Share

การประลอง

last update Dernière mise à jour: 2025-06-06 22:45:10

รุ่งเช้าของวันถัดมา ดวงอาทิตย์เพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้าส่งแสงสีทองสาดส่องกระทบยอดไม้ เหม่ยหลินและครอบครัวก็ตื่นขึ้นมาด้วยความกระตือรือร้น เสียงตำครกดังโขกไปมาตั้งแต่ไก่โห่ บรรยากาศในบ้านเต็มไปด้วยความคึกคักอย่างไม่เคยมีมาก่อน

"ชิวลี่ฮวา เจ้าช่วยบดข้าวโพดที่เหลือให้ละเอียดกว่านี้นะ" เหม่ยหลินสั่งกำชับ ขณะที่มือเรียวของเธอกำลังคลุกเคล้าหัวไชเท้าขูดกับแป้งข้าวโพดที่ได้จากการแลกเปลี่ยนเมื่อวาน

"เจ้าค่ะท่านแม่" ชิวลี่ฮวารับคำอย่างกระตือรือร้น เธอใช้ไม้เท้าคนข้าวโพดที่แช่น้ำไว้ในครกไม้ขนาดใหญ่ พลางใช้สากตำอย่างระมัดระวัง แม้จะยังไม่คุ้นเคยกับงานครัวนัก แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็บ่งบอกถึงความสุขที่ได้ช่วยเหลือ

หลี่เฟยหลงกับหลี่เฟยหานช่วยกันก่อไฟในเตาฟืนจนเปลวไฟลุกโชน ส่วนหลี่เฟยหยางก็วิ่งพล่านไปมาในครัวอย่างสนุกสนาน คอยหยิบจับสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ ตามที่เหม่ยหลินบอก

"หลี่เฟยหลง เจ้าช่วยยกกระทะใบนี้ขึ้นตั้งบนเตาให้แม่หน่อย" เหม่ยหลินบอก เมื่อเธอปรุงส่วนผสมของลูกชิ้นหัวไชเท้าเสร็จแล้ว

หลี่เฟยหลงรับคำอย่างแข็งขัน ยกกระทะเหล็กหนักอึ้งขึ้นวางบนเตาอย่างคล่องแคล่ว แววตาของเขาจับจ้องการกระทำของเหม่ยหลินอย่างไม่คลาดสายตา ทุกการเคลื่อนไหวของเธอเต็มไปด้วยความเชี่ยวชาญและมั่นใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นจาก 'แม่' คนเก่าเลย

เหม่ยหลินเทน้ำมันที่เหลืออยู่น้อยนิดลงในกระทะ รอจนน้ำมันร้อนได้ที่ จากนั้นก็ใช้ช้อนตักส่วนผสมของลูกชิ้นหัวไชเท้าหย่อนลงไปในน้ำมันร้อนๆ เสียงซู่ซ่าดังขึ้นทันที พร้อมกับกลิ่นหอมของหัวไชเท้าทอดที่เริ่มลอยคลุ้งไปทั่วห้องครัว

"ท่านแม่...กลิ่นหอมจังเลยขอรับ!" หลี่เฟยหยางร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้น

ไม่นานนัก ลูกชิ้นหัวไชเท้าทอดสีเหลืองทองก็ลอยขึ้นมาเหนือน้ำมัน เหม่ยหลินใช้ตะหลิวไม้พลิกไปมาจนสุกเหลืองทั่วกัน ก่อนจะตักขึ้นพักไว้บนกระด้งที่รองด้วยกระดาษใบจากเพื่อซับน้ำมัน

"ต่อไปก็ขนมผักกาดหอมนะ" เหม่ยหลินบอก เธอใช้ไอน้ำจากหม้อน้ำเดือดนึ่งขนมผักกาดหอมที่ห่อด้วยใบตองจนสุกใส ก่อนจะนำไปผัดกับเต้าเจี้ยวเล็กน้อยจนหอมกรุ่น

