LOGINเธอเหลือบมองน้อง ๆ ทั้งสามที่ยังคงหลับใหลอยู่บนเสื่อฟางเก่าๆ ใบหน้าของพวกเขายังคงซูบผอม แต่ก็ดูสงบขึ้นกว่าเมื่อวาน มากนัก หลิงเหม่ยเม่ยยิ้มบางๆ ในใจ เธอรู้ดีว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เมื่อน้อง ๆ ตื่นขึ้นมา หลิงเม่ยเม่ยก็จัดแจงนำบะหมี่เกี๊ยวน้ำชามโตในยุคปัจจุบัน และน้ำดื่มจากที่ระบบจัดให้ออกมาให้พวกเขากินอีกครั้งตามเวลาที่ระบบกำหนด
เสียงเคี้ยว เสียงซดน้ำซุปโฮกๆ..ดังขึ้นอย่างมีความสุข ในบ้านที่เคยเงียบอ่อนล้าสิ้นหวัง หลิงห้าวจื่อที่เมื่อวานยังหวาดระแวง วันนี้กลับเป็นคนแรกที่รีบคว้าเกี๊ยวน้ำมาซด “พี่ใหญ่ขอรับ!!...ข้าไม่เคยได้กินอาหารที่อร่อยเช่นนี้มาก่อนเลย อาหารจากเมืองเซี่ยนนี่ มันอร่อยจริงๆ ไหนจะน้ำดื่มนี่อีก” ห้าวจื่อว่า ทำให้หลิงเหม่ยเม่ยนึกขึ้นได้ว่าภาชนะพวกนี้ จะต้องนำปัญหามาให้ เพราะยุค 70 นี้ ของพวกนี้ยังไม่มีให้เห็น
“เจ้าของพื้นที่ไม่ต้องกังวล สิ่งของเหล่านั้น ระบบสามารถรับซื้อคืน เพื่อนำไปรีไซเคิลได้ ถ้วยบะหมี่ซื้อคืน ในราคา 1 เหรียญทองแดง ขวดพลาสติกสามารถขายได้ 1 เหรียญเงินต่อ 1 ขวด ถ้าเจ้าของพื้นที่จะขาย กรุณายืนยันการขาย” ทันทีที่ยืนยัน ของหายไป เงินก็ปรากฏขึ้นที่มือ
“โห!...พี่ใหญ่ ข้าไม่เคยเห็นเงินเยอะเท่านี้มาก่อนเลยขอรับ” ห้าวจื่อว่า “เอาล่ะน้อง ๆ เราต้องมาทำความเข้าใจกันอีกครั้ง พวกเราจะไม่รอกินอาหารจากท่านเซี่ยนอย่างเดียว เราจะต้องพึ่งพาตัวเองให้ได้ เกิดวันไหน ท่านเซียนไม่ส่งอาหาร หรืออาหารท่านเซียนหมด เราจะต้องกลับไปอดอยากกันอีก
เพราะฉะนั้นน้อง ๆ ต้องเชื่อฟังพี่ใหญ่ และทำตามที่พี่ใหญ่บอกเท่านั้น พี่สัญญาว่าจะพาน้อง ๆ ให้อยู่ดีกินดีและจะได้เรียนหนังสือด้วย ที่สำคัญทุกเรื่องต้องรักษาเป็นความลับของครอบครัวเรานะ เข้าใจไหม” “พวกเราเข้าใจแล้วพี่ใหญ่” "วันนี้พี่ใหญ่จะพาพวกเจ้าขึ้นเขาไปหาของป่ากัน" เธอประกาศด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
"เราต้องหาของมาขายให้ระบบ เพื่อให้ระบบอัพเกรด และพวกเราจะได้มีอาหารดีๆ กินทุกวัน" หลิงห้าวจื่อเบิกตากว้าง "หาของป่าหรือพี่ใหญ่? แต่...แต่พี่ใหญ่ตัวใหญ่ขนาดนี้จะขึ้นเขาไหวหรือขอรับ " เขาเอ่ยถามด้วยความกังวลใจแต่จริงใจ หลิงเหม่ยเม่ยยิ้ม
