พนักงาน นับร้อยนั่งออกันที่หน้าล๊อปบี้โรงแรม รออย่างมีความหวังว่าจะได้รับข่าวดีจากห้องประชุม และเมื่อทุกคนเห็นผู้ช่วยกรรมการออกมาก็ต่างพากันดีใจ
“คุณชรันมาแล้ว! คุณชรัน” พนักงานชายคนหนึ่งเรียกขึ้น ขณะที่เขาเดินมาหาด้วยท่าทีเคร่งขรึม “อุตส่าห์รอกันเป็นชั่วโมง เอาล่ะผมมีเรื่องจะบอกคือ...” ผู้ช่วยกรรมการเว้นวรรคเพื่อดูอาการของทุกคน “ท่านจะจ่ายเงินเดือนพวกคุณทุกคนภายในอาทิตย์นี้” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงยินดี ดีใจแทนพนักงาน ซึ่งทุกคนก็กรีดร้องเฮลั่นด้วยความดีใจ บ้างก็โผเข้ามากอดเขาอย่างขอบคุณ เพราะเขาคือคนที่บากหน้านำเรื่องนี้ขึ้นเสนอผู้บริหาร “เย้!!! คุณชรัน ขอบคุณคุณมาก ถ้าไม่ได้คุณเราแย่แน่ๆ เงินหมื่นกว่าต่อชีวิตเราได้เยอะเลย” “ผมรู้ สบายใจกันแล้วนะครับทุกคน ผมจะติดตามผลเรื่อยๆ ท่านให้ฝ่ายการเงินจัดการนะ” “ขอบคุณมากๆ เลยคุณชรัน คุณดีกับเรามากทั้งที่ผู้บริหารคนอื่นแทบจะไม่สนใจเรื่องนี้” “ผมก็เคยลำบากมาก่อน รู้ว่าเวลาไม่มีน่ะมันเป็นยังไง เอาเป็นว่าทุกคนย้ายแยกกันไปเก็บของ ในแผนกของตัวเอง เคลียร์โรงแรมเพื่อจะได้พร้อมสำหรับการปิดชั่วคราว” “จริงปิดจริงเหรอครับ” “มันจำเป็นครับ เราแบกรับค่าใช้จ่ายไม่ไหว” “งั้นพวกเราขอตัวครับคุณชรัน” “ครับ เราอาจจะไม่ได้เจอกันแล้วนะช่วงนี้ ขอให้ทุกคนโชคดี” เมื่อพูดจบทุกคนก็ยิ้มเศร้าๆ ส่งให้กับเขาก่อนจะทยอยกันออกไป ชรันมองตามด้วยความสงสาร เพียงชั่วอึดใจเมื่อยืนอยู่คนเดียว จากความเศร้าเปลี่ยนเป็นยิ้มมุมปาก จังหวะเดียวกันนั้นคุณหนูคนสวยก็เดินเฉิดฉายเข้ามาในโรงแรมพอดี แถมยังเดินมากับเพื่อนๆ อีกสองคนด้วย “อุ้ย! คุณผู้ช่วย คุณพ่อว่างพอที่จะให้เข้าไปหาหรือเปล่า” หญิงสาวเอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “ท่านประชุมอยู่ครับ” เขาตอบเสียงเรียบ แววตาเฉยชามาก “เหรอ แล้วทำไมคุณไม่ประชุมกับพ่อ ออกมาอู้ทำไม” “ไม่ใช่หน้าที่ที่ผมต้องตอบคุณ คุณไม่ใช่เจ้านายผม” “นี่! แต่พ่อฉันเป็นเจ้าของที่นี่ ที่นี่ก็เท่ากับเป็นของฉัน อย่ามา เสล่อ” “แต่คุณไม่ได้ให้เงินเดือนผม” “เอ๊ะ! ถือว่าเป็นคนโปรดสินะ ถึงกล้าเถียง” “ผมเถียงได้หมด ถ้าพูดไม่เข้าหู” “เดี๋ยวจะให้พ่อไล่ออกคอยดู” “ก็ลองเข้าไปถามเขาดูละกัน” “ไอ้...” “ยัยขวัญ พอแล้ว จะไปต่อปากต่อคำกับเขาทำไม