กว่าทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อย ดวงอาทิตย์ก็ขึ้นสูงเต็มที่ เหม่ยหลินนำอาหารที่ปรุงเสร็จแล้วใส่ภาชนะต่างๆ และจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับตั้งแผงขายอย่างเรียบง่าย มีเพียงโต๊ะไม้เก่าๆ ตัวหนึ่งกับเก้าอี้อีกสองสามตัว

"เราจะไปกันแล้วนะ" เหม่ยหลินบอกด้วยความมุ่งมั่น

ณ ตรอกอาหารไร้ชื่อ

เมื่อมาถึงตลาด เหม่ยหลินเลือกทำเลที่ค่อนข้างเงียบสงบ แต่ก็อยู่ในเส้นทางที่ผู้คนต้องเดินผ่าน เนื่องจากเธอต้องการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับจางไห่ในช่วงแรก และต้องการให้ผู้คนได้ลองชิมอาหารของเธอก่อน

พวกเขาช่วยกันจัดตั้งโต๊ะและวางอาหาร ขนมผักกาดหอมและลูกชิ้นหัวไชเท้าทอดถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ แม้ภาชนะจะดูเรียบง่าย แต่กลิ่นหอมของอาหารก็ลอยไปเตะจมูกผู้คนที่เดินผ่านไปมา

"ท่านแม่...เราจะขายอย่างไรขอรับ?" หลี่เฟยหลงถามอย่างกังวล เมื่อเห็นผู้คนเดินผ่านไปมาอย่างไม่สนใจ

"เราจะให้พวกเขาชิมก่อน" เหม่ยหลินตอบ พลางยิ้มให้ "หลี่เฟยหยาง เจ้าช่วยแม่เรียกคนมาลองชิมนะ"

หลี่เฟยหยางพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น "ได้เลยขอรับท่านแม่!"

ไม่นานนัก ก็มีชายชราคนหนึ่งเดินผ่านไป เขาหยุดชะงักเมื่อได้กลิ่นหอมของอาหาร

"เอ่อ...ท่านแม่เจียง?" ชายชราเอ่ยทักทายด้วยความแปลกใจ "ท่านมาตั้งแผงขายอาหารด้วยหรือนี่? ไม่เคยเห็นท่านทำอาหารเลยนะ"

เหม่ยหลินยิ้มให้ "ลุงจางคะ วันนี้ข้าทำอาหารพิเศษมาให้ลองชิมดูเจ้าค่ะ ฟรีเจ้าค่ะ!"

ชายชราเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัย แต่เมื่อได้ยินคำว่า 'ฟรี' เขาก็ยอมลอง เขารับลูกชิ้นหัวไชเท้าทอดชิ้นหนึ่งจากหลี่เฟยหยางที่ยื่นให้ด้วยรอยยิ้มซุกซน

เมื่อชายชรากัดเข้าไปคำแรก ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ รสชาติกรอบนอกนุ่มในของลูกชิ้นหัวไชเท้าผสานกับกลิ่นหอมของเครื่องเทศที่ไม่เคยลิ้มลองมาก่อน มันเป็นรสชาติที่เรียบง่าย แต่กลับ อร่อยอย่างเหลือเชื่อ

"โอ้โห! นี่มัน...อร่อยมากเลย!" ชายชราเอ่ยชมอย่างตื่นเต้น "นี่ท่านแม่เจียงทำเองหรือนี่?"

"เจ้าค่ะ" เหม่ยหลินตอบอย่างภูมิใจ

ไม่นานนัก ก็เริ่มมีผู้คนมามุงดูและลองชิมอาหารของเธอ เสียงชมเชยเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ "อร่อย! อร่อยจริงๆ!" "ไม่เคยคิดเลยว่าหัวไชเท้าจะทำได้อร่อยขนาดนี้!" "ขนมผักกาดหอมนี่ก็หอมกลมกล่อม!"

