รุ่งเช้าของวันถัดมา ดวงอาทิตย์เพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้าส่งแสงสีทองสาดส่องกระทบยอดไม้ เหม่ยหลินและครอบครัวก็ตื่นขึ้นมาด้วยความกระตือรือร้น เสียงตำครกดังโขกไปมาตั้งแต่ไก่โห่ บรรยากาศในบ้านเต็มไปด้วยความคึกคักอย่างไม่เคยมีมาก่อน
"ชิวลี่ฮวา เจ้าช่วยบดข้าวโพดที่เหลือให้ละเอียดกว่านี้นะ" เหม่ยหลินสั่งกำชับ ขณะที่มือเรียวของเธอกำลังคลุกเคล้าหัวไชเท้าขูดกับแป้งข้าวโพดที่ได้จากการแลกเปลี่ยนเมื่อวาน "เจ้าค่ะท่านแม่" ชิวลี่ฮวารับคำอย่างกระตือรือร้น เธอใช้ไม้เท้าคนข้าวโพดที่แช่น้ำไว้ในครกไม้ขนาดใหญ่ พลางใช้สากตำอย่างระมัดระวัง แม้จะยังไม่คุ้นเคยกับงานครัวนัก แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็บ่งบอกถึงความสุขที่ได้ช่วยเหลือ หลี่เฟยหลงกับหลี่เฟยหานช่วยกันก่อไฟในเตาฟืนจนเปลวไฟลุกโชน ส่วนหลี่เฟยหยางก็วิ่งพล่านไปมาในครัวอย่างสนุกสนาน คอยหยิบจับสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ ตามที่เหม่ยหลินบอก "หลี่เฟยหลง เจ้าช่วยยกกระทะใบนี้ขึ้นตั้งบนเตาให้แม่หน่อย" เหม่ยหลินบอก เมื่อเธอปรุงส่วนผสมของลูกชิ้นหัวไชเท้าเสร็จแล้ว หลี่เฟยหลงรับคำอย่างแข็งขัน ยกกระทะเหล็กหนักอึ้งขึ้นวางบนเตาอย่างคล่องแคล่ว แววตาของเขาจับจ้องการกระทำของเหม่ยหลินอย่างไม่คลาดสายตา ทุกการเคลื่อนไหวของเธอเต็มไปด้วยความเชี่ยวชาญและมั่นใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นจาก 'แม่' คนเก่าเลย เหม่ยหลินเทน้ำมันที่เหลืออยู่น้อยนิดลงในกระทะ รอจนน้ำมันร้อนได้ที่ จากนั้นก็ใช้ช้อนตักส่วนผสมของลูกชิ้นหัวไชเท้าหย่อนลงไปในน้ำมันร้อนๆ เสียงซู่ซ่าดังขึ้นทันที พร้อมกับกลิ่นหอมของหัวไชเท้าทอดที่เริ่มลอยคลุ้งไปทั่วห้องครัว "ท่านแม่...กลิ่นหอมจังเลยขอรับ!" หลี่เฟยหยางร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้น ไม่นานนัก ลูกชิ้นหัวไชเท้าทอดสีเหลืองทองก็ลอยขึ้นมาเหนือน้ำมัน เหม่ยหลินใช้ตะหลิวไม้พลิกไปมาจนสุกเหลืองทั่วกัน ก่อนจะตักขึ้นพักไว้บนกระด้งที่รองด้วยกระดาษใบจากเพื่อซับน้ำมัน "ต่อไปก็ขนมผักกาดหอมนะ" เหม่ยหลินบอก เธอใช้ไอน้ำจากหม้อน้ำเดือดนึ่งขนมผักกาดหอมที่ห่อด้วยใบตองจนสุกใส ก่อนจะนำไปผัดกับเต้าเจี้ยวเล็กน้อยจนหอมกรุ่น กว่าทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อย ดวงอาทิตย์ก็ขึ้นสูงเต็มที่ เหม่ยหลินนำอาหารที่ปรุงเสร็จแล้วใส่ภาชนะต่างๆ และจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับตั้งแผงขายอย่างเรียบง่าย มีเพียงโต๊ะไม้เก่าๆ ตัวหนึ่งกับเก้าอี้อีกสองสามตัว "เราจะไปกันแล้วนะ" เหม่ยหลินบอกด้วยความมุ่งมั่น ณ ตรอกอาหารไร้ชื่อ เมื่อมาถึงตลาด เหม่ยหลินเลือกทำเลที่ค่อนข้างเงียบสงบ แต่ก็อยู่ในเส้นทางที่ผู้คนต้องเดินผ่าน เนื่องจากเธอต้องการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับจางไห่ในช่วงแรก และต้องการให้ผู้คนได้ลองชิมอาหารของเธอก่อน พวกเขาช่วยกันจัดตั้งโต๊ะและวางอาหาร ขนมผักกาดหอมและลูกชิ้นหัวไชเท้าทอดถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ แม้ภาชนะจะดูเรียบง่าย แต่กลิ่นหอมของอาหารก็ลอยไปเตะจมูกผู้คนที่เดินผ่านไปมา "ท่านแม่...เราจะขายอย่างไรขอรับ?" หลี่เฟยหลงถามอย่างกังวล เมื่อเห็นผู้คนเดินผ่านไปมาอย่างไม่สนใจ "เราจะให้พวกเขาชิมก่อน" เหม่ยหลินตอบ พลางยิ้มให้ "หลี่เฟยหยาง เจ้าช่วยแม่เรียกคนมาลองชิมนะ" หลี่เฟยหยางพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น "ได้เลยขอรับท่านแม่!" ไม่นานนัก ก็มีชายชราคนหนึ่งเดินผ่านไป เขาหยุดชะงักเมื่อได้กลิ่นหอมของอาหาร "เอ่อ...ท่านแม่เจียง?" ชายชราเอ่ยทักทายด้วยความแปลกใจ "ท่านมาตั้งแผงขายอาหารด้วยหรือนี่? ไม่เคยเห็นท่านทำอาหารเลยนะ" เหม่ยหลินยิ้มให้ "ลุงจางคะ วันนี้ข้าทำอาหารพิเศษมาให้ลองชิมดูเจ้าค่ะ ฟรีเจ้าค่ะ!" ชายชราเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัย แต่เมื่อได้ยินคำว่า 'ฟรี' เขาก็ยอมลอง เขารับลูกชิ้นหัวไชเท้าทอดชิ้นหนึ่งจากหลี่เฟยหยางที่ยื่นให้ด้วยรอยยิ้มซุกซน เมื่อชายชรากัดเข้าไปคำแรก ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ รสชาติกรอบนอกนุ่มในของลูกชิ้นหัวไชเท้าผสานกับกลิ่นหอมของเครื่องเทศที่ไม่เคยลิ้มลองมาก่อน มันเป็นรสชาติที่เรียบง่าย แต่กลับ อร่อยอย่างเหลือเชื่อ "โอ้โห! นี่มัน...อร่อยมากเลย!" ชายชราเอ่ยชมอย่างตื่นเต้น "นี่ท่านแม่เจียงทำเองหรือนี่?" "เจ้าค่ะ" เหม่ยหลินตอบอย่างภูมิใจ ไม่นานนัก ก็เริ่มมีผู้คนมามุงดูและลองชิมอาหารของเธอ เสียงชมเชยเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ "อร่อย! อร่อยจริงๆ!" "ไม่เคยคิดเลยว่าหัวไชเท้าจะทำได้อร่อยขนาดนี้!" "ขนมผักกาดหอมนี่ก็หอมกลมกล่อม!" เมื่อผู้คนเริ่มติดใจในรสชาติ เหม่ยหลินก็เริ่มขายในราคาที่ยุติธรรม โดยตั้งราคาให้คนทั่วไปสามารถซื้อได้ ลูกๆ ทั้งสามคนและชิวลี่ฮวาช่วยกันตักอาหาร ใส่ห่อ และรับเงินอย่างขะมักเขม้น เสียงหัวเราะและรอยยิ้มกลับมาสู่ใบหน้าของครอบครัวหลี่อีกครั้ง เหม่ยหลินมองดูภาพนั้นด้วยความรู้สึกตื้นตันใจในอก เธอรู้ว่าเธอมาถูกทางแล้ว