บทที่ 6
เปลี่ยนแปลง
“ส่งโลเคชันที่คุณอยู่มา”
[คุณจะมารับลีฟเหรอคะ] เธอถามอย่างไม่เข้าใจและรอคำตอบจากเขา ทว่ารอเกือบหนึ่งนาที แต่สิ่งที่ได้คือความเงียบ จรัสรักกลัวว่าเขาจะไม่พอใจ จึงรีบตอบรับ พร้อมกดส่งโลเคชันปัจจุบันของตนเองไปในแอปพลิเคชันสนทนา [ส่งไปแล้วค่ะ]
ชายหนุ่มกดเข้าไปดู สำรวจหาเส้นทางที่ดีที่สุด พร้อมมองหาพิกัดที่โดดเด่น ก่อนจะเอ่ยบอกปลายสายในนาทีถัดมา
“อีกยี่สิบห้านาทีเดินออกมารอที่เซเว่นข้างธนาคาร”
สัญญาณตัดไปแล้ว แต่คนที่เพิ่งได้รับสารยังยืนงงอยู่ที่เดิม หมายความว่าเขาจะมารับเธอที่นี่งั้นหรือ ?
จรัสรักยอมรับว่าจิณณ์เป็นคนที่เดาทางยากมาก ๆ คนหนึ่ง นอกจากเขาจะพูดน้อยแล้ว เขายังไม่ชอบอธิบายหรือขยายความอีกต่างหาก
เมื่อเป็นแบบนี้เธอก็ต้องทำตามที่เขาบอกเท่านั้นสินะ
ร่างบางถอนหายใจ เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปหาเพื่อนร่วมงานที่ยังนั่งกันอยู่ในร้านยำ
“รัก เอาสักหน่อยไหม” พี่ใหม่ชูขวดเบียร์ขึ้นแล้วเอ่ยถามเป็นรอบที่ห้า เมื่อเห็นเพื่อนรุ่นน้องเดินกลับมานั่งที่เดิม
“ไม่เป็นไรพี่ใหม่ กินกันเลย” แน่นอนว่าจรัสรักเองก็ปฏิเสธไปเช่นเดิมเหมือนกัน
ทว่าคนเป็นรุ่นพี่ก็ยังไม่ละความพยายาม รบเร้าต่ออีกนิด “น่า กินสักนิด แค่แก้วเดียวก็ได้ ส่งแก้วมาเร็ว เดี๋ยวพี่เทเบียร์ให้”
จรัสรักรีบตะครุบแก้วน้ำเปล่าของตัวเองไว้ เมื่อน้องนุชซึ่งนั่งข้าง ๆ ตั้งท่าจะฉกเอาแก้วของเธอไปให้คนที่ถือขวดเบียร์รอ “พี่ไม่กิน”
“โหย พี่รัก แค่แก้วเดียวเอง ไม่เมาหรอก”
“ไม่เอา เดี๋ยวพี่ต้องไปธุระต่อ”
คราวนี้ทั้งสองคนยอมหยุดรบเร้า ทว่าเปลี่ยนเป็นตั้งข้อสงสัยเรื่องธุระของเธอแทน เป็นนุชที่เอ่ยถามขึ้นมา
“ธุระอะไรอะพี่รัก ตอนจะสามทุ่มเนี่ยนะ”
“นั่นสิ จะไปไหนเหรอ”
“เอ่อ...” ลูกตาของคนถูกถามขยับซ้ายขยับขวาเล็กน้อย เกิดอาการเลิ่กลั่กในใจนิด ๆ เพราะไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรดี
นุชหรี่ตามองรุ่นพี่สาวอย่างจับผิด “ฮั่นแน่! ท่าทางมีลับลมคมในแบบนี้ พี่รักแอบมีแฟนเหรอ”
“มะ...ไม่ใช่ ๆ” จรัสรักรีบโบกมือปฏิเสธรัว ๆ ทว่าท่าทีลนลานของเธอยิ่งเพิ่มความสงสัยให้กับเพื่อนร่วมงานอีกสองคน หญิงสาวรีบหาข้ออ้าง “พี่ต้องไปเอาของที่ห้องศิ พรุ่งนี้มันจะไม่อยู่ ก็เลยต้องไปเอาวันนี้”
“แน่ใจนะ” สายตาของรุ่นน้องสาวยังจับผิด หากก็น้อยลงกว่าในทีแรก “ยังไม่มีแฟนแน่นะ ?”
