로그인"พี่รองออกไปหาของป่าตั้งแต่เช้า ยังไม่กลับมาเลย" จินเป่าตอบ น้ำเสียงของเธอเองก็เต็มไปด้วยความกังวลหลิงเหม่ยเม่ยเงียบไปครู่หนึ่ง เธอต้องทำความเข้าใจ กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เธอทะลุมิติมาอยู่ในร่างของหญิงสาวในยุคปี 70 ยุคที่ผู้คนอดอยาก ยากจน และเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ยุคที่อาหารเป็นสิ่งล้ำค่า และการมีชีวิตรอดแต่ละวัน คือความท้าทายอันแสนสาหัส
และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เธอต้องดูแลน้อง ๆ ทั้งสามคนของร่างเดิมให้รอดพ้น จากความอดอยากนี้ให้ได้ เธอต้องปกป้องพวกเขา เธอสาบานกับตัวเองในใจ ก่อนจะค่อยๆ กวาดสายตาไปรอบๆ ห้องอีกครั้ง ในความคิดเธอ ภาพของห้องแล็บ ที่ทันสมัยในยุค ใหม่ยังคงฉายชัด ทว่าความเป็นจริงตรงหน้าคือความแร้นแค้นที่น่าหดหู่ ความรู้สึกหิวโหยที่กัดกินอยู่ภายในเริ่มทรมานขึ้นเรื่อยๆ มันไม่ใช่แค่ความอยากอาหาร แต่เป็นความเจ็บปวด ที่แท้จริงจากการที่ร่างกายขาดสารอาหารอย่างหนัก
เธอไม่เคยสัมผัสกับความหิวแบบนี้มาก่อน ในชีวิตที่แสนสุขสบายในยุคปัจจุบัน การเป็นนักวิจัยพืชพันธุ์ทำให้เธอคุ้นเคยกับความอุดมสมบูรณ์ของพืชพรรณธัญญาหาร แต่ที่นี่...ทุกอย่างกลับตรงกันข้าม เธอเอื้อมมือไปจับมือเล็กๆ ของจินเป่าและหงส์เป่า ที่เย็นเฉียบและผอมบางราวกับกิ่งไม้ ความรู้สึกผิด ท่วมท้นในใจอีกครั้ง ร่างเดิมของพี่สาวต้องตายไปเพื่อปกป้องชีวิตน้อง ๆ เหล่านี้ เธอจะไม่มีวันทำให้การเสียสละนั้นสูญเปล่า เธอจะต้องทำให้ชีวิตของน้อง ๆ ดีขึ้นให้ได้ ไม่ว่าจะต้องลำบากแค่ไหนก็ตาม หลิงเม่ยเม่ยหลับตาลงช้าๆ
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของเธอไม่ได้ว่างเปล่าหรือหวาดกลัวเหมือนตอนแรกที่ตื่นมาอีกแล้ว แต่กลับเต็มไปด้วยประกายแห่งความมุ่งมั่นและความเด็ดเดี่ยว เธอจะต้องหาทางรอดให้ได้ เธอจะต้องใช้ความรู้ทั้งหมดที่เธอมีจากยุคปัจจุบันมาพลิกฟื้นชีวิตของครอบครัวนี้ ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายแค่ไหน เธอก็จะไม่ยอมแพ้ การปรับตัวเข้ากับร่างกายที่ใหญ่โต เทอะทะ และความหิวโหยนี๋ ช่างทรมานจริงๆ เสียงประตูไม้เอี๊ยดอ๊าดดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ทั้งสามคนหันไปมองอย่างพร้อมเพรียงกัน
ชายหนุ่มร่างผอมเกร็ง ดวงตาโหลลึก ใบหน้าซีดเซียว ผมเผ้ายุ่งเหยิงก้าวเข้ามาในห้อง เขาสูงกว่าเด็กหญิงทั้งสองมาก แต่ก็ยังดูผอมบางราวกับโครงกระดูกที่ห่อหุ้ม ด้วยผิวหนัง เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็เก่าและเปื้อนโคลน จากการออกไปหาของป่า เขามองมาที่หลิงเหม่ยเม่ย ด้วยแววตาระคนประหลาดใจและโล่งใจ เมื่อเห็นว่าพี่สาวยังคงลืมตาอยู่
