เอวาเดินออกมาจากห้องแต่งตัวด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง เธอเดินไปตามทางเดินที่ประดับด้วยโคมไฟระยิบระยับ สองข้างทางเป็นห้องวีไอพีปิดทึบ แต่ละห้องถูกกั้นด้วยประตูไม้เนื้อดีบานใหญ่ เสียงดนตรีและเสียงหัวเราะจากภายในเล็ดลอดออกมาเบา ๆ เธอหยุดอยู่หน้าประตูห้อง VIP A หัวใจเต้นระรัวราวกลองศึก มือที่สั่นเทาค่อย ๆ เอื้อมไปบิดลูกบิดประตูโลหะเย็นเฉียบ
เมื่อเปิดประตูเข้าไป ภาพแรกที่เห็นคือแสงไฟสลัว ๆ ที่มาจากโคมไฟดีไซน์หรูเหนือโต๊ะกลมขนาดใหญ่กลางห้อง บนโต๊ะเต็มไปด้วยขวดเหล้าราคาสูงลิ่ว และแก้วคริสตัลระยิบระยับ ชายหนุ่มที่เธอเพิ่งชนเมื่อครู่ ดิน หัสดิน เดทาวิรักษ์ กำลังนั่งอยู่บนโซฟาหนังสีดำตัวใหญ่กลางห้อง รอบกายเขาคือบอดี้การ์ดสองคนที่ยืนนิ่งราวรูปปั้น และชายฉกรรจ์อีกสองสามคนซึ่งน่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้องของเขา ทุกสายตาจับจ้องมาที่เธอในทันทีที่เธอก้าวเข้ามาในห้อง ความรู้สึกกดดันถาโถมเข้าใส่เอวาอย่างจัง เธอสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตบางอย่างที่แผ่ออกมาจากตัวชายหนุ่มคนนั้น เขากำลังจ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นเยียบเหมือนเดิม ไม่มีแววความรู้สึกใด ๆ ปรากฏในดวงตาคมคู่นั้นเลยแม้แต่น้อย "สวัสดีค่ะ ดิฉันเอวาค่ะ ยินดีที่ได้ดูแลคุณในค่ำคืนนี้นะคะ" เอวาพยายามฉีกยิ้มให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ภายในใจจะรู้สึกประหม่าและหวาดกลัวจนแทบจะยืนไม่ไหว ดินไม่ตอบ เขาเพียงแค่ยกแก้วเหล้าขึ้นจรดริมฝีปาก สายตาคมกริบยังคงจับจ้องอยู่ที่เธอราวกับกำลังสำรวจสิ่งของบางอย่าง เอวาพยายามสงบสติอารมณ์ เธอรู้ดีว่าหน้าที่ของเธอคือการทำให้ลูกค้าพอใจ เพื่อให้ได้ทิปก้อนใหญ่มาช่วยแม่ "คุณดินอยากให้เอวาชงเหล้าแบบไหนดีคะ หรืออยากให้เอวาแนะนำอะไรไหมคะ" เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พยายามไม่ให้มือที่กำลังสั่นนั้นไปโดนขวดเหล้าที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ ดินวางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะเบา ๆ เกิดเสียงกระทบกันเบา ๆ แต่ก็ดังพอที่จะทำให้เอวาสะดุ้งเล็กน้อย ดวงตาคู่คมจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของเธอ ราวกับกำลังพยายามเจาะทะลุเข้าไปในจิตใจ "เธอ...ชื่อเอวาอย่างนั้นเหรอ?" เสียงทุ้มต่ำของเขาดุจสายน้ำแข็งที่ไหลผ่านโขดหิน มันเย็นเยียบและเต็มไปด้วยอำนาจที่ยากจะต้านทาน "ค่ะ ชื่อเอวาค่ะ" เอวาตอบรับ พยายามรักษาใบหน้าให้ดูเป็นปกติที่สุด "อายุเท่าไหร่?" "21 ปีค่ะ" "นักศึกษา?" "ค่ะ" เอวาพยักหน้าเล็กน้อย ดินเงียบไปครู่หนึ่ง เขายกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้มีความสุขเลยแม้แต่น้อย หากแต่เต็มไปด้วยเลศนัยและอันตราย "มาทำงานแบบนี้...