Home / แฟนตาซี / Undisclosure / บททดสอบของจริง

Share

บททดสอบของจริง

last update Last Updated: 2025-03-06 12:13:38

...เงียบ! ฉันยังพูดไม่จบเลย! (ถอนหายใจ) ตั้งแต่วันนี้ จงเอาตัวรอดไปจนถึงจุดหมายให้ได้ พวกเรามีแผนที่และเสบียงเตรียมไว้ให้ เห็นไหม ไม่ยากเลย ยังมีอาวุธและอุปกรณ์อื่นดำรงชีพอื่น ๆ อีก จะหยิบหรือขนไปเท่าไรก็ได้ เราไม่จำกัด อย่าห่วงเรื่องอาหารหมด เพราะเรามีบริการเติมอยู่ทุกจุดเซฟโซน อย่าเพิ่งพูดเวลาฉันพูดอยู่

แขนของเบนเกร็งจนเส้นเลือดขึ้น มือทั้งสองกำแน่น หากมีเล็บแบบผู้หญิงคงจิกเข้าเนื้อไปแล้ว อาวุธ อาหาร จุดเซฟโซน เอาชีวิตให้รอด จะทดสอบเกมเซอร์ไววอลแบบเรียลไทม์อาร์พีจีกันหรือ ฟังดูก็รู้พวกเขาต้องต่อสู้กับบางสิ่งในนั้น และมันคงไม่ใช่หุ่นเป้านิ่งแน่นอน สถานการณ์นี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดไว้ เบนไม่เข้าใจว่าทำไมรัฐบาลถึงปล่อยให้พวกเขาใช้ชีวิตอยู่กับข้าวของหรูหราอยู่เป็นเดือน! ถ้าเขาเขียนพล็อตเองได้ คงจะเขียนว่า เจ้าหน้าที่กำลังประกาศว่าพวกเขาเป็นแค่ร่างโคลนนิ่ง และเบนคนนี้คือร่างโคลนของ เบนจามิน โรซิเยร์ที่กำลังจะตายและต้องการอวัยวะใหม่ไปเปลี่ยนใหม่ทดแทน

เดี๋ยวก่อน แต่เบนที่กำลังจะตายฟังดูไม่ดีเลยนะ

เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามห้ามใจไม่ให้โทสะเข้าแทรก มิฉะนั้น ตัวเองอาจจะเผลอก่อเหตุฆาตกรรมหมู่ในที่นี้ก็ได้ และนั่นก็หมายความว่า มันเป็นการฆ่าตัวตายที่โง่เง่าที่สุดด้วย

แต่อเล็กซ์คุมอารมณ์ไม่เก่งเท่า แรงสั่นสะเทือนราวกับมีแผ่นดินไหวขนาดย่อมหรือไกลออกไปเกิดขึ้นจนข้าวของในห้องสั่นไหวตามแรง ผู้คนมองหน้ากันเพราะนึกว่าเป็นฝีมือของพวกทางการหรือไม่ก็ฝีมือธรรมชาติ เมื่อแรงสั่นสะเทือนหายไป มีเพียงเบนที่รู้ว่าใครทำ

“พวกเธอทำใจให้สงบหน่อยเถอะน่า ฟังฉันให้ดี มีทางออกอยู่สามทางเท่านั้น พวกเราจะไม่ยุ่งว่าจะจับกลุ่มกันอย่างไร จงระวังตัวและตื่นตัวอยู่เสมอ เลือกเพื่อนร่วมทางให้ดี แล้วอย่าลืมใช้นาฬิกาที่อยู่บนข้อมือซะ มันไม่ใช่แค่บอกเวลาหรือบันทึกข้อมูลหรอกนะ แต่มันสามารถวินิจฉัยร่างกาย อาการบาดเจ็บ ระดับความรุนแรง แถมยังสอนวิธีรักษาพยาบาลให้ด้วย และถ้าพวกเธอตั้งใจฟังวิธีใช้ตอนตรวจสุขภาพ พวกเธอก็จะรู้ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง รู้ไว้ว่านี่คือส่วนหนึ่งของการทดลอง ทำตัวเป็นพลเมืองที่ดีเข้าไว้ เอาล่ะ ถึงเวลาเตรียมตัวแล้ว ขอให้โชคดี หวังว่าพวกฉันจะได้เจอพวกเธอที่จุดหมายปลายทางครบทุกคน”