แต่แล้ว... ขณะที่การค้าขายกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นพร้อมกับเงาร่างของชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งที่เดินเข้ามาใกล้แผงขายของเธอ "นี่มันอะไรกัน!" เสียงอันห้าวหาญดังขึ้น เหม่ยหลินเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบกับหญิงวัยกลางคนรูปร่างท้วม ใบหน้าดุดัน ดวงตาเรียวเล็กแฝงแววเจ้าเล่ห์คล้ายจางไห่ เธอสวมชุดผ้าไหมสีเข้ม และมีชายฉกรรจ์อีกสองคนยืนขนาบข้าง "นี่มันตลาดของข้า! ใครอนุญาตให้เจ้ามาตั้งแผงขายที่นี่!" หญิงคนนั้นตะโกนขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราด เหม่ยหลินหันไปมองหลี่เฟยหลงที่ยืนอยู่ข้างๆ เขากระซิบเบาๆ ว่า "นางคือ มาดามหลี่ เจ้าของตลาดคนปัจจุบันขอรับท่านแม่ นางเป็นน้องสาวของจางไห่ และเป็นคนที่ไม่ชอบท่านแม่มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว" เหม่ยหลินเข้าใจทันทีว่านี่คือปัญหาใหม่ที่เธอต้องเผชิญหน้า "ข้าขอโทษเจ้าค่ะมาดามหลี่" เหม่ยหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ "ข้าไม่ทราบว่าต้องขออนุญาตก่อน" "ไม่ทราบอย่างนั้นรึ!" มาดามหลี่ตวาดเสียงดัง "เจ้าเป็นใครมาจากไหน! มาทำตัวเป็นคุณหนูผู้ดีในตลาดของข้า! ไม่เคยเห็นเจ้าออกมาจากบ้านเลยด้วยซ้ำ! แล้วนี่อะไร! มาทำอาหารแปลกๆ ขาย แย่งลูกค้าของคนอื่น! รีบเก็บของออกไปจากตลาดของข้าเดี๋ยวนี้!" คำพูดของมาดามหลี่ทำให้ผู้คนที่กำลังซื้อของอยู่รอบๆ เริ่มถอยห่างออกไป สายตาของมาดามหลี่กวาดมองอาหารบนแผงของเหม่ยหลินอย่างดูถูก "อาหารหน้าตาประหลาดๆ แบบนี้ ใครจะไปอยากกินกัน!" มาดามหลี่กล่าวอย่างเหยียดหยาม "เจ้าคิดว่าเจ้าจะทำอาหารอร่อยกว่าร้านบะหมี่ของข้าอย่างนั้นรึ!" เหม่ยหลินรู้ว่าเธอต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายนี้อย่างเด็ดเดี่ยว เธอจะยอมถอยไม่ได้ เพราะนี่คือความหวังเดียวของครอบครัว "ข้าไม่คิดที่จะแย่งลูกค้าของใครเจ้าค่ะมาดามหลี่" เหม่ยหลินตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "ข้าเพียงต้องการหารายได้เพื่อเลี้ยงดูครอบครัวของข้า และข้าเชื่อว่าอาหารของข้ามีรสชาติที่แตกต่างและอร่อยไม่แพ้ใคร" "หึ! โอ้อวดดีนัก!" มาดามหลี่หัวเราะเยาะ "ถ้าเจ้ามั่นใจในฝีมือเจ้ามากนัก...เอาอย่างนี้ไหมเล่า! เรามาประลองรสชาติกัน!" คำว่า 'ประลองรสชาติ' ทำให้ผู้คนรอบข้างถึงกับฮือฮา พวกเขาไม่เคยคิดว่า 'แม่เจียง' ที่ดูอ่อนแอและใจร้ายคนนี้จะกล้าเผชิญหน้ากับมาดามหลี่ได้ขนาดนี้ "ประลองรสชาติอย่างนั้นหรือเจ้าคะ?" เหม่ยหลินถามอย่างใจเย็น แม้ในใจจะรู้สึกประหลาดใจกับข้อเสนอที่ไม่ได้คาดคิด "ใช่!" มาดามหลี่ตอบอย่างท้าทาย "พรุ่งนี้เช้า! ที่กลางตลาดแห่งนี้! ข้าจะทำบะหมี่เนื้อตุ๋นสูตรลับของตระกูลข้า! ส่วนเจ้า...