ลายมือชื่อของชลธิชา ไปจนถึงคำรับสารภาพจากเจ้าหน้าที่พยาบาลที่ระบุชัดว่ามีการเปลี่ยนตัวเด็กหลังคลอดห้องเงียบกริบจนได้ยินเพียงเสียงกระดาษที่สั่นระริกในมือเขา ทุกถ้อยคำที่ปรากฏบนหน้ากระดาษก้องกังวานอยู่ในห้วงสำนึก ไม่มีวันเลือนหาย"เธอ... ชื่อชลธิชาใช่ไหม?
แสงแฟลชจากกล้องนับสิบสะท้อนวูบวาบอยู่หน้าบริษัทพัชรลักษณ์ นักข่าวจากหลายสำนักปักหลักแน่นขนัดริมทางเท้า เสียงชัตเตอร์กับเสียงตะโกนเรียกชื่อดังระงม"คุณพัชรลักษณ์คะ! มีความเห็นอย่างไรกับข่าวที่เกิดขึ้น?""ณภัทร! คุณจะตอบอย่างไรกับข้อกล่าวหานี้?"เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพยายามกันนักข่าวให้ออกห่างจากทางเข้า ขณะเดียวกัน พาดหัวข่าวในสื่อเริ่มรุนแรงขึ้นทุกขณะ สถานการณ์เหมือนน้ำเดือดที่กำลังรอการระเบิดภายในบริษัท ข่าวลือแพร่กระจายเร็วกว่ากระแสลม เอกสารบางชุดถูกเก็บไปอย่างเงียบงัน ลูกน้องเก่าของพัชรลักษณ์หลายคนเริ่มถอนตัว บ้างถูกเรียกตัวเข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่รัฐ"เริ่มแล้ว..."เลขาฯ คนหนึ่งกระซิบกับเพื่อนร่วมงาน พลางเหลือบตามองประตูห้องผู้บริหารที่ปิดแน่น"ฉันได้ยินมาว่าเขาเตรียมจะปล่อยหลักฐานเพิ่มอีก""ใคร?""ใครก็ไม่รู้... แต่ไม่ใช่คนของคุณพัชรลักษณ์แน่ ๆ"อีกคนพึมพำเบา ๆ"หรือจะเป็น... ลูกชายอีกคน?"ขณะเดียวกัน บนโลกออนไลน์ แฮชแท็ก #ความลับของณภัทร พุ่งทะยานขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของเทรนด์ทวิตเตอร์ ภาพสมัยเรียน มุมกล้องแอบถ่าย บทสนทนาเก่าในกระทู้พันทิป เริ่มถูกขุดขึ้นมาอย่างไร้ความปราน
ภายในห้องประชุมใหญ่ของบริษัทพัชรลักษณ์ แสงสีขาวนวลจากโคมไฟบนเพดานสาดส่องลงกระทบโต๊ะไม้ขัดเงายาวเหยียดจนสะท้อนเป็นประกายคล้ายกระจก ซึ่งรายล้อมไปด้วยเก้าอี้หนังสีดำสง่างาม ทุกที่นั่งมีผู้บริหารระดับสูงประจำอยู่ครบถ้วนพร้อมเพรียง บรรยากาศภายในห้องนั้นดูเหมือนจะอัดแน่นไปด้วยแรงกดดันที่มองไม่เห็นราวกับกำลังรอคอยบางสิ่ง ทุกเสียงพูดคุยค่อย ๆ แผ่วลงจนกระทั่งเงียบสนิทเมื่อณภัทรก้าวเข้ามาภายในห้องเขานั่งลงตรงตำแหน่งที่ถูกสงวนไว้ให้แก่รองประธาน ทุกสายตาของผู้ที่อยู่ในห้องต่างพุ่งตรงมายังเขาอย่างพร้อมเพรียง บ้างเต็มไปด้วยความสงสัยคลางแคลงใจ บ้างก็ดูเหมือนยังไม่แน่ใจในสถานการณ์ บ้างก็เริ่มฉายแววของการตั้งแง่และไม่พอใจ บรรยากาศภายในห้องเย็นยะเยือกคล้ายกับพายุลูกใหญ่ที่กำลังจะก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆไม่ถึงห้านาทีหลังจากที่การประชุมได้เริ่มต้นขึ้น ทนายประจำบริษัทก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับถือเอกสารสำคัญไว้ในมือ เสียงพลิกหน้ากระดาษที่แผ่วเบาแทบไม่ได้ยินนั้น กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของพายุลูกใหญ่ที่จะถาโถมเข้ามาในไม่ช้า"ผมได้รับคำร้องเรียนพร้อมหลักฐานจากผู้ถือหุ้นส่วนน้อยบางราย ซึ่งเป็นผู้ที่ร้องขอให้มีการตรวจส