เขาหายตัวไปอย่างปริศนา ไม่มีใครทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อเล็กซิสตกใจและรับรู้ถึงบางสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลเมื่อสื่อทุกแขนงลงข่าวการหายตัวไปอย่างลึกลับของจอห์น ลีลอยด์ดังนี้
“...แซลลี่ มัมฟอร์ด วัย 19 ปี พักอาศัยอยู่ในรีสอร์ตพร้อมกับครอบครัวในวันเดียวกับที่ลีลอยด์และเพื่อนอีกสามคนอาศัยในบ้านพักตากอากาศข้างเคียง พยานสาวเล่าว่า ลีลอยด์และกลุ่มเพื่อนจัดงานปาร์ตี้เฉลิมฉลองกันอย่างสนุกสุดเหวี่ยงในคืนก่อนที่ทั้งหมดหายตัวไป ตำรวจพบยาเสพติดและเครื่องดื่มมึนเมาที่ผสมสารผิดกฎหมายในที่พัก ลีลอยด์หายตัวไปนานกว่าสองสัปดาห์แล้ว ทางครอบครัวของเขาให้การว่า ผู้จัดการของลีลอยด์แจ้งว่า นักแสดงหนุ่มติดงานจนไม่มีเวลากลับบ้าน พวกเขาจึงไม่เอะใจว่าเขาหายตัวไปเพราะเป็นเรื่องปกติสำหรับอาชีพการงานของนักแสดงหนุ่ม จากการสอบสวนเบื้องต้น ตำรวจตั้งข้อสงสัยกับ ทิม ยัง ผู้จัดการของลีลอยด์ที่พยายามปกปิดข่าวการหายตัวไปเพื่อหาทางทำลายหลักฐานต่าง ๆ ซึ่งอาจเชื่อมโยงนักแสดงหนุ่มกับยาเสพติด อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์ของผู้จัดการคนนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าต้องการปกปิดเรื่องยาเสพติดเพียงอย่างเดียว หรือมีเหตุผลอื่นกันแน่ หรืออาจจะโยงไปถึงการฆ่าปิดปากของขบวนการค้ายา
คาร์ล ปาร์ค สารวัตรตำรวจประจำสำนักงานตำรวจรีเวอร์แลนด์ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เนื่องจากวิลล่าของจอห์น ลีลอยด์อยู่ติดกับหน้าผา เป็นไปได้ที่วัยรุ่นทั้งกลุ่มอาจกระโดดลงไป ซึ่งอาจเป็นผลพวงมาจากฤทธิ์ยาเสพติดที่พวกเขาเสพ ขณะนี้ทางตำรวจน้ำเข้าร่วมกับทีมสืบสวนเพื่อค้นหาศพ ในเวลาเดียวกัน ทีมเจ้าหน้าที่ป่าไม้เมืองริเวอร์แลนด์นำกำลังสืบหาร่องรอยของนักแสดงวัยรุ่นและกลุ่มเพื่อนที่อาจหลงทางในป่าก็เป็นได้
จอห์น ลีลอยด์ วัย 20 ปี เป็นนักแสดงดาวรุ่งพุ่งแรงในตอนนี้ เขาเป็นชาวเมืองบลูเบลล์โดยกำเนิด หนังที่สร้างชื่อคือหนังโรแมนติกวัยรุ่นเรื่อง ‘ซันไรซ์ อิน เดอะ เวสต์’ ลีลอยด์ยังเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์ยีนยี่ห้อดังอย่างเล็กซี่ นาฬิกาสุดหรูโรแวน และเครื่องดื่มแอมบรอเซีย หนังเรื่อง ‘เดอะ ฟอล อ็อฟ อ็อกซีแมนดิอัส’ ต้องเลื่อนการถ่ายทำออกไป เนื่องจากจำเป็นต้องหานักแสดงใหม่สำหรับบทกษัตริย์อ็อกซิแมนดิอัสในวัยหนุ่ม”