จะทำอะไรก็ได้! ผู้คนในตลาดจะเป็นคนตัดสินว่าใครทำอาหารได้อร่อยกว่ากัน! หากข้าชนะ...เจ้าต้องออกจากตลาดแห่งนี้ไปตลอดกาล และห้ามกลับมาค้าขายอีก! แต่ถ้าเจ้าชนะ...ข้าจะยอมให้เจ้ามาตั้งแผงขายที่นี่อย่างถูกต้อง และข้าจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับเรื่องหนี้สินของเจ้ากับไอ้พี่ชายของข้าด้วย!" ข้อเสนอของมาดามหลี่เป็นดาบสองคม มันเป็นการเดิมพันที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็เป็นโอกาสที่สำคัญที่สุดของเหม่ยหลิน "ท่านแม่...ท่านแม่จะรับคำท้าไม่ได้นะขอรับ!" หลี่เฟยหลงกระซิบเตือนด้วยความกังวล "บะหมี่เนื้อตุ๋นของมาดามหลี่เลื่องชื่อมากนะขอรับ คนในตลาดส่วนใหญ่ก็ชอบกินบะหมี่ของนาง" เหม่ยหลินมองไปที่ลูกๆ ของเธอ หลี่เฟยหลงที่มีใบหน้าซีดเซียว หลี่เฟยหานที่กำลังกำมือแน่นด้วยความกลัว และหลี่เฟยหยางที่หลบอยู่ด้านหลังชิวลี่ฮวาอย่างหวาดหวั่น เธอหันกลับไปมองมาดามหลี่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น "ข้าตกลงเจ้าค่ะ!" เสียงฮือฮาดังขึ้นทั่วตลาด มาดามหลี่เลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะคลี่ยิ้มเยาะ "ดี! งั้นพรุ่งนี้เช้า อย่าสายก็แล้วกัน! ถ้าไม่มา...ถือว่าเจ้าแพ้!" มาดามหลี่กล่าวทิ้งท้าย ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับชายฉกรรจ์ทั้งสอง บรรยากาศในตลาดกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ผู้คนยังคงจับกลุ่มซุบซิบกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหม่ยหลินหันไปมองลูกๆ ของเธอ สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวล "ท่านแม่...ท่านแม่จะทำอะไรหรือขอรับ?" หลี่เฟยหานถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "เราจะเอาอะไรไปสู้บะหมี่เนื้อตุ๋นของมาดามหลี่ได้ขอรับ? เราไม่มีเนื้อสัตว์เลยนะขอรับ!" "นั่นแหละคือสิ่งที่เราต้องคิด" เหม่ยหลินตอบ พลางถอนหายใจ ใช่...