"พี่ใหญ่ไม่เป็นไรหรอกน่า วันนี้พี่ใหญ่รู้สึกมีแรงขึ้นเยอะเลย" เธอพยายามขยับตัวให้ดูคล่องแคล่วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้จะยังรู้สึกอึดอัดกับน้ำหนักตัวมหาศาลก็ตาม "พวกเจ้าไปเตรียมตะกร้ากับมีดมา แล้วเราจะรีบไปกัน เพราะนี่ก็ไม่เช้าแล้ว " น้อง ๆ พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง พวกเขารีบไปหยิบตะกร้าสานเก่าๆ ที่ใช้สำหรับเก็บของป่า และมีดพร้าที่ขึ้นสนิเล็กน้อยมาให้พี่สาว หลิงเหม่ยเม่ย ตรวจสอบสภาพของมีด และตะกร้าอย่างละเอียด เธอคิดในใจว่าหากมีเงินมากพอ เธอจะต้องซื้ออุปกรณ์ที่ดีกว่านี้จากระบบมาใช้
เมื่อทุกคนพร้อม หลิงเม่ยเม่ยก็พาหลิงห้าวจื่อ จินเป่าและหงส์เป่าออกจากบ้าน มุ่งหน้าสู่ป่าด้านหลังของหมู่บ้าน เส้นทางขึ้นเขาค่อนข้างลาดชันและเต็มไปด้วยก้อนหิน หลิงเหม่ยเม่ยรู้สึกเหนื่อยหอบตั้งแต่ยังไม่ทันถึงครึ่งทาง เหงื่อกาฬไหลซึมไปทั่วแผ่นหลัง เสื้อผ้าที่สวมใส่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ การเคลื่อนไหวแต่ละก้าวเป็นไปอย่างเชื่องช้าและยากลำบาก ท้องของเธอสั่นคลอนไปมาตามจังหวะการเดิน
"พี่ใหญ่... พักก่อนไหมขอรับ" หลิงห้าวจื่อเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นพี่สาวหายใจหอบถี่ และใบหน้าแดงก่ำ "ไม่เป็นไรหรอกห้าวจื่อ พี่ใหญ่ไหว" เธอตอบ พยายามกลั้นเสียงหอบหายใจไว้ เธอรู้ดีว่าหากเธอท้อแท้ น้อง ๆ ก็จะหมดกำลังใจไปด้วย เธอต้องเป็นเสาร์หลัก ให้พวกเขา พวกเขาเดินลึกเข้าไปในป่าเรื่อยๆ หลิงเหม่ยเม่ยใช้ความรู้ด้านพืชพันธุ์ที่เธอมีจากยุคปัจจุบัน สอดส่องมองหาสมุนไพรและพืชผักที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้
สายตาของเธอคมกริบกว่าน้อง ๆ ที่คุ้นเคย กับการหาของป่าทั่วไป นอกจากสายตาจะคมกว่าแล้ว ระบบยังแจ้งเตือนอีก เมื่อเจอของโฮสต์ ที่สามารถขายหรือกินได้ เธอสังเกตเห็นพืช บางชนิดที่ดูไม่เหมือนผักป่าธรรมดา แต่กลับมีลักษณะคล้ายสมุนไพรหายากที่เธอเคยศึกษาในห้องแล็บ
"ดูนั่นสิห้าวจื่อ!" หลิงเม่ยเม่ยชี้ไปที่พุ่มไม้เตี้ยๆ ที่มีใบสีเขียวเข้มและดอกเล็กๆ สีม่วงอ่อน หลิงห้าวจื่อ เดินเข้าไปดูตามที่พี่สาวบอก "นี่มัน... ผักป่าธรรมดาขอรับพี่ใหญ่?"