อเล็กซิสพับหนังสือพิมพ์ซานโบซ่าโพสต์ลง แล้วพูดขึ้นว่า “ตลกชะมัด”
เด็กสาวยังคงสวมเสื้อยืดเข้ารูปกับกางเกงยีนทรงสกินนี่ กระเป๋าเป้ของเธอนอนสงบนิ่งอยู่บนเตียงของพี่ชาย อเล็กซิสเหยียดขายาวไปจนสุดด้วยท่าทางสบาย ๆ
เธอได้รับโอกาสให้สวมบทเล็ก ๆ ในโฆษณารณรงค์เด็กและวัยรุ่นหันมาดื่มนมกันมากขึ้น ชื่อแคมเปญคือ ‘ดื่มนมกันเถอะ’ ซึ่งเป็นโครงการที่จัดโดยรัฐบาล จอห์น ลีลอยด์ นักแสดงดาวรุ่งในข่าวได้รับโอกาสเป็นพรีเซนเตอร์และนักแสดงนำสำหรับสปอตโฆษณาตัวนี้ สถานที่ถ่ายทำจัดขึ้นในเขตปกครองพิเศษพาราดิโซ่ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวสำหรับพักผ่อนท่ามกลางทะเลสีฟ้างามระยิบระยับพร้อมกับชายหาดทรายสีขาวสะอาด อเล็กซิสเกือบได้วันว่างหนึ่งวันเพื่อเที่ยวรอบเกาะเอซเคป แต่เธอจำเป็นต้องกลับบ้านก่อนเพราะจอห์นหายตัวไป (เพราะถ้าหากเธออยู่ต่อจะต้องจ่ายค่าที่พักและค่าครองชีพที่แพงสุดขีดด้วยตัวเอง) แม้อเล็กซิสจะได้เงินค่าเสียเวลา แต่เธออยากได้เงินจากค่าจ้างเต็มจำนวนมากกว่าค่าชดเชยเล็กน้อยแบบนี้ อีกอย่าง โฆษณาชิ้นนี้เป็นของรัฐบาลจัดทำเอง ดังนั้นใบหน้าของเธอจะปรากฏอยู่ทั่วสหพันธรัฐแน่นอน มันอาจจะเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในการจุดประกายชื่อเสียงของเธอก็เป็นได้
“ทำไมถึงพูดอย่างงั้น” เจสซี่ถาม พี่ชายวัยยี่สิบสองปีคนนี้เพิ่งจบปริญญาตรีและกำลังจะเข้ารับปริญญาในอีกสองอาทิตย์ แต่ตอนนี้เขาลงเรียนปริญญาโทสาขากฎหมายต่อเรียบร้อยแล้ว เจสซี่ยังเข้าทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย ณ บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในเมืองเฮมส์เวิร์ธอีกด้วย
“จอห์นไม่ดื่มเหล้า เขาแพ้แอลกอฮอล์ และที่สำคัญ เจ้าหน้าที่ในรีสอร์ตไม่รู้เลยเหรอไงว่าแขกทั้งกลุ่มหายไป พวกเขาทำบ้าอะไรกันอยู่ตอนที่ลูกค้าหายตัวไปยกโขยง” อเล็กซิสพูดพร้อมกับมีน้ำโหนิด ๆ
“เออ นั่นสิ แปลกจริง ๆ”
“มันไม่สมเหตุสมผลเลยต่างหาก!”
แม้จอห์น ลีลอยด์จะเป็นซูเปอร์สตาร์ แต่จอห์นไม่ใช่คนดังที่ชอบทำตัวหยิ่งยโสเหมือนกับบางคนที่อเล็กซิสเคยเจอ พวกเขารู้จักกันและกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเมื่อตอนที่อเล็กซิสถ่ายแบบให้กับแบรนด์เล็กซี่ลงในนิตยสารฟาม อเล็กซิสมีโอกาสร่วมงานกับจอห์นถึงสองครั้ง ดังนั้น เธอจึงถือว่าตัวเองสามารถเรียกเขาได้อย่างเต็มปากว่าเป็นเพื่อน หรือเพื่อนร่วมงาน