Share

5 - คนที่เพ้อถึง  

last update Last Updated: 2025-10-14 13:49:05

คนที่เพ้อถึง

ซึ่งก็ได้ผลจริง ๆ ชนาวิชญ์ชะงักนิ่ง เมื่อได้ยินชื่อคนที่เขารู้จัก และเป็นคนที่ให้ความเมตตาเขามาตลอด ถึงแม้เป็นเวลาเพียงแค่สั้น ๆ ที่เขาได้ทำงานให้แก่บุคคลนี้ ถือว่าเขามีพระคุณคนหนึ่งของเขาเลยก็ว่าได้

“ก็ใช่นะสิ” เธอเสียงยืนยันอีกที

“ขอโทษครับ ผมเมามากไปหน่อย...” อาการเมาได้หายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อแน่ใจแล้วว่าคนใต้ร่างที่เขาพยายามทำรุ่มร่ามนี้เป็นใคร ก็รีบขอโทษเธอขึ้นมาทันที อย่างรู้สึกผิด

“ลุกขึ้นได้แล้ว ฉันหนักหายใจไม่ออกด้วย” เธอเอ่ยบอกเขาอีกครั้ง เพราะเขายังไม่ยอมลุกขึ้นจากตัวเธอสักที ทั้งที่มีสติแล้ว

“หายใจไม่ออก เดี๋ยวผมผายปอดให้นะ” แต่เขากลับแซวหยอกเธอขึ้นมาเสียอย่านั้น พร้อมกับก้มหน้าลงมาหาเธอใกล้ ๆ อีก

“ไอ้วิชญ์!!!” เธอขึงตาพร้อมกับตวาดเสียงดุใส่เขา พร้อมกับรวบรวมแรงกำลังที่มี ผลักเขาออกทันที เมื่อเขาเริ่มทำรุ่มร่ามใส่เธออีก แล้วบิดเข้าไปที่สีข้างอย่างแรง

“โอ้ยยย...เจ็บน่ะ” ร่างสูงร้องโอดครวญขึ้นมาทันที

“เจ็บสะบ้าง จะได้สร่างเมาสักที” เธอต่อว่าเขาออกมาอย่างเหลืออด แล้วลุกขึ้นนั่งจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าที

“ทำไมถึงพาผมมาที่นี่ล่ะ” ชนาวิชญ์ถามขึ้นมาอย่างแปลกใจ เมื่อมองสำรวจรอบ ๆ แล้วกลับไม่คุ้นตาเอาเสียเลย

“ก็นายเมาจนพูดไม่รู้เรื่อง แล้วฉันก็ไม่รู้จักที่อยู่ของนายด้วย จะไปส่งถูกได้ยังไง หรือจะให้ฉันขับรถไปถึงขอนแก่นเลยหรือไง ถ้าไม่พามาที่นี่”

“ขอบคุณมากนะครับ ตอนนี้ผมสร่างเมาแล้ว ถ้าอย่างนั้นผม...” เขารีบขอบคุณเธอทันที เมื่อรู้ว่าเธอเป็นคนพาเขามา และกำลังจะเอ่ยลา

“ค้างที่นี่แหละ” แต่เจ้าของห้องกลับขัดขึ้นมาเสียก่อน เมื่อรู้ว่าเขาจะพูดอะไร

“พี่จะบ้าหรือไงพี่ปลา อยู่ ๆ ก็ชวนผู้ชายให้ค้างด้วย” ชนาวิชญ์เบิกตาโตขึ้นมาทันที เมื่อเธอเอ่ยชวนเขาค้างด้วย

“โอ้ยยย ฉันให้ค้าง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะนอนด้วยกันเสียหน่อย” เธอฟาดไปที่สีข้างของเขาอีกที ก่อนจะก่อนที่จะบอกเขาออกไป

“ถึงยังไงก็ไม่เหมาะอยู่ดี ชายหญิงอยู่ชายคาเดียวกัน”

“นี่นายชักจะหัวโบราณไปไหน นอนก็นอนคนละห้อง ไม่ได้นอนด้วยกันเสียหน่อย คิดไปถึงไหนเนี้ย” ปาณิศาต่อว่าเขาขึ้นมาทันที

