LOGIN“เอาละ ระบบ บอกวิธี การอัปเกรดมา” ง่ายๆ เพียงแค่นายท่านหาของป่ามาขาย ระบบจะอัพเกรดหนึ่งครั้ง “อ๋อ…แค่นี้เอง สบายมาก ว่าแต่ผักกับหน่อไม้นี่หละขายได้ไหม?” “แน่นอนว่าได้ ผักป่าได้สิบสามเหรียญเงิน หน่อไม้ได้ ยี่สิบเหรียญเงิน รวมเป็น สามสิบสามเหรียญเงิน กรุณายืนยันการขาย” “ขายเลย!” สิ้นเสียงของเหลิงเหม่ยเม่ย ผักและหน่อไม้ก็หายไปต่อหน้าต่อตา เงินก็ปรากฏขึ้นในมือของ หลิงเหม่ยเม่ย
เมื่อน้องทั้งสามเห็นต่างก็ตกใจ วิ่งเข้าไปหลบที่มุมห้อง แต่แล้วก็มีเสียงแจ้งเตือนจากระบบอีกครั้ง กรุณารับอาหารมื้อแรกของวันได้เลย..ปิ๊ง!” ทันใดนั้นซาลาเปาลูกโตๆ 8 ลูกกับน้ำสี่ขวด ก็ปรากฏที่บนโต๊ะอาหาร ทั้งสามยิ่งตะลึงไปใหญ่ แต่กลิ่นซาลาเปาก็หอมยั่วน้ำลายเหลือเกิน
“มาเร็วน้อง ๆ ๆ …มากินซาลาเปาไส้เนื้อก่อนสิกำลังร้อนๆ ..นี่น้ำสะอาด มาเร็วมากินกัน” “ไม่!!..พวกเราไม่กิน แกเป็นใคร แกไม่ใช่พี่ใหญ่ของพวกเราใช่ไหม แกเป็นปีศาจ หลิงห้าวจื่อ ตะโกนเสียงดังด้วยความหวาดกลัว เขาปกป้องน้องสาวทั้งสองที่ซ่อนอยู่ข้างหลัง ดวงตาของเขาฉายแววไม่ไว้วางใจ หงส์เป่าและจินเป่าเองก็พยักหน้าหงึก ๆ เห็นด้วยกับพี่ชาย พวกเธอไม่เคยเห็นเรื่องแบบนี้มาก่อนในชีวิต และความเชื่อเรื่องภูตผีปีศาจก็ฝังลึกอยู่ในจิตใจ ของชาวบ้านในยุคนี้
หลิงเม่ยเม่ยถอนหายใจ เธอรู้ดีว่าต้องอธิบายให้น้อง ๆ เข้าใจ ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่กล้ากินอาหารที่ปรากฏขึ้นมาอย่างปริศนานี้เป็นแน่ เธอจะต้องสร้างเรื่องโกหก ที่น่าเชื่อถือที่สุด "ฟังพี่นะน้อง ๆ" หลิงเหม่ยเม่ยพยายามปรับน้ำเสียงให้ดูจริงจังและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน "เมื่อคืนนี้... ตอนที่พี่ใหญ่กำลังจะจากพวกเจ้าไป ได้มีท่านเซียนองค์หนึ่งปรากฏกายขึ้นมา" เธอเริ่มเล่าเรื่องโกหกที่เธอคิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
"ท่านเซียนเห็นว่าพวกเราน่าสงสาร พ่อแม่ก็จากไปแล้ว แถมยังต้องอดอยาก ท่านจึงมอบของวิเศษนี้ให้แก่พี่ใหญ่" เธอชี้ไปที่ซาลาเปาและน้ำดื่มที่วางอยู่บนโต๊ะ "ท่านบอกว่า นี่คือ 'ระบบแห่งความอุดมสมบูรณ์' ที่จะช่วยให้พวกเรามีกินมีใช้ ไม่ต้องอดอยากอีกต่อไป
"ดวงตาของน้อง ๆ ทั้งสามคนค่อยๆ คลายความหวาดกลัวลงเล็กน้อย แต่ก็ยังคงเต็มไปด้วยความสงสัย "ท่านเซียนบอกว่า ของวิเศษนี้จะปรากฏให้เห็นเฉพาะ คนที่จิตใจเท่านั้น และหากใครนำเรื่องนี้ไปบอกคนอื่น ของวิเศษนี้ก็จะหายไปทันที และพวกเราก็จะกลับไปอดอยากเหมือนเดิม" หลิงเหม่ยเม่ยเน้นย้ำเรื่องความลับอย่างหนักแน่น เธอจ้องมอง น้อง ๆ ทีละคน เพื่อให้พวกเขาเห็นถึงความจริงจังในแววตาของเธอ "พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่? นี่คือความลับของครอบครัวเรา ที่จะทำให้พวกเราทุกคนรอดตาย และมีชีวิตที่ดีขึ้น"