หลังจากถ่ายแบบครั้งล่าสุด ทางสตูดิโอจัดงานปาร์ตี้เล็ก ๆ เพื่อฉลอง โดยเฉพาะงานที่ถ่ายทำยาวนานก็จะเป็นแบบนี้ (ยิ่งพรีเซนเตอร์สาวที่ถ่ายคู่กับจอห์นเรื่องมากสุดฤทธิ์ ปาร์ตี้ที่ว่าจึงจัดมาเพื่อปลอบใจทีมงานทุกคน) ทุกคนต่างรู้ดีว่าจอห์นไม่ดื่มเหล้า ดังนั้นทางทีมงานจะเสิร์ฟพวกน้ำผลไม้ น้ำอัดลม หรือไม่ก็น้ำเปล่าแทน มันเป็นความจริง ไม่ใช่เรื่องที่จอห์นสร้างภาพเพื่อให้คนสนใจ
“แต่เขาอาจจะใช้ยาก็ได้นะ” พี่ชายเดาต่อ
อเล็กซิสหรี่ตามอง “ก็จริงที่ว่างานปาร์ตี้ส่วนใหญ่มีของพวกนี้ ไม่ ฉันไม่เคยลองสักหน่อย! (“อย่ามาโกหก!” เจสซี่เอ็ด) ไม่เคย! อย่าตัดสินฉันแบบนั้นในเมื่อพี่ยังเคยลองเลย (“ไม่เคยสักหน่อย!”) เงียบน่า อย่าชวนออกนอกเรื่องได้ไหม จอห์นไม่เคยแตะของพวกนั้นเลย นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมทุกคนถึงรักเขาไงเล่า ยาเสพติดอาจเป็นของเพื่อนเขาก็ได้ ฉันยังจำได้เลยว่าจอห์นเคยบอกว่า กว่าจะแจ้งเกิดในเส้นทางนี้ยากขนาดไหน แต่จะทำให้ตัวเองเป็นดาวเจิดจรัสไปตลอดนี่สิยากกว่า เขาไม่กล้าเสี่ยงทำชื่อเสียงตัวเองป่นปี้หรอก”
“อาฮะ ฟังดูแล้ว เหมือนเธอจะสนิทกับเขามากเลยนะ แถมเขายังเอาแต่พูดเรื่องอาชีพและความฝันอย่างงั้นอย่างงี้ให้เธอฟัง แล้วเดวี่ของเธอล่ะ เอาไปไว้ไหนแล้ว” พี่ชายยิ้มเจ้าเล่ห์
เด็กสาวจ้องเข้าไปในดวงตาของเจสซี่ มันเป็นสีฮาเซลเหมือนกับแฟนหนุ่มเดวี่ อเล็กซิสรู้ว่าเขาจงใจแซวเล่น แต่ไม่ชอบที่พวกพี่แกล้งเธอแบบนี้เลย เจสซี่กับไบรซ์ชอบใช้คำว่า ‘เดวี่ของเธอ’ เพื่อแหย่น้องสาวเล่น คงเป็นเพราะเธอเป็นสมาชิกคนเดียวในบ้านที่ประกาศตัวว่ามีแฟนอย่างเปิดเผย อเล็กซิสกับเดวี่มักอวดความหวานให้ทุกคนเห็นอยู่เสมอ เหมือนกับพวกข้าวใหม่ปลามันทั่วไป ดังนั้นเจสซี่เลยรู้สึกอิจฉาอยู่นิด ๆ เพราะเขาทำแบบน้องสาวไม่ได้ เจสซี่จำเป็นต้องซ่อนความสัมพันธ์ของตัวเองกับแฟนหนุ่มไว้เป็นความลับ
“มันไม่ใช่แบบนั้น พี่คิดว่าคนอย่างจอห์นจะชอบฉันเหรอไง เป็นไปไม่ได้แน่นอน พวกเราเป็นเพื่อนร่วมงานกันแค่นั้น ฉันรู้ว่าตัวเองรู้เรื่องเขาน้อย แต่กล้าบอกเลยนะ ว่าเขาไม่ใช่คนอย่างที่ข่าวพยายามจะให้เป็นแบบนั้นแบบนี้แน่นอน และเดวี่ก็เป็นที่หนึ่งในใจเสม...” อเล็กซิสปิดปากเมื่อรู้สึกว่าพูดมากไป แต่ก็ไม่อาจซ่อนใบหน้าแดงจัดได้ทัน เพราะตัวเองเกริ่นพูดถึงแฟนหนุ่มไปแล้ว
