เขาหายตัวไปอย่างปริศนา ไม่มีใครทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อเล็กซิสตกใจและรับรู้ถึงบางสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลเมื่อสื่อทุกแขนงลงข่าวการหายตัวไปอย่างลึกลับของจอห์น ลีลอยด์ดังนี้
“...แซลลี่ มัมฟอร์ด วัย 19 ปี พักอาศัยอยู่ในรีสอร์ตพร้อมกับครอบครัวในวันเดียวกับที่ลีลอยด์และเพื่อนอีกสามคนอาศัยในบ้านพักตากอากาศข้างเคียง พยานสาวเล่าว่า ลีลอยด์และกลุ่มเพื่อนจัดงานปาร์ตี้เฉลิมฉลองกันอย่างสนุกสุดเหวี่ยงในคืนก่อนที่ทั้งหมดหายตัวไป ตำรวจพบยาเสพติดและเครื่องดื่มมึนเมาที่ผสมสารผิดกฎหมายในที่พัก ลีลอยด์หายตัวไปนานกว่าสองสัปดาห์แล้ว ทางครอบครัวของเขาให้การว่า ผู้จัดการของลีลอยด์แจ้งว่า นักแสดงหนุ่มติดงานจนไม่มีเวลากลับบ้าน พวกเขาจึงไม่เอะใจว่าเขาหายตัวไปเพราะเป็นเรื่องปกติสำหรับอาชีพการงานของนักแสดงหนุ่ม จากการสอบสวนเบื้องต้น ตำรวจตั้งข้อสงสัยกับ ทิม ยัง ผู้จัดการของลีลอยด์ที่พยายามปกปิดข่าวการหายตัวไปเพื่อหาทางทำลายหลักฐานต่าง ๆ ซึ่งอาจเชื่อมโยงนักแสดงหนุ่มกับยาเสพติด อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์ของผู้จัดการคนนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าต้องการปกปิดเรื่องยาเสพติดเพียงอย่างเดียว หรือมีเหตุผลอื่นกันแน่ หรืออาจจะโยงไปถึงการฆ่าปิดปากของขบวนการค้ายา
คาร์ล ปาร์ค สารวัตรตำรวจประจำสำนักงานตำรวจรีเวอร์แลนด์ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เนื่องจากวิลล่าของจอห์น ลีลอยด์อยู่ติดกับหน้าผา เป็นไปได้ที่วัยรุ่นทั้งกลุ่มอาจกระโดดลงไป ซึ่งอาจเป็นผลพวงมาจากฤทธิ์ยาเสพติดที่พวกเขาเสพ ขณะนี้ทางตำรวจน้ำเข้าร่วมกับทีมสืบสวนเพื่อค้นหาศพ ในเวลาเดียวกัน ทีมเจ้าหน้าที่ป่าไม้เมืองริเวอร์แลนด์นำกำลังสืบหาร่องรอยของนักแสดงวัยรุ่นและกลุ่มเพื่อนที่อาจหลงทางในป่าก็เป็นได้
จอห์น ลีลอยด์ วัย 20 ปี เป็นนักแสดงดาวรุ่งพุ่งแรงในตอนนี้ เขาเป็นชาวเมืองบลูเบลล์โดยกำเนิด หนังที่สร้างชื่อคือหนังโรแมนติกวัยรุ่นเรื่อง ‘ซันไรซ์ อิน เดอะ เวสต์’ ลีลอยด์ยังเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์ยีนยี่ห้อดังอย่างเล็กซี่ นาฬิกาสุดหรูโรแวน และเครื่องดื่มแอมบรอเซีย หนังเรื่อง ‘เดอะ ฟอล อ็อฟ อ็อกซีแมนดิอัส’ ต้องเลื่อนการถ่ายทำออกไป เนื่องจากจำเป็นต้องหานักแสดงใหม่สำหรับบทกษัตริย์อ็อกซิแมนดิอัสในวัยหนุ่ม”