ได้เงินเยอะขนาดไหนเชียว?" คำถามของเขาจี้ใจดำอย่างจัง ทำให้เอวารู้สึกชาไปทั้งร่าง เธอพยายามยิ้มตอบ "ก็...พอจะช่วยแบ่งเบาภาระได้บ้างค่ะ" เธอไม่กล้าสบตาเขาตรง ๆ เลยแม้แต่น้อย "แค่แบ่งเบาภาระ?" น้ำเสียงของเขายังคงราบเรียบ หากแต่กลับมีน้ำหนักที่น่าขนลุก "ดูจากสภาพของเธอแล้ว ฉันว่าคงไม่พอให้แม่เธอรอดหรอกมั้ง" คำพูดของเขาเหมือนคมมีดที่กรีดแทงลงบนแผลสดของเธอ เอวารู้สึกเหมือนเลือดในกายเย็นเฉียบลงไปในทันที เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขาด้วยความตกใจปนโกรธระคนเสียใจ เขาไปรู้เรื่องแม่ของเธอได้อย่างไร? "คุณ...คุณรู้เรื่องแม่ของฉันได้ยังไงคะ!" เอวาเผลอขึ้นเสียงเล็กน้อย แต่ก็รีบหรี่เสียงลงเพราะรู้สึกตัวว่าไม่ควรแสดงอารมณ์กับลูกค้า ดินยังคงรักษารอยยิ้มอันน่าสะพรึงกลัวบนใบหน้า "เรื่องอะไรที่ฉันอยากรู้...ก็ไม่มีอะไรที่ฉันจะไม่รู้" เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ร่างกายกำยำเคลื่อนเข้ามาใกล้เธอช้า ๆ จนเอวารู้สึกได้ถึงไอเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาจากตัวเขา "ฉัน...ฉันไม่เข้าใจที่คุณพูดค่ะ" เอวาถอยหลังไปก้าวหนึ่งโดยไม่รู้ตัว ดินไม่สนใจคำพูดของเธอ เขาก้าวเข้ามาประชิดตัวเธอจนเกือบจะชิด ดวงตาคมกริบจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอราวกับจะสะกดจิต "เธออยากให้แม่เธอรอดชีวิตใช่ไหมเอวา?" คำถามของเขาไม่ใช่คำถาม แต่เป็นการยื่นข้อเสนอที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้ "ถ้าเธอต้องการให้แม่เธอมีชีวิตอยู่...ฉันมีข้อเสนอให้เธอ" เอวากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เธอมองเข้าไปในดวงตาของเขา พยายามหาแววล้อเล่นแต่ก็ไม่พบเจออะไรนอกจากความจริงจังและอำนาจ "ข้อเสนอ...อะไรคะ" เสียงของเธอสั่นเครือจนแทบจะไม่ได้ยิน "ง่าย ๆ เลย...เธอมาเป็นผู้หญิงของฉัน" เอวานิ่งอึ้งไปชั่วขณะ สมองของเธอประมวลผลคำพูดของเขาอย่างยากลำบาก "หมายความว่า...คุณต้องการให้ฉันเป็นเด็กเลี้ยงของคุณอย่างนั้นเหรอคะ" เธอพยายามตีความให้มันดูดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ดินหัวเราะในลำคอเบา ๆ เสียงหัวเราะที่แหบพร่าและเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน "เด็กเลี้ยง? เธอคิดว่าฉันจะใช้เงินมากขนาดนั้นเพื่อจ้างเด็กเลี้ยงรึไงเอวา" เขาเว้นจังหวะก่อนจะพูดประโยคต่อมาด้วยน้ำเสียงที่ทำให้เส้นเลือดในกายของเอวาหยุดไหล "ฉันต้องการให้เธอ มาเป็นของฉัน ทุกอย่างที่เป็นของเธอ จะเป็นของฉันทั้งหมด แลกกับการที่แม่ของเธอจะมีชีวิตรอด" ประโยคนั้นดังก้องอยู่ในโสตประสาทของเอวา เธอรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดลงกลางกบาล เลือดในกายของเธอเดือดพล่านด้วยความโกรธปนความตกใจ เธอนึกไม่ถึงว่าชายหนุ่มที่ดูดีมีระดับคนนี้จะกล้าพูดจาดูถูกเธอถึงเพียงนี้ "คุณพูดอะไรของคุณคะ! ฉันไม่เข้าใจ! คุณมันบ้าไปแล้ว!" เอวารีบถอยหลังห่างจากเขาอีกสองก้าว ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ ดินไม่สะทกสะท้านกับท่าทีของเธอ เขายังคงรักษารอยยิ้มเหยียดหยันบนใบหน้า "บ้าเหรอ? หรือเธอต่างหากที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองเอวา" เขาหรี่ตาลง มองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า "เธอกำลังจะจมน้ำตายอยู่แล้วนะ ถ้าไม่ได้ฉันช่วยไว้ แม่ของเธอก็จะตาย" "ไม่จริง! ฉันไม่เชื่อ! ฉันสามารถหาเงินรักษาแม่ของฉันได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของฉันเอง!" เอวาพยายามปฏิเสธ แต่เสียงของเธอสั่นจนเธอเองก็รู้สึกได้ว่ามันไม่หนักแน่นพอ "น้ำพักน้ำแรงของเธอ? ด้วยการมาเป็นเด็กนั่งดริ้งในบาร์แบบนี้เนี่ยนะ?" ดินยิ้มเยาะ "เธอคิดว่าค่าตัวของเธอจะมีราคามากพอที่จะซื้อชีวิตแม่ของเธอได้งั้นเหรอ?" คำพูดของเขาเหมือนน้ำกรดที่สาดเข้าใส่ใบหน้าของเธอ เอวารู้สึกเจ็บแสบไปทั้งกาย เธอไม่เคยคิดว่าตัวเองจะถูกดูถูกเหยียดหยามได้ถึงเพียงนี้ "คุณ...คุณมันเลวทรามที่สุด!" เอวากัดฟันพูด พยายามระงับอารมณ์โกรธที่กำลังคุกรุ่น ดินไม่สะท้าน เขายกมือขึ้นปัดเส้นผมที่ตกลงมาปรกหน้าผากอย่างไม่ใส่ใจ "จะเลวจะดี เธอไม่มีทางเลือกหรอกเอวา" เขาเดินวนรอบตัวเธอช้า ๆ เหมือนนักล่าที่กำลังต้อนเหยื่อ "ฉันรู้ว่าแม่เธออยู่ที่โรงพยาบาลไหน หมอคนไหนดูแลอยู่ และมีหนี้สินเท่าไหร่ ค่ารักษาพยาบาลต่อเดือนเท่าไหร่ ค่าห้อง ค่าผ่าตัด ค่าคีโม...ทุกอย่าง" เอวารู้สึกเหมือนถูกแทงเข้ากลางอกเมื่อได้ยินรายละเอียดที่เขารู้ เธอกำหมัดแน่นพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้กระโจนเข้าใส่เขา "ทั้งหมดที่ฉันพูดมา...ไม่มีอะไรที่ผิดพลาดใช่ไหมเอวา" ดินหยุดยืนตรงหน้าเธออีกครั้ง ดวงตาคมกริบจ้องลึกเข้ามาในดวงตาที่กำลังสั่นระริกของเธอ "เธอมีทางเลือกเดียว...คือยอมเป็นของฉัน หรือปล่อยให้แม่ของเธอตาย" มันคือทางเลือกที่โหดร้ายที่สุดเท่าที่เธอเคยได้รับมาในชีวิต สิ่งหนึ่งคือศักดิ์ศรีและความเป็นอิสระ อีกสิ่งหนึ่งคือชีวิตของผู้เป็นแม่ผู้ที่เธอรักที่สุด "ไม่! ฉันไม่มีวันยอมเป็นของคุณเด็ดขาด!" เอวาประกาศกร้าว แม้เสียงจะสั่นพร่าแต่แววตาของเธอกลับฉายชัดถึงความเด็ดเดี่ยว ไม่ยอมแพ้ "ถึงแม้ฉันจะหาเงินไม่ได้มากพอ ถึงแม้ฉันจะไม่มีทางเลือกอื่น แต่ฉันก็ไม่มีวันยอมแลกศักดิ์ศรีของฉันกับใครหน้าไหนทั้งนั้น!" ดินเลิกคิ้วเล็กน้อย ราวกับไม่คิดว่าเธอจะกล้าปฏิเสธเขาตรงๆ ใบหน้าคมคายของเขาปรากฏรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความหยันเล็กน้อย "โอ้? กล้าปฏิเสธฉันอย่างนั้นเหรอ? เธอก็แค่เด็กสาวที่ไร้เดียงสาที่คิดว่าตัวเองจะสามารถต่อกรกับโลกภายนอกได้ด้วยลำพังตัวเอง เธอไม่รู้เลยว่าฉันจะทำอะไรกับชีวิตเธอได้บ้าง" "ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ฉันก็ไม่กลัว!" เอวาตอบกลับอย่างไม่ลดละ "ฉันไม่ยอมขายตัวเพื่อเงินเด็ดขาด! แม่ของฉันจะไม่มีวันภูมิใจในตัวลูกสาวที่ทำเรื่องแบบนั้น!" ดินหัวเราะในลำคอ เสียงหัวเราะที่ฟังดูเย็นชาและน่ากลัว "ความภูมิใจของแม่? เธอเอาอะไรมาแลกกับชีวิตของแม่เธอได้บ้างเอวา? เธอจะเอาความภูมิใจจอมปลอมนั่นไปซื้อยาให้แม่เธอได้งั้นรึไง?" คำพูดของเขาทำให้เอวารู้สึกเหมือนถูกตบหน้าอย่างแรง เธอพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ยืนตัวแข็งด้วยความเจ็บปวดและสิ้นหวัง "ฉันไม่มีเวลามาเล่นเกมกับเธอหรอกนะเอวา" ดินเดินกลับไปนั่งลงบนโซฟาอย่างสบายอารมณ์ เขายกแก้วเหล้าขึ้นจิบอย่างไม่รีบร้อน สายตาคมกริบยังคงจับจ้องอยู่ที่เธอราวกับจะทะลุปรุโปร่ง "ฉันให้โอกาสเธอตัดสินใจ...ในอีกยี่สิบสี่ชั่วโมงนับจากนี้ ถ้าเธอไม่มาหาฉันที่นี่พรุ่งนี้ตอนบ่ายสองโมง...แม่ของเธอจะตาย" เอวานิ่งอึ้งไปในทันที ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจสุดขีดกับคำข่มขู่ที่เขาเอ่ยออกมา มือของเธอสั่นระริกจนแทบจะควบคุมไม่ได้ "คุณ...คุณหมายความว่ายังไง!" เธอถามเสียงแผ่ว พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้เสียงสั่น ดินวางแก้วลงบนโต๊ะก่อนจะยิ้มเย็น "ก็อย่างที่ฉันพูดนั่นแหละ ฉันรู้ข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับแม่ของเธอ ทุกขั้นตอนการรักษา และทุกสิ่งที่เกี่ยวข้อง ถ้าเธอไม่ยอมรับข้อเสนอของฉัน...รับรองได้เลยว่าการรักษาของแม่เธอจะหยุดชะงักลงทันที จะไม่มีใครให้ความช่วยเหลือแม่เธออีกต่อไป และเธอจะได้เห็นแม่เธอค่อยๆ ตายไปต่อหน้าต่อตาอย่างช้าๆ" เขาลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แล้วเดินเข้ามาใกล้เธอช้าๆ จนร่างของเขาบดบังแสงไฟด้านหลัง ทำให้เงาของเขาดูใหญ่โตและน่ากลัว "คิดให้ดีนะเอวา...ศักดิ์ศรีจอมปลอมกับการที่แม่เธอต้องตาย...อะไรสำคัญกว่ากัน" ดินเอื้อมมือขึ้นมาเชยคางเธอเบาๆ บังคับให้เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขา "ฉันไม่ได้ขอให้เธอรักฉัน ฉันแค่ต้องการให้เธอเป็นของฉัน แลกกับชีวิตของแม่เธอ" เอวารู้สึกเหมือนถูกแช่แข็งอยู่ในความกลัว เธอจ้องมองดวงตาคมกริบของเขาอย่างไม่กะพริบ เธอเห็นความจริงจังและอำมหิตอยู่ในนั้น ไม่ใช่การข่มขู่ แต่เป็นคำประกาศิตที่เขาจะทำจริง "ฉัน...