ลูกใคร
ห้าปีต่อมา
"ถ้าแกนไม่อยากไปก็ไม่เป็นไรนะ หว่าหวาไปคนเดียวได้" ฉันหันไปยิ้มหวานให้กับเพื่อนรัก ที่ตอนนี้เธอได้ศึกษาทางด้านออกแบบเครื่องประดับจบเรียบร้อย ซึ่งหว่าหวาได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องประดับ โดยมีฉันที่เป็นหุ้นส่วน หลังจากที่เรียบจบตามเธอมาติด ๆ
"ไปได้สิ นี่เป็นงานเปิดตัวสินค้าคอลเลคชั่นใหม่ของพวกเราเลยนะ" ตอนนี้เราได้ทำเครื่องประดับคอลเลคชั่นที่จะไปเปิดตลาดที่แถบทวีปเอเชีย หนึ่งในนั้นก็คือประเทศไทย
"โอเคใช่ไหม" หว่าหวาเอือมมือมากุมในเชิงให้กำลังใจ
"โอเคสิ...." ปากขยับแต่สายตาจ้องไปยังเด็กน้อยฝาแฝดที่นั่งเล่นกันอยู่ไม่ไกล
"...เขาคงลืมแกนไปแล้วแหละ" เขาคนนั้นก็คือพ่อของลูกชายฝาแฝดของฉันเอง กวิน และกรัณย์ ตอนนี้พวกเขาอายุได้ 4 ย่าง 5 ขวบแล้วกำลังน่ารักเชียวแหละ
"....." หว่าหวาลูบที่แขนฉันแล้วหันไปยิ้มให้กับหลานชายทั้งสอง
"แกนจะเอา กวิน กรัณย์ไปด้วยนะ" พูดจบ ใบหน้าสวยก็คลี่ยิ้มออกมาทันที
"ดีเลย พี่สิงห์ต้องดีใจแน่ ๆ"
สนามบินสุวรรณภูมิ
"แม่ฮับ ทำไมอากาศร้อนจังเลยฮะ" กวิน ลูกชายคนโตของฉัน ที่กำลังถอดเสื้อโค้ทที่ใส่มาจากอิตาลีบ่นพึมพำไม่หยุด
"....." ตอนนี้ฉัน หว่าหวา และลูกชายฝาแฝดนั่งรอภิสิงห์ที่ตอนนี้กำลังขับรถมารับพวกเรา
"กรัณย์ ร้อนไหมครับ เดี๋ยวน้าช่วยถอดเสื้อให้" หว่าหวาที่นั่งข้าง ๆ แฝดน้องหันไปเอ่ยถาม
"ไม่ครับ ผมไม่ถอดเดี๋ยวไม่หล่อ" สิ้นเสียง คนเป็นน้าก็หัวเราะหลานชายคนเล็กอย่างเอ็นดู
ไม่นานนัก ภิสิงห์ก็มาถึง สองแฝดรีบยกมือเล็กขึ้นไหว้แล้วก้มโค้งอย่างที่ตากับยายสอนไว้
"สวัสดีครับ ลุงสิงห์" ทั้งคู่เอ่ยขึ้นพร้อมกัน สร้างความพอใจ บวกกับความรู้สึกเอ็นดูสองแฝดมากขึ้น
"คิดถึงลุงไหมครับ" คนเป็นลุงย่อตัวลงแล้วเอามือลูบหัวเด็กน้อยทั้งสอง.