อเล็กซิสพับหนังสือพิมพ์ซานโบซ่าโพสต์ลง แล้วพูดขึ้นว่า “ตลกชะมัด”
เด็กสาวยังคงสวมเสื้อยืดเข้ารูปกับกางเกงยีนทรงสกินนี่ กระเป๋าเป้ของเธอนอนสงบนิ่งอยู่บนเตียงของพี่ชาย อเล็กซิสเหยียดขายาวไปจนสุดด้วยท่าทางสบาย ๆ
เธอได้รับโอกาสให้สวมบทเล็ก ๆ ในโฆษณารณรงค์เด็กและวัยรุ่นหันมาดื่มนมกันมากขึ้น ชื่อแคมเปญคือ ‘ดื่มนมกันเถอะ’ ซึ่งเป็นโครงการที่จัดโดยรัฐบาล จอห์น ลีลอยด์ นักแสดงดาวรุ่งในข่าวได้รับโอกาสเป็นพรีเซนเตอร์และนักแสดงนำสำหรับสปอตโฆษณาตัวนี้ สถานที่ถ่ายทำจัดขึ้นในเขตปกครองพิเศษพาราดิโซ่ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวสำหรับพักผ่อนท่ามกลางทะเลสีฟ้างามระยิบระยับพร้อมกับชายหาดทรายสีขาวสะอาด อเล็กซิสเกือบได้วันว่างหนึ่งวันเพื่อเที่ยวรอบเกาะเอซเคป แต่เธอจำเป็นต้องกลับบ้านก่อนเพราะจอห์นหายตัวไป (เพราะถ้าหากเธออยู่ต่อจะต้องจ่ายค่าที่พักและค่าครองชีพที่แพงสุดขีดด้วยตัวเอง) แม้อเล็กซิสจะได้เงินค่าเสียเวลา แต่เธออยากได้เงินจากค่าจ้างเต็มจำนวนมากกว่าค่าชดเชยเล็กน้อยแบบนี้ อีกอย่าง โฆษณาชิ้นนี้เป็นของรัฐบาลจัดทำเอง ดังนั้นใบหน้าของเธอจะปรากฏอยู่ทั่วสหพันธรัฐแน่นอน มันอาจจะเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในการจุดประกายชื่อเสียงของเธอก็เป็นได้
“ทำไมถึงพูดอย่างงั้น” เจสซี่ถาม พี่ชายวัยยี่สิบสองปีคนนี้เพิ่งจบปริญญาตรีและกำลังจะเข้ารับปริญญาในอีกสองอาทิตย์ แต่ตอนนี้เขาลงเรียนปริญญาโทสาขากฎหมายต่อเรียบร้อยแล้ว เจสซี่ยังเข้าทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย ณ บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในเมืองเฮมส์เวิร์ธอีกด้วย
“จอห์นไม่ดื่มเหล้า เขาแพ้แอลกอฮอล์ และที่สำคัญ เจ้าหน้าที่ในรีสอร์ตไม่รู้เลยเหรอไงว่าแขกทั้งกลุ่มหายไป พวกเขาทำบ้าอะไรกันอยู่ตอนที่ลูกค้าหายตัวไปยกโขยง” อเล็กซิสพูดพร้อมกับมีน้ำโหนิด ๆ
“เออ นั่นสิ แปลกจริง ๆ”
“มันไม่สมเหตุสมผลเลยต่างหาก!”
แม้จอห์น ลีลอยด์จะเป็นซูเปอร์สตาร์ แต่จอห์นไม่ใช่คนดังที่ชอบทำตัวหยิ่งยโสเหมือนกับบางคนที่อเล็กซิสเคยเจอ พวกเขารู้จักกันและกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเมื่อตอนที่อเล็กซิสถ่ายแบบให้กับแบรนด์เล็กซี่ลงในนิตยสารฟาม อเล็กซิสมีโอกาสร่วมงานกับจอห์นถึงสองครั้ง ดังนั้น เธอจึงถือว่าตัวเองสามารถเรียกเขาได้อย่างเต็มปากว่าเป็นเพื่อน หรือเพื่อนร่วมงาน หลังจากถ่ายแบบครั้งล่าสุด ทางสตูดิโอจัดงานปาร์ตี้เล็ก ๆ เพื่อฉลอง โดยเฉพาะงานที่ถ่ายทำยาวนานก็จะเป็นแบบนี้ (ยิ่งพรีเซนเตอร์สาวที่ถ่ายคู่กับจอห์นเรื่องมากสุดฤทธิ์ ปาร์ตี้ที่ว่าจึงจัดมาเพื่อปลอบใจทีมงานทุกคน) ทุกคนต่างรู้ดีว่าจอห์นไม่ดื่มเหล้า ดังนั้นทางทีมงานจะเสิร์ฟพวกน้ำผลไม้ น้ำอัดลม หรือไม่ก็น้ำเปล่าแทน มันเป็นความจริง ไม่ใช่เรื่องที่จอห์นสร้างภาพเพื่อให้คนสนใจ