“ยังไม่มี”
“ดีเลย งั้นนุชขอจีบให้พี่นะได้ปะ” พี่ ‘นะ’ ที่กล่าวถึงคือพี่ชายของนุช ซึ่งมักมานั่งทำงานและดื่มกาแฟที่คาเฟ่บ่อย ๆ ซึ่งปีใหม่กับจรัสรักรู้จักเป็นอย่างดี
“นะก็ดูโอเคเลยนะรัก ขยัน มีการงานที่มั่นคง นิสัยดี แถมหล่อด้วย” ปีใหม่เห็นดีเห็นงามกับนุชด้วย
“นุชเห็นด้วยกับพี่ใหม่นะ แต่เรื่องนิสัยดีกับความหล่อนี่ขอค้านเลย นิสัยเสีย แล้วก็ไม่เห็นหล่อตรงไหนเลย”
“ไอ้นุช ฉันอุตส่าห์ช่วยชง ตกลงแกอยากให้พี่ชายแกขายออกจริงปะเนี่ย”
นุชย่นจมูก เธอรักพี่ชายนะ แต่ก็แอบหมั่นไส้ เพราะตอนอยู่บ้านเธอชอบโดนอีกฝ่ายแกล้ง “ก็อยากขาย แต่ก็ไม่อยากโฆษณาเกินจริง กลัวผู้บริโภคได้ไปแล้วผิดหวัง”
“แกเป็นแค่น้องสาวไง น้องสาวกับแฟนก็ต้องปฏิบัติต่างกันอยู่แล้วปะ เวลานะมันอยู่กับแฟนมันอาจจะเป็นอีกคนก็ได้”
“สาธุเลย”
จรัสรักได้แต่นั่งฟังบทสนทนาของเพื่อนร่วมงานทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม บางทีก็ขำไปด้วย เธอไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรเวลาที่โดนชงให้คบกับนะ เหมือนจะเป็นการแซวกันเล่น ๆ เสียส่วนใหญ่ ไม่ได้จริงจังอะไร
กระทั่งใกล้ถึงเวลาที่จิณณ์บอกให้เธอออกไปรอ
“นุช พี่ใหม่” จรัสรักเรียกทั้งสองคน ก่อนหันไปพูดกับปีใหม่ซึ่งนั่งอยู่ตรงข้าม “รักต้องไปแล้วนะ ค่าอาหารพี่ใหม่ส่งเข้ามาให้ไลน์รักได้เลย เดี๋ยวรักโอนให้”
“อ้าว จะไปแล้วเหรอ ทำไมรีบไปจัง”
“ค่ะ ต้องไปแล้ว ศิไลน์มาบอกว่าใกล้ถึงห้องแล้ว นัดเจอกันหน้าปากซอย จะได้เดินเข้าซอยพร้อมกัน” หญิงสาวโกหกเป็นตุเป็นตะ พลางมองนาฬิกาไปด้วย เหลืออีกสิบนาทีจะถึงเวลาที่จิณณ์บอก จากตรงนี้ไปถึงเซเว่นน่าจะใช้เวลาเพียงแค่ห้านาที แต่เธอเผื่อเวลาเอาไว้ เผื่อเขามาถึงก่อน
“อะ ๆ ถ้างั้นพี่กับไอ้นุชก็จะกลับเหมือนกัน เบียร์หมดพอดี” ปีใหม่กวักมือเรียกพนักงานมาคิดเงิน
จรัสรักกลัวว่าจิณณ์จะมาถึงเร็วจึงรีบโบกล่ำลาทั้งสองคน และรีบเดินออกจากร้านมาก่อน อีกอย่างเธอกลัวว่าปีใหม่กับนุชจะเห็นว่าเธอเดินไปทางไหน และโชคดีที่เซเว่นข้างธนาคารที่ชายหนุ่มเลือก ไม่ใช่ทางผ่านกลับบ้านของเพื่อนร่วมงานทั้งสองคน ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องตอบคำถาม ว่ามายืนทำอะไรหรือรอใครอยู่ตรงนี้
ร่างบางเข้าไปซื้อน้ำเปล่าและนั่งที่เคาน์เตอร์เล็ก ๆ ภายในร้านสะดวกซื้อ ระหว่างนั้นสมองก็คาดเดาถึงสาเหตุที่เขามารับเธอถึงที่
เขาจะพาเธอไปไหน ?
ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก เธอเดาทางเขาไม่ถูกเลยจริง ๆ
นั่งรอประมาณสิบห้านาทีก็เห็นรถคันคุ้นตาวิ่งเข้ามาจอดเทียบฟุตพาทหน้าร้าน จรัสรักไม่รอช้ารีบเดินออกไปขึ้นรถโดยที่เขาไม่ต้องโทรตาม
“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้ทักทายเขาตามปกติ
จิณณ์พยักหน้ารับเบา ๆ ไม่พูดอะไร รอจนเธอคาดเข็มขัดนิภัยเสร็จ รถยนต์คันหรูก็เคลื่อนตัวเข้าสู่ถนนเลนหลัก มุ่งตรงไปยังคอนโดมิเนียมซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองเลยทันที
ตอนพิเศษ 3“เกรซซี่!”เจ้าของชื่อซึ่งกำลังนอนคว่ำกระดิกปลายเท้าระบายสีอยู่กลางห้องนั่งเล่นชั้นล่าง เงยหน้าขึ้นไปมองน้าสาวที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้าน ในมือมีกระดาษอะไรสักอย่างติดมาด้วยฟังจากน้ำเสียงที่เรียกเมื่อกี้เกรซซี่รู้สึกเสียวสันหลังแปลก ๆ เพราะปกติเวลาน้ากิ๊ฟต์กลับบ้าน น้ากิ๊ฟต์จะเรียกหาเกรซซี่ด้วยเสียงที่นุ่มนวลหรือไม่ก็ร่าเริงกว่านี้ แต่วันนี้แค่เรียกเสียงเข้มไม่พอ ยังทำสีหน้ายุ่งใส่กันอีกเกรซซี่ไปทำอะไรของน้ากิ๊ฟต์พังหรือเปล่านะ...ก็ไม่นี่นา ไม่ได้เข้าไปในห้องของน้ากิ๊ฟต์เลยด้วยซ้ำใจจริงอยากวิ่งเข้าไปรับอย่างที่เคยทำ ทว่าวันนี้เกรซซี่สังหรณ์ใจไม่ดียังไงก็ไม่รู้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังขานรับน้าสาวเสียงหวาน “...ขาน้ากิ๊ฟต์”จารวีหันหน้าไปไหว้แม่และยายของตนที่นั่งเอนกายบนตั่งไม้อีกฝั่งของบ้าน ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างแรง จากนั้นก็ยื่นเอกสารรายงานผลการเรียนชั้นอนุบาลไปตรงหน้าหลานสาวสุดที่รัก “อันนี้คืออะไรเนี่ย ทำไมเป็นแบบนี้”กนกนุชขยับนั่งขัดสมาธิ มองน้ากิ๊ฟต์กับกระดาษเอสี่ที่ถูกยื่นออกมาตรงหน้าด้วยความงุนงง ก่อนจะหันไปมองผู้เป็นแม่ซึ่งเดินตามหลังน้องสาวตัวเองเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