ครบทุกคน...ไอ้รัฐบาลจิตป่วง

ทำไม คำถามนี้ติดอยู่ในหัว ทำไมถึงไม่แจ้งเรื่องนี้ให้พวกเราทราบก่อน

เมื่อพวกเจ้าหน้าที่ปล่อยให้ทั้งหมดจัดการกันเอง สิ่งแรกที่คนส่วนใหญ่ทำคือจับกลุ่มแล้วยืนงงกันเป็นกลุ่มนั่นแหละ

เขายังไม่ขยับ ลังเลว่าจะทำอะไรต่อ “ฉันว่าเราอยู่กันสองคนก็ได้นะ ไม่นับรวมซาร่าห์” หางตาของเขามองตามหญิงสาวที่กำลังวิ่งไปหาพวกเวด

อเล็กซ์ส่ายหน้า “อยู่กับพวกเขามาสองสามอาทิตย์ไม่ได้ช่วยให้นายรู้สึกผูกพันหรือเห็นเป็นเพื่อนกันบ้างเหรอไงวะ ฉันนับรวมซาร่าห์และคนอื่นด้วย อยู่กับเพื่อนน่ะดีแล้ว ปลอดภัยกว่า”

ดังนั้นพวกเขาจึงเดินตามซาร่าห์ไป เรมีลากเด็กสาวที่มีปัญหาทางสมองมาด้วย บางคนเริ่มหยิบกระเป๋าเป้แล้วเช็กข้าวของข้างใน

“แล้วแผนที่ล่ะ” ซาร่าห์ถามหาสิ่งของแต่ตัวเองยืนเฉย จนโนเอลต้องส่งกระเป๋าเป้ให้เธอ

“มันอยู่ในนี้ครับ คุณนาย”

เบนหยิบกระเป๋าขึ้นมาใบหนึ่ง ในนั้นมีอาหาร หยูกยา และอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้นเตรียมไว้ให้ เขาหยิบพวกยากับเครื่องปฐมพยาบาลออกไปเพื่อลดน้ำหนักกระเป๋าและเพื่อให้มีพื้นที่สำหรับใส่อาวุธได้มากขึ้น

“ไปดูอาวุธดีกว่า โนเอล พี่ช่วยพวกเราเลือกได้ไหม แล้วพี่ช่วยสอนพวกเราด้วยว่าใช่ยังไง” เทสซ่าถามพี่ชายเสียงหวานกว่าทุกวัน

เบนและอเล็กซ์พอจะคุ้นกับปืนพกและไรเฟิลบางชนิด แต่โนเอลเหมือนจะรู้จักเกือบทั้งหมด ต้องขอบคุณที่เขาทำตัวมีประโยชน์ อย่างน้อยในทีมก็เหลือตัวถ่วงอยู่หกคน เขาไม่เข้าใจว่าอเล็กซ์คิดอะไรอยู่ ทางการย้ำว่านาฬิกาสามารถวินิจฉัยอาการบาดเจ็บได้ แล้วยังพูดถึงอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้น ดังนั้นหนทางครั้งนี้ไม่หมูแน่ เขาคิดแต่เพียงว่า ทั้งสองคนควรเดินไปทางถึงจุดหมายให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ถ้าไปเป็นกลุ่มคงหนีไม่พ้นคอยช่วยคนพวกนี้และเวลาก็จะสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์

“ถึงเวลาได้ใช้สกิลที่ฝึกมาสักทีสินะ” เบนกระซิบ เพื่อนของเขาคงคิดเหมือนกัน ในกลุ่มสิบคน มีเพียงพวกเขา ซาร่าห์และเทสซ่าที่ใช้พลังได้ แม้ความสามารถของเทสซ่ายังเอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่มันน่าจะมีประโยชน์พอสมควร อีกอย่าง พี่ชายของเธอยังเคยฝึกทหาร เขาย่อมเชี่ยวชาญเรื่องการต่อสู้และการใช้อาวุธเป็นอย่างดี และมันคงส่งผลดีต่อกลุ่มที่มีแต่เด็กวัยรุ่นไม่รู้ความ ยิ่งตัวถ่วงอีกหกคนแทบจะทำอะไรไม่ได้เลย เขานึกภาพไม่ออกด้วยซ้ำว่าพวกที่เหลือจะใช้อาวุธได้หรือไม่และจะสู้อย่างไร

“พวกเธอใช้พวกอูซี่ขนาดเท่านี้ก็แล้วกัน มันเป็นปืนอัตโนมัติแต่ไม่หนักเกินไป ดูให้ดีนะ ฉันจะสอนพวกเธอครั้งเดียว ห้ามยิงเล่นนะ นี่คือวิธีโหลด...”