หลิงห้าวจื่อมองพี่สาวอย่างพิจารณา แม้จะยังไม่เข้าใจทั้งหมด แต่คำว่า "รอดตาย" และ "มีชีวิตที่ดีขึ้น" นั้นช่างเย้ายวนใจนัก พวกเขามองไปที่ซาลาเปาไส้เนื้อที่ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนอีกครั้ง ท้องของเขาร้องครวญครางอย่างรุนแรง "จริงหรือพี่ใหญ่? พวกเราจะไม่ต้องอดอยากอีกแล้ว" จินเป่าถามเสียงแผ่วเบา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหวัง
"จริงสิ" หลิงเหม่ยเม่ยยิ้ม "พี่ใหญ่ขอสัญญา" เธอหยิบซาลาเปาขึ้นมาหนึ่งลูก แล้วกัดเข้าไปคำใหญ่เพื่อแสดงให้น้อง ๆ เห็นว่ามันปลอดภัย "ดูสิ อร่อยมากเลยนะ" กลิ่นหอมของซาลาเปาที่โชยมาพร้อมกับภาพที่พี่สาว กำลังกัดกินอย่างเอร็ดอร่อย ทำให้ความหิวโหยเข้าครอบงำความหวาดกลัวของน้อง ๆ ในที่สุดหลิงห้าวจื่อเป็นคนแรกที่ค่อยๆ ขยับตัวเข้ามาใกล้โต๊ะอาหาร ตามด้วยจินเป่าและหงส์เป่าที่ยังคงลังเลเล็กน้อย
"มาสิ อย่ากลัวเลย" หลิงเหม่ยเม่ยยื่นซาลาเปาให้ห้าวจื่อหนึ่งลูก "ลองชิมดูสิ" หลิงห้าวจื่อรับซาลาเปามาอย่างระมัดระวัง เขากัดเข้าไปคำเล็กๆ ก่อนที่ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ รสชาติของเนื้อหมู ที่นุ่มละมุนลิ้น ผสมกับแป้งที่เหนียวนุ่มและไส้ที่ปรุงรสอย่างกลมกล่อม มันเป็นรสชาติที่เขาไม่เคยลิ้มลองมาก่อนในชีวิต "อร่อย... อร่อยมากพี่ใหญ่!" ห้าวจื่ออุทานด้วยความตื่นเต้นน้ำตาคลอเบ้าด้วยความซาบซึ้งใจ
เขากัดซาลาเปาคำแล้วคำเล่าอย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวว่ามันจะหายไป เมื่อเห็นพี่ชายกินอย่างเอร็ดอร่อย จินเป่าและหงส์เป่า ก็ไม่รอช้า พวกเธอรีบหยิบซาลาเปามาคนละลูก กัดเข้าไปอย่างไม่ลังเล เสียงเคี้ยวตุ้ยๆ ดังไปทั่วห้อง ใบหน้าของพวกเธอเต็มไปด้วยความสุขและรอยยิ้มที่แท้จริงเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน พวกเธอไม่เคยคิดฝันว่าจะได้กินอาหารที่อร่อยขนาดนี้ หลิงเหม่ยเม่ยมองภาพน้อง ๆ กินอาหารอย่างมีความสุข หัวใจของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นและโล่งใจ นี่คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง เธอจะต้องทำให้ชีวิตของน้อง ๆ ดีขึ้นให้ได้
เธอจะต้องใช้ระบบซูเปอร์มาร์เก็ตนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้พวกเขารอดพ้นจากความอดอยาก และมีชีวิตที่สมบูรณ์ พูนสุขอย่างที่ควรจะเป็น เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น แสงอาทิตย์อ่อนๆ สาดส่องผ่านรอยร้าวของผนังไม้เข้ามาในบ้านเก่าๆ ของตระกูลหลิง หลิงเหม่ยเม่ย ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดชื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในร่างนี้ ความหิวโหยที่เคยกัดกินกระเพาะอาหารได้หายไปแล้ว แทนที่ด้วยความอิ่มเอมใจจากซาลาเปาไส้เนื้อที่เธอได้รับจากระบบเมื่อคืนนี้ แม้จะยังไม่เต็มอิ่มมากนัก แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ร่างกาย มีเรี่ยวแรงขึ้นมาบ้าง