เขาเป็นผู้ใหญ่กว่าเธอ” “คุณเกี้ยวซ่านี่น่ารักนะครับ มีมารยาทไม่เหมือนลูกสาวเจ้าของโรงแรมแถวนี้” “หล่นตุ๊บจากตำแหน่งคนโปรดเมื่อไหร่ ฉันจะหัวเราะให้ฟันร่วง” เธอว่าพลางสะบัดหน้าหนีแล้วเดินฉับๆ เข้าห้องประชุม “ผมก็จะรอดูว่าใครจะได้หัวเราะก่อนกัน” เขาเอ่ยยิ้มๆ ก่อนจะเดินวกกลับไปที่ห้องประชุม ส่วนลูกสาวเพียงคนเดียวของท่านประธาน ก็ถือวิสาสะเข้ามาในห้องประชุม โดยไม่ได้ขออนุญาต จากท่าทางจองหองเมื่อครู่ เธอก็ต้องชะงักเพราะผู้บริหารนับสิบคนมองเธอเป็นตาเดียว “เอ่อ ขวัญขอโทษค่ะ” “ไม่ได้บอกคุณขวัญเหรอว่าผมประชุม คุณรัน” “บอกแล้วครับ แต่เธอไม่ฟัง” ชรันเดินเข้ามาและตอบเสียงเรียบ ก่อนจะปรายตามองลูกสาวท่าน จากนั้นเขาก็นั่งอยู่ข้างๆ ท่านนั่นแหละ “งั้นขวัญออกไปก่อนก็ได้ค่ะ”“อื้อ! ชมในรอบหลายปี”“บางทีคำชมไม่ได้มาในรูปแบบคำพูดสวยหรู”“มาในรูปแบบของคำว่า กวนตีนเหรอครับนาย”“อืม” พูดจบเจ้านายหนุ่มก็เดินกลับเข้าบ้าน เหมือนอยากจะคุยเป็นการส่วนตัว ชรันจึงเดินตาม“ยังต้องรอให้คุณขวัญไปทำงานในไร่อีกเหรอครับ”“ทำไม เป็นเมียฉันแล้วทำไม่ได้หรือยังไง” เปล่งคำว่าเมียออกมาอย่างชัดเจนเชียว ชรันคิด“เมียนายก็เท่ากับเป็นเจ้านายอีกคน ใช้งานหนักไม่ดีนะครับ ตลอดหนึ่งอาทิตย์ก็เห็นอยู่”“เห็น เขาก็ทำได้ดีนี่ การทำงานไม่ว่าจะตำแหน่งไหน มันก็ทำให้เราเรียนรู้ถึงความลำบาก กว่าจะมีวันนี้มันไม่ใช่เรื่องง่าย”“แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับลูกคุณหนูอย่างคุณขวัญ ที่สุขสบายมาตั้งแต่เกิด”“ก็จริง เขาไม่ได้มาลำบากกรำแดดเหมือนฉัน ไม่ต้องทำงานก็มีเงินใช้”“ลูกคนมีเงินก็งี้แหละครับแถมยังเด็กอยู่ ยังไม่รู้จักความลำบาก”“ฉันควรฝึกให้เขารู้จักความลำบาก แต่
“ทำไมถึงไม่ฆ่า ตอบซิ” เขากระซิบถามย้ำอีกครั้ง เผื่อจะได้คำตอบ“คุณรู้แล้ว... รู้คำตอบแล้ว” เธอตอบกลับเสียงเบา สั่นเครือเล็กน้อยเหมือนรู้สึกพ่ายแพ้ให้เขาอย่างราบคาบ ถึงแม้ว่าเขาจะวางแผนพาเธอมาเป็นนางบำเรอก็เถอะ “ฉันร้ายกับเธอขนาดนี้” เขาถามพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย“แล้วอย่าร้ายกับขวัญได้ไหมล่ะ”“เกลียดตัวกินไข่ เกลียดพ่อกินลูกอย่างนั้นเหรอ หืม”“แล้วทำไมต้องเกลียดขวัญด้วยล่ะ” แต่ก่อนเขาตอบได้ ตอนนี้เขาตอบไม่ได้ซะแล้ว เกลียดตัวเองจริงๆ เชียว คำถามนี้ไม่มีคำตอบนอกจากตัดจบด้วยการจูบปิดปากหวานเสียเลย“อื้อ! คุณขี้โกง” เธอเบือนหน้าหนีพลางเอ่ยอย่างงอนเง้าเมื่อเขาไม่ตอบ“ขี้โกงอะไร หืม” เขาแสร้งถามกลับและยิ้มกรุ้มกริ่มเจ้าเล่ห์ไม่ตอบ เห็นแล้วเธอต้องเซ้าซี้ไหมเนี่ย“ขวัญขอได้ไหม” น้ำเสียงหวานออดอ้อนเชียว เขาคิด
