ยี่สิบสี่ชั่วโมง...คำว่ายี่สิบสี่ชั่วโมงดังก้องอยู่ในหัวของเอวาซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันคือเส้นตายที่กำหนดชีวิตของแม่และศักดิ์ศรีของเธอเอง
เอวาใช้เวลาตลอดคืนนั้นในความมืดมิดของห้องเช่าเล็ก ๆ ที่แสนจะคับแคบ เธอไม่ได้หลับ ไม่ได้พักผ่อน มีเพียงแสงจันทร์สลัว ๆ ที่เล็ดรอดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาเป็นเพื่อน เธอเปิดซองเอกสารที่ดินยื่นให้เมื่อคืนนี้อย่างช้า ๆ มือยังคงสั่นเทาเมื่อหยิบแผ่นกระดาษออกมา รายละเอียดค่าใช้จ่ายทุกบาททุกสตางค์ของแม่เธอถูกระบุไว้ชัดเจน พร้อมกับประโยคที่ว่า "ชำระแล้ว" และตราประทับของโรงพยาบาล สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือในซองนั้นยังมีรูปถ่ายของแม่เธอกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงคนไข้ และตารางการรักษาที่ดินได้มาจากที่ไหนสักแห่ง มันเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าเขาไม่ได้พูดเล่น "ฉันรู้ว่าแม่เธออยู่ที่โรงพยาบาลไหน หมอคนไหนดูแลอยู่ และมีหนี้สินเท่าไหร่ ค่ารักษาพยาบาลต่อเดือนเท่าไหร่ ค่าห้อง ค่าผ่าตัด ค่าคีโม...ทุกอย่าง" เสียงของดินยังคงดังก้องในโสตประสาทของเธอ เอวากำรูปถ่ายของแม่ไว้แน่น น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงหล่นลงบนภาพนั้น ความรู้สึกผิดถาโถมเข้าใส่ เธอคือลูกคนเดียว และในสถานการณ์เช่นนี้ เธอคือความหวังเดียวของแม่ "แม่...เอวาจะทำยังไงดีคะ" เธอพึมพำกับตัวเอง เสียงแหบพร่าด้วยความเจ็บปวด ศักดิ์ศรีของเธอ...ที่เคยภาคภูมิใจมาตลอดชีวิต กำลังถูกบดขยี้ด้วยอำนาจมืดของชายที่ชื่อหัสดิน เดทาวิรักษ์ เธอไม่เคยคิดฝันว่าจะมีวันที่ต้องมาเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายถึงเพียงนี้ การยอมเป็นผู้หญิงของใครสักคนเพื่อแลกกับเงินทองนั้นเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจที่สุดในความคิดของเธอ แต่ถ้าไม่ทำ...แม่ของเธอจะต้องตาย เธอหลับตาลง พยายามคิดหาทางออกอื่น ๆ แต่ไม่ว่าจะคิดเท่าไหร่ก็ไม่มีทางใดที่จะหาเงินจำนวนมหาศาลมาได้ทันเวลา เธอพยายามโทรหาเพื่อนสนิท ขอความช่วยเหลือจากอาจารย์ แต่ทุกคนต่างก็มีข้อจำกัดและไม่มีใครสามารถหยิบยื่นความช่วยเหลือที่เพียงพอได้เลยแม้แต่น้อย "พรุ่งนี้บ่ายสอง...ฉันรอเธอ" คำพูดสุดท้ายของดินยังคงวนเวียนอยู่ในหัว เมื่อแสงแรกของวันใหม่สาดส่องเข้ามา เอวารู้สึกเหมือนไม่เหลือเรี่ยวแรงใด ๆ แล้ว ดวงตาบวมช้ำจากการร้องไห้ตลอดคืน ร่างกายอ่อนล้าแต่จิตใจกลับสับสนว้าวุ่น เธอเดินไปนั่งข้างเตียงของแม่ที่โรงพยาบาล มือเย็นเฉียบของเธอสัมผัสลงบนมือที่ผอมซูบของแม่ "คุณหมอบอกว่าอาการของแม่ดีขึ้นมากเลยนะครับ ถ้าได้รับยาและทำคีโมอย่างต่อเนื่อง ก็มีโอกาสหายสูงครับ" เสียงของคุณหมอดังก้องอยู่ในหูของเธอเมื่อวานนี้ "ถ้าเธอไม่ยอมรับข้อเสนอของฉัน...รับรองได้เลยว่าการรักษาของแม่เธอจะหยุดชะงักลงทันที จะไม่มีใครให้ความช่วยเหลือแม่เธออีกต่อไป และเธอจะได้เห็นแม่เธอค่อยๆ ตายไปต่อหน้าต่อตาอย่างช้าๆ" คำข่มขู่ของดินตอกย้ำความจริงที่โหดร้าย เอวานั่งเฝ้าแม่จนเกือบเที่ยงวัน ก่อนจะตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต เธอหันไปมองหน้าแม่ที่หลับใหลอย่างอ่อนโยน ความรักที่เธอมีให้แม่นั้นยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใด มันใหญ่ยิ่งกว่าศักดิ์ศรีของเธอเอง "แม่คะ...