...เงียบ! ฉันยังพูดไม่จบเลย! (ถอนหายใจ) ตั้งแต่วันนี้ จงเอาตัวรอดไปจนถึงจุดหมายให้ได้ พวกเรามีแผนที่และเสบียงเตรียมไว้ให้ เห็นไหม ไม่ยากเลย ยังมีอาวุธและอุปกรณ์อื่นดำรงชีพอื่น ๆ อีก จะหยิบหรือขนไปเท่าไรก็ได้ เราไม่จำกัด อย่าห่วงเรื่องอาหารหมด เพราะเรามีบริการเติมอยู่ทุกจุดเซฟโซน อย่าเพิ่งพูดเวลาฉันพูดอยู่”
แขนของเบนเกร็งจนเส้นเลือดขึ้น มือทั้งสองกำแน่น หากมีเล็บแบบผู้หญิงคงจิกเข้าเนื้อไปแล้ว อาวุธ อาหาร จุดเซฟโซน เอาชีวิตให้รอด จะทดสอบเกมเซอร์ไววอลแบบเรียลไทม์อาร์พีจีกันหรือ ฟังดูก็รู้พวกเขาต้องต่อสู้กับบางสิ่งในนั้น และมันคงไม่ใช่หุ่นเป้านิ่งแน่นอน สถานการณ์นี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดไว้ เบนไม่เข้าใจว่าทำไมรัฐบาลถึงปล่อยให้พวกเขาใช้ชีวิตอยู่กับข้าวของหรูหราอยู่เป็นเดือน! ถ้าเขาเขียนพล็อตเองได้ คงจะเขียนว่า เจ้าหน้าที่กำลังประกาศว่าพวกเขาเป็นแค่ร่างโคลนนิ่ง และเบนคนนี้คือร่างโคลนของ เบนจามิน โรซิเยร์ที่กำลังจะตายและต้องการอวัยวะใหม่ไปเปลี่ยนใหม่ทดแทน
เดี๋ยวก่อน แต่เบนที่กำลังจะตายฟังดูไม่ดีเลยนะ
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามห้ามใจไม่ให้โทสะเข้าแทรก มิฉะนั้น ตัวเองอาจจะเผลอก่อเหตุฆาตกรรมหมู่ในที่นี้ก็ได้ และนั่นก็หมายความว่า มันเป็นการฆ่าตัวตายที่โง่เง่าที่สุดด้วย
แต่อเล็กซ์คุมอารมณ์ไม่เก่งเท่า แรงสั่นสะเทือนราวกับมีแผ่นดินไหวขนาดย่อมหรือไกลออกไปเกิดขึ้นจนข้าวของในห้องสั่นไหวตามแรง ผู้คนมองหน้ากันเพราะนึกว่าเป็นฝีมือของพวกทางการหรือไม่ก็ฝีมือธรรมชาติ เมื่อแรงสั่นสะเทือนหายไป มีเพียงเบนที่รู้ว่าใครทำ
“พวกเธอทำใจให้สงบหน่อยเถอะน่า ฟังฉันให้ดี มีทางออกอยู่สามทางเท่านั้น พวกเราจะไม่ยุ่งว่าจะจับกลุ่มกันอย่างไร จงระวังตัวและตื่นตัวอยู่เสมอ เลือกเพื่อนร่วมทางให้ดี แล้วอย่าลืมใช้นาฬิกาที่อยู่บนข้อมือซะ มันไม่ใช่แค่บอกเวลาหรือบันทึกข้อมูลหรอกนะ แต่มันสามารถวินิจฉัยร่างกาย อาการบาดเจ็บ ระดับความรุนแรง แถมยังสอนวิธีรักษาพยาบาลให้ด้วย และถ้าพวกเธอตั้งใจฟังวิธีใช้ตอนตรวจสุขภาพ พวกเธอก็จะรู้ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง รู้ไว้ว่านี่คือส่วนหนึ่งของการทดลอง ทำตัวเป็นพลเมืองที่ดีเข้าไว้ เอาล่ะ ถึงเวลาเตรียมตัวแล้ว ขอให้โชคดี หวังว่าพวกฉันจะได้เจอพวกเธอที่จุดหมายปลายทางครบทุกคน”
ครบทุกคน...ไอ้รัฐบาลจิตป่วง
ทำไม คำถามนี้ติดอยู่ในหัว ทำไมถึงไม่แจ้งเรื่องนี้ให้พวกเราทราบก่อน