“เด็กน้อย” สิ้นคำเขาก็กดจูบตรงกลีบนุ่ม ความร้อนจากปากทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อยจนขยับสะโพก ร่างกายไม่ได้รับสัมผัสเช่นนี้มานับอาทิตย์ ไม่อยากเชื่อว่าเธอจะปรารถนาถึงเพียงนี้ แค่เขาจูบแต่ยิ่งกว่าจูบ เมื่อลิ้นร้อนส่งออกมาปาดเลียกลีบนุ่ม จากล่างขึ้นบนสลับไปมาคล้ายจะหยอกเย้าให้ทรมานเล่น ทว่าร่างน้อยบิดเร้าเสียวซ่านจนขยำที่นอนเอาไว้ อีกมือก็กดศีรษะเขาเบาๆ กระทั่งเผลอคราง“ซี๊ด! อื้อ! อ๊ะ” เสียงครางหวานแผ่วเบาและเม้มปากเอาไว้เป็นบางจังหวะ และเสียวซ่านยิ่งกว่าเมื่อปลายลิ้นชำแรกสอดแทรกผ่านร่องรักฉ่ำหวาน ปาดเลียดุนดันเม็ดสวาทหนักหน่วง“อื้อ! โอ๊ย อ่า” เสียงหวานครวญครางโอดโอยเบาๆ พลางแอ่นสะโพกขึ้นลงรับจังหวะลิ้นที่กำลังเลียขึ้นลง สลับกับดูดน้ำหวานฉ่ำไหลอย่างคนช่ำชองประสบการณ์รัก สองมือจับขาทั้งสองข้างของเธอเอาไว้ ให้ตั้งชัน ปากร้อนบรรจงขบดูดดื่มโลมเลียร่องรักระรัวเร่ง ร่างน้อยสั่นสะท้านเสียวซ่านดีดดิ้นด้วยความทรมาน อารมณ์ปรารถนาโลดแล่นพ
“เรื่อง?” เขาถามเสียงทุ้มนุ่ม ทว่าเธอกลับเอามือชี้ไปที่หน้าอกของเขา ก่อนจะจับมือข้างขวาแล้วบังคับให้แบมือ เธอจับเอาไว้แน่นแล้วลูบไปมา มันทำให้นึกถึงคืนนั้นที่เขากำมีดเอาไว้แน่น แต่จังหวะเดียวกันนั้นเขาก็ดึงมือกลับ“ต้องการให้มันเป็นแบบจริงเหรอ ถ้าอยากฆ่าฉันจริงๆ ฉันก็ยอมเธอแล้วไง ทำไมไม่ทำ” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ปวดร้าวมากเลยทีเดียว จากนั้นจึงลุกขึ้นนั่งคุยกันดีๆ “ทำไม ฆ่าฉันเธอก็ปิดจ๊อบทุกอย่างได้ ได้เป็นอิสระ ได้กลับบ้าน ฉันไม่ให้ใครเอาเรื่องเธอก็ได้” เขากระซิบเบาลง“ขวัญไม่รู้ แล้วทำไมคุณต้องยอมด้วยล่ะ”“ฉันอยากเห็นสีหน้าคนใจร้าย อยากรู้ว่าถ้าฉันเจ็บ คนทำจะเป็นยังไงแต่ก็ได้รู้แล้ว มีอย่างที่อยากรู้เหมือนกัน” เขาพูดพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ กระทั่งหน้าผากแนบกัน“เกลียดมากไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ฆ่าเมื่อมีโอกาส” เขากระซิบเบากว่าเดิมเสียอีก“ขวัญ... ไม่รู้” เธอตอบได้แค่ไม่รู้พลาง