หนูขอโทษนะคะที่ต้องทำแบบนี้" เธอพึมพำ น้ำตาไหลอาบแก้ม "แต่หนูไม่มีทางเลือก...แม่ต้องรอดนะคะ" เธอลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ เดินออกจากห้องพักผู้ป่วยไปอย่างเงียบเชียบ ราวกับว่าไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอเพิ่งตัดสินใจที่จะก้าวเดินไปในทางที่มืดมิดที่สุดในชีวิต เธอหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าขึ้นมาดูเวลา เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ก่อนที่ทุกอย่างจะถูกตัดสิน เธอเดินไปตามท้องถนนด้วยความรู้สึกว่างเปล่า ชุดนักศึกษาที่เคยสวมใส่ด้วยความภาคภูมิใจ บัดนี้กลับดูหนักอึ้งราวกับโซ่ตรวนที่ล่ามเธอไว้ เธอเห็นนักศึกษาคนอื่น ๆ เดินจับกลุ่มหัวเราะอย่างมีความสุข บางคนกำลังรีบไปเรียน บางคนกำลังนั่งอ่านหนังสือในร้านกาแฟภาพเหล่านั้นยิ่งทำให้เธอเจ็บปวด เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตเช่นพวกเขาอีกต่อไปแล้ว ความตั้งใจที่จะเรียนให้จบ เพื่อหางานดี ๆ มาดูแลแม่ ดูเหมือนจะกลายเป็นความฝันที่ไกลเกินเอื้อมทันใดนั้น...ก็มีชายชุดดำสองคนเดินเข้ามาในห้อง แล้วลากเอวาออกไปจากห้องโถงใหญ่!"ไม่นะ!" หัสดินตะโกนขึ้นอย่างรวดเร็ว "พวกแกจะทำอะไร!"หัสดินรีบลุกขึ้นจากโซฟาแล้ววิ่งเข้าไปหาเอวาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ถูกชายชุดดำอีกคนเข้ามาขวางไว้ "อย่ายุ่งนะครับคุณดิน" ชายชุดดำพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา"พวกแกจะทำอะไรภรรยาของฉัน!" หัสดินตะโกนขึ้นอย่างรวดเร็ว "พวกแกจะทำอะไร!""ผมไม่ได้ทำอะไรหรอกนะ" นายใหญ่พูดด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ "ผมแค่อยากจะให้คุณเห็นว่า...คุณควรจะทำอย่างไรดีกับธุรกิจของคุณ"ทันใดนั้น...ก็มีชายชุดดำอีกคนเดินเข้ามาในห้อง พร้อมกับถาดที่เต็มไปด้วยเข็มฉีดยา!"ไม่นะ!" หัสดินตะโกนขึ้นอย่างรวดเร็ว "พวกแกจะทำอะไร!"หัสดินพยายามจะวิ่งเข้าไปหาเอวาอีกครั้ง แต่ก็ถูกชายชุดดำอีกคนเข้ามาขวางไว้ "อย่ายุ่งนะครับคุณดิน" ชายชุดดำพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาหัสดินไม่สนใจคำพูดของชายชุดดำเลยแม้แต่น้อย เขากระโดดเข้าใส่ชายชุดดำอย่างรวดเร็ว แล้วชกเข้าที่ใบหน้าของชายชุดดำอย่างรุนแรง! ชายชุดดำล้มลงไปกองกับพื้นอย่างหมดสภาพ หัสดินรีบวิ่งเข้าไปหาเอวาอย่างรวดเร็ว แล้วชกเข้าที่ใบหน้าของชายชุดดำที่กำลังจะฉีดเข็มฉ
รถยนต์คันหรูของ แดเนียล แล่นไปตามท้องถนนในมหานครที่สว่างไสวด้วยความเร็วสูง แต่ในหัวใจของ เอวา กลับมืดมิดและเต็มไปด้วยพายุที่โหมกระหน่ำ เธอได้แต่นั่งร้องไห้อยู่ในรถอย่างหมดอาลัยตายอยาก ภาพของ หัสดิน ที่กำลังจะไปทำสัญญาซื้อขายธุรกิจที่อันตรายที่สุดในชีวิตเพื่อแลกกับชีวิตของแม่ของเธอมันเหมือนภาพยนตร์ที่ฉายซ้ำไปมาอยู่ในหัวของเธอเอวารู้สึกผิดและรู้สึกเสียใจมากที่เธอได้ทำให้เขาต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ เธอไม่เคยคิดว่าผู้ชายอย่างหัสดินจะยอมทำอะไรที่อันตรายขนาดนี้เพื่อเธอเลยแม้แต่น้อย"คุณแดเนียลคะ...พาหนูไปหาคุณดินเดี๋ยวนี้" เอวาพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ "หนู...