เมื่อผู้คนเริ่มติดใจในรสชาติ เหม่ยหลินก็เริ่มขายในราคาที่ยุติธรรม โดยตั้งราคาให้คนทั่วไปสามารถซื้อได้ ลูกๆ ทั้งสามคนและชิวลี่ฮวาช่วยกันตักอาหาร ใส่ห่อ และรับเงินอย่างขะมักเขม้น

เสียงหัวเราะและรอยยิ้มกลับมาสู่ใบหน้าของครอบครัวหลี่อีกครั้ง เหม่ยหลินมองดูภาพนั้นด้วยความรู้สึกตื้นตันใจในอก เธอรู้ว่าเธอมาถูกทางแล้ว

แต่แล้ว...

ขณะที่การค้าขายกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นพร้อมกับเงาร่างของชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งที่เดินเข้ามาใกล้แผงขายของเธอ

"นี่มันอะไรกัน!" เสียงอันห้าวหาญดังขึ้น เหม่ยหลินเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบกับหญิงวัยกลางคนรูปร่างท้วม ใบหน้าดุดัน ดวงตาเรียวเล็กแฝงแววเจ้าเล่ห์คล้ายจางไห่ เธอสวมชุดผ้าไหมสีเข้ม และมีชายฉกรรจ์อีกสองคนยืนขนาบข้าง

"นี่มันตลาดของข้า! ใครอนุญาตให้เจ้ามาตั้งแผงขายที่นี่!" หญิงคนนั้นตะโกนขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราด

เหม่ยหลินหันไปมองหลี่เฟยหลงที่ยืนอยู่ข้างๆ เขากระซิบเบาๆ ว่า "นางคือ มาดามหลี่ เจ้าของตลาดคนปัจจุบันขอรับท่านแม่ นางเป็นน้องสาวของจางไห่ และเป็นคนที่ไม่ชอบท่านแม่มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว"

เหม่ยหลินเข้าใจทันทีว่านี่คือปัญหาใหม่ที่เธอต้องเผชิญหน้า

"ข้าขอโทษเจ้าค่ะมาดามหลี่" เหม่ยหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ "ข้าไม่ทราบว่าต้องขออนุญาตก่อน"

"ไม่ทราบอย่างนั้นรึ!" มาดามหลี่ตวาดเสียงดัง "เจ้าเป็นใครมาจากไหน! มาทำตัวเป็นคุณหนูผู้ดีในตลาดของข้า! ไม่เคยเห็นเจ้าออกมาจากบ้านเลยด้วยซ้ำ! แล้วนี่อะไร! มาทำอาหารแปลกๆ ขาย แย่งลูกค้าของคนอื่น! รีบเก็บของออกไปจากตลาดของข้าเดี๋ยวนี้!"

คำพูดของมาดามหลี่ทำให้ผู้คนที่กำลังซื้อของอยู่รอบๆ เริ่มถอยห่างออกไป สายตาของมาดามหลี่กวาดมองอาหารบนแผงของเหม่ยหลินอย่างดูถูก

"อาหารหน้าตาประหลาดๆ แบบนี้ ใครจะไปอยากกินกัน!" มาดามหลี่กล่าวอย่างเหยียดหยาม "เจ้าคิดว่าเจ้าจะทำอาหารอร่อยกว่าร้านบะหมี่ของข้าอย่างนั้นรึ!"

เหม่ยหลินรู้ว่าเธอต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายนี้อย่างเด็ดเดี่ยว เธอจะยอมถอยไม่ได้ เพราะนี่คือความหวังเดียวของครอบครัว

"ข้าไม่คิดที่จะแย่งลูกค้าของใครเจ้าค่ะมาดามหลี่" เหม่ยหลินตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "ข้าเพียงต้องการหารายได้เพื่อเลี้ยงดูครอบครัวของข้า และข้าเชื่อว่าอาหารของข้ามีรสชาติที่แตกต่างและอร่อยไม่แพ้ใคร"

"หึ! โอ้อวดดีนัก!" มาดามหลี่หัวเราะเยาะ "ถ้าเจ้ามั่นใจในฝีมือเจ้ามากนัก...เอาอย่างนี้ไหมเล่า! เรามาประลองรสชาติกัน!"

คำว่า 'ประลองรสชาติ' ทำให้ผู้คนรอบข้างถึงกับฮือฮา พวกเขาไม่เคยคิดว่า 'แม่เจียง' ที่ดูอ่อนแอและใจร้ายคนนี้จะกล้าเผชิญหน้ากับมาดามหลี่ได้ขนาดนี้

"ประลองรสชาติอย่างนั้นหรือเจ้าคะ?" เหม่ยหลินถามอย่างใจเย็น แม้ในใจจะรู้สึกประหลาดใจกับข้อเสนอที่ไม่ได้คาดคิด

"ใช่!" มาดามหลี่ตอบอย่างท้าทาย "พรุ่งนี้เช้า! ที่กลางตลาดแห่งนี้! ข้าจะทำบะหมี่เนื้อตุ๋นสูตรลับของตระกูลข้า! ส่วนเจ้า...จะทำอะไรก็ได้! ผู้คนในตลาดจะเป็นคนตัดสินว่าใครทำอาหารได้อร่อยกว่ากัน! หากข้าชนะ...เจ้าต้องออกจากตลาดแห่งนี้ไปตลอดกาล และห้ามกลับมาค้าขายอีก! แต่ถ้าเจ้าชนะ...ข้าจะยอมให้เจ้ามาตั้งแผงขายที่นี่อย่างถูกต้อง และข้าจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับเรื่องหนี้สินของเจ้ากับไอ้พี่ชายของข้าด้วย!"

ข้อเสนอของมาดามหลี่เป็นดาบสองคม มันเป็นการเดิมพันที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็เป็นโอกาสที่สำคัญที่สุดของเหม่ยหลิน

"ท่านแม่...ท่านแม่จะรับคำท้าไม่ได้นะขอรับ!" หลี่เฟยหลงกระซิบเตือนด้วยความกังวล "บะหมี่เนื้อตุ๋นของมาดามหลี่เลื่องชื่อมากนะขอรับ คนในตลาดส่วนใหญ่ก็ชอบกินบะหมี่ของนาง"

เหม่ยหลินมองไปที่ลูกๆ ของเธอ หลี่เฟยหลงที่มีใบหน้าซีดเซียว หลี่เฟยหานที่กำลังกำมือแน่นด้วยความกลัว และหลี่เฟยหยางที่หลบอยู่ด้านหลังชิวลี่ฮวาอย่างหวาดหวั่น

เธอหันกลับไปมองมาดามหลี่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น "ข้าตกลงเจ้าค่ะ!"

เสียงฮือฮาดังขึ้นทั่วตลาด มาดามหลี่เลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะคลี่ยิ้มเยาะ

"ดี! งั้นพรุ่งนี้เช้า อย่าสายก็แล้วกัน! ถ้าไม่มา...ถือว่าเจ้าแพ้!" มาดามหลี่กล่าวทิ้งท้าย ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับชายฉกรรจ์ทั้งสอง

บรรยากาศในตลาดกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ผู้คนยังคงจับกลุ่มซุบซิบกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหม่ยหลินหันไปมองลูกๆ ของเธอ สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวล

"ท่านแม่...ท่านแม่จะทำอะไรหรือขอรับ?" หลี่เฟยหานถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "เราจะเอาอะไรไปสู้บะหมี่เนื้อตุ๋นของมาดามหลี่ได้ขอรับ? เราไม่มีเนื้อสัตว์เลยนะขอรับ!"