ไม่มีเนื้อสัตว์เลย... "แต่ไม่ต้องห่วง แม่มีแผนแล้ว"รุ่งอรุณหลังคืนแห่งความวุ่นวาย แสงตะวันสาดส่องเข้ามาในเรือนพักของท่านราชครูจ้าว เหม่ยหลินรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา หลี่เฟยหลง ชิวลี่ฮวา หลี่เฟยหาน และหลี่เฟยหยาง ต่างกอดเธอแน่นด้วยความโล่งใจ การปรากฏตัวของหัวหน้าหมาและท่านราชครูจ้าวราวกับแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แห่งความมืดมิดท่านราชครูจ้าวนั่งลงตรงข้ามกับเหม่ยหลิน ใบหน้าของท่านเต็มไปด้วยความเมตตาและแววตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม"ท่านแม่เจียง" ท่านราชครูจ้าวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ข้าต้องขออภัยแทนเจ้าเมืองหลี่กวงหมิงด้วย ที่ทำให้ท่านต้องมาประสบเรื่องราวเลวร้ายเช่นนี้"เหม่ยหลินก้มศีรษะเล็กน้อย "ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านราชครู ข้าเข้าใจดีว่าอำนาจมักจะทำให้คนตาบอด""ถูกต้อง" ท่านราชครูจ้าวพยักหน้า "เรื่องของเจ้าเมืองหลี่กวงหมิงนั้น ข้าได้ส่งคนไปสอบสวนแล้ว และข้าเชื่อว่าเขาจะต้องได้รับโทษทัณฑ์ตามความผิดที่เขากระทำ"ท่านราชครูจ้าวหันไปมองหัวหน้าหมาที่ยืนอยู่ข้างๆ "หัวหน้าหมา เจ้าทำความดีความชอบในครั้งนี้ ข้าจะรายงานเรื่องนี้ต่อองค์จักรพรรดิ ให้ท่านได้รับความดีความชอบอย่างที่ควรจะได้รับ"หัวหน้าหมาก้มศีรษะด้
ชัยชนะอันหอมหวานจากการประลองรสชาติสะท้านเมืองหลวง มิได้นำมาซึ่งความสงบสุขอย่างที่เหม่ยหลินและครอบครัวคาดหวัง ตรงกันข้าม มันกลับเป็นจุดเริ่มต้นของพายุลูกใหม่ที่โหมกระหน่ำรุนแรงกว่าเดิม แสงแห่งชื่อเสียงที่เจิดจ้าของ “เชฟเหม่ยหลิน” ส่องสว่างไปทั่วอาณาจักร ทว่าในเงามืดนั้น พลังอำนาจที่มองไม่เห็นกำลังเคลื่อนไหวอย่างลับๆความผันผวนในจวนเจ้าเมืองหลี่กวงหมิง เจ้าเมืองผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อใคร บัดนี้กลับถูกแม่ครัวสามัญชนหักหน้าอย่างยับเยินกลางที่สาธารณะ ความอัปยศครั้งนี้กัดกินจิตใจของเขาอย่างรุนแรง ทำให้เขากลายเป็นคนเจ้าอารมณ์และหวาดระแวงยิ่งกว่าเดิม ทุกวันเขาจะสั่งให้คนนำอาหารของเหม่ยหลินมาให้เขากิน แต่เขาก็ไม่เคยบอกว่าอร่อยเลยแม้แต่คำเดียว และมักจะหาเรื่องตำหนิอย่างไม่เป็นเหตุผล“นี่มันอะไรกัน! ข้าวผัดนี่แข็งเกินไป! เจ้าคิดว่าข้าเป็นชาวนาที่กินแต่ข้าวแข็งๆ อย่างนั้นรึ!” หลี่กวงหมิงปาจานข้าวผัดลงพื้นเสียงดังลั่นในห้องอาหารของเขาพ่อครัวประจำจวนและบรรดาคนรับใช้ต่างพากันตัวสั่นงันงก พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองขณะเดียวกัน ในมุมมืดของจวน เจ้าเมืองได้ส่งคนไปสืบเรื่องราวของเหม่ยหลินอย