"คิดถึงที่สูดดดด เลยครับ" กวิน แฝดพี่เอ่ยพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันน้ำนม
"แล้วกรัณย์ล่ะไม่คิดถึงลุงเหรอ" ภิสิงห์หันไปถามแฝดน้องที่ยืนเงียบ
"คิดถึงครับ" กรัณย์ตอบกลับแล้วคลี่ยิ้มบาง ๆ
"ทำไมทำหน้าแบบนั้น"
"กรัณย์ร้อนครับ" แฝดน้องตอบกลับหน้านิ่ง
"แล้วทำไมไม่ถอดเสื้อ"
"กลัวไม่หล่อ คิกคิก" หว่าหวาแทรกพูดแล้วก็หัวเราะออกมา
จากนั้นภิสิงห์ก็พาพวกเรากลับไปที่บ้าน ซึ่งเป็นบ้านของฉันเอง.ก่อนหน้าที่จะมาภิสิงห์สั่งให้คนมาทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วแหละ
"เด็ก ๆ ไปอาบน้ำคลายร้อนกันก่อนเลย เดี๋ยวแม่ทำอะไรให้ทาน" พอมาถึงฉันก็ให้เด็ก ๆ ไปอาบน้ำทันที
"แกน..." ฉันชะงักกันไปขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
"...ตลอดเวลาห้าปีมานี้ เทมโปมักจะวนเวียนมาที่นี่อยู่บ่อย ๆ" ภิสิงห์ลอบหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะพูด
"นายนั่นคงหวังว่าแกนจะกลับมา..."
"...ขอโทษที่พี่ไม่ได้บอกแกน" ภิสิงห์พูดจบ ก็เบือนหน้าไปทางอื่นแล้วลอบหายใจสีหน้าดูราวกับรู้สึกเห็นใจคนที่พูดถึง
"เขา...เป็นยังไงบ้างคะ" ภิสิงห์หันหน้ากลับมาที่ฉัน
"เทมโปเปลี่ยนไปมาก" สิ้นเสียง ฉันก็ก้มหน้าพร้อมกับเม้มปากทั้งสองเข้าหากัน ภายในใจยังอยากรู้เรื่องของเขาอีก แต่ก็ไม่กล้าถามออกไป
"แกนจะให้เขาเจอหน้าลูกไหม" ฉันเงยหน้าขึ้นมองคนถามด้วยจิตใจที่สับสน
"แกน...."
"...เทมโปไม่รู้ว่าแกนตั้งท้องลูกของเขา คิดว่าไม่จำเป็นที่เขาจะต้องมาเจอลูก" พูดจบ ฉันก็พ่นลมหายใจพรืดใหญ่ แล้วนึกถึงวันนั้น วันที่เขาพูดว่า 'ยังไงแม่ของลูกก็ไม่ใช่ฉัน'
"ยังไงพี่ก็เคารพในการตัดสินใจของแกนนะ" ว่าจบมือหนาก็เอือมมาตบที่บ่าฉันเบา ๆ
"แกน..หว่าหวาว่าอย่าทำเลยอาหาร.." ฉันหันขวับไปที่คนพูดแล้วขมวดคิ้ว
"...มาเหนื่อย ๆ แบบนี้เราไปหาอะไรกินข้างนอกกันเถอะ" หว่าหวาคลี่ยิ้มหวานด้วยใบหน้าที่สดใส
"ก็ได้"
"พี่คงไปด้วยไม่ได้นะ..." ภิสิงห์พูดขึ้นแล้วยกแขนดูนาฬิกาข้อมือ
"....เดี๋ยวต้องเข้าไปประชุม"
"อืม/อืม" ฉันกับหว่าหวาขานรับอย่างเข้าใจพร้อมกัน
"ไปกันเองได้ใช่ไหม" ภิสิงห์เอ่ยถามแล้วมองมาที่ฉันกับหว่าหวาสลับกัน