เมื่อพวกเจ้าหน้าที่ปล่อยให้ทั้งหมดจัดการกันเอง สิ่งแรกที่คนส่วนใหญ่ทำคือจับกลุ่มแล้วยืนงงกันเป็นกลุ่มนั่นแหละ
เขายังไม่ขยับ ลังเลว่าจะทำอะไรต่อ “ฉันว่าเราอยู่กันสองคนก็ได้นะ ไม่นับรวมซาร่าห์” หางตาของเขามองตามหญิงสาวที่กำลังวิ่งไปหาพวกเวด
อเล็กซ์ส่ายหน้า “อยู่กับพวกเขามาสองสามอาทิตย์ไม่ได้ช่วยให้นายรู้สึกผูกพันหรือเห็นเป็นเพื่อนกันบ้างเหรอไงวะ ฉันนับรวมซาร่าห์และคนอื่นด้วย อยู่กับเพื่อนน่ะดีแล้ว ปลอดภัยกว่า”
ดังนั้นพวกเขาจึงเดินตามซาร่าห์ไป เรมีลากเด็กสาวที่มีปัญหาทางสมองมาด้วย บางคนเริ่มหยิบกระเป๋าเป้แล้วเช็กข้าวของข้างใน
“แล้วแผนที่ล่ะ” ซาร่าห์ถามหาสิ่งของแต่ตัวเองยืนเฉย จนโนเอลต้องส่งกระเป๋าเป้ให้เธอ
“มันอยู่ในนี้ครับ คุณนาย”
เบนหยิบกระเป๋าขึ้นมาใบหนึ่ง ในนั้นมีอาหาร หยูกยา และอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้นเตรียมไว้ให้ เขาหยิบพวกยากับเครื่องปฐมพยาบาลออกไปเพื่อลดน้ำหนักกระเป๋าและเพื่อให้มีพื้นที่สำหรับใส่อาวุธได้มากขึ้น
“ไปดูอาวุธดีกว่า โนเอล พี่ช่วยพวกเราเลือกได้ไหม แล้วพี่ช่วยสอนพวกเราด้วยว่าใช่ยังไง” เทสซ่าถามพี่ชายเสียงหวานกว่าทุกวัน
เบนและอเล็กซ์พอจะคุ้นกับปืนพกและไรเฟิลบางชนิด แต่โนเอลเหมือนจะรู้จักเกือบทั้งหมด ต้องขอบคุณที่เขาทำตัวมีประโยชน์ อย่างน้อยในทีมก็เหลือตัวถ่วงอยู่หกคน เขาไม่เข้าใจว่าอเล็กซ์คิดอะไรอยู่ ทางการย้ำว่านาฬิกาสามารถวินิจฉัยอาการบาดเจ็บได้ แล้วยังพูดถึงอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้น ดังนั้นหนทางครั้งนี้ไม่หมูแน่ เขาคิดแต่เพียงว่า ทั้งสองคนควรเดินไปทางถึงจุดหมายให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ถ้าไปเป็นกลุ่มคงหนีไม่พ้นคอยช่วยคนพวกนี้และเวลาก็จะสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์
“ถึงเวลาได้ใช้สกิลที่ฝึกมาสักทีสินะ” เบนกระซิบ เพื่อนของเขาคงคิดเหมือนกัน ในกลุ่มสิบคน มีเพียงพวกเขา ซาร่าห์และเทสซ่าที่ใช้พลังได้ แม้ความสามารถของเทสซ่ายังเอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่มันน่าจะมีประโยชน์พอสมควร อีกอย่าง พี่ชายของเธอยังเคยฝึกทหาร เขาย่อมเชี่ยวชาญเรื่องการต่อสู้และการใช้อาวุธเป็นอย่างดี และมันคงส่งผลดีต่อกลุ่มที่มีแต่เด็กวัยรุ่นไม่รู้ความ ยิ่งตัวถ่วงอีกหกคนแทบจะทำอะไรไม่ได้เลย เขานึกภาพไม่ออกด้วยซ้ำว่าพวกที่เหลือจะใช้อาวุธได้หรือไม่และจะสู้อย่างไร
“พวกเธอใช้พวกอูซี่ขนาดเท่านี้ก็แล้วกัน มันเป็นปืนอัตโนมัติแต่ไม่หนักเกินไป ดูให้ดีนะ ฉันจะสอนพวกเธอครั้งเดียว ห้ามยิงเล่นนะ นี่คือวิธีโหลด...”