"นั่นแหละคือสิ่งที่เราต้องคิด" เหม่ยหลินตอบ พลางถอนหายใจ ใช่...ไม่มีเนื้อสัตว์เลย... "แต่ไม่ต้องห่วง แม่มีแผนแล้ว"

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   พลังงานลึกลับ

    หลายเดือนหลังจากการเอาชนะภัยแล้งและความร่วมมือกับเผ่าหินทมิฬ ความสงบสุขก็กลับมาสู่แคว้นอีกครั้ง เหม่ยหลินยังคงทำหน้าที่เชฟหลวงและครูสอนทำอาหารอย่างไม่ย่อท้อ แต่ในใจของเธอ เธอรู้ว่าความสงบสุขนี้เป็นเพียงช่วงเวลาที่ยืมมาจากโชคชะตาเท่านั้น พลังงานลึกลับ ที่คุณหมอชลธีกล่าวถึง เริ่มแสดงอาการที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆพลังงานที่ปั่นป่วนและอาการผิดปกติของธรรมชาติในคืนหนึ่งที่เงียบสงบ เหม่ยหลินกำลังนั่งสมาธิอยู่ในสวนหลวงเพื่อฝึกจิตให้สงบตามที่คุณหมอชลธีแนะนำ ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังงานประหลาดที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย คลื่นพลังงานนั้นทำให้เธอรู้สึกวิงเวียนศีรษะ และได้ยินเสียงกระซิบที่เธอไม่เข้าใจ ความรู้สึกนี้คล้ายกับความรู้สึกในวันที่เธอเดินทางข้ามมิติมายังโลกนี้!เธอรีบไปยังที่พักของคุณหมอชลธีทันที และพบว่าเขากำลังยืนอยู่หน้าต่างด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด"คุณหมอชลธี! คุณรู้สึกไหมคะ!?" เหม่ยหลินถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก"ครับ...ผมรู้สึก" คุณหมอชลธีตอบ "มันไม่ใช่แค่ในร่างกายเราแล้วนะครับคุณเหม่ยหลิน...แต่ผมรู้สึกว่ามันกำลังปั่นป่วน มิติ นี้อยู่"อาการผิดปกติเริ่มปรากฏขึ้นทั่วแคว้น สัตว์เลี้ยง

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   มิตรภาพกลางทะเลทราย

    การเผชิญหน้าระหว่างสองอารยธรรมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ได้ถูกตัดสินด้วยเงื่อนไขที่แปลกประหลาดที่สุด นั่นคือ "อาหาร" เหม่ยหลินไม่รู้สึกหวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย เธอมองไปยังไป๋เฟิงและคุณหมอชลธีด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ส่วนหัวหน้าหินทมิฬและพรรคพวกของเขาก็จ้องมองเธอด้วยความสงสัยระคนดูถูก"ท่านหัวหน้าหินทมิฬ" เหม่ยหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สงบ "ก่อนที่ข้าจะเริ่มทำอาหาร ข้าอยากจะขอให้ท่านแสดงน้ำใจแก่พวกข้าเสียก่อน โปรดนำน้ำมาให้พวกข้าสักเล็กน้อยเพื่อใช้ในการปรุงอาหาร และถ้าท่านอนุญาต...ข้าอยากจะขอให้พวกท่านช่วยนำทางพวกเราไปหาวัตถุดิบบางอย่างในพื้นที่ของท่านเพคะ"หัวหน้าหินทมิฬหัวเราะในลำคอ "เจ้ากล้าขอของจากข้าอย่างนั้นรึ! ก็ได้! แต่ถ้าเจ้าปรุงอาหารให้ข้าไม่พอใจ...เจ้าจะต้องถูกโยนลงไปในทะเลทรายที่ร้อนระอุจนกลายเป็นอาหารของสัตว์ร้าย!"เขาสั่งลูกน้องให้นำน้ำมาให้เหม่ยหลินเพียงน้อยนิด และให้ชายหนุ่มคนหนึ่งนำทางเธอไปหาวัตถุดิบ เหม่ยหลินรับน้ำมาด้วยรอยยิ้ม แล้วเดินนำไป๋เฟิงและคุณหมอชลธีออกไปพร้อมกับผู้ช่วยจากเผ่าหินทมิฬการล่าวัตถุดิบในแดนทุรกันดารการเดินทางไปหาวัตถุดิบในดินแดนของเผ่าหินทมิ