"พี่ใหญ่! พี่ใหญ่ตื่นแล้ว!" หลิงห้าวจื่อ น้องชายคนรองเอ่ยขึ้น ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นระคนดีใจ เขาเป็นคนที่แข็งแรงที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้งหมด และเป็นเสาหลักในการหาอาหารหลังจากพ่อแม่จากไป แม้จะอายุเพียงสิบสามปี แต่ภาระที่แบกรับก็หนักอึ้งเกินวัย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยร่องรอยความเหนื่อยล้า จากการเดินหาอาหารมาทั้งวัน
"ห้าวจื่อ... ได้อะไรมาบ้าง?" หลิงเหม่ยเม่ยถาม น้ำเสียงของเธอยังคงแหบพร่า แต่แฝงไปด้วยความกังวล ที่พยายามซ่อนไว้ หลิงห้าวจื่อปลดตะกร้าออกจากหลัง ส่งให้พี่สาวอย่างหมดอาลัยตายอยาก มือของเขาที่ยื่นออกมาสั่นเทาเล็กน้อย "วันนี้โชคร้ายนัก พี่ใหญ่ หาเท่าไรก็ได้แค่ผักป่าไม่กี่กำ และนี่... หน่อไม้สี่หางที่เจอตามทาง ไม่มีเนื้อสัตว์ ไม่มีแม้แต่ผลไม้ป่าเลย" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงท้อแท้
ในมือของเขามีผักใบเขียวซีดๆที่ดูไม่น่ากินนัก และหน่อไม้ผอมๆ สี่อันที่แทบจะไม่มีเนื้อให้กิน ดวงตาของเขาฉายประกายความเศร้าสร้อยเมื่อเห็นสภาพ ของพี่สาวที่ยังคงบวมเป่งและซูบซีด หลิงเหม่ยเม่ย มองดูของที่หลิงห้าวจื่อนำมาด้วยความรู้สึกหดหู่ใจ ผักป่าพวกนี้แทบจะไม่มีคุณค่าทางอาหารอะไรเลย และหน่อไม้สี่หางก็คงได้แค่บรรเทาความหิวได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น เธอรู้ดีว่านี่คือความพยายามสูงสุด ของน้องชายแล้ว
มองดูสภาพผักก็อดคิดถึงแปลงผักทดลองและผักปลอดสาร ที่กว้างใหญ่สุดสายตา แต่แล้วทันใดนั้น “ปิ๊ง!..ขอแสดงความยินดีด้วย บัดนี้ระบบซูเปอร์มาเก็ตของคุณและโกดังอาหารของคุณเปิดระบบแล้ว เช้าวันนี้คุณสามารถ เอาซาลาเปาไส้เนื้อออกมาได้ 8 ลูก และน้ำดื่มขวดลิตรได้อีก 4 ขวด…และวันหนึ่งคุณสามารถ เปิดรับอาหารในระบบ ได้สามเวลา ส่วนจะเป็นอะไรนั้นทางระบบจะจัดให้เองโฮสต์ไม่สามารถเลือกเองได้จนกว่าจะอัพเกรด “
“เรารอดตายแล้ว ว่าแต่ระบบให้เราได้แค่นี้หรือ ทำได้เท่านี้จริงๆหรือ?” “แน่นอนว่า หากคุณสามารถอัพเกรดได้ จะเข้าถึงสิทธิ์พิเศษอีกมากมาย” “แล้วฉันต้องทำยังไงถึงจะอัปเกรดระบบได้” “ พี่รอง!! ..ข้าว่าพี่ใหญ่อาการแย่แล้ว พูดจาไม่รู้ภาษาหรือว่าจะถูกปีศาจเข้าสิง” “ไม่ใช่หรอกน้อง ๆ เดี๋ยวพี่สัญญาว่า จะเล่าให้พวกเจ้าฟังทีหลัง”