เบนและอเล็กซ์แยกตัวออกมาเลือกอาวุธเองระหว่างที่โนเอลเร่งสอนคนอื่นโหลดกระสุน ทั้งสองเลือกอาก้าแบบฟูลออโต้ไว้สำหรับถือ เสียบปืนพกอีกสองกระบอกไว้ที่เอวทั้งสองข้างแบบพวกเจ้าหน้าที่เปี๊ยบ เขาไม่ลืมซ่อนมีดพกที่ข้อเท้าแบบที่พวกในหนังทำกัน จากนั้นยัดปืนและอุปกรณ์ชิ้นอื่นลงกระเป๋า เขาได้ยินซาร่าห์บ่นที่ต้องแบกอาวุธหนัก ก็เธอเล่นถือปืนกลขนาดใหญ่ เดินเอียงกระเท่เร่ เขาจึงแนะนำให้เธอถือชนิดเดียวกับที่พวกอเล็กซิสใช้ “ยัยโง่ ใช้ไม่เป็นแล้วจะเลือกอันใหญ่ทำไม”
“ก็ฉันได้ยินโนเอลพูดว่ามันแรงกว่าอันอื่น”
“แล้วยิงยังไง ต้องถือยังไง” เขามองเธอ ซาร่าห์ยืนนิ่ง หน้าบึ้ง “เห็นไหม เปลี่ยนซะ” เขาหยิบปืนขนาดเล็กกว่าและเบากว่าให้ “ห้ามเถียง”เธอทำหน้ารำคาญแต่รับไปเปลี่ยนแต่โดยดี
“นี่ ฉันเหมือนหน่วยคอมมานโดไหม” อเล็กซ์อวดโฉมตัวเองที่เต็มไปด้วยอาวุธครบมือพร้อมกับรอยยิ้มทะเล้น
“ไม่ว่ะ เหมือนพวกผู้ก่อการร้ายหน้าตาอัปลักษณ์”
“อ้าว ไอ้เชี่ยนี่”
เขาแนะให้ลองพกระเบิดไปด้วย แต่อเล็กซ์ไม่แน่ใจ “เชื่อเถอะ พวกมันไม่ได้ให้พวกเราไปเล่นในสนามเด็กเล่นแล้วสู้กับลูกหมาแน่ ตัวระเบิดปลอดภัยอยู่นะ แถมยังมีตั้งหลายแบบ ฉันเห็นโนเอลพกบ้างเหมือนกัน”
เพื่อนร่างสูงขมวดคิ้วแน่น “สู้? นายคิดว่าพวกเขาต้องการประเมินความสามารถของพวกเราใช่ไหม ถ้าเป็นอย่างนั้น แล้วคนที่ไม่มีความสามารถจะทำยังไงล่ะ”
เบนยักไหล่ สั่นหัว เขาเบนสายตาไปยังสิ่งรอบตัว พวกเด็กซานโบซ่ากำลังอ่านแผนที่อยู่ “เออจริงสิ พวกเราต้องรู้จักหน้าตาสนามรบก่อนถูกไหม” เขากางแผนที่ทั้งสองคนก้มหน้าอ่านด้วยกัน “เวรเอ๊ย มีตั้งสี่โซน อย่างกับแผนที่สวนสนุก มีธีมแต่ละโซนด้วย สัตว์เอ๊ย ฉันเกลียดธีมและฉากแบบนี้ว่ะ เหมือนพวกเขาภูมิใจงานออกแบบนี้”
สองหนุ่มหันไปมองโนเอล อยากรู้ว่าชายคนนี้จะเตรียมตัวอย่างไร ทั้งตัวโนเอลเต็มไปด้วยสายสะพายกระสุน เขาเหมือนหน่วยคอมมานโดตัวจริง ขณะเดียวกันก็ดูน่ากลัวเหมือนพวกผู้ก่อการร้าย เด็กคนอื่นต่างลองยกปืนเล็ง ลองถอดกระสุน ใส่กระสุน ซาร่าห์หันมาเห็นพวกเขาแล้วทำท่าเหมือนใกล้ตาย
“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย ทำไมพวกเขาถึงให้พวกเราอยู่กับของพวกนั้น” เธอสงสัยไม่ต่างจากคนอื่นหรอก มีแต่คนตั้งคำถามนี้ทั้งนั้น พอพูดจบเธอก็หันไปคุยกับคู่ของตัวเอง
เพราะรัฐบาลเป็นโคตรพ่อโคตรแม่ของเกรียนล่ะมั้ง