“หึ คนบ้านนอกมันหัวโบราณ...” ชนาวิชญ์ได้แต่แค่นยิ้มสมเพชให้กับตัวเอง เมื่อถูกตอกย้ำคำว่าบ้านนอกอีกครั้ง

“ขะ ขอโทษ ฉันไม่ได้จะว่านายแบบนั้น” เธอรีบขอโทษเขาทันที ที่รู้ว่าตัวเองเผลอพ่นวาจาอะไรออกมาที่ทำให้เขาสะเทือนใจ

“ช่างเถอะ ผมไม่ถือหรอก ได้ยินจนชินแล้ว” 

ชนาวิชญ์ไม่ได้เก็บเอาคำพูดของเธอมาใส่ใจเท่าไหร่นัก เพราะเขาก็เป็นตามที่คนพูดทุกอย่าง แต่อย่างหนึ่งที่เขาอยากจะค้านคือ เขาไม่ได้หัวโบราณขนาดนั้น เขาเป็นผู้ชายเขาก็มีความรู้สึกความต้องการเหมือนกัน เพียงแต่อยากให้เกียรติคนที่ตัวเองรักเท่านั้น ถึงแม้ว่าตัวเองจะทรมานก็ตาม

“ถ้าอย่างนั้น นายนอนไปเถอะ หรืออยากจะอาบน้ำก่อนก็ตามสบายเลย แต่ตอนเช้าอย่าพึ่งไปไหนนะ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” ปาณิศาลุกขึ้น แล้วก็สั่งเขาเอาไว้ก่อน เพราะเธออยากจะคุยกับเขา เธออยากได้เขาไปเป็นนักแสดงในความดูแล หากว่าเขายินดี

“คุยเรื่องอะไร คุยตอนนี้เลยก็ได้ เช้าผมมีเรียนแล้วต้องไปเอารถมอ’ไซค์ ที่จอดทิ้งไว้เมื่อคืนด้วย” เขาจึงรั้งเธอเอาไว้ เพราะเช้าเขาคงไม่มีเวลาว่าง

“ฉันกลัวนายจะจำอะไรไม่ได้ รอให้นายหายเมากว่านี้ก่อนดีกว่านี้ก่อนไหม” เธอมองหน้าเขาด้วยความลังเล เพราะเช้ามากลัวเขาจะจำในสิ่งที่คุยกันไม่ได้

“ผมหายเมาแล้ว แค่ยังมึน ๆ หัวอยู่นิดหน่อย คุยได้ผมไม่ลืมหรอก” เขาบอกเธอไป เพราะมั่นใจว่าสติตัวเองครบแล้ว

“เข้าเรื่องเลยน่ะ ฉันอยากพานายเข้าวงการ” ปาณิศาเข้าประเด็นในสิ่งที่ตั้งใจทันที เมื่อเห็นสายตาจริงจังของคนรอฟังอย่างแน่วแน่

“วงการ? วงการบันเทิงเนี้ยน่ะ ทำไม?” ชนาวิชญ์เลิกคิ้วถามขึ้นมา

“อื้มมม ฉันว่าหน้าตาหน่วยก้านนายดี เป็นนักแสดงได้สบายเลย” เธอบอกเขาออกไปตามตรง เพราะเธอก็เห็นในความสามารถและความมุ่งมานะของเขามาตลอด

“ผมทำไม่ได้หรอก แล้วอีกอย่างผมก็ไม่ได้เรียนเอกการแสดงมาน่ะ” เขารีบปฏิเสธและถ่อนตนทันที เพราะเขาเองก็ไม่ได้เรียนในด้านนี้มาด้วย

“ฉันรู้ แต่แค่อยากจะพานายไปทำงานด้านนี้ดู ไม่ต้องถึงขั้นเป็นพระเอกหรือดาราตัวท็อปก็ได้ แค่ไปทำงานในกอง เงินดีกว่าที่นายทำอยู่ตอนนี้ด้วย”

“ผม...”