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   ภัยแร้ง

    บรรยากาศระหว่างคนทั้งสามตึงเครียดราวกับสายธนูที่ถูกน้าวสุดแรง ไป๋เฟิงมองเหม่ยหลินและคุณหมอชลธีสลับไปมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม เหม่ยหลินรู้สึกเหมือนถูกบีบรัดด้วยความลับที่ปกปิดมานานหลายปี เธอรู้ว่าไม่อาจหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าในครั้งนี้ได้อีกต่อไป"ไป๋เฟิง" เหม่ยหลินเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเธอสั่นเครือแต่แฝงด้วยความเด็ดเดี่ยว "ข้าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ท่านฟัง แต่ท่านต้องให้สัญญากับข้าว่า ท่านจะไม่ตัดสินข้า และจะเชื่อในสิ่งที่ข้าพูด"ไป๋เฟิงพยักหน้าอย่างช้าๆ "ข้าให้สัญญาขอรับ"เหม่ยหลินจึงเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมด ตั้งแต่วันที่เธอเป็นเชฟในโรงพยาบาลในโลกที่เธอจากมา เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันที่ทำให้เธอหลุดข้ามมิติมายังโลกนี้ การได้พบกับครอบครัวของเจียงเหวิน และการใช้ความรู้จากโลกเดิมเพื่อเอาชีวิตรอดและสร้างชีวิตใหม่ เธอไม่ได้ละเว้นแม้แต่เรื่องราวที่เธอเคยบอกไปแล้วอย่างเรื่องการทำอาหารจากวัตถุดิบประหลาด หรือเรื่องราวของโลกที่เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าไปไกลกว่าโลกนี้มากไป๋เฟิงฟังอย่างเงียบสงบ สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนจากความสงสัยเป็นความเข้าใจและตกตะลึง ในขณะที่คุณหมอชลธีก็เสริมข้อมูลบางอย่างที่เหม่ยห

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   กองโจรกับการหลับมา

    หลายปีผ่านไปนับตั้งแต่เหตุการณ์โจรสลัดหมาป่าทมิฬ ทุกมุมของแคว้นได้ฟื้นคืนชีวิตชีวาอย่างเต็มที่ภายใต้การนำอันชาญฉลาดของเหม่ยหลินและองค์จักรพรรดิ ตระกูลหลี่ได้กลายเป็นตระกูลที่มีเกียรติยศสูงสุดในแผ่นดิน หลี่เฟยหลงก้าวขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ผู้แข็งแกร่งและซื่อสัตย์ ชิวลี่ฮวาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านพืชพรรณและศิลปะในวัง ส่วนหลี่เฟยหานก็เติบโตเป็นข้าราชการหนุ่มผู้ซื่อตรงและเปี่ยมด้วยความสามารถ หลี่เฟยหยาง น้องสุดท้องก็เป็นหนุ่มน้อยผู้ร่าเริง มีสติปัญญา และมักจะสร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคนในวังเสมอมิตรภาพระหว่างแคว้นของเหม่ยหลินกับแคว้นเยว่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้า ไป๋เฟิงยังคงเป็นราชทูตผู้ทรงอิทธิพล และมักจะเดินทางมาเยี่ยมเยียนเหม่ยหลินและครอบครัวอยู่เสมอ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเหม่ยหลินนั้นลึกซึ้งเกินกว่าคำว่ามิตร และเป็นที่รับรู้กันในหมู่คนใกล้ชิดว่าไป๋เฟิงมีใจให้กับเชฟหลวงผู้นี้อย่างสุดซึ้ง แต่ความแตกต่างของสถานะและแคว้นทำให้เรื่องนี้ยังคงเป็นเพียงความรู้สึกที่งดงามในใจเท่านั้นแม้ทุกสิ่งจะดูสมบูรณ์แบบ แต่บางครั้ง เงาจากอดีต ก็มักจะคืบคลานกลับมาทักทาย โดยเฉพาะอดีตที่เ