เบนและอเล็กซ์แยกตัวออกมาเลือกอาวุธเองระหว่างที่โนเอลเร่งสอนคนอื่นโหลดกระสุน ทั้งสองเลือกอาก้าแบบฟูลออโต้ไว้สำหรับถือ เสียบปืนพกอีกสองกระบอกไว้ที่เอวทั้งสองข้างแบบพวกเจ้าหน้าที่เปี๊ยบ เขาไม่ลืมซ่อนมีดพกที่ข้อเท้าแบบที่พวกในหนังทำกัน จากนั้นยัดปืนและอุปกรณ์ชิ้นอื่นลงกระเป๋า เขาได้ยินซาร่าห์บ่นที่ต้องแบกอาวุธหนัก ก็เธอเล่นถือปืนกลขนาดใหญ่ เดินเอียงกระเท่เร่ เขาจึงแนะนำให้เธอถือชนิดเดียวกับที่พวกอเล็กซิสใช้ “ยัยโง่ ใช้ไม่เป็นแล้วจะเลือกอันใหญ่ทำไม”

“ก็ฉันได้ยินโนเอลพูดว่ามันแรงกว่าอันอื่น”

“แล้วยิงยังไง ต้องถือยังไง” เขามองเธอ ซาร่าห์ยืนนิ่ง หน้าบึ้ง “เห็นไหม เปลี่ยนซะ” เขาหยิบปืนขนาดเล็กกว่าและเบากว่าให้ “ห้ามเถียง”เธอทำหน้ารำคาญแต่รับไปเปลี่ยนแต่โดยดี

“นี่ ฉันเหมือนหน่วยคอมมานโดไหม” อเล็กซ์อวดโฉมตัวเองที่เต็มไปด้วยอาวุธครบมือพร้อมกับรอยยิ้มทะเล้น

“ไม่ว่ะ เหมือนพวกผู้ก่อการร้ายหน้าตาอัปลักษณ์”

“อ้าว ไอ้เชี่ยนี่”

เขาแนะให้ลองพกระเบิดไปด้วย แต่อเล็กซ์ไม่แน่ใจ “เชื่อเถอะ พวกมันไม่ได้ให้พวกเราไปเล่นในสนามเด็กเล่นแล้วสู้กับลูกหมาแน่ ตัวระเบิดปลอดภัยอยู่นะ แถมยังมีตั้งหลายแบบ ฉันเห็นโนเอลพกบ้างเหมือนกัน”

เพื่อนร่างสูงขมวดคิ้วแน่น “สู้? นายคิดว่าพวกเขาต้องการประเมินความสามารถของพวกเราใช่ไหม ถ้าเป็นอย่างนั้น แล้วคนที่ไม่มีความสามารถจะทำยังไงล่ะ”

เบนยักไหล่ สั่นหัว เขาเบนสายตาไปยังสิ่งรอบตัว พวกเด็กซานโบซ่ากำลังอ่านแผนที่อยู่ “เออจริงสิ พวกเราต้องรู้จักหน้าตาสนามรบก่อนถูกไหม” เขากางแผนที่ทั้งสองคนก้มหน้าอ่านด้วยกัน “เวรเอ๊ย มีตั้งสี่โซน อย่างกับแผนที่สวนสนุก มีธีมแต่ละโซนด้วย สัตว์เอ๊ย ฉันเกลียดธีมและฉากแบบนี้ว่ะ เหมือนพวกเขาภูมิใจงานออกแบบนี้”

สองหนุ่มหันไปมองโนเอล อยากรู้ว่าชายคนนี้จะเตรียมตัวอย่างไร ทั้งตัวโนเอลเต็มไปด้วยสายสะพายกระสุน เขาเหมือนหน่วยคอมมานโดตัวจริง ขณะเดียวกันก็ดูน่ากลัวเหมือนพวกผู้ก่อการร้าย เด็กคนอื่นต่างลองยกปืนเล็ง ลองถอดกระสุน ใส่กระสุน ซาร่าห์หันมาเห็นพวกเขาแล้วทำท่าเหมือนใกล้ตาย