เขามองโนเอลสอนวิธีใช้ปืนแล้วกอดอกแน่น “เอาจริงนะอเล็กซ์ ฉันว่าพวกเราต้องเป็นพี่เลี้ยงเด็กแน่เลยว่ะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ชิ่งเลยนะ”
“นายไม่หนีหรอกน่า” อเล็กซ์ส่ายหัว
“ฉันชิ่งพร้อมนายนั่นแหละ”
มีเวลาอีกแค่สิบห้านาที พวกเขาตกลงกันเรื่องทิศทาง โนเอลกางแผนที่ลงบนพื้น อธิบายแผนที่ตัวเองวางไว้
น้ำตาไหลออกมาทั้งสองข้าง แววตาพร่าเลือนไปหมด อเล็กซิสกลั้นใจค่อย ๆ ลุกขึ้นมาแต่ก็ทำได้แต่คลานไปเรื่อย ๆ “ช่วยด้วย” แต่เสียงที่ออกมาแผ่วเบาเหลือกัน เธอคลานต่อไป อย่างน้อยก็ต้องออกจากห้องนี้ แต่แล้วก็ล้มฟุบลง เธอรู้สึกอ่อนแรงเหลือเกิน “อะ...เล็กซ์”“โอ้ ไม่” เสียงคุ้นหูดังขึ้น เธอมองเห็นเพียงรองเท้า เขาย่อตัวลง แต่เธอก็ยังเห็นแค่เข่าอยู่ดี “อเล็กซิส” คราวนี้เธอได้ยินเสียงของเขาชัดเจน น้ำเสียงอ่อนโยนแต่บ่งบอกว่าอ่อนแรงด้วยเช่นกัน เขาช้อนตัวเธอขึ้น “ทำใจดี ๆ ไว้”เธอจำเสียงเขาได้ “โคดี้?”“อย่าหลับนะ ฉันจะพาเธอไป...มันจบแล้ว เราจะขึ้นไป...” เขาเงียบ เหมือนร่างกายของเขาชะงักค้างอยู่ “เบล?” อเล็กซิสหันหน้าเข้าหาตัวเพื่อน เขาคงเห็นศพของเบลินดา “เบล!” จากนั้นเขาวางตัวเธอลงช้า ๆ อเล็กซิสได้ยินเสียงฝีเท้าห่างออกไป โคดี้ตะโกนเรียกเบลินดาอยู่หลายครั้ง “เบล! ตื่นสิ...เบล” เสียงของเขาเหมือนจะร้องไห้“ฉันฆ่าเธอเอง” อเล็กซิสพึมพำออกมา แต่ดูเ
อเล็กซิสรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการจริง ๆ เด็กสาวคนนี้ทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง ทีแรกเธอยังนึกชื่นชมที่กลับมา แต่สุดท้ายเมื่อถึงคราวคับขัน เบลินดาไม่ใช่แค่หนี แต่เธอยังกล้าใช้คนอื่นบังตัวเอง แถมคำพูดเมื่อครู่...อีกฝ่ายเชื่อคำของแสตนเนอร์และจะขายเธอ อเล็กซิสไม่คิดเลย เธอพลาดไปถนัด พลาดตั้งแต่ตามมาช่วยเมื่อเห็นว่าอเล็กซ์กับโคดี้ไม่ได้บาดเจ็บสาหัส กลัวว่าเบลินดาจะถูกมันฆ่าตาย...ราวกับว่ามีเสียงหัวเราะเยาะเย้ยของเบนอยู่ใกล้ ๆ“ฉันแค่...กลัว”ความกลัวของเธอคนนี้อันตรายเหลือเกิน ออสโล่ตกลงไปท่ามกลางฝูงซอมบี้ถูกฉีกทั้งเป็น เวดเสียขาไม่พอยังถูกทางการเอาตัวไปทำอะไรก็ไม่รู้ และในตอนนี้เธอก็กลัวว่าเขาอาจจะยังไม่ตายแต่แย่กว่านั้น อาจจะมีสภาพเหมือนเจ้าตัวที่เสียบดาบเข้าท้องเธอที่ผ่านมา เบลินดามักจะเชิดหน้าลอยหน้าตาเหมือนกับว่าเธอไม่เคยใส่ร้ายคนอื่น ไม่เคยทำให้ชีวิตใครพัง อเล็กซิสหวนนึกถึงคุณนายคาร์เตอร์ เสียงตะโกนทะเลาะกับคุณมิลเลอร์และเจ้าหน้าที่ตำรวจยังดังลั่นอยู่ในโสตประสาท พวกเขาเหมือนกัน ไม่เคยมองความผิดของตัวเอง“ธะ...เธอทำอะไร