“ถ้างั้น ขอถามอะไรอีกหน่อยได้ไหม” เมื่อเห็นว่าเขามีความลังเล เธอจึงอยากจะถามเรื่องส่วนตัวของเขาบ้าง ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เขาไปดื่มจนเมาไม่มีสติแบบนี้ เพราะคนแบบเขาขยันทำงานจนแทบไม่มีเวลานอนอยู่แล้ว

เขาไม่พูดอะไรสักคำ แต่กลับพยักหน้าแทน เชิงอนุญาตว่าให้เธอถามเขาได้

“คนที่นายเพ้อถึง ที่ชื่อเมย์ ใช่เมยาวีที่เป็นดาวคณะฯเราหรือเปล่า” ปาณิศาถามขึ้นมาทันที เมื่อเริ่มประติดประต่อเรื่องราวขึ้นมา

เพราะเขาเอาแต่เพ้อเรียกชื่อของหญิงสาวอยู่ตลอดตอนไม่มีสติ เธอเพียงแค่อยากรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างของเขากับเธอคนนั้นเพียงแค่นั้น และสิ่งที่เธอเจอมาตลอดว่าควรจะบอกเขาดีหรือไม่ หรือว่าเธอควรจะเก็บไว้เป็นความลับต่อไป เธอเลยลองถามดูเชิงก่อน

“...พวกเราตัดสินใจต้องลองคบกัน เกือบจะได้สองปีแล้ว” ชนาวิชญ์มองหน้าเธอก่อนที่จะพยักหน้าเป็นคำยืนยัน แล้วเอ่ยบอกกับเธอออกไปตามตรง ไม่คิดที่จะปิดบังเลยว่าเขาเป็นอะไรกันกับเมยาวี เพราะเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว

“ไม่อยากจะเชื่อ!” เมื่อได้ฟังคำตอบจากเขา ปาณิศาตกใจขึ้นมาทันที เพราะไม่อยากจะเชื่อ ว่าสาวสวยดีกรีดาวคณะจะคบหาดูใจกับกันเขาจริง ๆ แต่ไม่รู้ว่าถึงขั้นไหนแล้วนั้น ก็ต้องถามจากปากเขาอีกที

“ทำไมพี่ถึงทำท่าตกใจขนาดนั้น หรือว่าพี่ไปเห็นหรือไปรู้อะไรมาอย่างนั้นเหรอ” ชนาวิชญ์ถามเธอขึ้นมาอย่างสงสัย เมื่อเห็นท่าทีของเธอที่ไม่ปกติเมื่อได้ยินคำตอบจากเขา แถมยังหลบสายตาของเขาอีกด้วย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • กรงขังรัก ซุปตาร์   6 - ชอบกลิ่นนี้

    ชอบกลิ่นนี้“ถ้าฉันพูดออกไป แล้วนายจะเชื่อในสิ่งที่ฉันพูดหรือเปล่า อีกอย่างนายจะไม่ต่อว่าไม่โกรธฉันใช่ไหม แล้วนายจะไม่คิดว่าฉันใส่ร้ายเมย์เหรอ” เธอลองถามดูเชิงขึ้นมาก่อน เพราะเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่ละเอียดอ่อนมาก เธอก็ไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายเท่าไหร่นัก“ก็ลองเล่ามาก่อนสิ” ตอนนี้เขามีท่าทีที่ดูปกติ ไม่ได้แสดงกิริยาอะไรออกมา เหมือนคนที่กำลังอกหักอยู่ก่อนหน้านั้นเลย“นายเป็นแฟนกันกับเมย์ แล้วที่นายดื่มจนเมาแทบไม่มีสติแบบนี้ ก็เพราะถูกเธอหักอกมาใช่ไหม” ปาณิศาจึงสรุปได้ทันที ว่าที่เขาเมาแทบไม่ได้สติแบบนี้คือคงจะมีปัญหากันแน่นอน ถ้าเธอคิดไม่ผิด“ทำไมพี่ถึงรู้ อาการผมมันดูออกขนาดนั้นเลยเหรอ” เขาถามเธอกลับไปทันที เมื่อเธอพูดเหมือนกับว่ารู้อะไรมาสักอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องของเขาปาณิศามีท่าทางลำบากใจขึ้นมา จึงหันไปมองหน้าเขา เมื่อเขาพยักหน้าบอกให้เธอเล่าออกมา เธอจึงจอมเล่าต่อ“คือ...ฉันเห็นแฟนนาย เอ่อ เมย์มาเที่ยวกับหนุ่มวิศวะเกือบทุกครั้งที่ฉันไปดื่มกับเพื่อนที่่นั่น” เธอจึงตัดสินใจเล่าบอกเขาต่อ ก็ในเมื่อเล่ามาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ต้องไปให้สุด“ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่พี่เจอพวกเขาอยู่ด้วย” เ