ผ่านไปเพียงห้านาที โดยประมาณเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ฉุดให้ของขวัญรีบเช็ดน้ำตา ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เคาะพอเป็นมารยาทเท่านั้น ประตูก็ถูกเปิดเข้ามาคือกมลนั่นเอง ของขวัญรีบฮึบแล้วกลืนน้ำตาเข้าไปไว้ในอก แต่มีหรือที่ผู้ใหญ่อย่างกมลจะดูไม่ออก ตาแดง จมูกแดงขนาดนี้“นายโทรตามให้มาอยู่เป็นเพื่อนค่ะ กินอะไรหรือยัง” กมลถาม ก่อนจะเหลือบมองที่จานอาหาร“เขาจะไม่เข้ามาอีกแล้วเหรอคะ”“เห็นว่ามีงานด่วนค่ะ ถ้าเข้าก็คงจะค่ำๆ มั้งคะ” กมลตอบก่อนจะนั่งที่ขอบเตียง จ้องหน้าของขวัญก่อนจะกุมมือเธอเอาไว้“ดีขึ้นบ้างไหมคะ” ประโยคคำถามนี้มันแทนได้ทุกเรื่องเลย ซึ่งมันไม่ดีขึ้น ทำให้ของขวัญร้องไห้มาอย่างอัดอั้น“พี่มล... ขวัญ ขวัญไม่ไหวแล้ว ขวัญจะทำยังไงดีคะ” เธอถามพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น“พี่มลอยากถาม คุณขวัญทำอะไรนายเหรอคะ เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน”“วันนั้นขวัญทำผิด เขาโกรธมากเลยรุนแรงกับขวัญ ขวัญเลยอาศัยจังหวะที่เขาหลับซ่อนมีดเอาไว้”“ถามจริงๆ จะฆ่าเขาให้ตายเลยเห
เจอพิษไข้รุมเร้าตั้งแต่เย็นวานนี้ ยาวมาจนตลอดทั้งคืน มาเช้าวันนี้ค่อยยังชั่วขึ้น ของขวัญปวดหัวน้อยลง ตัวเย็นแล้วพร้อมกับร่างกายที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ร้อนและเหนียวตัวพอสมควร กระทั่งเธอลืมตาขึ้นจึงเห็นว่าอยู่ในอ้อมกอดของเขา ถ้าจะขยับออกแล้วเขาจะตื่นหรือเปล่านะ ตอนนี้ไม่อยากให้เขาตื่น อยากเงยหน้ามองให้ชัดๆ เป็นครั้งแรก เขาตัดผมโกนหนวด สะอาดสะอ้าน ปากกระจับ จมูกโด่ง คิ้วหนาเข้ม แผงอกแน่น กล้ามแขนเป็นมัดใหญ่หล่อเกินจะมาเป็นนายใหญ่ของที่นี่ หล่อเกินที่เธอจะเอื้อมถึงและคู่ควร คิดแล้วก็น้ำตาไหลอีกครั้งพลางซบหน้ากับอกกว้าง ทว่าเธอกลับเหลือบเห็นแผลบนอก เป็นรอยเย็บซึ่งแผลยังดูใหม่อยู่ เหมือนเพิ่งจะหาย ใช่มันเป็นรอยที่เธอทำ เธอเอามีดแทงเขาดีที่มันไม่ลึก แต่เลือดที่เห็นยังคงติดตาอยู่“ขวัญขอโทษ” ของขวัญลอยๆ เบาๆ พลางเอามือลูบแผลนั่น ในจังหวะเดียวกันนั้นปราชญ์ขยับตัว คลายอ้อนกอดเหมือนเมื่อยแต่ไม่ได้ตื่น ทำให้เธอได้เป็นอิสระและดันตัวออกทันที ยิ่งทำให้เห็นชัดตรงต้นแขนที่เป็นรอยมีด เขาเย็บกี่เข็มกันเนี่ย เธอคิดพลางเอามือแตะแล้วลูบเบาๆ“อืม”