“แต่เขาอาจจะใช้ยาก็ได้นะ” พี่ชายเดาต่อ
อเล็กซิสหรี่ตามอง “ก็จริงที่ว่างานปาร์ตี้ส่วนใหญ่มีของพวกนี้ ไม่ ฉันไม่เคยลองสักหน่อย! (“อย่ามาโกหก!” เจสซี่เอ็ด) ไม่เคย! อย่าตัดสินฉันแบบนั้นในเมื่อพี่ยังเคยลองเลย (“ไม่เคยสักหน่อย!”) เงียบน่า อย่าชวนออกนอกเรื่องได้ไหม จอห์นไม่เคยแตะของพวกนั้นเลย นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมทุกคนถึงรักเขาไงเล่า ยาเสพติดอาจเป็นของเพื่อนเขาก็ได้ ฉันยังจำได้เลยว่าจอห์นเคยบอกว่า กว่าจะแจ้งเกิดในเส้นทางนี้ยากขนาดไหน แต่จะทำให้ตัวเองเป็นดาวเจิดจรัสไปตลอดนี่สิยากกว่า เขาไม่กล้าเสี่ยงทำชื่อเสียงตัวเองป่นปี้หรอก”
“อาฮะ ฟังดูแล้ว เหมือนเธอจะสนิทกับเขามากเลยนะ แถมเขายังเอาแต่พูดเรื่องอาชีพและความฝันอย่างงั้นอย่างงี้ให้เธอฟัง แล้วเดวี่ของเธอล่ะ เอาไปไว้ไหนแล้ว” พี่ชายยิ้มเจ้าเล่ห์
เด็กสาวจ้องเข้าไปในดวงตาของเจสซี่ มันเป็นสีฮาเซลเหมือนกับแฟนหนุ่มเดวี่ อเล็กซิสรู้ว่าเขาจงใจแซวเล่น แต่ไม่ชอบที่พวกพี่แกล้งเธอแบบนี้เลย เจสซี่กับไบรซ์ชอบใช้คำว่า ‘เดวี่ของเธอ’ เพื่อแหย่น้องสาวเล่น คงเป็นเพราะเธอเป็นสมาชิกคนเดียวในบ้านที่ประกาศตัวว่ามีแฟนอย่างเปิดเผย อเล็กซิสกับเดวี่มักอวดความหวานให้ทุกคนเห็นอยู่เสมอ เหมือนกับพวกข้าวใหม่ปลามันทั่วไป ดังนั้นเจสซี่เลยรู้สึกอิจฉาอยู่นิด ๆ เพราะเขาทำแบบน้องสาวไม่ได้ เจสซี่จำเป็นต้องซ่อนความสัมพันธ์ของตัวเองกับแฟนหนุ่มไว้เป็นความลับ
“มันไม่ใช่แบบนั้น พี่คิดว่าคนอย่างจอห์นจะชอบฉันเหรอไง เป็นไปไม่ได้แน่นอน พวกเราเป็นเพื่อนร่วมงานกันแค่นั้น ฉันรู้ว่าตัวเองรู้เรื่องเขาน้อย แต่กล้าบอกเลยนะ ว่าเขาไม่ใช่คนอย่างที่ข่าวพยายามจะให้เป็นแบบนั้นแบบนี้แน่นอน และเดวี่ก็เป็นที่หนึ่งในใจเสม...” อเล็กซิสปิดปากเมื่อรู้สึกว่าพูดมากไป แต่ก็ไม่อาจซ่อนใบหน้าแดงจัดได้ทัน เพราะตัวเองเกริ่นพูดถึงแฟนหนุ่มไปแล้ว
“อาฮะ” เจสซี่หยุดแกล้งน้องสาว แต่ยังคงยิ้มกวน จอห์นอาจเป็นซูเปอร์สตาร์ก็จริง แต่อเล็กซิสใช่ว่าจะเป็นเด็กสาวหน้าสวยทั่วไปสักหน่อย ในฐานะพี่ชาย เขามองออกว่าเด็กผู้ชายมองน้องสาวของเขาด้วยแววตาอย่างไร และเข้าใจสายตาที่พวกเขาชื่นชมเธอด้วย น้องสาวของเขาอยู่ในกลุ่มผู้ทรงอิทธิพลของโรงเรียนแล้วยังเป็นราชินีงานพรอมปีล่าสุดอีกต่างหาก แล้วซูเปอร์สตาร์คนนั้นจะไม่หวั่นไหวกับอเล็กซิสเลยสักนิดได้อย่างไรเล่า
“โอเค ๆ ไม่แกล้งเธอแล้ว มาคุยเรื่องจริงจังกันดีกว่า สำหรับพี่นะ พี่คิดว่า เขายังไม่ตายหรอก แต่ถูกจับกุมตัวอยู่ต่างหาก”
อเล็กซิสมองพี่ชายอย่างงง ๆ “ถูกจับเนี่ยนะ”
“รู้จักกฎหมายปี 2966 หรือเปล่าล่ะ”
พวกเขาทำให้นึกถึงเจสซี่ พี่ชายก็บ้าวิดีโอเกม สะสมของเล่นฮีโร่ต่าง ๆ อ่านการ์ตูน แอบดื่มเหล้า ลองสูบบุหรี่ แต่สุดท้ายอเล็กซิสสั่นหัวแล้วกางหนังสือพิมพ์ออก เธอตามสถานการณ์ในนิวโฮปไม่ทัน เมื่อก่อนจะอ่านทุกคอลัมน์เพื่อหาความรู้ชิงทุน แต่ถ้าก่อนเวลานี้ก็จะพุ่งไปอ่านที่หน้าดาราทันที หากเจอสัมภาษณ์หรือข่าวศิลปินที่ชอบก็จะตัดเก็บไว้ เมื่อเปิดไปหน้าสองก็อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับการขอเงินเยียวยาความเสียหาย ขอบเวลาที่กำหนดครอบคลุมไปถึงปีหน้านู่น เธออ่านแล้วเจ็บปวดในใจจริงสิ ถ้าเจสซี่ยังอยู่ เขาก็ต้องทำเรื่องเหมือนกันนี่นาบางทีพรุ่งนี้เธออาจจะได้รู้ว่าพี่ชายอยู่ที่ไหนกันแน่“จริงสิ อเล็กซ์ นายได้ติดต่อที่บ้านบ้างหรือเปล่า” เธอถามขึ้นพอดีกับที่ชายหนุ่มร้องโอดโอยเพราะแพ้เรมีไม่เป็นท่า เขาคลานขึ้นมานั่งบนโซฟา ปล่อยให้อาคุสะเล่นแทน พอเห็นร่างสูงโย่งปีนขึ้นมาแล้ววางศีรษะลงกับตัก หญิงสาวก็ยิ้มขำขันกับท่าทางขี้อ้อนแบบนี้“เธอจะโอเคหรือ แล้วก็หมอนั่น” อเล็กซ์ถามเสียเบา“ทำไมจะไม่โอเค/คิดอะไรเยอะแยะ”อาคุสะหันมาขมวดคิ
พอเขาพูดถึงขนาดนี้ อเล็กซิสรีบลุกขึ้นแล้วประคองใบหน้าของเขาไว้ อเล็กซ์เปราะบางกับเรื่องนี้มาก เหมือนเป็นปมในใจที่แก้ไม่หาย“ถ้าไม่มีนาย ฉันคงไม่รอด” เธอสบตาเขา พยายามให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงความมั่นใจและเชื่อใจที่เธอมี อเล็กซิสจำด่านทดลองที่เต็มไปด้วยซอมบี้และสัตว์นรกได้อย่างแม่นยำ เพราะพลูทักซ์ ทั้งกลุ่มจึงแยกกันไป และเพราะเธอได้เจอเขาถึงรอดมาได้ ไม่อย่างนั้นคงตายตั้งแต่เจอหุ่นยนต์พิฆาตไล่ฆ่าแล้ว “หุ่นยนต์มันล่าฉัน นายช่วยฉันไว้ อเล็กซ์ เราต่างปกป้องกันและกัน แล้วเราจะทำแบบนั้นต่อไป”ริมฝีปากบางซีดเผยรอยยิ้ม“สกาย อย่ากลัวด้านมืดของตัวเอง” เขาบอก “แล้วพวกเราจะรอด”เมื่อนั้นทั้งสองไม่พูดอะไรอีก เพราะแรงดึงดูดของแต่ละฝ่ายทำงานแทบตลอดเวลา เธอก้มหน้าลงจูบเขาช้า ๆ แผ่วเบาจนเริ่มรุนแรงขึ้น และพายุขนาดย่อมก็เริ่มโหมพัดขึ้นใหม่โดยที่อเล็กซิสเริ่มเองสี่ทุ่มห้าสิบหกนาที หญิงสาวนั่งอ่านข้อความที่เพื่อน ๆ ส่งให้อเล็กซ์เพราะเจ้าตัวขี้เกียจตอบกลับ ข้อความแรกเป็นของบลูที่ขอให้อเล็กซ์ซื้อชีสเบอร์เกอร์เลี้ย