“อาฮะ” เจสซี่หยุดแกล้งน้องสาว แต่ยังคงยิ้มกวน จอห์นอาจเป็นซูเปอร์สตาร์ก็จริง แต่อเล็กซิสใช่ว่าจะเป็นเด็กสาวหน้าสวยทั่วไปสักหน่อย ในฐานะพี่ชาย เขามองออกว่าเด็กผู้ชายมองน้องสาวของเขาด้วยแววตาอย่างไร และเข้าใจสายตาที่พวกเขาชื่นชมเธอด้วย น้องสาวของเขาอยู่ในกลุ่มผู้ทรงอิทธิพลของโรงเรียนแล้วยังเป็นราชินีงานพรอมปีล่าสุดอีกต่างหาก แล้วซูเปอร์สตาร์คนนั้นจะไม่หวั่นไหวกับอเล็กซิสเลยสักนิดได้อย่างไรเล่า
“โอเค ๆ ไม่แกล้งเธอแล้ว มาคุยเรื่องจริงจังกันดีกว่า สำหรับพี่นะ พี่คิดว่า เขายังไม่ตายหรอก แต่ถูกจับกุมตัวอยู่ต่างหาก”
อเล็กซิสมองพี่ชายอย่างงง ๆ “ถูกจับเนี่ยนะ”
“รู้จักกฎหมายปี 2966 หรือเปล่าล่ะ”
“พ่อยังไม่กลับ และฉันกำลังจะไปรับชาร์ลี” เธอว่า จูนเพิ่งสังเกตเห็นว่าหญิงสาวสวมกระเป๋าสะพายเตรียมออกจากบ้าน ไบรซ์ไม่รอคำตอบ เธอปิดล๊อกบ้านแล้วลากจักรยานคันที่อเล็กซิสชอบใช้ออกมา พี่สาวของอดีตเพื่อนสนิทเดินผ่านไปโดยไม่แม้แต่จะมองกลับ เหมือนเจสซี่ ครอบครัวเดวิสเกลียดเธอไบรซ์ขี่จักรยานออกไปอย่างรวดเร็ว จูนมองตามจนหญิงสาวหายไปจากสายตาจึงเดินเข้าไปใกล้ตัวบ้าน มองผ่านหน้าต่างกระจกเห็นห้องรับแขกคุ้นตา ภาพของอเล็กซิสและตัวเองนั่งคุยกันบนโซฟาตัวนั้นคล้ายปรากฏให้เห็นตรงหน้าเหมือนกำลังดูโฮมวิดีโอ เธอคิดถึงวันเวลาที่จูนตัวน้อยสามารถวิ่งเล่นในบ้านหลังนี้ราวกับเป็นบ้านของตัวเอง เธอมีเพื่อน มีคุณลุงคุณป้าที่เอ็นดูเธอ เจสซี่และไบรซ์ที่ยังดีต่อเธอ ตั้งแต่กลับมายังซานโบซ่า เธอเห็นเงาของตัวเองและอเล็กซิสอยู่แทบทุกมุมเธอได้อ่านโน้ตแผ่นนั้นไหม เธอขยำมันทิ้งหรือเปล่า หลายครั้งพยายามคิดหาเหตุผลกับการกระทำของตัวเอง แต่นอกจากความสะใจที่ได้แล้ว เธอไม่ได้ภูมิใจกับมันเลย เธอไม่ได้ชอบเดวี่ด้วยซ้ำ เขามองเธอเหมือนที่ผู้ชายมอง เขาไม่ได้ชอบเธอเหมือนที่ชอบอเล็กซิส เธอไม่ไ
เมื่อเธอละสายตาจากชายหนุ่มที่เดินออกไปก็สบตากับน้องชายของเขา นิโคไลมองเธอตาใส จากนั้นเผยอยิ้มนิด ๆ จูนยิ้มตอบแล้วรีบรับประทานให้หมด นิโคไลยังคงนั่งอยู่ แต่ไม่ลุกไปไหน“ขอโทษนะคะ เมื่อคืน...ฉันได้ยินคุณวลาดิเมียร์พูดถึงเรื่องคนที่ทำให้คุณ...เอ่อ ไม่ได้กลับไปเรียน ใช่หรือเปล่าคะ” เธอรู้ว่ามันเป็นคำถามของคนสอดรู้ แต่นั่นแหละ เธออยากรู้จริง ๆ ยิ่งเจสซี่ถูกจับไปแบบนี้ เธอต้องการรู้ทุกเรื่องนิโคไลยังคงยิ้ม “เมื่อคืนก่อนครับ คุณนึกว่าตัวเองหลับไปไม่กี่ชั่วโมงหรือ”จูนเอะใจ “เอ๋?”“คุณหลับทั้งวันเลย รู้สึกสดชื่นบ้างไหมครับ”เธอนึกถึงที่วลาดิเมียร์เล่า มิน่าเจสซี่ถึงถูกพากลับมาแล้ว “ฉันหลับนานขนาดนั้นเลยเหรอคะ”“เหมือนเจ้าหญิงนิทรา...