“ถ้าอย่างนั้นเรากลับพร้อมกันเลย” “น้อง ๆ แน่ใจหรือว่าไม่เสียดายชีวิตในวัง” “ไมเสียดายเลย แต่จะเสียดายมากถ้าจะไม่มีบะหมีซองให้กินอีก” “ดี ถ้าอย่างนั้นพี่มีข่าวดีจะบอกพวกเจ้า " “ข่าวดี!..ข่าวดีอะไรหรือพี่ใหญ่?” “ก็ข่าวดีที่ว่าระบบของพี่ สามารถอัพเกรดขั้นสูงสุดแล้วนะสิ “..”จริงหรือๆ…ข้าดีใจยิ่งนัก แล้วระบบใหม่สามารถทำอะไรได้บ้างละเจ้าคะ ”. “สามารถทำได้ทุกอย่างเลย โดยเฉพาะ สามารถไปไหนก็ได้ และพาใครไปก็ได้ พี่จะพาน้อง ๆ ไปยังอีกโลกหนึ่ง ถือเป็นการพักผ่อนและท่องเที่ยว น้องสองคนจะไปกับพี่ไหม?” “ไปสิ ๆ พี่ใหญ่ ไม่ว่าท่านพี่จะไปไหน ที่นั่นต้องมีของอร่อยที่นั่นแน่ๆ" …"งันดีเลย พี่จะพาน้องไปช้อปปิ้งไปเสริมสวย ไปกินของอร่อยๆมากมาย และที่สำคัญจะพาไปเที่ยวบาโฮสด้วยดีไหม?” ทั้งสองพยักหน้า "ถ้าอย่างนั้นเอาไว้จะไปเมื่อไหร่พี่จะบอก" "เจ้าค่ะท่่านพี่ ถ้าอย่างนั้นหลับตาแล้วจับมือกัน หากว่าพี่ไม่บอกให้ลืมตาก็อย่าลืมตาขึ้นมาเด็ดขาด"เมื่อมาถึง แล้ว ทั้งสามปรากฏตัวในห้องของโรงแรมหรู ก่อนที่จะบอกให้น้องๆลืมตาขึ
วันหนึ่ง อ๋องอี้ส่งเทียบเชิญพิเศษมายังหลิงเหม่ยเม่ย เขาจัดงานเลี้ยงสำคัญระดับสูง เพื่อต้อนรับทูต จากแคว้นเพื่อนบ้าน และตัดสินใจเชิญหลิงเหม่ยเม่ย เข้าร่วมในฐานะ นักธุรกิจผู้มีวิสัยทัศน์และมีส่วนช่วย ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของเมืองหลวง นี่เป็นโอกาสสำคัญที่เธอจะได้ก้าวเข้าสู่สังคม ชั้นสูงอย่างเต็มตัว หลิงเหม่ยเม่ยตื่นเต้นกับงานเลี้ยงนี้ เป็นอย่างมาก เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่แค่การเข้าร่วมงานเลี้ยง ธรรมดาๆ แต่เป็นการประกาศสถานะ และบทบาทของเธอในสังคม เธอตัดสินใจใช้เงินจากระบบ เพื่อซื้อชุดราตรีที่สวยงามและทันสมัยที่สุดเท่าที่จะหาได้ในยุคนี้ ชุดนั้นทำจาก ผ้าไหมเนื้อดี สีครามเข้ม ปักลวดลายดอกโบตั๋นสีเงิน อย่างประณีต การออกแบบเรียบหรูแต่สง่างาม เน้นรูปร่างที่เพรียวบางของเธอให้เด่นชัดและงดงามยิ่งนัก และยังช่วยขับผิวพรรณ ที่เปล่งปลั่งให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น ในวันงานเลี้ยง หลิงเหม่ยเม่ยปรากฏตัวในชุดราตรีสีครามเข้ม เธอเดินเข้ามาในห้องโถงจัดเลี้ยงด้วยท่าทางสง่างามและมั่นใจ ผมเผ้าถูกเกล้าขึ้นอย่างเรียบง่ายแต่ดูมีรสนิยม ประดับด้วยปิ่นปักผมเงินฝังอัญมณีเล็กน้อย ใบหน้าของเธอแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง
ร้านผักดองของเธอยังคงได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ชื่อเสียงของเธอในฐานะ แม่ค้าผักดองอัจฉริยะ และ คุณหนูหลิงผู้พิทักษ์" ยิ่งทำให้มีลูกค้าหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย หลิงเม่ยเม่ยบริหารจัดการธุรกิจด้วยความสามารถ ที่เหนือกว่าคนในยุคนี้ เธอใช้หลักการบริหารจัดการสมัยใหม่ การตลาด และการควบคุมคุณภาพ ทำให้ธุรกิจของเธอเติบโตอย่างก้าวกระโดด เธอขยายกิจการด้วยการเปิดสาขาเพิ่มในย่านการค้าสำคัญของเมืองหลวง และเริ่มมองหาโอกาสในการส่งออก ผักดองและสินค้าเกษตรแปรรูป ไปยังเมืองอื่นๆ อีกด้วย เธอจ้างคนงานเพิ่มขึ้นและดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี ทำให้คนงานทุกคนรักและภักดีต่อเธอ ส่วนน้อง ๆ ของเธอ จินเป่าและหงส์เป่า ได้รับการดูแลอย่างดีในวัง พวกเธอปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่ ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความเฉลียวฉลาดจากน้ำยาอัจฉริยะ ทำให้พวกเธอเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและโดดเด่น กว่าเด็กคนอื่นๆ ในโรงเรียนสตรี ในวัง อิงอ๋องเองก็ให้ความเมตตาและดูแลพวกเธอประหนึ่งลูกแท้ๆ ทำให้ชีวิตของเด็กหญิงทั้งสองเต็มไปด้วยความสุขและโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อนหลิงห้าวจื่อ เองก็เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ที่สำนักศึกษาเหวินอี้
เธอเล็งและยิงออกไปอย่างต่อเนื่อง สังหารนักฆ่า ไปจนหมดสิ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงร่างไร้วิญญาณ ที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นดิน ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วป่าหลังเสียงปืนนัดสุดท้ายสิ้นลง อ๋องอี้และองครักษ์ต่างก็มองหลิงเม่ยเม่ยด้วยแววตา ที่เต็มไปด้วยความสงสัยและตกตะลึงในเวลาเดียวกัน พวกเขาไม่รู้ว่าหญิงสาวที่ดูบอบบางเช่นนี้ จะครอบครองอาวุธที่ร้ายกาจเช่นนี้ได้อย่างไร"นี่... นี่มันคืออะไรกันคุณหนูหลิง" อ๋องอี้ถามเสียงแผ่วเบา ดวงตาจับจ้องไปที่ปืนในมือของเธอ หลิงเม่ยเม่ยเก็บปืนกลับเข้าไปในระบบอย่างรวดเร็ว เธอรู้ว่าเธอต้องหาคำโกหกที่น่าเชื่อถือที่สุด "ท่านอ๋อง... มันคืออาวุธประหลาดที่ข้าได้ซื้อมาจากพ่อค้าชาวตะวันตกเมื่อไม่กี่วันก่อนเพคะ" เธอพยายามทำสีหน้า ให้เป็นธรรมชาติที่สุด"พวกเขาบอกว่ามันเป็นเครื่องมือป้องกันตัวที่หาได้ยากยิ่ง ข้าไม่คิดว่าจะได้ใช้มันในสถานการณ์เช่นนี้" อ๋องอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย "พ่อค้าชาวตะวันตกอย่างนั้นหรือ." เขาทบทวนในใจ เขาเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพ่อค้าแปลกหน้า ที่นำของแปลกๆ เข้ามาในแผ่นดินอยู่บ้าง แต่ไม่คิดว่าจะมีอาวุธที่ร้ายกาจถึงเพียงน