"สบายอยู่แล้ว" เป็นหว่าหวาที่พูดขึ้นพร้อมกับทำมือเป็นสัญลักษณ์โอเค แล้วฉีกยิ้มกว้าง คนเป็นพี่เอื้อมมาลูบที่หัวน้องสาวด้วยความเอ็นดู แม้ว่าตอนนี้หว่าหวาโตขึ้นมากแล้ว แต่คนเป็นพี่ก็ยังคงรักและเอ็นดูเธออยู่
"งั้นพี่ไปก่อนนะ ฝากบอกสองแฝดด้วยเย็น ๆ ลุงสิงห์จะเข้ามาหา"
"ค่ะ" ฉันตอบรับสั้น ๆ แล้วคลี่ยิ้มหวานให้
หลังจากที่ภิสิงห์ไป ฉันกับหว่าหวาก็ขึ้นไปดูสองแฝด ปรากฏว่ายังอาบน้ำกันไม่เสร็จ จะเล่นซะส่วนใหญ่ ฉันกับเพื่อนรักจึงต้องจัดการอาบน้ำให้คนล่ะคน พร้อมกับแต่งตัวที่ต้องหล่อให้ด้วย
"ออกเดินทางได้" หว่าหวาหันไปพูดกับหลานแฝดที่นั่งอยู่เบาะหลังก่อนที่จะสตาร์ทรถออกมาจากบ้าน
ห้างสรรพสินค้ากลางใจเมือง
หว่าหวาเลี้ยวรถเข้าไปจอดในชั้นใต้ดินของตัวห้าง หลังจากดับเครื่อง ฉันก็พาลูก ๆ ลงจากรถแล้วขึ้นลิฟต์ไปยังที่ชั้นศูนย์อาหาร
"กวิน กับกรัณย์ อยากกินอะไรครับ" หว่าหวาก้มหน้าถามเด็กทั้งสอง
"อะไรก็ได้ฮับ" กวินตอบกลับแล้วฉีกยิ้มกว้าง ส่วนกรัณย์ไม่ตอบทำให้คนเป็นน้าถามซ้ำ
"แล้วกรัณย์อยากกินอะไร"
"ผมไม่ชอบอาหารไทย" สิ้นเสียง ฉันกับหว่าหวาก็มองหน้ากันแล้วลอบหายใจเบา ๆ เรื่องเยอะจริงลูกชายคนเล็กฉัน
"งั้นเราไปร้านอาหารอิตาเลี่ยนกันนะ" หว่าหวาพูดจบ กรัณย์ก็ผงกหัวรับใบหน้าพึงพอใจ ส่วนกวิน
"โอเคฮับ" ลูกชายคนโตฉันไม่เรื่องเยอะเหมือนคนเล็กค่ะ
ระหว่างที่พวกเราจะเดินเข้าไปในร้านอาหาร
"ทำไมอยู่ ๆ นึกอยากกินอาหารอิตาเลี่ยนขึ้นมาวะ..ไอ้เทมโป" เสียงทุ้มดังขึ้นทำให้ฉันกับหว่าหวาต้องชะงักแล้วหันไปที่ต้นเสียง
ตึกตัก ตึกตัก นั่นเป็นเสียงเต้นของหัวใจฉัน เมื่อได้เห็นใบหน้าของคนที่เคยรัก และยังเป็นพ่อของลูกที่ไม่ได้เจอกันมาร่วมห้าปี
"ทะ เทมโป" ในขณะที่เขาก็ชะงักเช่นกันเมื่อได้เจอฉัน
"อะ ออร์แกน" เทมโปพึมพำเบา พร้อมกับปรี่เข้ามาคว้ามือทั้งสองฉันมากุมด้วยสีหน้าดีใจแต่ดวงตาเขาแดงก่ำราวกับกำลังจะร้องไห้
"ฉะ ฉันคิดถึงเธอ" สิ้นเสียง เขาก็ดึงร่างฉันเข้าไปกอดไว้แน่น
"ปล่อย" ฉันสะบัดตัวแล้วถอยหลังออกมา
"ใครเหรอครับแม่" กรัณย์ ลูกชายแฝดน้องเอ่ยถามแล้วเงยหน้าไปมองเทมโปสลับมาที่ฉัน ในขณะที่ชายหนุ่มร่างสูงชะงักแล้วหลุบตามองเด็กแฝดทั้งสองด้วยใบหน้าสงสัย คาดว่าเขาคงไม่ทันได้สังเกตว่ามีเด็กน้อยสองคนอยู่ด้วย