ร้านผักดองของเธอยังคงได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ชื่อเสียงของเธอในฐานะ แม่ค้าผักดองอัจฉริยะ และ คุณหนูหลิงผู้พิทักษ์" ยิ่งทำให้มีลูกค้าหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย หลิงเม่ยเม่ยบริหารจัดการธุรกิจด้วยความสามารถ ที่เหนือกว่าคนในยุคนี้ เธอใช้หลักการบริหารจัดการสมัยใหม่ การตลาด และการควบคุมคุณภาพ ทำให้ธุรกิจของเธอเติบโตอย่างก้าวกระโดด เธอขยายกิจการด้วยการเปิดสาขาเพิ่มในย่านการค้าสำคัญของเมืองหลวง และเริ่มมองหาโอกาสในการส่งออก ผักดองและสินค้าเกษตรแปรรูป ไปยังเมืองอื่นๆ อีกด้วย เธอจ้างคนงานเพิ่มขึ้นและดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี ทำให้คนงานทุกคนรักและภักดีต่อเธอ ส่วนน้อง ๆ ของเธอ จินเป่าและหงส์เป่า ได้รับการดูแลอย่างดีในวัง พวกเธอปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่ ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความเฉลียวฉลาดจากน้ำยาอัจฉริยะ ทำให้พวกเธอเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและโดดเด่น กว่าเด็กคนอื่นๆ ในโรงเรียนสตรี ในวัง อิงอ๋องเองก็ให้ความเมตตาและดูแลพวกเธอประหนึ่งลูกแท้ๆ ทำให้ชีวิตของเด็กหญิงทั้งสองเต็มไปด้วยความสุขและโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อนหลิงห้าวจื่อ เองก็เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ที่สำนักศึกษาเหวินอี้
เธอเล็งและยิงออกไปอย่างต่อเนื่อง สังหารนักฆ่า ไปจนหมดสิ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงร่างไร้วิญญาณ ที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นดิน ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วป่าหลังเสียงปืนนัดสุดท้ายสิ้นลง อ๋องอี้และองครักษ์ต่างก็มองหลิงเม่ยเม่ยด้วยแววตา ที่เต็มไปด้วยความสงสัยและตกตะลึงในเวลาเดียวกัน พวกเขาไม่รู้ว่าหญิงสาวที่ดูบอบบางเช่นนี้ จะครอบครองอาวุธที่ร้ายกาจเช่นนี้ได้อย่างไร"นี่... นี่มันคืออะไรกันคุณหนูหลิง" อ๋องอี้ถามเสียงแผ่วเบา ดวงตาจับจ้องไปที่ปืนในมือของเธอ หลิงเม่ยเม่ยเก็บปืนกลับเข้าไปในระบบอย่างรวดเร็ว เธอรู้ว่าเธอต้องหาคำโกหกที่น่าเชื่อถือที่สุด "ท่านอ๋อง... มันคืออาวุธประหลาดที่ข้าได้ซื้อมาจากพ่อค้าชาวตะวันตกเมื่อไม่กี่วันก่อนเพคะ" เธอพยายามทำสีหน้า ให้เป็นธรรมชาติที่สุด"พวกเขาบอกว่ามันเป็นเครื่องมือป้องกันตัวที่หาได้ยากยิ่ง ข้าไม่คิดว่าจะได้ใช้มันในสถานการณ์เช่นนี้" อ๋องอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย "พ่อค้าชาวตะวันตกอย่างนั้นหรือ." เขาทบทวนในใจ เขาเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพ่อค้าแปลกหน้า ที่นำของแปลกๆ เข้ามาในแผ่นดินอยู่บ้าง แต่ไม่คิดว่าจะมีอาวุธที่ร้ายกาจถึงเพียงน