ฉันให้เวลาเธอคิด" ดินผละมือออกอย่างช้าๆ ก่อนจะเดินไปหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลหนาปึกจากโต๊ะ แล้วยื่นให้เธอ "ในนี้คือข้อมูลของแม่เธอทั้งหมด รวมถึงโรงพยาบาลที่รักษาอยู่ และเบอร์โทรศัพท์ของฉัน" เอวารับซองเอกสารมาด้วยมือที่สั่นเทา เธอรู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่โหนกแก้ม น้ำตาเอ่อคลอเบ้า แต่เธอพยายามกลั้นไว้สุดชีวิต "พรุ่งนี้บ่ายสอง...ฉันรอเธอ" ดินพูดเสียงเรียบๆ ก่อนจะเดินผ่านเธอออกไปจากห้องพร้อมกับบอดี้การ์ดและลูกน้อง ทิ้งให้เอวายืนนิ่งอยู่กลางห้องเพียงลำพัง ห้อง VIP A กลับสู่ความเงียบงัน มีเพียงเสียงหัวใจที่เต้นระรัวราวกลองศึกในอกของเอวา เธอทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องอย่างหมดแรง ซองเอกสารในมือถูกบีบขยำจนยับยู่ยี่ น้ำตาที่กลั้นไว้มานานพรั่งพรูออกมาอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้ "ไม่จริง...นี่มันไม่จริง!" เธอพร่ำบอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า "ทำไม...ทำไมฉันต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วย!" มันคือฝันร้ายที่สุดในชีวิตของเธอ ทางเลือกที่เลวร้ายที่สุด ศักดิ์ศรีที่เธอหวงแหน กำลังถูกกดทับด้วยชีวิตของแม่ผู้เป็นที่รักที่สุด เธอจะทำอย่างไรในเมื่อถูก มาเฟียร้าย คนนี้ต้อนจนมุมอย่างนี้ ไม่มีทางหนี ไม่มีทางรอด ราวกับเธอถูกจับขังอยู่ใน "กรงเลี้ยง" ที่ไร้ซึ่งทางออกยี่สิบสี่ชั่วโมง...คำว่ายี่สิบสี่ชั่วโมงดังก้องอยู่ในหัวของเอวาซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันคือเส้นตายที่กำหนดชีวิตของแม่และศักดิ์ศรีของเธอเองเอวาใช้เวลาตลอดคืนนั้นในความมืดมิดของห้องเช่าเล็ก ๆ ที่แสนจะคับแคบ เธอไม่ได้หลับ ไม่ได้พักผ่อน มีเพียงแสงจันทร์สลัว ๆ ที่เล็ดรอดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาเป็นเพื่อน เธอเปิดซองเอกสารที่ดินยื่นให้เมื่อคืนนี้อย่างช้า ๆ มือยังคงสั่นเทาเมื่อหยิบแผ่นกระดาษออกมา รายละเอียดค่าใช้จ่ายทุกบาททุกสตางค์ของแม่เธอถูกระบุไว้ชัดเจน พร้อมกับประโยคที่ว่า "ชำระแล้ว" และตราประทับของโรงพยาบาล สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือในซองนั้นยังมีรูปถ่ายของแม่เธอกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงคนไข้ และตารางการรักษาที่ดินได้มาจากที่ไหนสักแห่ง มันเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าเขาไม่ได้พูดเล่น"ฉันรู้ว่าแม่เธออยู่ที่โรงพยาบาลไหน หมอคนไหนดูแลอยู่ และมีหนี้สินเท่าไหร่ ค่ารักษาพยาบาลต่อเดือนเท่าไหร่ ค่าห้อง ค่าผ่าตัด ค่าคีโม...ทุกอย่าง" เสียงของดินยังคงดังก้องในโสตประสาทของเธอเอวากำรูปถ่ายของแม่ไว้แน่น น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงหล่นลงบนภาพนั้น ความรู้สึกผิดถาโถมเข้าใส่ เธอคือลูกคนเดียว และในสถานการณ์เช่นนี้ เธอคือความห