  • กรงขังรัก ซุปตาร์   5 - คนที่เพ้อถึง  

    คนที่เพ้อถึงซึ่งก็ได้ผลจริง ๆ ชนาวิชญ์ชะงักนิ่ง เมื่อได้ยินชื่อคนที่เขารู้จัก และเป็นคนที่ให้ความเมตตาเขามาตลอด ถึงแม้เป็นเวลาเพียงแค่สั้น ๆ ที่เขาได้ทำงานให้แก่บุคคลนี้ ถือว่าเขามีพระคุณคนหนึ่งของเขาเลยก็ว่าได้“ก็ใช่นะสิ” เธอเสียงยืนยันอีกที“ขอโทษครับ ผมเมามากไปหน่อย...” อาการเมาได้หายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อแน่ใจแล้วว่าคนใต้ร่างที่เขาพยายามทำรุ่มร่ามนี้เป็นใคร ก็รีบขอโทษเธอขึ้นมาทันที อย่างรู้สึกผิด“ลุกขึ้นได้แล้ว ฉันหนักหายใจไม่ออกด้วย” เธอเอ่ยบอกเขาอีกครั้ง เพราะเขายังไม่ยอมลุกขึ้นจากตัวเธอสักที ทั้งที่มีสติแล้ว“หายใจไม่ออก เดี๋ยวผมผายปอดให้นะ” แต่เขากลับแซวหยอกเธอขึ้นมาเสียอย่านั้น พร้อมกับก้มหน้าลงมาหาเธอใกล้ ๆ อีก“ไอ้วิชญ์!!!” เธอขึงตาพร้อมกับตวาดเสียงดุใส่เขา พร้อมกับรวบรวมแรงกำลังที่มี ผลักเขาออกทันที เมื่อเขาเริ่มทำรุ่มร่ามใส่เธออีก แล้วบิดเข้าไปที่สีข้างอย่างแรง“โอ้ยยย...เจ็บน่ะ” ร่างสูงร้องโอดครวญขึ้นมาทันที“เจ็บสะบ้าง จะได้สร่างเมาสักที” เธอต่อว่าเขาออกมาอย่างเหลืออด แล้วลุกขึ้นนั่งจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าที“ทำไมถึงพาผมมาที่นี่ล่ะ” ชนาวิชญ์ถามขึ้นมาอย่างแปลกใจ เมื่อ