"แม่?...." แล้วช้อนตาขึ้นจ้องมาที่ฉัน
"...ลูกของเธอเหรอ" เทมโปเอ่ยถามแล้วหลุบตามองที่เด็กฝาแฝดอีกครั้ง
"...." ทั้งฉันและหว่าหวาได้แต่ยืนนิ่งจับมือเด็กน้อยฝาแฝดคนละคน
"เธอมีลูกตอนไหน...กับใคร" เขาเอ่ยพร้อมกับจ้องมาที่ฉันด้วยสายตาเศร้า สีหน้าราวกับคนสิ้นหวัง มันทำให้ฉันรู้สึกวูบไหวด้วยความสงสารที่เห็นสภาพเขาในตอนนี้ เทมโปเปลี่ยนไปมาก เขาดูซูบผอมลง ผมที่เคยสีทองเปลี่ยนกลับเป็นสีธรรมชาติแล้ว สีหน้าเขาดูไม่สดใสเหมือนแต่ก่อน
"ไอ้เทมโป.." ชายหนุ่มที่มากับเขาสะกิดที่ไหล่ ทำให้ฉันและเทมโปได้หลุดออกจากภวังค์ที่ยืนสบตากันอยู่
"..ใครว่ะ" ฉันไม่คุ้นหน้าเขา และแน่นอนว่าเขาก็คงไม่รู้จักฉันจึงเอ่ยถามแต่สายตาเขากลับจ้องไปที่หว่าหวาแล้วยิ้มกรุ่มกริ่ม
"ขอคุยด้วยได้ไหม" เทมโปไม่สนใจเพื่อนของเขา แต่เลือกที่จะพูดกับฉันแทน
"ระ เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน" ว่าจบ ฉันก็หันไปพูดกับหว่าหวา
"ไปกันเถอะ" ฉันจับมือลูกชายแน่นแล้วกำลังจะก้าวขาเดิน
"เธอแต่งงานแล้วใช่ไหม"
ตอนจบ"เทมโป..." ใบหน้าหล่อคมคายหันมาจ้องที่ฉัน"...แกนจะไม่เป็นแค่เพื่อนอีกต่อไปใช่ไหม" เทมโปคลี่ยิ้มออกมาหลังจากที่ฉันพูดจบ"เธอไม่ใช่แค่เพื่อน..แต่เธอเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับฉันแล้ว.." มือหนายกมาลูบผมฉันอย่างอ่อนโยน"..ถ้าฉันขาดเธอ ฉันขาดใจ" ปลั่ก! นั่นเป็นเสียงที่ฉันกำมือทุบไปที่อกของเขา"คนบ้า!""ใช่ ก่อนหน้าฉันเคยบ้ามาแล้ว ตั้งแต่เธอหนีไป" เทมโปพูดสวนกลับ ก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนัก"มันคงเป็นเวรกรรมที่ฉันเคยทำกับเธอ รู้ไหมว่าฉันทรมานจนดูน่าสมเพชเอามาก ๆ เลย""ออร์แกน...ตอนที่เธอหายไปฉันยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาเธอ""ทะ เทมโป.." ฉันเอ่ยน้ำเสียงสั่น ๆ แต่ภายในใจมันรู้สึกพองโต"ถ้าเธอไม่หนีไป วันนี้ฉันคงไม่รู้ว่าฉันรักเธอมากแค่ไหน..." คนร่างสูงโน้มหน้ามาจูบที่หน้าผากฉัน"...ขอบคุณที่สอนบทเรียนให้กับฉัน และขอบคุณที่กลับมาไม่ว่าเหตุผลที่เธอกลับมาไม่ใช่เพราะฉัน""..." เทมโปคลี่ยิ้มด้วยแววตาที่มีความสุข ใบหน้าสดใส"ถึงแม้เธอจะไม่ได้กลับมาเพราะฉัน แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันได้เจอเธอ ได้ขอโทษและได้บอกความในใจของฉันให้เธอฟัง""เทมโป..แกนก็ไม่เคยลืมนายเลยนะ" ไม่รู้อะไรดลใจ ทำให้ฉัน
จากเพื่อนสู่ผัว"กวิน กรัณย์ ออร์แกน" ฉันและลูกแฝดต่างพากันหันไปที่ต้นเสียง ซึ่งเป็นคนป่วยที่นอนอยู่เอ่ยขึ้นมา เขาลืมตามองมาที่พวกฉันแล้วค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้น"พ่อตื่นแล้ว" กวินบอกกับคนเป็นน้อง ก่อนจะลุกจากโซฟาเดินไปที่เตียง พร้อม ๆ กับฉันที่รีบไปประคองเขาลุกนั่ง.เทมโปคลี่ยิ้มด้วยแววตาที่มีความสุข ขณะที่ลูกแฝดขึ้นบนเก้าอี้แล้วเอ่ยถามอาการพ่อตัวเองทันที"พ่อเจ็บตรงไหนฮับ" แฝดพี่พูดแล้วใช้สายตามองไปที่เรือนร่างคนเป็นพ่อราวกับหาอะไร"พ่อรีบหายนะครับ จะได้มาเล่นกัน...." กรัณย์เอ่ยแล้วหันไปพูดกับกวิน"...ให้พ่อเป็นผู้ร้ายนะพวกเราเป็นตำรวจ""หึหึ" เทมโปหัวเราะออกมาแล้วเอื้อมไปลูบหัวลูกแฝดคนโต แล้วกำลังจะสลับไปลูบหัวคนน้องแต่เขากลับชะงัก คงจะจำวันนั้นได้วันที่กรัณย์ไม่ยอมให้เขาลูบเพราะกลัวผมเสียทรง"พ่อเป็นพ่อของกรัณย์ พ่อลูบได้ครับ" เด็กน้อยแฝดน้องพูดพร้อมกับยื่นหัวให้พ่อของเขาลูบ สร้างรอยยิ้มปนน้ำตาที่คลอเบ้าให้คนเป็นพ่อทันที"วันนี้เธอกับลูกอยู่กับฉันนะ" เทมโปหันมาพูดกับฉัน"อืม" ฉันตอบกลับสั้น ๆ แล้วคลี่ยิ้มให้"ขะ ขอบใจนะ" เทมโปกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ"รับหายนะ..แกนอยากให้เทมโปกลับมาใ
ยังไม่ให้โอกาส"แล้วเด็กฝาแฝดนั้นเป็นลูกใคร"ฉันคลี่ยิ้มหวานแล้วดึงมือหนาเดินเข้ามาด้านในห้อง"รอตรงนี้นะ เดี๋ยวแกนจะไปพากวิน กรัณย์เข้ามา" เทมโปทำสีหน้ามึนงงปนสงสัย แต่ก็ทำตามที่ฉันสั่ง เขาเลือกที่จะเดินไปนั่งที่โซฟา จากนั้นฉันก็ออกมาจากห้องก็เห็นทุกคนต่างนั่งอยู่กันเป็นกลุ่ม"เทมโปเป็นยังบ้าง ออร์แกน" คุณน้าเรอาลุกขึ้นแล้วรีบเดินมาถามด้วยใบหน้าที่ยังมีความกังวล"ตอนนี้เทมโปโอเคขึ้นแล้วค่ะ..." ว่าจบ ฉันก็หันไปที่ลูกแฝดที่มีผู้ใหญ่ล้อมรอบอย่างอบอุ่น"...แกนขอพากวิน กรัณย์ไปหาพ่อของเขาก่อนนะคะ" คุณน้าเรอาคลี่ยิ้มแล้วเอื้อมมากุมมือของฉัน"ออร์แกน น้าขอโทษแทนเทมโปด้วยนะ..." เธอลอบหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะเอ่ยต่อ"...ไม่คิดเลยว่าฉันจะมีหลานฝาแฝดที่น่ารักแบบนี้ ขอบคุณเธอจริง ๆ ที่เลี้ยงดูที่เกิดมาจากเทมโปมาอย่างดี" คุณน้าเรอาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ น้ำตาคลอเบ้า"กวิน กรัณย์ เป็นยิ่งกว่าชีวิตยังไง แกนก็ต้องเลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุดค่ะ" คุณน้าเรอาผงกหัวรับแล้วหันไปที่ลูกชายฝาแฝดของฉัน"กวิน กรัณย์ มากับแม่" ฉันเอ่ยเรียก ทั้งคู่ก็ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินยิ้มใบหน้าสดใสมาที่ฉัน"ลุงคนนั้นเป็นยังไงบ้างฮับ
ขอร้องOrgan"ทำไมคุณทอยคิดว่าเราสองคนแต่งงานกัน" ภิสิงห์เอ่ยถามขึ้นขณะที่ตอนนี้พวกเราต่างพากันธุระเสร็จจนกลับมาที่บ้านแล้ว ส่วนสองแฝดก็นอนหลับด้วยความเพลีย"หว่าหวาเป็นคนโกหกเองค่ะ" คนเป็นพี่หันไปที่น้องสาวของตนด้วยสีหน้าสงสัย"คือวันนั้นพวกเราเจอกับเทมโป...." หว่าหวาหยุดพูดแล้วหันมาที่ฉัน"...นายนั่นคอยเซ้าซี้แกนไม่เลิก หว่าหวาก็เลยโกหกไปว่า..""พี่กับแกนแต่งงานแล้วกวิน กรัณย์คือเป็นลูกพี่?" ภิสิงห์แทรกพูดขึ้นหว่าหวาก็ผงกหัวรับสีหน้ารู้สึกผิด"อย่าโกรธหว่าหวาเลยค่ะ แกนเองก็ไม่ทักท้วงปล่อยเลยตามเลย" ฉันพูดจบ หว่าหวาก็หันมาฉีกยิ้มให้ ขณะที่ภิสิงห์มีสีหน้าดูเครียด ราวกับมีเรื่องบางอย่างในใจ"พี่สิงห์โกรธหรอกคะ แกนขอโทษ""เปล่า พี่ไม่ได้โกรธ.." ว่าจบ ภิสิงห์ก็ลอบหายใจออกมาเบา ๆ"...ไม่นานทางนั้นก็ต้องรู้ว่าเราไม่ได้แต่งงานกันจริง ๆ""...." ฉันไม่พูดอะไรได้แต่ก้มหน้าเม้มปากทั้งสองเข้ากันแน่น ภายในใจก็คิดไว้อยู่เหมือนกัน ยิ่งวันนี้ที่เจอกับพี่ทอย เขาดูมีสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย ฉันคิดว่าเขาต้องไปสืบเรื่องแต่งงานที่หว่าหวากุขึ้นมาแน่"แกน..." ฉันเงยหน้าขึ้นมองไปยังพี่ชายเพื่อน"...พี่ได้ข
กลัววันนี้ฉัน หว่าหวา และภิสิงห์ต่างพากันไปดูสถานที่จัดงานแสดงเครื่องประดับ แน่นอนว่าสองแสบจะต้องไปด้วย กวิน และกรัณย์ค่อนข้างที่จะติดฉัน เพราะฉันดูแลทั้งสองคนอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เขาเกิดมา ให้ความรัก เป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับพวกเขา"แม่ฮับ..." บนรถของภิสิงห์ที่อาสาเป็นคนขับพาไปยังสถานที่จัดงาน อยู่ ๆ กวินก็เอ่ยขึ้น"...พ่ออยู่ไหนเหรอครับ" คำถามของลูกชายที่เป็นแฝดพี่ทำให้หัวใจฉันรู้สึกสั่น ๆ"นั่นสิครับ พ่อไปไหนเหรอ" ฉันละสายตาหันไปที่กรัณย์ที่พูดเสริมขึ้นมา หว่าหวาที่นั่งอยู่เบาะหน้าข้างคนขับ พร้อมกับภิสิงห์หันมาสบตาฉันทันที"เอ่อ...ทำไมอยู่ดี ๆ ถามขึ้นมาล่ะครับ""ก็ลุงคนนั้นถามผมยังไม่ได้ตอบเขาเลย" ลุงคนนั้น ที่กวินเอ่ยถึงก็คือเทมโป พ่อของพวกเขานั้นแหละ"พ่อทำไมไม่มาหาพวกเราเลยล่ะครับ" กรัณย์เอ่ยพร้อมกับสีหน้าเศร้า"...." ฉันนิ่งมองดูทั้งสองด้วยความสงสาร"เด็ก ๆ เดี๋ยวแวะกินไอศครีมคลายร้อนกันนะ" ภิสิงห์เอ่ยขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศเศร้า และดูเครียด"เย้ / เย้" พอได้ยินคำว่าไอศครีม เด็ก ๆ ก็ปรับเปลี่ยนสีหน้าดีใจทันทีจากนั้นภิสิงห์ก็ขับรถเข้าไปในห้างสรรพสินค้า เพื่อพาเด็ก ๆไปทานไอศครีมระห
พ่อของเด็กเป็นใครฉันหยุดชะงักแล้วหันไปมองใบหน้าหล่อ นิ่ง ๆ เขาก้าวขายาวเดินมายืนตรงหน้าฉันแล้วหลุบตามองไปที่กวิน และกรัณย์สลับกัน ก่อนจะย่อตัวลงคุยกับกวิน แฝดพี่ที่ฉันจับมืออยู่"พ่ออยู่ไหนครับ" เทมโปเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"...." กวินไม่ตอบ แล้วเงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยสีหน้ามึนงง แฝงสงสัย"คุณเป็นใครเหรอครับ" กรัณย์แฝดน้องที่หว่าหวาจับอยู่เอ่ยขึ้น ทำให้เทมโปละสายตาหันไปมองเด็กน้อย"ลุงเป็น...." เขาหยุดพูดแล้วช้อนตาขึ้นมองมาที่ฉัน ก่อนที่จะตอบกลับกรัณย์"...ลุงเป็น พะ เพื่อนแม่เราน่ะ" เทมโปพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ สีหน้าเจ็บปวด แล้วเอื้อมมือไปลูบที่หัวกรัณย์ แต่ทว่า"อย่าลูบ เดี๋ยวผมเสียทรง" แฝดคนน้องผละหัวหนีออก ทำให้มือหนาชะงักแล้วหัวเราะปนเศร้าเบา ๆ"เหอะ" ไม่รู้ซะแล้วว่ากรัณย์ห่วงหล่อขนาดไหน"แล้วพ่อไปไหนเหรอครับ" ในเมื่อถามกวินแล้วไม่ได้คำตอบ เขาจึงเลือกถามแฝดน้องแทน"...." กรัณย์ ส่ายหัวแล้วก้มหน้าลงด้วยใบหน้าเศร้า ทำเอาหัวใจฉันวูบไหวสงสารลูก"พอสักทีเถอะ..เลิกยุ่งเรื่องของแกนได้แล้ว" พูดจบ ฉันก็พากวิน และหว่าหวาจูงมือกรัณย์เดินหนีมา"ออร์แกน...ออร์แกน""อย่าตามมานะ!" ฉันหันไปตวา