"อุ๊ยคุณเป็นบ้าอะไรอีก" "อยากได้ฉันมากไม่ใช่เหรอ" "เมาหรือเปล่าเนี่ย" กลิ่นแอลกอฮอล์ในลมหายใจของเขามีมากจนเธอสัมผัสได้ "จริงๆ เธอไม่ต้องวางแผนอะไรก็ได้นะ ถ้าต้องการฉันก็แค่บอกมา" "อะไรของคุณ ถอยไปนะฉันจะเข้าห้อง..ถ้าเมาแล้วก็เข้าไปนอนอย่ามาหาเรื่อง" "ไม่ต้องเล่นละครอีกแล้วฉันรู้หมดแล้วล่ะ" "รู้หมด?" "เรื่องทุกอย่างเธอกับเพื่อนจัดฉากขึ้นมาไม่ใช่เหรอ" "คุณรู้??.. ไม่สิ คุณรู้ได้ยังไง" ตอนที่ระย้าพูดเขาเดินไปไกลแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วเขาจะได้ยินสิ่งที่เธอกับระย้าคุยกันได้ยังไง จุดนั้นก็ไม่มีกล้องวงจรปิดสักหน่อย "จะเข้าห้องหรือเอาตรงนี้เลย" "พูดบ้าอะไรของคุณ" ข้าวปุ้นใช้แรงดันเขาออกอีกครั้งจนอีกฝ่ายเซเธอถึงได้รีบเดินตรงไปทางห้องนอน แต่พอเปิดประตูร่างของเธอก็ถูกเขาดันเข้าไปจนล้มลงบนเตียง "โอ๊ยปล่อยฉันนะ" จากที่นอนหงายอยู่เมื่อครู่กลายเป็นร่างเธอคว่ำลงกับที่นอน ส่วนเขาคร่อมอยู่ด้านบน "ไม่ต้องมารยาแล้วฉันรู้ว่าเธอต้องการ" "คุณเข้าใจผิดแล้วเรื่องนั้นมันไม่ได้เป็นแบบ.. อืมมม"
Voir plusณ.โรงแรมอัครเทวีทรัพย์
โรงแรมแห่งนี้มีผู้บริหารสองท่าน ชื่อเพลิงและอัคคี ทั้งสองเป็นพี่น้องที่เกิดจากพ่อแม่เดียวกัน แต่พวกเขาไม่ได้มีพี่น้องแค่นี้เพราะพ่อยังมีบ้านเล็กอีกหลัง กว่าจะมารู้ความจริงก็ตอนที่พ่อหมดลมหายใจไปแล้วเพราะงานศพของท่านลูกอีกคนมาร่วมงานศพทุกคนถึงได้รู้ แต่นั่นมันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว พวกเขาไม่ได้ติดต่อกับบ้านเล็กของพ่อตั้งแต่จบงานศพ ที่ไม่ติดต่อเพราะห่วงความรู้สึกของแม่ และค่ำคืนนี้โรงแรมก็มีงานเลี้ยงฉลองงานมงคลสมรสของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวถึงสองคู่พร้อมกัน และเจ้าบ่าวก็เป็นฝาแฝดที่ใบหน้าคล้ายคลึงกันมากจนแทบจะแยกไม่ออก ในงานแต่งคืนนี้อัคคีเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาแอบขโมยจูบเธอในคลับคืนนั้น โรงแรมมีโปรเจคจะขยายกิจการให้ครบวงจรหนึ่งในนั้นมีสถานบันเทิงอยู่ด้วย อัคคีต้องไปดูงานด้วยตัวเองว่าการที่จะทำสถานบันเทิงหลักๆ ต้องมีอะไรบ้าง เรื่องราวของคืนนั้นมันก็ไม่ได้มีอะไรมาก แค่เขาคิดว่าเธอเป็นเด็กเอนเตอร์เทนของร้าน อยู่ดีๆ เธอเล่นมานั่งข้างๆ แถมชงเหล้าให้ใครจะรู้ล่ะว่าจริงๆ แล้วเธอเป็นถึงผู้ช่วยผู้จัดการ แถมยังเป็นคนที่จะมาช่วยดูงานโปรเจคใหม่นี้ด้วย แต่เขาก็ไม่ผิดเพราะเธอไม่แนะนำตัวเองทำไมล่ะ คืนนั้นอยากจะรู้ด้วยว่าเด็กเอนเตอร์เทนที่มานั่งดูแลแขกพวกเธอรับแขกได้ถึงเลเวลไหนเลยลองจูบดู แต่ยังไม่ได้คว้านลิ้นเลยเธอก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไปจนมาเจอกันอีกทีก็งานแต่งของคู่แฝดนี่แหละ "ขอตัวนะคะ" วันนี้ข้าวปุ้นเป็นเพื่อนเจ้าสาวเพียงคนเดียว เพราะทุกอย่างจัดขึ้นเร็วมากจนเตรียมอะไรไม่ทัน เธอเลยเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้กับเจ้าสาวถึงสองคน และเธอนี่แหละคือผู้ช่วยผู้จัดการที่พูดถึง ที่ข้าวปุ้นเอ่ยขอตัวเพราะเสี่ยนเรศวรเจ้านายของเธอเรียกให้เข้ามารู้จักกับคุณอัคคีเจ้าของโรงแรมแห่งนี้ อีกไม่กี่วันเธอต้องเข้ามาช่วยงานจนกว่าสถานบันเทิงที่นี่จะลงตัว หลังจากที่เธอเดินไปแล้วสายตาของอัคคียังคงมองตาม อยากรู้เหตุผลว่าทำไมคืนนั้นเธอเข้ามาแล้วถึงไม่แนะนำตัวให้เขารู้ แถมก่อนที่จะจูบเขายังโอบร่างเธอเหมือนว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เข้ามาดูแลแขก ความรู้สึกตอนนี้เหมือนตัวเองหน้าแตกยังไงไม่รู้ "มองอะไรของมึงวะ" นรสิงห์เป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งและเป็นเพื่อนรักของนเรศวรที่เป็นเจ้าของคลับ แถมยังเป็นเพื่อนรักของอัคคีทั้งสองรู้จักและสนิทกันตอนไปเรียนต่อต่างประเทศ "มึงว่าถ้าผู้หญิงเข้าหาเรา เธอต้องการอะไรวะ" "อย่าบอกนะว่ามึงสนใจใคร" "ไม่ใช่แบบนั้น" "แล้วแบบไหน" "มึงไม่เข้าใจหรอกเดี๋ยวกูหาคำตอบเองก็ได้" "อ้าวไอ้นี่หลอกให้อยากแล้วจากไปนี่หว่า" กว่าจะถึงตอนที่ส่งแขกกลับบ้านก็ดึกดื่นค่อนคืนเข้าไปแล้ว เจ้าบ่าวเจ้าสาวส่งตัวเข้าหอกันที่โรงแรมนี้เลย แขกที่เดินทางมาจากทางไกลก็ค้างคืนที่โรงแรมนี้เช่นกัน รวมถึงข้าวปุ้น เพราะถ้าดึกขนาดนี้เธอก็ไม่อยากกลับบ้าน บ้านที่พักอาศัยอยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่บ้านของเธอหรอก เธอเป็นเพียงแค่เด็กในบ้านที่ภรรยาคนเก่าของเจ้าของบ้านอุปถัมภ์ไว้ หลังจากผู้มีพระคุณเสียชีวิตไปแล้ว ข้าวปุ้นก็ต้องอยู่ดูแลลูกสาวของนางต่อ เพราะมันเป็นคำสั่งเสียสุดท้าย และลูกสาวของผู้มีพระคุณก็คือทรงอัปสร ภรรยาของเสี่ยนเรศวร ถึงแม้ว่าทรงอัปสรจะย้ายออกมาอยู่กับสามีแล้ว แต่ก็ยังฝากข้าวปุ้นช่วยเป็นหูเป็นตาดูแลพ่อของเธอต่อ เพราะแม่เลี้ยงนิสัยเสียมาก เธอกับแม่เลี้ยงไม่ลงรอยกันแต่ไหนแต่ไรแล้ว ส่วนน้องสาวที่เกิดจากภรรยาใหม่ของพ่อ แรกๆ ก็ไม่ถูกกันหรอก แต่ยังไงเลือดก็ต้องข้นกว่าน้ำพอน้องมีปัญหาทรงอัปสรก็เข้าไปช่วย ทั้งสองเลยพอที่จะหันหน้าเข้าหากันบ้าง เพื่อนร่วมงานที่พอจะคุยกันได้ตอนนี้ก็เป็นฝั่งเป็นฝาไปแล้ว และห้องหอของทั้งสองก็อยู่ทางซ้ายมือคู่หนึ่ง ขวามืออีกคู่หนึ่ง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ข้าวปุ้นอยากมีคู่หรอก กลัวการพลัดพราก กลัวการสูญเสีย เธอก็เป็นคนหนึ่งที่มีพ่อมีแม่ พวกท่านเสียชีวิตแล้ว ตั้งแต่เพิ่งจำความได้เลยมั้ง ต้องระหกระเหเร่ร่อนไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า กว่าจะมีผู้อุปถัมภ์ก็ผ่านอะไรมามากมายเหลือเกิน ถ้าเธอมีลูกกลัวว่าจะทำให้เขาต้องมาลำบากเหมือนแม่ เขียนโดยชะนีติดมันส์ เรื่องของนรสิงห์ ตุนท์ ทันน์ อยู่ในเรื่องนรสิงห์ [มาเฟียร้ายรัก] นะคะ ส่วนเรื่องของนเรศวร ก็อยู่ในเรื่อง นเรศวร [มาเฟียร้ายรัก] ค่ะ Set มาเฟียเริ่มจากเรื่อง สิงขร สมิงดำ นเรศวร ขุนราม เจ้าเวหา และ นรสิงห์ชื่อเรื่องตามชื่อของตัวละครเลยค่ะHot love พิษรักรังสิมันต์ บทที่ 140 ตอนจบ"ได้ยินแม่บอกว่าคุณยังไม่ทานข้าวเที่ยงเหรอ"แพรไหมพยักหน้าตอบไม่ใช่แค่ข้าวเที่ยงหรอกข้าวเช้ายังทานไม่ค่อยลงเลยด้วยความเป็นหมอเขาเลยสอบถามอาการของเธอให้แน่ใจ ว่าเธอมีอาการแพ้ท้องแบบไหนเพราะการแพ้ท้องมีหลายแบบ พอรู้ถึงอาการของเธอแล้วรังสิมันต์เลยเข้าไปในตัวเมืองเพื่อจัดยามาให้เธอทานก่อน และหาอาหารบำรุงครรภ์มาเตรียมไว้ให้เธอในระหว่างที่เขาทำเรื่องวันต่อมา.."แม่เก็บของทำไมคะ" แพรไหมเปลี่ยนเสื้อผ้านักศึกษาออกมาเตรียมจะไปเรียนแล้วก็เห็นว่าแม่กำลังเก็บของ"เราจะย้ายไปอยู่กรุงเทพฯไงลูก""ย้าย?""