ตอนพิเศษ 2โชคดีที่จิณณ์ฝึกลูกให้นอนคนเดียวตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ช่วงแรกที่ยังไม่เปิดเทอมอาจจะมีร้องไห้โยเยบ้าง เพราะตื่นมาแล้วไม่เจอใครอยู่ในระยะสายตา แต่พอค่อย ๆ บอกค่อย ๆ สอนว่าตื่นแล้วไปหาพ่อหรือหายายกับทวดได้ที่ไหน แกก็เริ่มเรียนรู้และเข้าใจ จากนั้นมาก็ไม่มีเสียงร้องไห้ตอนเช้าอีกเลยฉะนั้นหลังเล่านิทานส่งลูกเข้านอนเสร็จ คนเป็นพ่อเป็นแม่จึงได้มีเวลาสวีตหวานในห้องส่วนตัวกันบ้าง“เรียนทำขนมวันนี้เป็นไงบ้าง” จิณณ์เอ่ยถามภรรยาที่กำลังใช้สำลีลบเครื่องสำอางซึ่งแต่งแต้มเพียงบางเบา เตรียมตัวเข้าไปอาบน้ำ ส่วนเขาก็กำลังปลดเปลื้องเสื้อผ้าตัวเองเพื่อจะเข้าไปอาบพร้อมกันจรัสรักมองเรือนร่างของสามีผ่านกระจก ใบหน้าสวยร้อนผะผ่าวพร้อมกับหัวใจที่จู่ ๆ ก็สั่นรัวขึ้นมา หญิงสาวรีบเลื่อนสายตาไปโฟกัสจุดอื่น แม้จะเคยเห็นมานับครั้งไม่ถ้วน ทว่าเธอก็ไม่เคยทำใจให้ชินได้เสียที“กะ...ก็ดีค่ะ พี่ฟางใจเย็นและสอนดีมาก” เธอตอบเสียงกะตุกกะตัก เกร็งตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเขาเดินเข้ามายืนใกล้ ๆ จิณณ์ดึงชุดคลุมอาบน้ำช่วงไหล่ของภรรยาลง ก่อนจะประทับจูบร้อน ๆ ลงบนไหล่เปลือย จากนั้นก็พูดต่อ“คุณอยากได้สูตรไหนหรือ
ตอนพิเศษ 1หลังจากงานแต่งงานและทำบุญขึ้นบ้านใหม่ซึ่งถูกจัดขึ้นเป็นงานเล็ก ๆ แต่อบอุ่นเสร็จสิ้นไป จิณณ์ก็ขอให้ทุกคนย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังนี้ ซึ่งก็เป็นไปตามคาด หญิงมากวัยทั้งสองคนมีอาการงอแงเล็กน้อย ด้วยไม่อยากละทิ้งบ้านของตนที่เต็มไปด้วยความทรงจำมากมายจรัสรักพยายามเกลี้ยกล่อมพร้อมทั้งอธิบายให้แม่และยายของตนเข้าใจ เธอเองก็ไม่ได้จะทิ้งบ้านหลังนั้น แต่ด้วยสภาพที่เก่าและทรุดโทรมตามกาลเวลา อีกทั้งยังมีข้าวของเก็บไว้มากมาย ซึ่งบางอย่างก็เป็นของที่ไม่ได้ใช้แล้ว หญิงสาวจึงถือโอกาสนี้เคลียร์ของและจะทำการรีโนเวตบ้านใหม่ จากนั้นจะยกให้เป็นชื่อของจารวีจิณณ์ถามน้องสาวภรรยาว่าอยากรื้อแล้วสร้างใหม่เลยหรือไม่ จะได้บ้านในแบบที่ต้องการ ทว่าจารวีปฏิเสธพร้อมบอกว่าเอาไว้ก่อน