บัดนี้ จินเป่าและหงส์เป่าอยู่ในฐานะที่สูงส่งกว่าบรรดา คุณหนูจากตระกูลขุนนางเหล่านั้นไปแล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าดูถูกหรือกลั่นแกล้งพวกเธออีกต่อไป ในงานเลี้ยง ดวงตาของจินเป่าและหงส์เป่า ฉายแววความสุข พวกนางสวมชุดที่สวยงามปราณีต ได้รับการดูแลอย่างดี และมีรอยยิ้มบนใบหน้าตลอดเวลา หลิงเหม่ยเม่ยมองภาพน้อง ๆ ที่มีความสุขด้วยความอบอุ่นในหัวใจ เธอรู้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของอ๋องอี้ คือของขวัญอันล้ำค่าที่สุดสำหรับครอบครัวของเธอท่ามกลางแขกเหรื่อมากมาย คุณหนูที่โดดเด่นคนหนึ่งในงานคือ รั่ว ม่านอี้ บุตรสาวของเสนาบดีกรมคลัง นางเป็นหญิงสาวที่งดงามและเติบโตมาในตระกูล ที่ร่ำรวยและมีอำนาจ และเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มหลายคน และมักจะเป็นที่หนึ่งในหมู่คุณหนูทั้งหลายเสมอ รวมถึงเป็นคนที่เคยชินกับการเป็นที่สนใจและได้รับการปฏิบัติอย่างพิเศษ เธอเองก็เป็นหนึ่งในนักเรียนของโรงเรียนสตรีในวัง และเป็นหนึ่งในผู้ที่เคยดูถูกจินเป่าและหงส์เป่า เมื่อรั่วม่านอี้ ได้เห็นภาพของเด็กหญิงสองคนนั้น ที่นางเคยดูถูกเหยียดหยาม บัดนี้กลับได้รับการยกย่องให้มีฐานะเทียบเท่าเชื้อพระวงศ์ ดวงตาของเธอก็ลุกวาวด้วยความ ไม่พอใจปนความอิจฉ
หลังจากที่หลิงเม่ยเม่ยได้ส่งน้อง ๆ ทั้งสามคน เข้าสู่เส้นทางของการศึกษา หลิงห้าวจื่อเข้าเรียนที่สำนักศึกษาเหวินอี้ ของอ๋องอี้ ส่วนจินเป่าและหงส์เป่าได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้เข้าศึกษาในโรงเรียนสตรีในวังของอิงอ๋อง แม้นั่นจะเป็นเพียงโรงเรียนสำหรับเด็กหญิง แต่ก็เป็นสถานที่ ที่รวมลูกหลานของเหล่าขุนนาง และเชื้อพระวงศ์น้อยใหญ่ไว้ด้วยกัน เด็กหญิงทั้งสองที่เพิ่งก้าวเข้ามาจากชีวิตที่ยากไร้ ย่อมเป็นเป้าสายตาของเด็กผู้หญิงที่เติบโตมาในกรอบของสังคมชั้นสูง ผู้ที่คุ้นชินกับการแข่งขันและแบ่งชนชั้นเพียงไม่กี่วันผ่านไป อิงอ๋องก็ได้รับข่าวจากเหล่าพี่เลี้ยง และครูบาอาจารย์ในโรงเรียน เกี่ยวกับพฤติกรรม ของนักเรียนบางคน ที่เริ่มแสดงออกถึงความรังเกียจ และดูถูกจินเป่ากับหงส์เป่า พวกคุณหนูเหล่านั้นนินทาเรื่องฐานะที่ต่ำต้อยของสองพี่น้อง ตลอดจนรูปลักษณ์ ที่ยังคงผอมบางเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเด็กที่ได้รับการดูแลมาอย่างดี และแม้กระทั่งเสื้อผ้าที่หลิงเม่ยเม่ยเลือกสรรมาให้แล้วอย่างดีที่สุด ก็ยังคงถูกมองว่าไม่คู่ควรกับ "สถานที่สูงส่ง" เช่นในวัง อิงอ๋องผู้เป็นน้องสาวของอ๋องอี้ เป็นคนใจดี และมีคุณธรรมสูงส่งไม่