เอวาเดินออกมาจากห้องแต่งตัวด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง เธอเดินไปตามทางเดินที่ประดับด้วยโคมไฟระยิบระยับ สองข้างทางเป็นห้องวีไอพีปิดทึบ แต่ละห้องถูกกั้นด้วยประตูไม้เนื้อดีบานใหญ่ เสียงดนตรีและเสียงหัวเราะจากภายในเล็ดลอดออกมาเบา ๆ เธอหยุดอยู่หน้าประตูห้อง VIP A หัวใจเต้นระรัวราวกลองศึก มือที่สั่นเทาค่อย ๆ เอื้อมไปบิดลูกบิดประตูโลหะเย็นเฉียบเมื่อเปิดประตูเข้าไป ภาพแรกที่เห็นคือแสงไฟสลัว ๆ ที่มาจากโคมไฟดีไซน์หรูเหนือโต๊ะกลมขนาดใหญ่กลางห้อง บนโต๊ะเต็มไปด้วยขวดเหล้าราคาสูงลิ่ว และแก้วคริสตัลระยิบระยับชายหนุ่มที่เธอเพิ่งชนเมื่อครู่ ดิน หัสดิน เดทาวิรักษ์ กำลังนั่งอยู่บนโซฟาหนังสีดำตัวใหญ่กลางห้อง รอบกายเขาคือบอดี้การ์ดสองคนที่ยืนนิ่งราวรูปปั้น และชายฉกรรจ์อีกสองสามคนซึ่งน่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้องของเขา ทุกสายตาจับจ้องมาที่เธอในทันทีที่เธอก้าวเข้ามาในห้องความรู้สึกกดดันถาโถมเข้าใส่เอวาอย่างจัง เธอสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตบางอย่างที่แผ่ออกมาจากตัวชายหนุ่มคนนั้น เขากำลังจ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นเยียบเหมือนเดิม ไม่มีแววความรู้สึกใด ๆ ปรากฏในดวงตาคมคู่นั้นเลยแม้แต่น้อย"สวัสดีค่ะ ดิฉันเอวาค่ะ
แสงสีนีออนสลัวยามค่ำคืนของมหานครดูจะไม่ได้งดงามสำหรับทุกคน โดยเฉพาะกับ เอวา ชนิตรา ชัญญา หญิงสาวผู้แบกรับความหนักอึ้งของโชคชะตาไว้เต็มสองบ่า ในวัย 21 ปี ปีสุดท้ายของการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 4 ที่ควรจะเต็มไปด้วยความสดใสและอนาคตที่รออยู่ตรงหน้า กลับกลายเป็นช่วงเวลาแห่งความมืดมิดและสิ้นหวังเรือนผมสีน้ำตาลเข้มสลวยยาวเคลียหลังถูกรวบขึ้นอย่างลวก ๆ ดวงตาคู่โตสีน้ำผึ้งฉายแววเหนื่อยล้า หากแต่ก็ยังคงความงดงามจับใจ ริมฝีปากอิ่มสีระเรื่อเผยอออกอย่างแผ่วเบาเมื่อเธอพ่นลมหายใจทิ้ง ความสวยของเธอเป็นที่ประจักษ์จนได้รับตำแหน่ง ดาวคณะ มาครอง แต่ภายใต้ความงามนั้น ซ่อนความทุกข์ระทมที่คนภายนอกไม่อาจล่วงรู้เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวสะอาดตาที่เธอสวมใส่วันนี้ดูจะธรรมดาเกินไปสำหรับสถานที่ที่กำลังจะก้าวเข้าไป แต่ก็เป็นชุดเดียวที่เธอสามารถสวมใส่ได้โดยไม่รู้สึกขัดเขินยามเดินผ่านประตูเหล็กดัดขนาดใหญ่ของ "เดอะ ลาเท็กซ์" บาร์หรูระดับห้าดาวใจกลางเมือง ที่แห่งนี้เป็นที่รวมตัวของเหล่าผู้มีอิทธิพลและกระเป๋าหนัก บรรยากาศภายในอบอวลไปด้วยกลิ่นควันบุหรี่เคล้ากลิ่นน้ำหอมราคาแพง เสียงเพลงแจ๊สคลอเบา ๆ และเสียงหัวเราะคิ