จริง ๆ วลาดให้สาวใช้ขึ้นไปปลุก แต่คุณเขวี้ยงหมอนใส่เธอ”หญิงสาวหน้าร้อนไปหมด แม้น้ำเสียงของชายหนุ่มไม่ได้บ่งบอกว่าตำหนิติเตียน แต่ขบขันมากกว่า “ฉันคงลืมไปไม่ใช่บ้าน...” เจสซี่ชอบแกล้งเวลาเธอนอน ดังนั้นเธอจึงติดนิสัยเขวี้ยงหมอนใส่เ
“มันจับเจสซี่เพราะต้องการเตือนพวกเรา”“ผมรู้!” แม้สีหน้าสงบ แต่น้ำเสียงของเขากร้าวขึ้น “เราดึงเขาเข้ามาทำงาน ผมเป็นห่วง ผมแค่ให้คนคอยดูว่าบราวน์เคลื่อนไหวอย่างไร พาเจสซี่ไปไหน หรือจัดการอย่างไร แต่ผมไม่ได้ให้พวกเขาเข้าไปช่วย ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไร” วลาดิเมียร์ย้ำ “มันอาจจะขัดกับความคิดของพ่อ แต่เจสซี่ทำงานให้พวกเราแล้วเขาก็ตั้งใจ เขาเป็นคนของผม!”“เราตกลงแล้ว เจสซี่ยอมรับแล้ว ฉันเตือนเขาแล้วด้วยซ้ำ!” โวลคอฟวัยกลางคนยกมือห้ามไม่ให้บุตรชายพูด “ฟังนะ ฉันไม่ได้อยากจะใจร้ายอะไร แต่เราจะเสียทั้งหมดไปไม่ได้! สั่งให้พวกเขากลับมา ไม่ต้องไปเฝ้าบราวน์”จูนมองสลับไปมา แต่วลาดิเมียร์ยืนนิ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “คนพวกนั้นเป็นคนของผม รับฟังผมคนเดียว”“แก...” ผู้เป็นพ่อกัดฟันกรอด ดูเหมือนท่าที่แข็งขืนของลูกชายทำให้เขาทำตัวไม่ถูก“พ่อ!” นิโคไลโพล่งออกมาดังลั่น เมื่ออีกฝ่ายหันมา เขาก็เหล่มาทางจูน หญิงสาวนั่งไหล่เกร็ง มือกำกระโปรงแน่น“คุณจอยซ์” วลา
จูนตื่นจากภวังค์ เธอคิดว่าจะใช้เวลานานกว่านี้ อาจเป็นเพราะยังดึกมาก ถนนโล่ง มีเพียงคันนี้คันเดียว รถแท็กซี่จอดหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ออกแบบแนวร่วมสมัย เนื่องจากรู้สึกผิดที่สงสัยว่าคนขับเป็นคนของรัฐบาล เธอจึงให้ทิปไปห้าเรล เขายิ้มหน้าบาน แถมยังอุ้มประคบประหงมกระเป๋าเดินทางของเธอราวกับลูก แต่กระนั้นเมื่อรถจากไป มันก็ถูกทิ้งให้เปียกปอนท่ามกลางสายฝน รวมทั้งผู้โดยสารคนนี้ฝนยังคงตกลงมา แต่เธอไม่สนใจ จูนมองหาสวิตช์สำหรับกดกริ่งแต่หาไม่เจอ จึงเอาแต่ชะเง้อมองผ่านประตูใหญ่ มองลอดไปเห็นตัวบ้าน บางห้องยังเปิดไฟอยู่ มันไม่มืดนักเพราะมีแสงไฟจากสวนและหน้าประตู สักพักมีเสียงออกมาจากอินเตอร์โฟน“มาหาใครครับ”“ฉันมาหาคุณวลาดิเมียร์ โวลคอฟ”“เรื่องด่วนหรือครับ จากไหนครับ เวลาแบบนี้ด้วย”“ฉันจูน จอยซ์ แฟนของเจสซี่ เดวิส เลขาของคุณวลาดิเมียร์ ใช่ค่ะ ฉันมีเรื่องด่วนมาก”ประตูเปิดออกอัตโนมัติ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งพาเธอไปนั่งรอในที่ร่ม มันเป็นห้องสี่เหลี่ยมที่มีเพียงโต๊ะกับเก้าอี้โล่ง ๆ เหมือนเป็นห้