“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย ทำไมพวกเขาถึงให้พวกเราอยู่กับของพวกนั้น” เธอสงสัยไม่ต่างจากคนอื่นหรอก มีแต่คนตั้งคำถามนี้ทั้งนั้น พอพูดจบเธอก็หันไปคุยกับคู่ของตัวเอง

เพราะรัฐบาลเป็นโคตรพ่อโคตรแม่ของเกรียนล่ะมั้ง

เขามองโนเอลสอนวิธีใช้ปืนแล้วกอดอกแน่น “เอาจริงนะอเล็กซ์ ฉันว่าพวกเราต้องเป็นพี่เลี้ยงเด็กแน่เลยว่ะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ชิ่งเลยนะ”

“นายไม่หนีหรอกน่า” อเล็กซ์ส่ายหัว

“ฉันชิ่งพร้อมนายนั่นแหละ”

มีเวลาอีกแค่สิบห้านาที พวกเขาตกลงกันเรื่องทิศทาง โนเอลกางแผนที่ลงบนพื้น อธิบายแผนที่ตัวเองวางไว้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • Undisclosure    หยุดยั้ง

    “แต่คุณบอกว่ามันจะใช้คุณเป็นตัวประกัน” ไมเคิลเถียง“ใช่ ตัวฉัน เพียงแค่ร่างกายที่ยังมีลมหายใจ”อเล็กซิสเข่าอ่อนจนทรุดตัวลง ก้มหน้าซ่อนสะอื้นลงกับตักหญิงสาว นาฮีมานาอาจไม่ใช่แม่ของกลุ่มเสี่ยง แต่เปรียบเหมือนกับผู้ใหญ่หรือไม่ก็พี่สาวที่พวกเขารู้สึกสบายใจเวลาเห็นเธอ เปรียบดั่งต้นไม้ที่ให้ร่มเงาทางจิตใจ“แต่ว่า...ก่อนจะออกไป ฉันมีเรื่องจะขอร้อง”เมื่อนั้นเธอจึงเงยหน้าขึ้น นาฮีมานาจับมืออเล็กซิสกับไมเคิล“เผาทุกอย่างในนี้”ทั้งสองพยักหน้า“ถ้าเห็นอะไร ทำใจไว้นะ แต่ฉันคิดว่าอย่าปล่อยไปเลย พวกเขายังไม่รับรู้อะไรหรอก”ทว่าประโยคหลังนั้น ทั้งสองไม่เข้าใจ นาฮีมานาคะยั้นคะยอให้พวกเขาออกไปจากที่นี่อีกครั้ง มืออีกข้างหยิบปืนที่พวกนั้นทิ้งไว้ เธอพยักหน้าให้ทั้งสองเห็นว่าไม่เป็นไร“พวกเธอไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว ไปเถิด”“เหลืออีกห้านาที”นาฮีมานาไม่ต้องการให้พวกเขามอง หรือรับรู้ ทั้งสองจึงเดินออกไปหน้าลิฟต์ ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นจึงได้ยิน

  • Undisclosure    จุดจบของผู้อยู่มานาน

    “พาตัวเธอมา” เธอหันไปสั่งเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้อง อเล็กซิสไม่มีวันรู้ไม่ถึงหนึ่งนาทีได้ คนของอาร์คาเดียจึงประคองนาฮีมานาออกมา เธออยู่ในสภาพอิดโรย ผมสีดำยุ่งเหยิง แก้มที่ตอบอยู่แล้วลึกลงไปราวกับผิวหนังปกคลุมเพียงโครงกระดูก เธอออกจากกลุ่มไปก่อน อเล็กซิสไม่รู้เลยว่าหญิงสาวโดนจับไปเมื่อไร“ได้โปรด เราพาเธอมาแล้ว”“เหลืออีกสิบนาที” พวกเขามองหน้ากันอย่างตื่นตระหนกเพราะกลัวหนีไม่ทัน“ทำไม ที่นี่จะระเบิดหรือ”พวกเขาส่ายหน้า ทั้งสองไม่เชื่อ แต่เมื่อเห็นนาฮีมานาพยักหน้าให้มั่นใจว่าเป็นเรื่องจริง อเล็กซิสจึงหันไปพยักหน้ากับไมเคิล เขาจึงบอกให้คนที่เหลือออกไป ทั้งหมดทิ้งอาวุธแล้วรีบวิ่งหนี บางคนแย่งกันออกไปจนมีเสียงโวยวายล้มลุกคลุกคลาน ส่วนพวกเขารีบไปประคองนาฮีมานาที่ถูกทิ้งลงกับพื้น“มานา...”หญิงสาวสบตากับทั้งสองแล้วยกมือจับแก้มคนทั้งคู่ เพียงสัมผัสอเล็กซิสกลับรู้สึกสบายตัว อากาศปวดตามตัวและที่หน่วงอยู่ในท้องก็อันตรธานหายไปทันใด เมื่อเธอมองไมเคิลจึงเห็นว่าบาดแผลบนใบหน้