เพราะล่าสุดพี่เขยก็เพิ่งจะถอยรถมินิคูเปอร์คันละสามล้านให้เป็นของขวัญเรียนจบแบบสด ๆ ร้อน ๆ โดยให้เหตุผลว่าระบบเซฟตีมันดีมากกว่ารถอีโคคาร์ทั่วไป ยังไม่นับคอนโดมิเนียมที่กำลังเลือกดูเพื่อจะซื้อให้พักอาศัยระหว่างที่เรียนต่อเนื่องจากสองพี่น้องมีความใฝ่ฝันที่จะเป็นหมอ แต่ขาดแรงสนับสนุนจึงไม่ได้ไปต่อ ทำให้ต้องเลือกเดินในเส้นทางอ
บทที่ 32 รัก (ตอนจบ)“แต่งงานกับผมนะครับ”ในเมื่อเขาดีและทำเพื่อเธอขนาดนี้ ก็ไม่มีเหตุผลที่เธอต้องปฏิเสธ ถึงจะเป็นการขอครั้งที่สอง แต่เธอก็อดตื่นเต้นไม่ได้ จรัสรักพยักหน้า ตอบรับคำขอของเขาด้วยรอยยิ้มยินดี“ค่ะ รักจะแต่งงานกับคุณ”จบประโยคนั้นร่างบางก็สะดุ้งขึ้นเล็กน้อย เมื่อไฟที่ประดับประดาอยู่รอบ ๆ ตัวบ้านสว่างขึ้นพร้อมกันทุกดวง พร้อมกับเสียงโห่ร้องจากผู้คนมากมายดังขึ้นด้วยความยินดีใบหน้าสวยมองไปตามเสียงก็เจอกับเด็กหญิงกนกนุชในชุดสวยถือช่อดอกไม้วิ่งเข้ามาหา เลื่อนสายตาไปข้างหลังอีกก็เจอแม่และยายที่นั่งอยู่บนรถเข็น โดยมีปรานกับกฤษณ์เข็นให้ พร้อมทั้งพีรัช ภริตา จารวี และคุณหญิงพรรษา ยืนอยู่ข้าง ๆ กันทุกคนกำลังเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มจรัสรักรู้ว่าวันนี้มีนัดรับประทานอาหารร่วมกัน แต่ไม่รู้ว่าทุกคนจะมารวมตัวกันที่บ้านของเธอก่อน พวกเขามาตั้งแต่เมื่อไรกัน ทำไมเธอไม่ได้ยินเสียงรถเลย“ป้อจิน เอาให้แม่” เสียงของลูกสาวดึงสายตาเธอให้กลับมาสนใจคนตรงหน้าอีกครั้ง เด็กหญิงกนกนุชยื่นช่อดอกทานตะวันให้คุณพ่อตามที่พ่อปรานบอก“ขอบคุณครับ” จิณณ์รับดอกไม้มาถือ ก่อนจะคว้าตัวลูกสาวเข้ามากอดและกดจมูกหอมแก้มแ
บทที่ 32 รัก (ตอนจบ)หลังจากหมูกระทะมื้อค่ำสิ้นสุดลง ทุกคนก็ช่วยกันเก็บจานไปล้างและทำความสะอาดสถานที่ จิณณ์รับหน้าที่พาเด็กหญิงกนกนุชไปอาบน้ำ เนื่องจากหนูน้อยเริ่มตาปรือเพราะใกล้ถึงเวลาเข้านอนเมื่อบรรยากาศภายในบ้านเริ่มเงียบสงบ จารวีนั่งเล่นกับหลาน พูดคุยกับแม่และยายสักพักก็เข้าห้องส่วนตัวของตัวเอง ส่วนอ้อมใจก็จัดที่นอนเตรียมพักผ่อน