คุณหมอยังไม่บอกเราเหรอ""ยังไม่บอกค่ะ" เมื่อคืนนี้กินยาที่เขาให้ไปง่วงนอนมากเลยหลับ ตอนที่เธอหลับรังสิมันต์ออกมาปรึกษาแม่เรื่องนี้ ทั้งสองเลยตกลงว่าจะไปอยู่ที่นั่น แต่ก่อนนางอาจจะยังลังเลอยู่แต่ตอนนี้มีหลานเล็กๆ แถมหลานอีกคนก็กำลังจะเกิด นางจะเอาแต่ความคิดตัวเองเป็นใหญ่ไม่ได้แล้ว"แล้วพี่หมอล่ะลูก""ตอนนี้เข้าห้องน้ำอยู่ค่ะ"ไม่นานรังสิมันต์ก็ออกมาจากห้องเห็นแม่ของเธอกำลังเก็บของอยู่พอดี"ตอนเช้าผมจะพาแพรไปคุยเรื่องเรียนก่อนนะครับ ช่วงสายๆ เดี๋ยวผมมาช่วยเก
Hot love พิษรักรังสิมันต์ บทที่ 139 >>{"สวัสดีครับคุณแม่ ผมนึกว่าแพร"} {"เมื่อกี้ยัยแพรก็อยู่ตรงนี้แหละ แต่ตอนนี้เข้าไปอ้วก"}>>{"แพรเป็นอะไรครับ?"} {"ตาหมอมีธุระด่วนจะคุยกับน้องไหมล่ะ"}>>{"พอดีว่าพรุ่งนี้ผมต้องเดินทางไปสัมมนาที่ต่างประเทศครับเลยอยากจะคุยกับแพรก่อน ว่าแต่วันนี้แพรทานอะไรบ้างครับ"} เขาวินิจฉัยเธอผ่านทางโทรศัพท์ เพราะคนที่จะอาเจียนได้มีหลายปัจจัย แต่ก็ไม่เป็นผลดีต่อร่างกายทั้งนั้นเลย ร่างกายถึงได้ขับของพวกนั้นออกมา {"วันนี้น้องไปเรียนแม่ไม่รู้ว่าที่มหาวิทยาลัยทานอะไรบ้างเดี๋ยวรอน้องออกมาก่อนนะลูก"}ไม่นานแพรไหมก็ออกมาแม่เลยบอกว่าคุณหมอรอสายอยู่ {"ค่ะคุณหมอ"}>>{"แพรมีอาการเป็นยังไงบ้าง"} {"เวียนหัวคลื่นไส้ค่ะ"}>>{"มีอาการเวียนหัวร่วมด้วยเหรอ? เป็นมากี่วันแล้ว"} {"หลายวันแล้วค่ะ แต่เป็นๆ หายๆ"}>>{"ไปหาหมอหรือยัง"} {"ทีแรกแพรนึกว่าอาการนี้มันจะหายไปแล้วเลยไม่ได้ไปหาหมอค่ะ"}>>{"ประจำเดือนเดือนนี้มาหรือยัง"} ประโยคต่อมาของคำถามทำให้แพรไหมถึงกับชะงัก {"เกี่ยวอะไรกับประจำเดือนคะ"}>>{"ตอบผมมาก่อน"} {"ยังไม่มาเลยค่ะ"}>>{"เดือนสุดท้ายมาวันที่เ
Hot love พิษรักรังสิมันต์ บทที่ 138เช้าวันต่อมา.."สายแล้ว" มือหนาเอื้อมไปบีบจมูกเธอเบาๆ เพื่อเป็นการปลุกให้ตื่น"อืม" นอกจากจะไม่ตื่นแล้วเธอยังคงฝังใบหน้าลงกับแผ่นอกของเขาแนบแน่นขึ้น"วันนี้วันศุกร์ต้องไปเรียนไม่ใช่เหรอ""ไม่ไป" เสียงงัวเงียเปล่งออกมาเบาๆ โดยที่ไม่ได้ขยับเขยื้อน"ไม่ไปไม่ได้""ถ้ากลับมากลัวไม่เจอคุณหมอ""ผมจะอยู่ที่นี่จนกว่าแม่จะกลับมา""จริงหรือคะ" จากที่งัวเงียอยู่เมื่อครู่ดูสดใสขึ้นมาทันทีทันใด"จริงสิ""ถ้าแพรไปเรียนคุณหมอก็เหงาสิคะ""ไม่เป็นไรหรอก"เขาไม่เป็นไรแต่เรานี่สิจะไม่ใจขาดก่อนเหรอ ยิ่งรู้ว่าเขารออยู่ที่บ้านเธอรู้ว่าตัวเองต้องคิดถึงเขามากแน่เลยแต่แพรไหมก็ต้องไปเรียนเดี๋ยวเขาหาว่าเกเรรังสิมันต์ขับรถของแม่มาส่งเธอที่มหาวิทยาลัย เพราะเขาไม่ได้เอารถมาด้วย ตอนมาที่นี่ก็ให้รถที่สนามบินมาส่ง"คุณหมอลงไปด้วยกันไหมคะ""ไปได้เหรอ" เขากลัวว่าเธอจะอายเพื่อนในมหาวิทยาลัยที่มีแฟนอายุเยอะกว่า"ไปได้สิคะ" อยากจะอวดแฟนใจจะขาดอยู่แล้ว พอลงจากรถแพรไหมก็ควงแขนของคุณหมอเดินเข้ามาที่คณะ"แพร?" มีเพื่อนหลายคนที่รู้จักคุณหมอ แต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่รู้จัก "คนนี้เหรอคุณหมอสุดหล
ตุ๊บ! อยู่ดีๆ ร่างของจิรายุก็กระเด็นออกจากประตู"กรี๊ดด" สาวๆ สองคนที่ยืนรอลุ้นอยู่ด้านหลังตกใจกรีดร้องเสียงดัง เพราะคิดว่าขโมยขึ้นบ้านจริงๆ ส่วนจิรายุที่เป็นทัพหน้าตอนนี้กองอยู่กับพื้นหน้าประตูบ้านชั้นบน"โอ๊ยย" มีไม้ในมือแท้ๆ แต่ก็ทำอะไรมันไม่ได้"ใคร! ออกมานะ" แพรไหมที่เข้าไปพยุงจิรายุตะโกนเข้าไปในบ้าน บอกให้คนที่ทำร้ายเพื่อนออกมาจากที่ซ่อนจังหวะเดียวกันนั้นเจ้าของเท้าที่ถีบจิรายุก็เผยโฉม"คุณหมอ?" แพรไหมแทบขยี้ตาดูอีกรอบว่าเธอมองถูกหรือเปล่า หรือคิดถึงเขามากจนมองโจรเป็นเขา"ผมเอง" ตอนที่พูดสายตาเขามองมือเธอที่กำลังพยุงไอ้ผู้ชายคนนั้นลุกขึ้นอยู่"คุณหมอจริงๆ ด้วย" แพรไหมรีบปล่อยมือแล้วตรงเข้าไปหาเขา "คุณหมอมาได้ยังไงคะ""นั่งเครื่องมา""แล้วคุณหมอรู้จักบ้านของแพรได้ยังไงคะ" นอกจากรู้จักบ้านแล้วเขาต้องมีกุญแจบ้านเธอด้วยถึงจะเข้ามาได้แบบนี้"เจอแม่ที่โรงพยาบาล" ตอนที่พูดเขายังคงมีท่าทีไม่สบอารมณ์สายตายังคงมองไปดูไอ้คนที่มันสำออยอยู่ที่จริงจิรายุไม่ได้สำออยหรอกใครเจอเข้าไปก็ต้องจุกกันบ้างแหละ"จิเธอเป็นอะไรไหม" พอนึกได้ว่าลืมเพื่อนแพรไหมกำลังจะหันกลับไปถามแต่ถูกมือหนาโอบเข้ามาก่อนจะ