  • Undisclosure    ไม่มีการต่อรอง

    “เหลืออีกยี่สิบนาที”สิ่งที่อเล็กซิสเกลียดที่สุดคือการไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน และเกิดอะไรขึ้น แม้เข้าใจจุดประสงค์ของผู้ลักพาตัว แต่ไม่สามารถรู้ได้ว่าตัวการเป็นใคร ทั้งสองยืนมองนักวิทยาศาสตร์วิ่งหนีออกจากตึกจากบานหน้ากระจกขนาดใหญ่บนชั้นลอยเปิดสู่โถงด้านล่าง ประตูทางออกนั้นไม่ได้เปิดออกไปแล้วเห็นด้านนอก แต่ไปยังลิฟต์ที่เคลื่อนตัวขึ้นไปด้านบน โถงด้านล่างกินพื้นที่ถึงห้าชั้น มันกว้างใหญ่ พวกเขาวิ่งหนีขึ้นลิฟต์ บ้างแย่งกัน แต่เพราะจำนวนมีจำกัดจึงไม่อาจขนส่งคนออกไปได้ทันทีแต่ก็ทำให้เธอรู้ว่าทั้งหมดอยู่ใต้ดินขณะนั้นไมเคิลปรายตามองทีมรักษาความปลอดภัยที่อยู่ด้านล่าง พวกเขาไม่ได้สวมชุดทหารสีเทาแต่เป็นสีน้ำตาล ในมือถือปืนเลเซอร์ขนาดใหญ่เล็งมาแต่ยังไม่ได้ยิง หรือพูดไม่ถูกคือไม่กล้ายิงเพราะกลัวผลโต้ตอบที่รุนแรงกว่า อีกกลุ่มคอยอพยพและจัดระเบียบ พวกเขามองขึ้นมาอย่างหวาดผวา ส่วนเธอกับไมเคิลมองลงไปด้วยสายตาว่างเปล่า“ปล่อยไปเถอะ เราต้องการเพียงมานา”อเล็กซิสไม่ได้ใจดี เธอแค่ไม่อยากเสียเวลาไมเคิลพยักหน้าแต่สายตายังจับจ้อง

  • Undisclosure    ทำลาย

    แม้สายตาจะคอยชำเลืองมองแฝดที่ยืนจังก้าอยู่ด้านหน้าประตูรอให้พวกมันเข้ามา อเล็กซิสใช้เวลานี้เรียกข้อมูลขึ้นมาเรื่อย ๆ นอกจากจะเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของพวกเขาแล้ว พวกมันต้องการเซลล์ไข่ของเธอและสเปิร์มของแฝดเพื่อผสมเทียม สมมติฐานของคนพวกนี้นั่นคือ เธอและไมเคิลเป็นกลุ่มเสี่ยงคู่เดียวที่สามารถให้กำเนิดทายาทที่มีลักษณะพิเศษได้ เหมือนอย่างที่ลูก้าและเจมม่าเคยให้กำเนิดคนทั้งสอง เนื่องจากกลุ่มเสี่ยงคนอื่นล้วนมีภาวะมีบุตรยากหรืออาจจะถึงขนาดไร้ประสิทธิภาพที่จะมีทายาทเลยก็ว่าได้เพื่ออะไร ผลิต...ผลิตกองทัพผู้มีพลังพิเศษด้วยตัวเองหรือปัญหาคือ เธออยากรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง เอไลโตทั้งหมด หรือบางคน? ที่แน่ ๆ พวกมันใช้คาเรลที่สมควรถูกประหารชีวิตไปแล้วปลอมตัวเป็นไมเคิลมากหลอกเธอเสียงฝีเท้ามากมายมาเป็นโขยงโดยที่แฝดชายยืนรออยู่ อเล็กซิสถอยห่างจากโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน“อยู่เฉย ๆ” คนข้างนอกตะโกนเข้ามา “อย่าขยับไม่อย่างนั้นพวกเราจำเป็นต้องยิง!”ชายหนุ่มผมเงินหัวเราะดูแคลนคนข้างนอก พริบตาเดียวเปลวเพลิงลุกโถมเข้าใส่ประตูด้านหน้า ทีมรักษาความป