เมื่อเข้าไปในห้องน้ำ หญิงสาวถอดเสื้อผ้าลงตะกร้าทีละตัวก่อนจะสำรวจรูปร่างตัวเองแบบที่ทำเป็นประจำ อย่างน้อยก็ดูมีเนื้อมีหนังขึ้นมาบ้างเมื่อเทียบกับตอนอยู่ในเกาะ แต่ซี่โครงก็ยังขึ้นชัด เธอถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะเปิดน้ำให้เต็มอ่าง ตามด้วยสบู่และจุดเทียนหอม ที่นี่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนอยู่โรงแรมจึงใช้ประโยชน์จากความสะดวกสบายเต็มที่ เมื่อน้ำได้ที่ก็ลงไปแช่ มือโอบฟองมารอบ ๆ สักพักจึงพิงที่วางคอแล้วหลับตาเจสซี่...พี่อยู่ไหนเธอคิดถึงพี่ชาย เขาอาจจะเป็นเดวิสคนเดียวที่เหลืออยู่ หลังจากที่เธอพบว่าซานโบซ่าถูกทำลายเรียบ ความหวังเดียวคือพี่ชายและพี่สาวที่อยู่ต่างเมือง แต่เมื่ออเล็กซิสเข้าไปในเว็บไซต์ของวิทยาลัยแพทย์ของเดลฟีเพื่อหาข้อมูลติดต่อก็พบข้อความไว้อาลัยให้กับ ไบรซ์ เดวิสตั้งแต่หน้าแรกเป็นเรื่องช็อกระลอกสองก็ว่าได้ เธอไม่ได้เสียแค่พ่อและเจ้าลิงน้อย แต่ยังพี่สาวที่รัก เมื่อก่อนอเล็กซิสเคยอยากมีห้องส่วนตัว แต่ในวันนี้อยากกลับไปนอนในห้องเดิม มีไบรซ์อยู่ด้วย อยากกวนเวลาพี่สาวอ่านหนังสือ อ้อนให้เธอมัดผมหรือถักเปียให้ เวลามีปัญหาอะไรก็ขอคำปรึกษาวันที
เมื่อนึกถึงตอนที่ขู่แสตนเนอร์เพื่อฝากสารไปถึงเมเคอร์ อเล็กซิสยอมรับว่ากลัวตัวเองในตอนนั้นมาก ปกติเธอไม่ใช่คนที่ฆ่าใครก่อนถ้าไม่มีผู้ใดยื่นมีดเข้าหา และแม้ตอนนั้นพวกเขาคิดจะฆ่าเธอ แต่...ง่ายมากราวกับดีดนิ้วก็พรากชีวิตคนเหล่านั้นไปแล้ว มันไม่เหมือนกับตอนที่เธอฆ่าเบลินดา มันมีความฉุกละหุก ความกระเสือกกระสนที่จะเอาชีวิตรอด แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ มันก็เป็นการสังหารที่น่ากลัว ความแค้นที่มีต่อกลุ่มกบฏและเอไลโตทำให้เธอลงมืออย่างรวดเร็ว ยิ่งยามที่พวกเขาข่มขู่เพื่อนของเธอ เห็นเล่ห์กลของเมเคอร์ที่พร้อมจะหักหลังได้ทุกเวลา ชั่ววูบหนึ่ง เป๊าะ! พวกเขาก็ตายในฝัน บางครั้งเธอพบว่าตัวเองยืนอยู่ท่ามกลางฝนเลือด ตัวชุ่มโลหิตจนได้กลิ่นเหม็นคาวเต็มจมูก นี่หรือ ผู้หญิงที่เคยอยากจะเป็นหมอแบบพ่อ อยากช่วยชีวิตคน?เธอเดินออกเส้นทางชีวิตนั้นมาไกลแค่ไหนแล้วนะหญิงสาวจ้องมือข้างขวาที่ยกขึ้นมา มันไม่สั่น แต่ก็ไม่มีแรงแม้แต่จะชกใคร เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต ไมเคิล เรมี และอาคุสะก็มาอยู่ด้วย ที่พักของอเล็กซ์สะดวกสบายและกว้างใหญ่พอพักได้ยี่สิบคนเลยมั้ง ก็ทั้งชั้นเป็นของเขานี่นา เขาต้องท