หนูต้องไปหยุดเขาให้ได้""แต่คุณเอวาครับ...มันอันตรายนะครับ" แดเนียลพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล "นายใหญ่เป็นคนอันตราย...ถ้าคุณไป...คุณอาจจะเป็นอันตรายได้""หนูไม่กลัวหรอกค่ะ" เอวาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ "หนูรู้ว่าหนูจะต้องทำอะไร"แดเนียลเงียบไปในทันที เขาเข้าใจดีว่าเอวาเป็นคนอย่างไร เธอเป็นคนที่มีความกล้าหาญและไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ เขาขับรถออกไปจากโรงพยาบาลแล้วขับตรงไปยังคฤหาสน์ของนายใหญ่ทันทีในขณะที่เขากำลังขับรถไปที่คฤหาสน
ในค่ำคืนที่ท้องฟ้าไร้ดวงดาว หัสดิน ขับรถยนต์คันหรูของเขาเข้าไปจอดเทียบหน้าคฤหาสน์ของ นายใหญ่ แห่งตระกูลวรวิทย์อย่างสง่างาม แม้ภายนอกจะดูเยือกเย็นและน่าเกรงขาม แต่ภายในใจของเขากำลังร้อนรุ่มด้วยความโกรธแค้นที่อัดแน่น เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำธุรกิจอย่างที่นายใหญ่คาดหวัง แต่เขามาเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับสิ่งที่พวกมันทำไว้กับ เอวา และครอบครัวของเธอ!ทันทีที่หัสดินก้าวลงจากรถ ก็มีชายชุดดำสองคนเดินเข้ามายืนขนาบข้างเขาอย่างเงียบๆ พวกมันเป็นลูกน้องของนายใหญ่และกำลังรอให้เขาเดินเข้าไปในคฤหาสน์ หัสดินไม่ได้พูดอะไร เขาแค่ยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปในคฤหาสน์อย่างไม่เกรงกลัวภายในคฤหาสน์เต็มไปด้วยความหรูหราอลังการ มีรูปภาพและรูปปั้นโบราณวางประดับอยู่ทั่วบริเวณ และที่ห้องโถงใหญ่...มีชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่บนโซฟา เขาในชุดสูทสีขาวดูสง่างามและน่าเกรงขามอย่างที่เธอเคยเห็นในครั้งแรก เขากำลังยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างไม่รีบร้อน"สวัสดีครับคุณดิน" ชายชราคนนั้นทักทายหัสดินด้วยรอยยิ้ม "ผมก็ว่าแล้วว่าคุณจะต้องมาหาผม""นายท่าน" หัสดินตอบกลับไปอย่างไม่เกรงกลัว "ผมมาที่นี่ไม่ได้มาเพื่อทำธุรกิจ...แต่ผมมาเพื่
หลังจากพาเอวาออกมาจากโรงพยาบาลและกลับมาที่คฤหาสน์ หัสดิน ก็ไม่ได้สนใจเธออีกเลย เขาทิ้งเธอไว้ในห้องนอนเพียงลำพัง แล้วเดินลงมาที่ห้องทำงานของเขาด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมและเต็มไปด้วยความโกรธ เขาไม่รู้ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ แม่ของเอวา อาการทรุดลงอย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่ทีมแพทย์ที่ดีที่สุดก็ดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลาหัสดินหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วโทรหา หมอวิน ทันที "อาการของแม่เอวาเป็นยังไงบ้าง" เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา"ผมขอโทษนะครับคุณดิน" หมอวินตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจ "ผมพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่ดูเหมือนว่า...หัวใจของท่านจะอ่อนแอลงเรื่อยๆ""เป็นไปได้ยังไง" หัสดินถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย "ฉันให้ทีมแพทย์ที่ดีที่สุดไปดูแล...ทำไมอาการถึงทรุดลง"หมอวินเงียบไปในทันที เขาไม่รู้จะตอบหัสดินอย่างไรดี "ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ...แต่ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล""ไม่ชอบมาพากลเหรอ" หัสดินถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง "แกหมายความว่ายังไง""ผมรู้สึกเหมือน...เหมือนมีใครบางคนพยายามที่จะทำลายการรักษาของท่านครับ" หมอวินตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ "ยาที่ผมสั่งให้ท่านก