บัดนี้ จินเป่าและหงส์เป่าอยู่ในฐานะที่สูงส่งกว่าบรรดา คุณหนูจากตระกูลขุนนางเหล่านั้นไปแล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าดูถูกหรือกลั่นแกล้งพวกเธออีกต่อไป ในงานเลี้ยง ดวงตาของจินเป่าและหงส์เป่า ฉายแววความสุข พวกนางสวมชุดที่สวยงามปราณีต ได้รับการดูแลอย่างดี และมีรอยยิ้มบนใบหน้าตลอดเวลา หลิงเหม่ยเม่ยมองภาพน้อง ๆ ที่มีความสุขด้วยความอบอุ่นในหัวใจ เธอรู้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของอ๋องอี้ คือของขวัญอันล้ำค่าที่สุดสำหรับครอบครัวของเธอท่ามกลางแขกเหรื่อมากมาย คุณหนูที่โดดเด่นคนหนึ่งในงานคือ รั่ว ม่านอี้ บุตรสาวของเสนาบดีกรมคลัง นางเป็นหญิงสาวที่งดงามและเติบโตมาในตระกูล ที่ร่ำรวยและมีอำนาจ และเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มหลายคน และมักจะเป็นที่หนึ่งในหมู่คุณหนูทั้งหลายเสมอ รวมถึงเป็นคนที่เคยชินกับการเป็นที่สนใจและได้รับการปฏิบัติอย่างพิเศษ เธอเองก็เป็นหนึ่งในนักเรียนของโรงเรียนสตรีในวัง และเป็นหนึ่งในผู้ที่เคยดูถูกจินเป่าและหงส์เป่า เมื่อรั่วม่านอี้ ได้เห็นภาพของเด็กหญิงสองคนนั้น ที่นางเคยดูถูกเหยียดหยาม บัดนี้กลับได้รับการยกย่องให้มีฐานะเทียบเท่าเชื้อพระวงศ์ ดวงตาของเธอก็ลุกวาวด้วยความ ไม่พอใจปนความอิจฉ
หลังจากที่หลิงเม่ยเม่ยได้ส่งน้อง ๆ ทั้งสามคน เข้าสู่เส้นทางของการศึกษา หลิงห้าวจื่อเข้าเรียนที่สำนักศึกษาเหวินอี้ ของอ๋องอี้ ส่วนจินเป่าและหงส์เป่าได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้เข้าศึกษาในโรงเรียนสตรีในวังของอิงอ๋อง แม้นั่นจะเป็นเพียงโรงเรียนสำหรับเด็กหญิง แต่ก็เป็นสถานที่ ที่รวมลูกหลานของเหล่าขุนนาง และเชื้อพระวงศ์น้อยใหญ่ไว้ด้วยกัน เด็กหญิงทั้งสองที่เพิ่งก้าวเข้ามาจากชีวิตที่ยากไร้ ย่อมเป็นเป้าสายตาของเด็กผู้หญิงที่เติบโตมาในกรอบของสังคมชั้นสูง ผู้ที่คุ้นชินกับการแข่งขันและแบ่งชนชั้นเพียงไม่กี่วันผ่านไป อิงอ๋องก็ได้รับข่าวจากเหล่าพี่เลี้ยง และครูบาอาจารย์ในโรงเรียน เกี่ยวกับพฤติกรรม ของนักเรียนบางคน ที่เริ่มแสดงออกถึงความรังเกียจ และดูถูกจินเป่ากับหงส์เป่า พวกคุณหนูเหล่านั้นนินทาเรื่องฐานะที่ต่ำต้อยของสองพี่น้อง ตลอดจนรูปลักษณ์ ที่ยังคงผอมบางเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเด็กที่ได้รับการดูแลมาอย่างดี และแม้กระทั่งเสื้อผ้าที่หลิงเม่ยเม่ยเลือกสรรมาให้แล้วอย่างดีที่สุด ก็ยังคงถูกมองว่าไม่คู่ควรกับ "สถานที่สูงส่ง" เช่นในวัง อิงอ๋องผู้เป็นน้องสาวของอ๋องอี้ เป็นคนใจดี และมีคุณธรรมสูงส่งไม่