ร้านผักดองของเธอยังคงได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ชื่อเสียงของเธอในฐานะ แม่ค้าผักดองอัจฉริยะ และ คุณหนูหลิงผู้พิทักษ์" ยิ่งทำให้มีลูกค้าหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย หลิงเม่ยเม่ยบริหารจัดการธุรกิจด้วยความสามารถ ที่เหนือกว่าคนในยุคนี้ เธอใช้หลักการบริหารจัดการสมัยใหม่ การตลาด และการควบคุมคุณภาพ ทำให้ธุรกิจของเธอเติบโตอย่างก้าวกระโดด เธอขยายกิจการด้วยการเปิดสาขาเพิ่มในย่านการค้าสำคัญของเมืองหลวง และเริ่มมองหาโอกาสในการส่งออก ผักดองและสินค้าเกษตรแปรรูป ไปยังเมืองอื่นๆ อีกด้วย เธอจ้างคนงานเพิ่มขึ้นและดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี ทำให้คนงานทุกคนรักและภักดีต่อเธอ ส่วนน้อง ๆ ของเธอ จินเป่าและหงส์เป่า ได้รับการดูแลอย่างดีในวัง พวกเธอปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่ ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความเฉลียวฉลาดจากน้ำยาอัจฉริยะ ทำให้พวกเธอเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและโดดเด่น กว่าเด็กคนอื่นๆ ในโรงเรียนสตรี ในวัง อิงอ๋องเองก็ให้ความเมตตาและดูแลพวกเธอประหนึ่งลูกแท้ๆ ทำให้ชีวิตของเด็กหญิงทั้งสองเต็มไปด้วยความสุขและโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อนหลิงห้าวจื่อ เองก็เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ที่สำนักศึกษาเหวินอี้
เธอเล็งและยิงออกไปอย่างต่อเนื่อง สังหารนักฆ่า ไปจนหมดสิ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงร่างไร้วิญญาณ ที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นดิน ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วป่าหลังเสียงปืนนัดสุดท้ายสิ้นลง อ๋องอี้และองครักษ์ต่างก็มองหลิงเม่ยเม่ยด้วยแววตา ที่เต็มไปด้วยความสงสัยและตกตะลึงในเวลาเดียวกัน พวกเขาไม่รู้ว่าหญิงสาวที่ดูบอบบางเช่นนี้ จะครอบครองอาวุธที่ร้ายกาจเช่นนี้ได้อย่างไร"นี่... นี่มันคืออะไรกันคุณหนูหลิง" อ๋องอี้ถามเสียงแผ่วเบา ดวงตาจับจ้องไปที่ปืนในมือของเธอ หลิงเม่ยเม่ยเก็บปืนกลับเข้าไปในระบบอย่างรวดเร็ว เธอรู้ว่าเธอต้องหาคำโกหกที่น่าเชื่อถือที่สุด "ท่านอ๋อง... มันคืออาวุธประหลาดที่ข้าได้ซื้อมาจากพ่อค้าชาวตะวันตกเมื่อไม่กี่วันก่อนเพคะ" เธอพยายามทำสีหน้า ให้เป็นธรรมชาติที่สุด"พวกเขาบอกว่ามันเป็นเครื่องมือป้องกันตัวที่หาได้ยากยิ่ง ข้าไม่คิดว่าจะได้ใช้มันในสถานการณ์เช่นนี้" อ๋องอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย "พ่อค้าชาวตะวันตกอย่างนั้นหรือ." เขาทบทวนในใจ เขาเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพ่อค้าแปลกหน้า ที่นำของแปลกๆ เข้ามาในแผ่นดินอยู่บ้าง แต่ไม่คิดว่าจะมีอาวุธที่ร้ายกาจถึงเพียงน
บัดนี้ จินเป่าและหงส์เป่าอยู่ในฐานะที่สูงส่งกว่าบรรดา คุณหนูจากตระกูลขุนนางเหล่านั้นไปแล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าดูถูกหรือกลั่นแกล้งพวกเธออีกต่อไป ในงานเลี้ยง ดวงตาของจินเป่าและหงส์เป่า ฉายแววความสุข พวกนางสวมชุดที่สวยงามปราณีต ได้รับการดูแลอย่างดี และมีรอยยิ้มบนใบหน้าตลอดเวลา หลิงเหม่ยเม่ยมองภาพน้อง ๆ ที่มีความสุขด้วยความอบอุ่นในหัวใจ เธอรู้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของอ๋องอี้ คือของขวัญอันล้ำค่าที่สุดสำหรับครอบครัวของเธอท่ามกลางแขกเหรื่อมากมาย คุณหนูที่โดดเด่นคนหนึ่งในงานคือ รั่ว ม่านอี้ บุตรสาวของเสนาบดีกรมคลัง นางเป็นหญิงสาวที่งดงามและเติบโตมาในตระกูล ที่ร่ำรวยและมีอำนาจ และเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มหลายคน และมักจะเป็นที่หนึ่งในหมู่คุณหนูทั้งหลายเสมอ รวมถึงเป็นคนที่เคยชินกับการเป็นที่สนใจและได้รับการปฏิบัติอย่างพิเศษ เธอเองก็เป็นหนึ่งในนักเรียนของโรงเรียนสตรีในวัง และเป็นหนึ่งในผู้ที่เคยดูถูกจินเป่าและหงส์เป่า เมื่อรั่วม่านอี้ ได้เห็นภาพของเด็กหญิงสองคนนั้น ที่นางเคยดูถูกเหยียดหยาม บัดนี้กลับได้รับการยกย่องให้มีฐานะเทียบเท่าเชื้อพระวงศ์ ดวงตาของเธอก็ลุกวาวด้วยความ ไม่พอใจปนความอิจฉ
หลังจากที่หลิงเม่ยเม่ยได้ส่งน้อง ๆ ทั้งสามคน เข้าสู่เส้นทางของการศึกษา หลิงห้าวจื่อเข้าเรียนที่สำนักศึกษาเหวินอี้ ของอ๋องอี้ ส่วนจินเป่าและหงส์เป่าได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้เข้าศึกษาในโรงเรียนสตรีในวังของอิงอ๋อง แม้นั่นจะเป็นเพียงโรงเรียนสำหรับเด็กหญิง แต่ก็เป็นสถานที่ ที่รวมลูกหลานของเหล่าขุนนาง และเชื้อพระวงศ์น้อยใหญ่ไว้ด้วยกัน เด็กหญิงทั้งสองที่เพิ่งก้าวเข้ามาจากชีวิตที่ยากไร้ ย่อมเป็นเป้าสายตาของเด็กผู้หญิงที่เติบโตมาในกรอบของสังคมชั้นสูง ผู้ที่คุ้นชินกับการแข่งขันและแบ่งชนชั้นเพียงไม่กี่วันผ่านไป อิงอ๋องก็ได้รับข่าวจากเหล่าพี่เลี้ยง และครูบาอาจารย์ในโรงเรียน เกี่ยวกับพฤติกรรม ของนักเรียนบางคน ที่เริ่มแสดงออกถึงความรังเกียจ และดูถูกจินเป่ากับหงส์เป่า พวกคุณหนูเหล่านั้นนินทาเรื่องฐานะที่ต่ำต้อยของสองพี่น้อง ตลอดจนรูปลักษณ์ ที่ยังคงผอมบางเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเด็กที่ได้รับการดูแลมาอย่างดี และแม้กระทั่งเสื้อผ้าที่หลิงเม่ยเม่ยเลือกสรรมาให้แล้วอย่างดีที่สุด ก็ยังคงถูกมองว่าไม่คู่ควรกับ "สถานที่สูงส่ง" เช่นในวัง อิงอ๋องผู้เป็นน้องสาวของอ๋องอี้ เป็นคนใจดี และมีคุณธรรมสูงส่งไม่