ตีสามครึ่งว่ากันว่าเป็นเวลาของซาตาน ตอนเด็ก จูนหวาดกลัวช่วงนี้มาก แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดเธอมักตื่นนอนแล้วพบเข็มนาฬิกาชี้เลขนี้เสมอ มันมาพร้อมกับอาการปวดห้องน้ำถึงขีดสุด แต่ไม่กล้าพอเดินออกจากห้อง ไม่กล้าแม้แต่ยื่นเท้าออกจากผ้าห่ม เด็กน้อยจูนมุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มจนหลับไปอีก และตื่นมาพร้อมกับที่นอนเปียกชื้นตีสามครึ่งในอีกสิบกว่าปีต่อมา จูนยืนอยู่หน้าสถานีรถไฟ มันไม่น่ากลัวอีกต่อไปเมื่อมีคนพลุกพล่าน แม้จะดึกแค่ไหน แต่ฟิวเจอร์ริสติกไม่เคยหลับใหล ทว่าทุกย่างก้าวกลับทำให้หวนนึกถึงกลางดึกในวัยเด็ก ครั้งนี้จูนกล้าเดินออกจากผ้าห่มพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระ แต่ตลอดเวลากลับรู้สึกว่ามีสายตาจับจ้อง ปีศาจที่มีดวงตาสีฟ้า ไรลี่ย์ บราวน์มือขวาสั่นตลอด เธอจึงเปลี่ยนมือซ้ายลากกระเป๋า มีเด็กสาวสองคนแบกเป้เดินผ่าน เธอได้ยินทั้งสองคนซุบซิบกัน“นั่นจูน จอยซ์หรือเปล่า”“ใครอะ ไม่เห็นรู้จัก”“ดาราเด็กน่ะ”หญิงสาวรีบเดินไปหน้าสถานีรอแท็กซี่ ต่อคิวได้ไม่นานก็เรียกได้คันหนึ่ง พอปิดประตูรถฝนตกลงมาพอดี ผู้คนแถวนั้นแตกฮือรีบหนีเข้าที่ร่
ไมเคิลยืนกอดอกพักขาไว้ข้างหนึ่ง คอเอียงไปทางขวาเวลาใช้หมกมุ่นอยู่กับความคิดในหัว พอเธอเดินออกมา เขาเงยหน้าขึ้นทันที“เธอเห็นเขาเหมือนฉันใช่ไหม”อเล็กซิสพยักหน้าทันที“เขามีตาสีแดง” น้องชายกอดอกแน่น “ฉันไม่เคยเห็นคนตาสีแดง แล้วเขา...เขายืนดูเฉย ๆ ฉันถามก็พูดไม่ออก แต่ได้ยินเสียงเขาในหัว...เวลานั้นจะขยับตัวไม่ได้จนกว่า...”“...จนกว่าจะมีคนช่วยดึงสติ”ทั้งสองพยักหน้าให้กัน อเล็กซิสจึงเฉลยเรื่องผิวของผู้ชายคนนั้น “ฉันคิดเว่าเขาเป็นคนผิวเผือก แล้วก็มีพลังจิตเอาไว้สื่อสารคน”“โทรจิตเหรอ แล้วผิวเผือกคืออะไร”ผู้เป็นพี่พยักหน้าก่อนจะอธิบายเรื่องผิวของชายคนนั้นก่อน “...แต่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมมีแค่ฉันกับนายที่เห็น แล้วเขาเป็นใคร เขาไม่ทำร้ายพวกเรา แถมยังช่วยเหลือด้วย ถึงแม้จะแค่เสียงเตือนก็เถอะ”ทั้งสองไม่คิดว่าคนคนนั้นเป็นผีหรือวิญญาณ เธอเห็นเงา และสัมผัสได้ว่าเขามีตัวตน แต่ความสามารถของเขาคืออะไรกันแน่ และต้องการอะไรเย็นวันนั้น หลังจา