ไซบอร์กจู่โจมเข้ามาไม่นานหลังจากพวกไมเคิลขึ้นไปชั้นสิบหก เธอได้ยินอาคุสะตะโกนบอกให้ทุกคนรีบกำจัดพวกมันแล้วไปช่วยคนข้างบน แต่ไม่มีใครสามารถปลีกตัวไปได้ พวกมันมากันเยอะมาก เธอ อเล็กซ์ แล้วก็โคดี้ล้มไปได้ตัวหนึ่งก็เจอกับอีกตัว ไซบอร์กตายไปครึ่ง และพวกเขาก็เหลืออีกครึ่ง จนกระทั่งเบลินดากลับมาช่วยยิงดึงความสนใจจากมันไปได้ชั่วขณะหนึ่ง เธอจึงมีเวลาเช็กว่าอเล็กซ์กับโคดี้เป็นอย่างไร เมื่อเห็นว่าพวกเขาเพียงแค่จุกจนลุกไม่ขึ้น พอเหลือบตาเห็นมันวิ่งตามเบลินดาก็ตัดสินใจตามไปซึ่งผิดมหันต์อเล็กซิสไอออกมาเล็กน้อย ลำคอของเธอตีบตัน แต่มือยังจับข้อเท้าของเบลินดาไว้แน่น ในเวลานี้เหมือนร่างกายค่อย ๆ หยุดทำงานทีละส่วน แต่อย่าเป็นห่วงไปเลย เธอเคยเจ็บมามากกว่านี้อีก เวลาลดลงทุกวินาทีแต่สำหรับอเล็กซิสมันจบลงแล้ว เธอไม่คิดว่าขาของอีกฝ่ายใหญ่ขนาดนี้ หรือเป็นเพราะรองเท้าบูตส์หนังกับถุงเท้าและกางเกงขายาวที่สวมทับไว้กันแน่ อเล็กซิสกลืนน้ำลาย น้ำตาเอ่อออกมา ไม่ใช่เพราะเธอร้องไห้หรือเสียใจ แต่เป็นเพราะบาดแผลกระตุ้นให้น้ำตาไหลออกมาตามกลไกการทำงานของร่างกาย เมื่อเจ็บ สมองก็สั่งว่าเจ็บ ร้องไห้ก็เป็นการ
เบลินดาวิ่งจ้ำอ้าวร้องขอความช่วยเหลือ เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังใกล้เข้ามา เธอวิ่งกระโดดเข้าไปในห้องหนึ่งแล้วลากเก้าอี้เข้ามาสกัด ทว่าห้องนั้นกลับเล็กและแคบ มีเพียงแผงวงจรเป็นตู้ตั้งเรียงกัน ไม่มีทางให้หนีต่อ เมื่อเหลียวหลังก็เห็นว่าศัตรูยืนจังก้า มันเงื้อดาบขึ้น “ไม่ ๆ” น้ำตาไหลทะลักออกมา เบลินดาย่อตัวลงแต่คมดาบใกล้ตัวแล้ว เธอกรีดร้องกลัวตาย ทว่ามันล้มลงข้างตัวหากแต่ยังไม่ตายสนิท เบลินดาคลานหนีแล้วลุกขึ้นตั้งหลัก คนที่ยิงด้านหลังคือเด็กผู้หญิงจากเมืองเดียวกันอเล็กซิส เดวิสแต่มันดันสวมเกราะครอบไปทั้งตัว ยกเว้นด้านหน้า กระสุนของอเล็กซิสจึงทำลายเกราะเพียงชั้นนอกเท่านั้น “ยิงสิ!” เธอสั่งทั้งที่ยืนตัวงอหน่อย ๆ คงยังจุกอยู่ เบลินดายกปืนช่วยยิงระรัว มันปัด ๆ ก่อนจะพุ่งตัวใส่คนข้างหลัง อเล็กซิสไถลตัวลอดขามันไปยืนด้านหลัง มันเอี้ยวตัวมาแล้วซัดใส่ พอโดนทีเดียวก็กระเด็นมาชนตัวเบลินดาล้มไปด้วยกัน“อะ” คนข้างตัวกุมไหล่“หะ หักเหรอ” เธอถามทั้งสองรีบลุกขึ้น“ไม่รู้” อเล็กซิสส่ายหน้าแต่แขนซ้ายตกไปข้