อ๋องอี้ ซึ่งกำลังเดินตรวจตราโรงเรียนอยู่พอดี ก็หันมามองเช่นกัน เมื่อเขาเห็นหญิงสาวก้าวลงจากรถม้า ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตะลึงงัน หลิงเหม่ยเม่ยในชุดที่สง่างาม รูปร่างที่เพรียวบาง ใบหน้าที่สวยคมราวกับภาพวาด ผิวพรรณที่เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล และแววตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกสะกด เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของ "คุณหนูหลิง" ที่ทั้งสวย และทำอาหารอร่อย แต่ไม่คิดว่าจะได้เห็นความงาม ที่น่าหลงใหลเช่นนี้ด้วยตาตัวเอง อ๋องอี้เป็นเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ เขามีความเฉลียวฉลาด สุขุม และมีวิสัยทัศน์กว้างไกล แม้จะตะลึงในความงาม ของหลิงเหม่ยเม่ย แต่เขาก็รักษามารยาทและเก็บกิริยาได้อย่างดีเยี่ยม เขาก้าวเข้ามาหาหลิงเหม่ยเม่ยด้วยรอยยิ้มที่สุภาพ "ไม่ทราบว่าคุณหนูมีธุระอันใดหรือ" อ๋องอี้เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "คารวะท่านอ๋อง" หลิงเม่ยเม่ยย่อกายคำนับอย่างงดงาม "ข้าหลิงเม่ยเม่ย มาพร้อมกับน้อง ๆ เพื่อขอสมัครเข้าเรียน ที่สำนักศึกษาเหวินอี้แห่งนี้เพคะ" อ๋องอี้ มองไปที่น้อง ๆ ทั้งสามคนของหลิงเหม่ยเม่ย หลิงห้าวจื่อที่ดูเติบโตขึ้นมากและมีแววตา ที่ฉายแววเฉลียวฉลาดขึ้นอย่างเห
อนอื่น พี่ใหญ่จะสอนพวกเจ้า ด้วยตัวเองก่อน" หลิงเม่ยเม่ยกล่าว “หา!!...พี่ใหญ่ก็ไม่ได้เรียนหนังสือนี่นาแล้วจะสอนพวกข้าได้ เยี่ยงไรล่า " “เอ่อ…พี่ก็พอจะรู้มาบ้างนิดหน่อยจากโรงเรียนเซียนนะ” “โอ้โห!!...สุดยอดไปเลย” เราจะเริ่มต้นจากพื้นฐานง่ายๆ ก่อน แล้วค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ" เธอสั่งซื้อหนังสือ กระดาษ และพู่กันจากระบบซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งเป็นของที่มีคุณภาพดีเยี่ยมและหาไม่ได้ในยุคนี้หลิงเม่ยเม่ยเริ่มต้นสอนน้อง ๆ ด้วยตัวเอง เธอสอนให้พวกเขารู้จักตัวอักษร การนับเลข และเรื่องราวพื้นฐานต่างๆ ที่เธอจำได้จากโลกเดิม บทกวี ต่างๆ เธอใช้เทคนิคการสอนที่ทันสมัย พยายามทำให้การเรียนสนุกและน่าสนใจ แต่แล้วเธอก็ต้องพบกับอุปสรรคที่คาดไม่ถึง น้อง ๆ ของเธอโดยเฉพาะจินเป่าและหงส์เป่า ดูเหมือนจะมีปัญหาในการจดจำ ทำให้ พวกเขามักจะลืมสิ่งที่เรียนไปแล้วอย่างรวดเร็วและดูเหมือนจะใช้เวลานานกว่าปกติในการซึมซับความรู้เหล่านั้น นั่นอาจจะเป็นเพราะภาวะความอดอยาก ในขณะที่สมองกำลังเติบโตและพัฒนา "ทำไมพวกเจ้าถึงจำไม่ได้เลยล่ะ" หลิงเหม่ยเม่ยถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย ระคนเป็นห่วง เธอพยายามอดทนและสอนซ้ำ