อ๋องอี้ ซึ่งกำลังเดินตรวจตราโรงเรียนอยู่พอดี ก็หันมามองเช่นกัน เมื่อเขาเห็นหญิงสาวก้าวลงจากรถม้า ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตะลึงงัน หลิงเหม่ยเม่ยในชุดที่สง่างาม รูปร่างที่เพรียวบาง ใบหน้าที่สวยคมราวกับภาพวาด ผิวพรรณที่เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล และแววตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกสะกด เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของ "คุณหนูหลิง" ที่ทั้งสวย และทำอาหารอร่อย แต่ไม่คิดว่าจะได้เห็นความงาม ที่น่าหลงใหลเช่นนี้ด้วยตาตัวเอง อ๋องอี้เป็นเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ เขามีความเฉลียวฉลาด สุขุม และมีวิสัยทัศน์กว้างไกล แม้จะตะลึงในความงาม ของหลิงเหม่ยเม่ย แต่เขาก็รักษามารยาทและเก็บกิริยาได้อย่างดีเยี่ยม เขาก้าวเข้ามาหาหลิงเหม่ยเม่ยด้วยรอยยิ้มที่สุภาพ "ไม่ทราบว่าคุณหนูมีธุระอันใดหรือ" อ๋องอี้เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "คารวะท่านอ๋อง" หลิงเม่ยเม่ยย่อกายคำนับอย่างงดงาม "ข้าหลิงเม่ยเม่ย มาพร้อมกับน้อง ๆ เพื่อขอสมัครเข้าเรียน ที่สำนักศึกษาเหวินอี้แห่งนี้เพคะ" อ๋องอี้ มองไปที่น้อง ๆ ทั้งสามคนของหลิงเหม่ยเม่ย หลิงห้าวจื่อที่ดูเติบโตขึ้นมากและมีแววตา ที่ฉายแววเฉลียวฉลาดขึ้นอย่างเห
อนอื่น พี่ใหญ่จะสอนพวกเจ้า ด้วยตัวเองก่อน" หลิงเม่ยเม่ยกล่าว “หา!!...พี่ใหญ่ก็ไม่ได้เรียนหนังสือนี่นาแล้วจะสอนพวกข้าได้ เยี่ยงไรล่า " “เอ่อ…พี่ก็พอจะรู้มาบ้างนิดหน่อยจากโรงเรียนเซียนนะ” “โอ้โห!!...สุดยอดไปเลย” เราจะเริ่มต้นจากพื้นฐานง่ายๆ ก่อน แล้วค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ" เธอสั่งซื้อหนังสือ กระดาษ และพู่กันจากระบบซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งเป็นของที่มีคุณภาพดีเยี่ยมและหาไม่ได้ในยุคนี้หลิงเม่ยเม่ยเริ่มต้นสอนน้อง ๆ ด้วยตัวเอง เธอสอนให้พวกเขารู้จักตัวอักษร การนับเลข และเรื่องราวพื้นฐานต่างๆ ที่เธอจำได้จากโลกเดิม บทกวี ต่างๆ เธอใช้เทคนิคการสอนที่ทันสมัย พยายามทำให้การเรียนสนุกและน่าสนใจ แต่แล้วเธอก็ต้องพบกับอุปสรรคที่คาดไม่ถึง น้อง ๆ ของเธอโดยเฉพาะจินเป่าและหงส์เป่า ดูเหมือนจะมีปัญหาในการจดจำ ทำให้ พวกเขามักจะลืมสิ่งที่เรียนไปแล้วอย่างรวดเร็วและดูเหมือนจะใช้เวลานานกว่าปกติในการซึมซับความรู้เหล่านั้น นั่นอาจจะเป็นเพราะภาวะความอดอยาก ในขณะที่สมองกำลังเติบโตและพัฒนา "ทำไมพวกเจ้าถึงจำไม่ได้เลยล่ะ" หลิงเหม่ยเม่ยถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย ระคนเป็นห่วง เธอพยายามอดทนและสอนซ้ำ