  • กรงขังรัก ซุปตาร์   4 - เมามาย

    เมามายเธอเห็นเขาฟุบแนบลงกับโต๊ะ จึงเรียกให้พนักมาคิดบิล แล้วเธอจึงเข้าไปช่วยพยุงคนร่างสูงออกจากตรงนี้ไปยังรถของเธอที่จอดอยู่ลานจอดรถต่อ“นายเดินให้มันดี ๆ หน่อยสิวิชญ์ ฉันหนักนะ” เธอตำหนิเขาออกไปทันที เมื่อเขาเอาแต่ทิ้งน้ำหนักมาที่เธอ ตั้งแต่ที่เดินออกมาจากโต๊ะแล้ว แต่ยังไม่ถึงลานจอดรถ“จ่มได้แท้ว่ะ เมย์...” (บ่นได้จริง ๆ เลย เมย์...) คนเมาเอ่ยออกมาเป็นภาษาบ้านเกิดด้วยความหงุดหงิดเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ แถมยังเปล่งเรียกชื่อหญิงสาวอีกคนออกมาอีก เมื่อเห็นว่าคนที่ช่วยพยุงร่างของเขานั้นคือผู้หญิง“ช่วยพูดภาษาที่ฉันฟังออกด้วย แล้วฉันก็ไม่ใช่เมย์ของนาย ฉันปลาไง...” เธอตอกกลับทันทีอย่างเหลืออด เมื่อได้ยินเขาเอ่ยชื่ออีกคนออกมา“ปลา ปลาอีหยังละ...ปลาแข่ง ปลาคอ หรือปลาปักเป้า” (ปลา ปลาอะไรละ...ปลาหมอ ปลาช่อน หรือปลาปักเป้า) ไม่เพียงแค่ปากที่ยังคงพูดออกมา มือยังยกขึ้นมาขยี้แก้มของเธออีกด้วย“โอ้ยยย เมาแล้วยังจะกวนตีนอีกนะ ไอ้วิชญ์!” เธอต่อว่าออกมาอย่างเหลืออด แล้วกัดฟันฝืนพาเขาขึ้นรถของเธออย่างทุลักทุเล เพราะเขานั้นตัวใหญ่และสูงกว่าเธอ จากนั้นจึงรีบเดินไปทางฝั่งคนขับทันที“ฮู้จักซื่อบักวิดพ้อม..

  • กรงขังรัก ซุปตาร์   3 - โดนสวมเขา

    โดนสวมเขา เขากลับมาถึงที่ห้องพักของเขาในเวลาสองทุ่มกว่า ๆ แต่ก็ไม่พบเธอแล้ว นั่นแสดงว่าเธอคงกลับคอนโดฯของเธอไปแล้ว เขาจึงขี่รถมอเตอร์ไซค์คู่ใจตรงไปยังคอนโดฯเธอทันที เขาไม่ได้บอกว่าจะไปหาเธอ เพราะตั้งใจจะไปง้อ และอยากเซอร์ไพรส์เธอด้วยเขาสามารถเข้าหรือออกคอนโดฯของเธอได้ทุกเมื่อทุกเวลา เพราะเธอนั้นให้คีย์การ์ดไว้ที่เขาด้วย เผื่อว่าเขาอยากไปหาเธอตอนไหนจะได้สะดวก“อ๊ะ พี่เจ แรง ๆ ค่ะ เเรงกว่านี้อีก เมย์ชอบแรง ๆ”“อ่าสสส ได้เลยยัยร่าน ไอ้แฟนเด็กของเธอมันทำไมถึงใจเหรอ เธอถึงเรียกใช้งานฉันอยู่ตลอดเลย”“อยู่กันสองคน อย่าเอ่ยถึงคนอื่นสิคะ พี่มีหน้าที่ทำให้เมย์มีความสุขก็พอแล้ว...”“ได้เลย...อ่า เธอนี่แม่งโคตรเด็ดเลย”เพี๊ยะ!ชนาวิชญ์ไม่อาจยืนดูภาพชายหญิงร่วมรักกันอย่างเร้าร้อนแบบชนิดที่ดุเดือด ภายในห้องนอนที่ประตูไม่ได้ปิดเอาไว้ได้ เขาจึงเดินมานั่งรออยู่ที่โซฟากลางห้อง เผื่อที่จะได้คุยกันให้รู้เรื่องไปเลยเขานั่งรออย่างใจเย็น ใบหน้าคมขบกรามแน่น มือกำหมัดด้วยความเคียดแค้น เขารู้ตัวดีว่าไม่เคยให้ความสุขกับเธอได้ แต่เขาไม่คิดว่าเธอจะสวมเขาแบบนี้...เมื่อศึกรักจบลง เมยาวีเดินออกมาข้างนอกห้อง บนกา