  • Undisclosure    ละเลงเลือด

    ความเงียบกลับมาปกคลุมอีกครั้งพร้อมกับสภาพเครื่องมือล้มระเนระนาด รวมทั้งจานที่บรรจุเซลล์ไข่แตกละเอียด เพียงเธอมอง ของเหลวในนั้นแห้งเหือดตรงมุมขวาของห้องมีกล้องวงจรปิดอยู่ อเล็กซิสยกมือขึ้นทำท่าบิด มันแตกแล้วตกลงมา เพียงเท่านั้นเธอรีบลุกออกจากเตียงเพื่อไปหาไมเคิล แต่เพียงขยับก็เจ็บหน่วงที่ท้อง สุดท้ายกลั้นใจหยิบผ้าคลุมมาพันตัวแล้วเดินไปหาน้องชาย มันไม่ได้เจ็บมากนัก แต่แปลบ ๆ หน่วง ๆ เหมือนเวลาที่เธอเคยมีประจำเดือน“ไมเคิล” เธอจับแก้มที่มีแผลไหม้แล้วสงสารจับใจ ใบหน้าของเขาคือของขวัญล้ำค่าที่ไม่ว่าใครก็อยากจะถนอมดูแล แล้วดูตอนนี้สิ อเล็กซิสดึงเครื่องรัดออกแล้วสวมกอดคนที่นอนอยู่แน่นเพื่อให้เขาฟื้นตัว “ไมเคิล ตื่นสิ ไมเคิล”ชายหนุ่มส่งเสียงครางอือ ๆ เบา ๆ เธอถอนตัวขึ้นมาเพื่อรอให้เขาฟื้น เขาเริ่มขยับริมฝีปาก “รอ...”“ไม่ต้องรอ” เธอบอกพลางกุมมือเขาแน่น น้ำตาเอ่อขึ้นมาเมื่อมองแฝดชายราวกับเห็นร่างของซีโน่ที่กำลังจะตาย “ตื่นขึ้นมา ฉันจะปกป้องนายเอง”เขากะพริบตาก่อนจะลืมตามอง ดวงตาสีฟ้าเข้มสบกับของเ

  • Undisclosure    แหกคุก

    มีกี่เรื่องที่ทำให้คนเราฝันร้าย แต่เมื่อตื่นเหมือนกับโผล่ขึ้นผิวน้ำปีศาจในความทรงจำล้วนมีมากหน้าหลายตา และกลุ่มแรกมีชื่อว่าคาเมรอนกับบรูซ ยังดีที่โชคยังเข้าข้าง ต่างกับตอนนี้ที่ตกอยู่ในเงื้อมมือปีศาจใต้หน้ากาก หมดสิ้นอิสรภาพโดยสิ้นเชิงสติไปไหน เหตุใดจึงรู้สึกล่องลอย บางครั้งตื่นตัว บางครั้งไม่รู้สึกมันมากันเป็นกลุ่ม จับร่างของอเล็กซิสขึงเพื่อเอาบางสิ่งจากกาย หากขัดขืนดิ้นรนก็จะได้รับความเจ็บปวดสาหัสจนไม่อาจขยับได้ไปหลายนาที คงเป็นเพราะกายหยาบนี้ทนทานต่อยาสลบจึงตื่นเร็วเกินไป แต่ต่อให้ทนได้เพียงใดก็ไม่ได้แปลว่าไม่เจ็บปวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมรุกล้ำเข้ามาเสียงกรีดร้องอ้อนวอนขอให้พวกมันหยุดไม่เป็นผล แม้เมื่อมันได้สิ่งที่ต้องการก็ยังไม่ปล่อยอเล็กซิสกับไมเคิลไป พวกมันเอาขาหยั่งออกแล้วปล่อยให้ขาเธอนอนเหยียดยาวโดยมีเครื่องล็อกตรึงไว้ไม่ให้ขยับ“พวกแกต้องชดใช้” เสียงที่ตะโกนออกไปกลั่นออกมาจากความแค้นที่อยู่ลึกสุด แต่กลับฟังดูอ่อนแอเกินกว่าจะขู่ให้ผู้ใดกลัว ตรงกันข้ามกลับเรียกเสียงหัวเราะขำขันแทนเธอหันไปมอง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status