แต่แล้วเขาก็พูดต่อ “เธออยู่กลุ่มเทสซ่า”เธอกลัวว่าเขาจะฆ่าเธอเหมือนกับที่ฆ่าพวกเพื่อนคิตแคต โชคดีที่เขาจำเธอได้ “พวกเขาจะจับกลุ่มต่อต้านให้ทางการ ถ้าฉันไม่เออออไปด้วยก็จะ...” ลิ้นของเธอแทบพันกันดวงตาเด็กหนุ่มเบิกกว้าง เขายกปืนขึ้นมาทันที และตอนนั้นเองเบลินดาหลับตาปี๋เพราะนึกว่าเขาจะยิงเธอ แต่เปล่าเลย มีเสียงดังตุบข้าง ๆ กลับเป็นคิตแคตตายสนิท ถูกยิงกลางศีรษะ“ถ้าคิดจะยืนตรงข้ามกันก็ต้องทำแบบนี้ ใจดีนิดเดียว เมื่อกี้เธอก็อาจจะเป็นยัยนั่นแทน” พลูทักซ์ชี้ไปที่ศพหญิงสาว คิตแคตคงคิดจะจัดการเธอแต่พลูทักซ์ต่างหากช่วยไว้ เบลินดารีบหันกลับมา แม้คนฆ่าคือพลูทักซ์ แต่อีกครั้งที่เธอต้องทำแบบนี้เธอไม่ใช่คนผิด ก่อนหน้านี้พวกคิตแคตก็ไม่ได้คิดดีกับเธอเท่าไร เธอยังจำสีหน้าผู้ชายสองคนที่ตายนั้นได้ถ้าหากตอบว่าไม่เสี่ยงไปกับพวกเขา ก็คงโดนจับแทน“แล้วเพื่อนเธอล่ะ” เด็กหนุ่มถามเบลินดาอึกอัก จะให้ตอบได้ไงว่าทิ้งทุกคนไป ถ้าไม่ใช่เพราะประกาศเธอคงไม่กลับมา แล้วก็คงไม่ต้องเจอสามคนนี้ด้วย“เอาเถอะ ขึ้นไปข้าง
ในที่สุดเธอก็ต้องเดินเข้าส่วนที่อันตรายที่สุด ด้านหน้าคือศูนย์บัญชาการกลางเขตเดอะ วาล พวกเขาเห็นกลุ่มบลูเป็นกลุ่มสุดท้ายที่เดินเข้าไป ยังมีคนอยู่ภายนอก ดูเหมือนไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป จะเข้าไปดีไหม หรือจะกลับไปหาที่หลบซ่อน เบลินดาเริ่มลังเล กลุ่มต่อต้านมีจำนวนมากขึ้นเพราะคนที่หลบซ่อนตั้งแต่ต้นเริ่มหันมาจับอาวุธสู้ แต่ศพที่นอนตายเกลื่อนปะปนกันไปบ่งบอกว่าความตายไม่แยกแยะว่าใครอยู่ฝ่ายไหน ยิ่งมีเสียงต่อสู้ภายใน เธอยิ่งลังเล ไม่รู้ว่าพวกเทสซ่าอยู่ด้านในแล้วหรือยัง แต่เธอค่อนข้างแน่ใจว่าคนอย่างเทสว่าจะไม่เปลี่ยนใจทิ้งกลุ่มจนกว่าทุกคนเห็นพ้องให้เลิกราเด็กสาวเหลือบมองพวกคิตแคต พวกเขาสูบบุหรี่แล้วนั่งมองประตู เบลินดาเคยเกลียดกลิ่นบุหรี่มาก แต่ตอนนี้เธอไม่แน่ใจว่ากลิ่นนิโคติน กลิ่นเลือด และกลิ่นไหม้ กลิ่นไหนรุนแรงกว่ากัน ต่อมรับกลิ่นตอนนี้พังยับเยินเสียงต่อสู้ดังลอดออกมาถึงข้างนอกไม่หยุดหย่อน พวกที่ยังลังเลก็ถอดใจเดินออกจากบริเวณนี้ บางคนวิ่งเข้าไปสมทบหวังช่วยคนข้างใน บางคนยังยืนรอดูเหมือนเบลินดา“เรา...ถอยเถอะ”คิตแคตเหยียดปากเล็กน้อย เด็กสาวนึก