  • กรงขังรัก ซุปตาร์   2 - แฟนคนแรก

    แฟนคนแรกหนึ่งปีต่อมาจนเวลาล่วงเลยมาเขาขึ้นปีที่สอง อายุถึงยี่สิบปีเขาสามารถเข้าสถานบันเทิงได้แล้ว จึงไปรับงานพาร์ทไทม์ และย้ายออกมาเช่าห้องพักอยู่นอกมหาวิทยาลัยแทน เพื่อที่จะสะดวกต่อการไปทำงาน และอีกอย่างตอนนี้ลุงหมานและป้าสะใภ้ย้ายกลับไปอยู่บ้านเกิดแล้ว เพราะมีอายุที่เพิ่มขึ้น และสู้ค่าครองชีพไม่ไหว“วิชญ์ พักที่ไหนเหรอ” เสียงหวานของร่างบอบบางที่เดินมาตามหลังถามเขาขึ้นมาทันทีเมยาวี หรือ เมย์ หญิงสาวคณะนิเทศศาสตร์ชั้นปีที่สาม รุ่นพี่ที่คณะและควบตำแหน่งของดาวคณะไปด้วยเพราะความสวยที่ไม่มีใครเทียบติด“รู้จักชื่อผมด้วยหรือครับ” ชนาวิชญ์มองหญิงสาวอย่างพิจารณา แล้วถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจ เพราะส่วนน้อยนักที่จะมีคนเข้ามาทักเขา และเขาแทบจะไม่มีเพื่อนเลย เพราะไม่ค่อยมีเวลาเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ แต่หญิงสาวรุ่นพี่ดีกรีดาวคณะคนนี้กลับเข้ามาทัก แถมยังรู้จักชื่อเขาอีก“รู้จักสิ ฉันเมย์ปีสามไง ไม่รู้จักเหรอ เหมือนเราจะอยู่คณะเดียวกันนะถ้าจำไม่ผิด”“ผมรู้จักพี่ดีครับ ดาวคณะใครจะไม่รู้จัก”“เรียกเมย์ก็พอแล้วมั้ง ไม่ต้องเรียกพี่หรอก แล้วนี่จะไปไหน เห็นนายรีบกลับเร็วกว่าคนอื่น ๆ ทุกวันเลย”“ต้องรีบไปทำง

  • กรงขังรัก ซุปตาร์   1 - หนุ่มบ้านนา

    หนุ่มบ้านนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(ภาคอีสาน)ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือที่ขนานเรียกกันติดปากว่า ‘ภาคอีสาน’ นั่นเอง ในพื้นที่ของถิ่นทุรกันดารห่างไกลความเจริญ เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในชนบท ปลายฤดูหนาว มีเพียงฝูงวัวควาย ที่ชาวบ้านต่างนำออกมาเลี้ยงที่กลางทุ่งนา เพราะเป็นช่วงที่ชาวนาเก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จแล้วบ้างก็ขุดปูหาปลาตามหนองน้ำ และน้ำที่พอยังขอดอยู่ตามซอกหลุมเล็ก ๆ (ปลาข่อน) เพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องให้มีชีวิตรอดไปในแต่ละวัน ส่วนคนหนุ่มสาวนั้น ส่วนใหญ่ต่างก็มุ่งหน้าสู่เมืองกรุงกัน เพื่อหางานทำเลี้ยงชีพต่อไป...“บักหล่า แน่ใจแล้วบ้อลูก ว่าสิไปเรียนต่อกรุงเทพฯอีหลี” (ลูกแน่ใจแล้วใช่ไหม ที่จะไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯจริง ๆ) เสียงหญิงวัยสี่สิบปีเอ่ยถาม เมื่อลูกชายในวัยเพียงสิบแปดปี ซึ่งเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวในบ้าน และเป็นลูกชายคนโต ยื่นรายชื่อนักศึกษาใหม่ที่ลูกชายสอบติดมาให้ดูคำนาง หญิงวัย 40 ปี ตอนนี้กลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เมื่อผู้เป็นสามีที่เป็นเสาหลักของครอบครัว เสียชีวิตไปเมื่อ 5 ปีก่อนด้วยอุบัติเหตุ นับจากนั้นมาคำนางจึงทำหน้าที่ทั้งพ่อและแม่ให้แก่ลูก ๆ ทั้งสอง และผ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status