“นั่น พ่อ ๆ ยัยตัวเล็กเอาไปเล่นหมดเลย” เจสซี่วัยสิบสองชี้อเล็กซิสทำหน้าบูดก่อนสะบัดหน้า เสื้อสูทผู้ชายที่สวมคลุมตัวลากยาวไปกับพื้น ตอนนั้นตัวเธอเล็กนิดเดียวเองนี่นา แถมยังเอาแว่นตาของคาเลบมาใส่อีก มันจึงใหญ่เกินใบหน้าเล็กและคอยจะหล่นจากจมูกเสมอ มือขวาของเด็กหญิงลากกระเป๋าเอกสารของคาเลบเสมือนเป็นของตัวเอง เธอเล่นเดินเตาะแตะอยู่แบบนั้นมาสักพักก่อนที่พี่ชายจะเห็นคาเลบวิ่งมาคว้าไว้ เขาหาของตั้งนาน สุดท้ายก็เจอเจ้าตัวเล็กเอาไปสวมเล่น ผู้เป็นพ่อจึงดึงแว่นไปสวมบนหน้าของเขาเหมือนเดิม “อย่าเอาของพ่อไปเล่นอีกนะ อเล็กซ์”“หนูจะซ้อมไว้ก่อน” เธอตอบเสียงใสแจ๋วเขาหัวเราะแต่มือริบกระเป๋ากับถอดเสื้อสูทออกจากตัวเธอเรียบร้อย “งั้นก็ตั้งใจเรียนนะ” บอกแล้วลูบศีรษะอย่างอ่อนโยนบางครั้งความทรงจำเหล่านี้เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน บางครั้งก็ดูยาวนานยิ่งกว่าอายุขัยของโลกเธอลืมตาขึ้นแล้วจับหน้าผากของตัวเอง ในฝันยังสัมผัสได้ถึงมืออุ่นของคาเลบอยู่เลย อเล็กซิสไ
ชายหนุ่มจึงหันไปมองคาเลบก็เห็นว่าอีกฝ่ายส่ายหน้า“อ้อ ขอโทษ คงสะเทือนใจไป” เขาพึมพำ “ผมจำหน้าอเล็กซิสได้ แต่เธอมักจะหันมายิ้มให้ผม บอกว่าจะกลับมาหาผม แล้วพวกเราจะไปด้วยกัน ผมไม่รู้ว่าไปไหน แค่นั้นล่ะครับ ขอโทษด้วย ผมไม่เห็นเบลินดาเลย แต่เห็นปีศาจมากมาย เห็นเลือด เห็นหุ่นยนต์ แล้วก็เลือด...เลือด...อะ ขอโทษที”ชายหนุ่มเม้มปาก สถานการณ์ดูแย่กว่าเดิม น่าแปลกนักที่เวลาพยายามนึกถึงเบลินดาทีไรจะไม่สบายใจทุกที อึดอัด อยากจะตะโกนแล้วก็ทำร้ายคุณนายคาร์เตอร์มากกว่า ราวกับหัวใจอีกดวงในตัวเขารังเกียจชื่อนี้ คุณนายคาร์เตอร์ดูช็อกกับคำพูดของเขามาก ยิ่งไปกว่านั้น ยิ่งเธอดูตกใจมากเท่าไร ก็ยิ่งมีก้อนคำพูดมากมายที่เขาอยากจะพ่นออกมา แคดมันกลั้นหายใจแล้วตั้งสติ“ขอโทษ ผมจำลูกสาวคุณไม่ได้ ไม่เคยมีภาพเธอผุดขึ้นมาในหัวเลย”คุณนายคาร์เตอร์พยักหน้า เหมือนจะจับน้ำเสียงได้ว่าเขาหงุดหงิดและไม่อยากพูดถึงเบลินดาอีกแล้ว “แล้วเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”แคดมันถอนหายใจก่อนจะเล่าเรื่องของตัวเองที่ไม่เกี่ยวกับเวด มิลเลอร์ ความทรงจำที่ไม่รู