Hot love พิษรักรังสิมันต์ บทที่ 136เพราะแบบนี้แหละเขาถึงยังไม่บอกเรื่องการประเมิน กลัวว่าเธอจะไม่สบายใจ เพราะผลการประเมินคะแนนของเธอได้มากที่สุดและเรื่องนี้อาจารย์ก็ปล่อยไปไม่ได้ เพราะนักศึกษาข้องใจกับการให้คะแนน แถมคนที่ให้คะแนนก็เป็นคนรักของคนที่ได้คะแนนสูงสุดด้วยทางอาจารย์เลยต้องโทรติดต่อกลับไปที่โรงพยาบาล ว่าพอจะให้เหตุผลเรื่องการให้คะแนนได้ไหม หรือถ้าให้เหตุผลไม่ได้ก็จะขอให้ทางโรงพยาบาลแก้คะแนนตามความเหมาะสม ไม่อยากให้มีผลกระทบต่อการฝึกงานของนักศึกษาเลยแต่พออาจารย์ได้รับรู้ถึงเหตุผลนั้นแล้ว รวมถึงคลิปที่ทางคุณหมอรังสิมันต์เตรียมไว้ให้ ก็ได้นำหลักฐานนั้นเข้ามาแจ้งกับนักศึกษาที่รังสิมันต์ไม่บอกเหตุผลตั้งแต่แรกเพราะเขาอยากกลั่นกรองคนในชีวิตของเธอด้วย ถ้าทุกคนยอมรับโดยไม่มีข้อกังขานั่นหมายถึงเพื่อนแท้เพื่อนแท้จะไม่แอบแทงข้างหลังกัน และเพื่อนแท้ก็ต้องมองเห็นว่าเธอช่วยเพื่อนมากแค่ไหน แต่คนที่กล้ามีข้อสงสัยนั่นหมายถึงเห็นแก่ตัวมากหวังแต่ได้อยู่ฝ่ายเดียวหลังจากที่อาจารย์นำหลักฐานการให้คะแนนเข้ามาบอกนักศึกษาที่สงสัยเสร็จแล้วทุกคนก็เงียบ เพราะมันก็เป็นจริง แบบที่คุณหมอให้เหตุผลมาว่า
Hot love พิษรักรังสิมันต์ บทที่ 135เช้าของวันต่อมา.. รังสิมันต์ไม่ได้บอกเธอหรอกว่าผลการประเมินของเธอได้เท่าไร แต่เขาก็ได้จนเสร็จเพราะถึงแม้เธอจะไม่ทำต่อเขาก็ทำเองได้ ..ที่ไม่บอกกลัวเธอจะคิดมากและแพรไหมก็เข้าใจ ในเมื่อเขาบอกไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเพราะถึงยังไงเดี๋ยวก็คงไปรู้ที่มหาวิทยาลัยเองมาถึงโรงพยาบาลนักศึกษาฝึกงานก็ถูกเรียกตัวให้มาพูดคุยกัน เพราะพรุ่งนี้แล้วที่ทุกคนต้องเดินทางกลับ"สวัสดีครับ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการฝึกงานนี้จะช่วยให้นักศึกษาทุกท่านได้เรียนรู้การใช้ชีวิตนอกรั้วมหาวิทยาลัย""นอกจากจะหล่อแล้วแถมคำพูดคำจายังกินใจอีก""อย่าปลื้มมากนั่นผัวเพื่อน""เราก็มาฝึกงานที่นี่เป็นเดือนๆ ทำไมไม่เจอเหมือนยัยแพรเลย""แกได้ยินสุภาษิตไหมที่ว่าแข่งเรือแข่งพายแข่งได้ แต่มาแข่งบุญวาสนามันแข่งกันไม่ได้หรอกนะ""ถ้านักศึกษาเรียนจบแล้วใครต้องการอยากมาสายอาชีพนี้ โรงพยาบาลแห่งนี้ยินดีต้อนรับนะครับ""จริงหรือคะคุณหมอ ดีจังเลยค่ะ""ผลการประเมินผมได้ส่งอีเมลไปทางมหาวิทยาลัยให้แล้วนะครับ"นักศึกษาทุกคนต่างก็กล่าวคำขอบคุณก่อนจะแยกย้ายไปแผนกที่รับผิดชอบ ส่วนมากวันนี้เป็นวันร่ำลาพี่ๆ ที่ช่วยกันฝึกสอน
Commentaires