เช้าตรู่วันประลอง ท้องฟ้าเหนือเมืองหลวงยังคงมืดสลัวด้วยไอหมอกจางๆ แต่ใจกลางเมืองกลับคึกคักไปด้วยผู้คนมหาศาลที่หลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศ เพื่อเป็นสักขีพยานในศึกประลองรสชาติครั้งประวัติศาสตร์นี้ ไม่ใช่เพียงแค่การแข่งขันทำอาหารธรรมดา แต่มันคือการปะทะกันระหว่าง อำนาจ และ ความสามารถ ระหว่าง ศักดิ์ศรี ของเจ้าเมืองผู้ยิ่งใหญ่ กับ ความกล้าหาญ ของแม่ครัวสามัญชนเหม่ยหลินและครอบครัวเดินทางมาถึงลานประลองที่ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ มีเวทีขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง รายล้อมด้วยที่นั่งสำหรับแขกผู้มีเกียรติและประชาชนทั่วไป กลิ่นหอมของเครื่องหอมปะปนกับกลิ่นไอของตลาดสดอบอวลไปทั่วบริเวณ"ท่านแม่! คนเยอะมากเลยขอรับ!" หลี่เฟยหยางเกาะแขนเหม่ยหลินแน่น ดวงตากลมโตสอดส่ายมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นเต้นปนหวาดหวั่น"ไม่ต้องกลัวหรอกลูก" เหม่ยหลินยิ้มให้กำลังใจลูกชาย เธอเองก็รู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้กัน แต่ความมุ่งมั่นในใจกลับแข็งแกร่งกว่าสิ่งใดเมื่อเดินไปถึงหลังเวที พวกเขาก็เห็นเจ้าเมืองหลี่กวงหมิงยืนอยู่พร้อมกับพ่อครัวประจำจวนของเขา และชายชุดดำสองคนที่คุ้นหน้าคุ้นตา ใบหน้าของหลี่กวงหมิงเรียบตึง แต่แววตาของเขากลับฉาย
แสงตะวันเริ่มลับขอบฟ้า ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้มแดงฉานเมื่อเหม่ยหลินกลับมาถึงบ้าน ตลอดทางกลับ เธอครุ่นคิดถึงสถานการณ์ที่ยากลำบากที่เธอและครอบครัวต้องเผชิญอยู่ตอนนี้ คำสั่งของเจ้าเมืองหลี่กวงหมิงเป็นดั่งดาบที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย หากเธอปฏิเสธหรือทำผิดพลาดแม้แต่น้อย ชีวิตของเธอและลูกๆ อาจตกอยู่ในอันตรายเมื่อก้าวเข้าสู่ห้องโถงบ้าน ใบหน้าของหลี่เฟยหลง ชิวลี่ฮวา หลี่เฟยหาน และหลี่เฟยหยาง ก็ปรากฏแก่สายตา แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวลและคำถาม"ท่านแม่! เป็นอย่างไรบ้างขอรับ? ท่านเจ้าเมืองพูดอะไรกับท่าน?" หลี่เฟยหลงเอ่ยถามทันทีด้วยน้ำเสียงร้อนรนเหม่ยหลินถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอนั่งลงบนเก้าอี้ไม้เก่าๆ อย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในจวนเจ้าเมืองให้ทุกคนฟัง ตั้งแต่คำชมเชยของหลี่กวงหมิง ข้อเสนอให้เป็นพ่อครัวประจำจวน และคำสั่งให้ส่งอาหารทุกวัน รวมถึงการบีบบังคับให้บอกสูตรอาหารบรรยากาศในห้องเงียบสงัดลงทันที ใบหน้าของทุกคนซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะหลี่เฟยหลงที่กำมือแน่น ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ"ท่านเจ้าเมืองช่างบีบบังคับกันเกินไปแล้วขอรับ!" หลี่เฟยหลงเอ่ยขึ้นอย
ชัยชนะจากการประลองปัญญาครั้งนั้นส่งให้ชื่อเสียงของ เหม่ยหลิน และ ตระกูลหลี่ ดังกระฉ่อนไปทั่วทั้งตลาด และลามไปถึงหมู่บ้านใกล้เคียงอย่างรวดเร็ว ผู้คนต่างพูดถึง "แม่เจียงคนใหม่" ที่ไม่เพียงแต่ทำอาหารอร่อยเลิศ แต่ยังเฉลียวฉลาดและกล้าหาญ กล้าเผชิญหน้ากับผู้มีอิทธิพลอย่างหัวหน้าหมาเช้าวันรุ่งขึ้น แผงขายของเหม่ยหลินไม่เพียงแค่คึกคัก แต่กลับแน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่มาต่อคิวยาวเหยียด พวกเขาไม่เพียงมาซื้อ "บะหมี่เจผักรวม" และ "ซุปเห็ดหลินจือดำ" เท่านั้น แต่ยังมาเพื่อชมบารมีของเหม่ยหลินและลูก ๆ ของเธอด้วย"ท่านแม่เจียง! ข้ามาจากหมู่บ้านเจียงเป่ย! ได้ยินว่าอาหารของท่านอร่อยล้ำเลิศนัก ข้าจึงมาขอชิมด้วยตัวเอง!" ชายชราคนหนึ่งกล่าวด้วยความเลื่อมใส"ท่านแม่เจียง! ข้าซื้อบะหมี่เจของท่านไปให้ลูกเมียกินแล้ว! พวกเขาชอบมากเลย! ขอบพระคุณท่านแม่เจียงที่ทำอาหารดี ๆ แบบนี้มาให้พวกเราได้กิน!" ชาวนาอีกคนกล่าวพร้อมรอยยิ้มเหม่ยหลินยิ้มตอบรับคำชมเชยอย่างอ่อนน้อม เธอและลูก ๆ ทำงานกันอย่างขะมักเขม้น หลี่เฟยหลงกับหลี่เฟยหานทำหน้าที่ตักบะหมี่และซุป ส่วนชิวลี่ฮวากับหลี่เฟยหยางก็ช่วยรับเงินและห่ออาหารด้วยความสนุกสนาน"ท่า
คำพูดของเหม่ยหลินทำให้ทุกคนในตลาดถึงกับตกตะลึง รวมถึงหัวหน้าหมาและลูกน้องของเขาด้วย"ประลองฝีมืออย่างนั้นรึ! เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน!" หัวหน้าหมาหัวเราะเยาะ "เจ้าเป็นแค่แม่ครัวอ่อนแอคนหนึ่งเท่านั้น! จะเอาอะไรมาสู้กับพวกข้า!""ข้าไม่ได้ท้าเจ้าประลองกำลัง" เหม่ยหลินตอบ "ข้าขอท้าเจ้าประลอง...ปัญญา!"คำว่า 'ประลองปัญญา' ยิ่งทำให้ทุกคนงงไปกันใหญ่"ประลองปัญญาอย่างนั้นรึ! ตลกสิ้นดี!" หัวหน้าหมากล่าวอย่างเยาะเย้ย "เจ้าจะประลองปัญญาอะไรกับข้า!?""ข้าจะท้าเจ้าให้ตอบคำถามของข้าสามข้อ" เหม่ยหลินตอบอย่างมั่นใจ "หากเจ้าตอบได้ทั้งสามข้อ...ข้าจะยอมออกจากตลาดแห่งนี้ไปตลอดกาล และจะไม่กลับมาค้าขายอีก! แต่หากเจ้าตอบไม่ได้...เจ้าต้องเลิกยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวของข้า และห้ามมารังแกพวกเราอีกตลอดไป!"ข้อเสนอของเหม่ยหลินทำให้ผู้คนในตลาดต่างมองหน้ากันด้วยความสงสัย พวกเขาไม่เคยเห็นการประลองแบบนี้มาก่อนหัวหน้าหมาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขามองไปที่เหม่ยหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความดูถูก เขาไม่คิดว่าแม่ครัวธรรมดา ๆ คนหนึ่งจะมีความรู้หรือปัญญาอะไรมากมายนัก"ได้! ข้ารับคำท้า!" หัวหน้าหมากล่าวอย่างลำพองใจ "เอาเลย! เจ