หน้าที่พยาบาลพิเศษในบ้านหลังนี้ไม่ได้หนัก และคนป่วยก็ไม่ได้จู้จี้จุกจิก พอทำหน้าที่หลักเสร็จก็สามารถนอนพักผ่อนได้ แต่ข้อเสียคือไม่มีห้องนอนส่วนตัวให้ ต้องนอนรวมกันที่ห้องโถงจรัสรักเดินมาเช็กความเรียบร้อยที่ครัวหลังร้าน เพราะพรุ่งนี้ต้องเปิดร้านขายของตามปกติหลังจากหยุดไปทำธุระหนึ่งวัน“อุ๊ย!” ทว่ายังไม่ทันได้หยิบจับสิ่งใด ร่างบางก็ถูกสวมกอดจากคนที่เดินตามเข้ามาติด ๆ หญิงสาวยิ้มและเอ่ยถามกลั้วขำ “อะไรคะเนี่ย”“อยากกอด” จิณณ์คลายวงแขนแล้วหมุนตัวเธอให้หันกลับมาเผชิญหน้ากัน จากนั้นก็โน้มใบหน้าลงไปจูบหน้าผากเธอแผ่วเบา “เมื่อไหร่บ้านจะเสร็จ”จรัสรักหลุดขำ นึกเอ็นดูคนตัวโตที่เริ่มงอแง นับวันก็ยิ่งเหมือนลูกมากขึ้นทุกที “คงอีกนานค่ะ ยังไม่ได้ลงเสาเลย”“รู้งี้ผมให้
บทที่ 31 คนพิเศษ“แม่แค่เป็นห่วงครับ ไม่ได้ดุ”“ดุ” ใบหน้าน้อย ๆ เอียงซบไหล่แกร่ง พยายามหลบสายตาแม่ แต่กระนั้นก็ยังแอบเหล่มอง“รับปากแม่ได้ไหมว่าครั้งหน้าเกรซซี่จะใส่รองเท้าก่อนออกบ้านทุกครั้ง” จรัสรักยังคงเสียงแข็งแต่ก็ยังฟังดูอ่อนโยนอยู่ในที เธอไม่ได้อยากเป็นแม่ใจร้ายหรอก แต่บางทีก็ต้องบอกต้องสอนกันบ้าง“รับปากแม่เร็ว คนเก่งของพ่อทำได้อยู่แล้ว” จิณณ์ให้กำลังใจ พร้อมเบี่ยงร่างเล็กในอ้อมแขนให้หันไปหาคนเป็นแม่“ต่อไปนี้เกรซซี่จะใส่รองเท้าก่อนทุกครั้งค่ะ” หนูน้อยยอมพูดแต่โดยดี ซึ่งผู้เป็นแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก ส่งยิ้มให้พร้อมยกมือขึ้นมาลูบศีรษะอย่างชื่นชม“เก่งมากค่ะ”กลายเป็นคุณพ่อที่ทวนความจำให้ลูกแทน “จำได้ไหมครับ ที่คุณแม่บอกว่าถ้าไม่ใส่รองเท้าจะเกิดอะไรขึ้น”“จะเหยียบปะตู เลือดไหล ต้องไปหาหมอ แล้วก็ร้องไห้แง ๆ” จิณณ์ไม่แก้ไขที่ลูกพูดผิด รู้ดีว่าความเข้าใจของแกก็คือตะปูนั่นแหละ“ใช่แล้ว เพราะฉะนั้นต่อไปนี้เกรซซี่ต้องใส่รองเท้าทุกครั้งนะ โอเคไหม”“โอเคค่า” เมื่อเคลียร์กันลงตัว หนูน้อยก็กลับมายิ้มแย้มแจ่มใส“หาแม่ไหม พ่อจะขนของลงรถ” ชายหนุ่มบอกพร้อมส่งลูกให้คนเป็นแม่อุ้ม ซึ่งมือเล็ก ๆ