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   โจร

    ความรุ่งเรืองของแคว้นที่ฟื้นคืนชีพจากวิกฤตภัยธรรมชาติ เป็นดั่งแสงสว่างที่ดึงดูดสายตาจากทุกทิศทุกทาง ชื่อเสียงของ "ซุปแห่งชีวิตอมตะ" และความอุดมสมบูรณ์ที่กลับคืนมาอย่างรวดเร็วภายใต้การนำของ เชฟหลวงเหม่ยหลิน ไม่ได้สร้างความชื่นชมยินดีไปทั่วทุกสารทิศเสมอไป ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป ความโลภ กำลังเริ่มคืบคลานเข้าปกคลุมจิตใจของผู้คนบางกลุ่ม เสียงกระซิบของความมั่งคั่งและแผนการร้ายจากแดนเถื่อน ทางทิศตะวันออกไกลโพ้นจากแคว้นที่กำลังฟื้นฟู มีกลุ่มโจรขนาดใหญ่ที่เรียกตัวเองว่า "หมาป่าทมิฬ" อาศัยอยู่ พวกมันเป็นที่หวาดกลัวของผู้คนในแถบนั้น ด้วยความโหดเหี้ยม ป่าเถื่อน และความสามารถในการปล้นสะดมอย่างรวดเร็วราวกับฝูงหมาป่าที่หิวโหย หัวหน้ากลุ่ม คือชายร่างยักษ์ผู้มีใบหน้าดุร้ายและรอยแผลเป็นพาดผ่านดวงตา "ไคเฟิง" เขาได้ยินข่าวลือเรื่องความมั่งคั่งของแคว้นที่ฟื้นคืนชีพ รวมถึงเรื่องอาหารวิเศษที่ทำให้ผู้คนมีพละกำลังและสุขภาพดี "พวกแกได้ยินข่าวลือเรื่องแคว้นทางตะวันตกนั่นรึไม่!" ไคเฟิงคำรามเสียงดังในค่ายโจรที่เต็มไปด้วยกองไฟและเสียงเอะอะโวยวาย "มันว่ากันว่าแคว้นนั้นมีอาหารวิเศษที่ทำให้คนไม่เจ็บไม่ป่วย!

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   การฟื้นฟู

    เสียงโห่ร้องยินดีดังกึกก้องไปทั่วลานประลอง เมื่อขันทีหลงและผู้นำพรรคอัคคีทมิฬถูกคุมตัวออกไป ภาพของประชาชนที่ดื่มด่ำ "ซุปแห่งแสงตะวัน" และฟื้นคืนพลังขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ ได้สยบทุกความแคลงใจ ทุกเสียงกระซิบกระซาบของความไม่พอใจมลายหายไปสิ้น แทนที่ด้วยประกายแห่งความหวังและความเชื่อมั่นที่กลับคืนมาองค์จักรพรรดิทรงเดินลงจากบัลลังก์ มาประทับยืนข้างเหม่ยหลิน พระหัตถ์ของพระองค์วางลงบนบ่าของเธอด้วยความเมตตาและภาคภูมิใจ"ประชาชนของข้า!" องค์จักรพรรดิรับสั่งด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยพลัง "วันนี้! พวกเจ้าได้เห็นแล้วถึงความจริงใจของวังหลวง! พวกเจ้าได้ลิ้มรสแล้วถึงความเมตตาของสวรรค์! และพวกเจ้าได้ประจักษ์แล้วถึงพลังแห่งความสามัคคี! เราจะร่วมกันฟื้นฟูแคว้นของเราให้กลับมารุ่งเรืองยิ่งกว่าเดิม!"เสียงกู่ก้อง "ทรงพระเจริญ!" ดังกึกก้องไปทั่วทั้งลานประลอง ประชาชนต่างคุกเข่าลงด้วยความเคารพและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแผนฟื้นฟูแผ่นดิน: เมล็ดพันธุ์แห่งความหวังหลังเหตุการณ์จลาจล องค์จักรพรรดิได้เรียกประชุมเหล่าขุนนางและผู้เชี่ยวชาญทุกสาขา เพื่อวางแผนฟื้นฟูแคว้นครั้งใหญ่ เหม่ยหลิน ไป๋เฟิง

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status