เช้าวันรุ่งขึ้น... เอวา ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้งในอก เธอแทบไม่ได้หลับเลยทั้งคืนจากเหตุการณ์เมื่อวาน เธอลุกขึ้นจากเตียงอย่างช้าๆ แล้วเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่ มองเห็นแสงอาทิตย์อ่อนๆ ที่เริ่มสาดส่องเข้ามาในห้อง แต่แสงสว่างนั้นไม่ได้ช่วยให้จิตใจของเธอดียิ่งขึ้นเลยแม้แต่น้อยเธอทำธุระส่วนตัวและแต่งตัวด้วยชุดที่ดูสุภาพเรียบร้อยที่สุดเท่าที่เธอมี ในขณะที่เธอกำลังสวมเสื้อผ้าอยู่นั้น เธอก็เห็นรอยฟกช้ำและรอยแดงที่ปรากฏอยู่บนร่างกายของเธอ เธอใช้มือลูบเบาๆ แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้ง เธอรู้สึกเหมือนร่างกายและจิตใจของเธอได้ถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดีเมื่อเธอเดินลงไปที่ชั้นล่าง เธอก็เห็น หัสดิน ยืนรออยู่ตรงหน้าคฤหาสน์ เขาในชุดสูทสีดำดูสง่างามและน่าเกรงขามอย่างที่เธอเคยเห็นในครั้งแรก เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ผายมือไปที่รถยนต์คันหรูที่จอดรออยู่ เอวาขึ้นรถไปกับเขาอย่างเงียบเชียบ รถยนต์คันหรูเคลื่อนตัวไปตามท้องถนนในมหานครที่แสนวุ่นวาย เอวาได้แต่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ภาพตึกรามบ้านช่องที่สลับกันไปมาดูพร่าเลือนจนแยกแยะไม่ออก เธอรู้สึกเหมือนตัวเองได้กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง แต่โลกที
รถยนต์คันหรูของ หัสดิน แล่นเข้ามาจอดเทียบหน้าคฤหาสน์ด้วยความเร็วสูง ทันทีที่รถหยุดนิ่ง เอวา ก็ถูกลากลงจากรถอย่างรุนแรง เธอสะดุดล้มลงกับพื้น แต่หัสดินไม่สนใจ เขาไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง เขาเดินตรงเข้าไปในคฤหาสน์ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยแต่เต็มไปด้วยความโกรธที่คุกรุ่นอยู่ในอกเอวาพยายามลุกขึ้นยืนด้วยร่างกายที่บอบช้ำ เธอรู้สึกเหมือนร่างกายทั้งร่างไม่มีเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อย แต่เธอก็ต้องฝืนใจลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามหลังเขาเข้าไปในคฤหาสน์อย่างช้าๆ เธอเดินตามหลังเขาไปจนถึงห้องโถงใหญ่ เธอเห็นหัสดินเดินขึ้นบันไดไปยังห้องทำงานของเขาด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมเมื่อหัสดินหายลับไปจากสายตา เอวาก็เดินเข้าไปหา ป้าสร้อย แม่บ้านที่ดูแลคฤหาสน์แห่งนี้มาตั้งแต่สมัยที่เธอยังเป็นเด็กเล็กๆ "ป้าสร้อยคะ...คุณดินยังโกรธอยู่ใช่ไหมคะ" เธอถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือป้าสร้อยมองดูเอวาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสารและห่วงใย "คุณดินไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะหนูเอวา...ตั้งแต่หนูมาอยู่ที่นี่ คุณดินก็เปลี่ยนไปมาก"คำพูดของป้าสร้อยทำให้เอวาน้ำตาไหลออกมาอย่างเงียบๆ เธอรู้สึกเหมือนตัวเองได้ทำให้หัสดินต้องเสียใจ แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกเลยแม