Masuk“ หากเปิดร้านเป็นของตนเอง ข้าเกรงว่าเจ้าจะเหนื่อยเกินไป อย่างไรข้าก็ต้องการเปิดร้านผ้าไหมเล็ก ๆ อยู่แล้ว เจ้าจะได้ไม่เหนื่อยในการดูแลร้านจนเกินไป ร้านใหญ่งานก็จะเยอะ คนก็จะเยอะไปด้วย หากเจ้าไม่ชอบความวุ่นวาย ข้าคิดว่าเราเปิดเป็นร้านเล็ก ๆ แล้วมีลูกจ้างสักสองสามคน รับผู้ชายมาช่วยยกม้วนผ้าไหม และข้าวของซักคน ส่วนสตรีเราก็ให้ช่วยหยิบจับทำงานในร้าน ส่วนเจ้าก็เป็นคนทำบัญชีและดูแลเรื่องเงินทองให้กับข้า แล้วรับค่าจ้างรายเดือนและส่วนแบ่ง เพราะเขาจะให้เจ้าเป็นหุ้นส่วนร้านด้วย ”
เขาค่อย ๆ บอกแผนงานที่เขาคิดเอาไว้ระหว่างเดินทางมาหาจินเยว่ที่นี่ ความจริงเขาไม่จำเป็นต้องเปิดร้านผ้าไหมเล็ก ๆ แยกออกจากร้านใหญ่ที่เขามีอยู่ที่ในตลาดแห่งนี้ก็ได้ แต่ว่าเขาเป็นห่วงจินเยว่และต้องการให้นางมีงานอะไรทำสักอย่างจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน
และเขาก็คิดว่าไม่ต้องการให้งานนั้นหนักเกินไป งานตัดเย็บนั้นเหนื่อยเกินไปสำหรับนางหากต้องเร่งทำงานทั้งวันทั้งคืน เขาอยากจะให้นางทำเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ มีคนช่วยหยิบจับ นางเพียงคอยดูแลบัญชีและรับเงินทอนเงินให้กับลูกค้าก็เพียงพอแล้ว ส่วนเรื่องอื่น ๆ เขาจะจัดการให้ทั้งหมดก่อนจะจากไปที่ทำงานของตนเอง
“เจ้าเชื่อข้า ทำอย่างที่ข้าบอก เจ้าจะไม่เหนื่อยเกินไป ทำไปเรื่อย ๆ และไม่ต้องเสี่ยงลงทุนเองอีกด้วย หน้าที่จัดหาผ้าเข้าร้านข้าจะให้หลงจู้ที่ร้านใหญ่มาดูแลให้ มีอะไรเจ้าก็จดรายการผ้าที่ขายหมดไปแล้วหรือว่าต้องการสั่งเข้าร้านแล้วมอบให้กับเขา หากเขาส่งผ้ามาให้ เจ้าก็ตรวจสอบเสียว่าจำนวนครบหรือไม่แล้วก็ลงบัญชีไว้ การทำบัญชีร้านค้าข้าจะสอนเจ้าก่อนที่จะไป ดีหรือไม่ มีคนช่วยสอนงานเจ้าด้วย ไม่ต้องเสี่ยงลงทุน รับทั้งค่าจ้างและปันผลในฐานหุ้นส่วนของข้า” เล่อถงบอกกับนาง
ด้านที่เรือนหลักของแม่ทัพมู่หยาง พักหลัง ๆ ที่แต่งงานกันแล้ว ตัวยาที่หนิงอันใช้ผสมสูตรเสน่หารัญจวนที่นางใช้ชักจูงจิตใจของแม่ทัพมู่หยางให้หลงใหลและคิดถึงแต่เพียงนางนั้น ได้หมดลงเป็นบางชนิด ทำให้นางไม่สามารถผสมตัวยาที่ต้องแอบนำไปใส่ในน้ำชาของท่านแม่ทัพอยู่เป็นประจำได้
ข้อเสียของยาเสน่หารัญจวนที่นางใช้กับแม่ทัพมู่หยางนี้คือมันจะต้องคอยเติมตัวยาตลอด หากว่าไม่ทำเช่นนี้ นาน ๆ ไปตัวยาในร่างกายของเขาถูกขับออกไป การควบคุมแม่ทัพหนุ่มนั้นก็จะไม่สามารถทำได้ ความทรงจำและสติของเขาจะคืนกลับมา นางพูดอะไรเขาก็ไม่เชื่อนางเช่นเคย
และท่าทางรักใคร่หลงใหลงที่เขามีต่อนางก็จะลดน้อยลงไปทุกวัน อย่างเช่นค่ำคืนนี้ เขานอนอยู่ข้างกายหนิงอัน แต่ก็ไม่ได้เข้าไปโอบกอดนางเอาไว้เหมือนเช่นเคย เขานอนหงายดวงตาคมจ้องมองเพดาน และเริ่มรู้สึกว่าเขาไร้ความสุข เขาเหมือนไม่ได้ต้องการสตรีที่กำลังนอนอยู่ข้างกายของเขาเลย แต่เหตุใดเขาจึงแต่งงานกับนางก็ไม่รู้ได้
แม่ทัพหนุ่มนอนเอามือก่ายหน้าผากแล้วคิดใคร่ครวญว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเขากันแน่ แต่คิดเท่าไหร่ก็ยังไม่กระจ่างชัด มันเหมือนความทรงจำไม่ปะติดปะต่อกัน บางส่วนก็ลางเลือน บางส่วนก็หายขาดไปเลย เขาจึงได้แต่ครุ่นคิด แล้วอยู่ ๆ เขาก็คิดถึงจินเยว่ขึ้นและจำได้ว่าไม่เห็นนางนานมากแล้ว นางหายหน้าไปที่ใดกันแน่
“ท่านพี่เจ้าคะนอนไม่หลับหรือ” หนิงอันหันไปมองเขา เพราะเห็นว่าสามีนอนกระสับกระส่าย เหมือนเขานอนไม่ใคร่หลับนางยกมือบางขึ้นจับใบหน้าของเขาให้หันมา แล้วนางก็ยืดกายเพื่อจะประกบจูบเขา แต่ว่าเขาหันหน้าหนีนางไป
“ท่านพี่เจ้าคะ เป็นอะไรไป ไม่อยากจูบน้องหรือเจ้าคะ” นางหันไปทำเสียงออดอ้อนเขา อย่างที่เคยทำเป็นประจำ
“ไม่มีอะไร พี่รู้สึกไม่ค่อยสบายตัวนัก เจ้านอนเสียเถิดนะ”
เขาลุกขึ้น แล้วก็ก้าวลงไปจากเตียงนอน แล้วก็เปิดประตูออกไปจากห้องนอน และเขาก็ไม่กลับเข้ามานอนในห้องนอนอีกเลยตลอดทั้งคืน เขาหายไปนอนในห้องหนังสือ เพราะเริ่มจะไม่แน่ใจอะไรบางอย่าง แต่ก็ยังไม่แน่ใจนัก ว่าเขาสงสัยอะไรกันแน่
แต่เหมือนว่าเขาไม่ได้อยากจะแต่งงานกับสตรีนางนี้ และเหมือนกับว่าความรักของเขากับนางมันลางเลือนจนตัวเขาเองก็จำไม่ได้ว่าตกหลุมรักนางตอนไหน เหตุใดถึงรักนางมาก จนถึงกับแต่งงานรับนางเป็นฮูหยิน ตัวเขาเองก็ตอบตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ
นั่งทำให้หนิงอันจำต้องจากจวนแม่ทัพไป เพราะต้องขึ้นเขาไปหาตัวยาที่นางจำเป็นต้องใช้มาให้ครบและต้องได้เป็นจำนวนมากด้วย เพราะมันจำเป็นต้องใช้อยู่ตลอด จึงจะต้องใช้เวลานานมากที่รวบรวมตัวยาได้ครบ กว่าที่นางจะหวนกลับมาที่จวนแม่ทัพได้อีกครั้ง ตอนนี้นางจำต้องปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปเช่นนี้ เพราะก็ไม่สามารถทำอะไรได้ หากนางไม่มียาเสน่หารัญจวนนั่น
ส่วนที่จวนแม่ทัพ ซินแสที่ฮูหยินผู้เฒ่าให้คนไปเชิญมาก็มาถึงจวนแม่ทัพแล้ว เพราะทุกคนเริ่มจะสงสัยในพฤติกรรมของฮูหยินคนใหม่และแม่ทัพมู่หยางที่ต่างก็แปลก ๆ ด้วยกันทั้งคู่ ไม่เหมือนชีวิตคู่ผัวเมียทั่วไปที่เขาเป็นกัน
พวกเขาจึงวางแผนเข้าไปตรวจค้นเรือนหลังเล็กของหนิงอัน เพื่อสำรวจว่านางมีความลับใด ซ่อนเอาไว้หรือไม่ ส่วนสาวใช้ของนางถูกจับไปขังเอาไว้แล้ว เพื่อไม่ให้ความลับที่พวกเขากำลังสืบหานี้หลุดรอดออกไปเพราะยังไม่มีหลักฐานที่จะกล่าวหาสตรีนางนั้นได้แน่ชัด
แต่เมื่อค้นจนทั่วก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ เพราะหนิงอันนั้นซ่อนเอาไว้ในช่องลับที่ใต้พื้นที่นางทำขึ้นมา เป็นช่องเล็ก ๆ ที่หากไม่ตรวจสอบให้ดีก็จะค้นหาไม่พบ ทำให้การค้นหาตลอดบ่ายของทั้งท่านย่า แม่นมหวัง พ่อบ้านเฉิน มู่หลัน และสาวใช้ที่ไว้ใจได้อีกสามคน รวมถึงซินแสก็คว้าน้ำเหลว ทุกคนพากันถอยออกไปนั่งปรึกษากันที่เรือนของฮูหยินผู้เฒ่า
“ข้าคิดว่า สิ่งที่พวกเรากำลังหามันจะต้องมีแน่ ๆ เพียงแต่เรายังหาไม่พบ แต่อาการที่พวกเจ้าเล่าให้ข้าฟังนั้น มันก็เข้ามีบางสิ่งผิดปกติอยู่ เพราะฉะนั้น เราก็ควรจะแก้ไขไปก่อน ในเมื่อมีตัวยาที่ออกฤทธิ์ให้เขาหลงใหลสตรีนางนั้นอย่างหน้ามืดตามัว จนดูผิดปกติ มันก็มีตัวยาแก้กันอยู่
ระหว่างนี้ก็พยายามผสมยาแก้ให้เขากิน โดยที่ไม่ต้องบอกให้เขารู้ตัว ทั้งสตรีนางนั้น และท่านแม่ทัพ ก็ไม่ต้องบอก เราช่วยเขาโดยที่ไม่ให้เขารู้ตัว ไปพลาง ๆ ก่อน จนกว่าจะมีหลักฐานเพื่อจับสตรีนางนั้นส่งทางการได้ เรื่องราวก็จะยุติ ท่านแม่ทัพก็จะหลุดเสน่ห์ของสตรีนางนั้น แต่ตอนนี้ข้าต้องการเจาะเลือดของท่านแม่ทัพมาตรวจดูก่อน”
ซินแสกล่าวขึ้นหลังจากพวกเขาพากันนั่งลงที่โต๊ะในห้องโถงแล้ว สาวใช้ก็ยกน้ำมาแจกจ่ายให้กับทุกคน เพราะต่างก็เหน็ดเหนื่อยในการค้นข้าวของจนแทบจะพลิกเรือนหลังน้อยนั่นแล้วแต่ก็ไม่พบ
และเมื่อหนิงอันว่าที่ฮูหยินพ้นไปจากจวนได้เพียงสองสามวันสติของแม่ทัพมู่หยางก็กลับคืนมาอีกครั้ง พอเขาได้สติที่ไม่ถูกบดบังด้วยฤทธิ์ของยาเสน่หารัญจวนนั้น เพราะตัวยานั้นเริ่มจะเจือจางลงไปในทุก ๆ วันหากว่าไม่เติมยาใหม่เข้าไป โดยการผสมในน้ำชาที่ท่านแม่ทัพดื่มเป็นประจำ และเมื่อเขาไม่ได้ดื่มยาเพราะยาหมดและสตรีนางนั้นก็ไม่อยู่ที่จวนหลาย ๆ วันเข้า สติสัมปะชัญญะของเขาก็หวนคืนมาอีกครั้ง
ตอนแรกมู่หลันเม้มปากของนางเอาไว้แน่นไม่ยินยอมให้เจ้าคนร้ายกาจนั่น สอดลิ้นสากที่ไล้เลียริมฝีปากของนางอยู่เข้าไปในปากจิ้มลิ้มของนางอย่างเด็ดขาด แต่แล้วเพียงไม่นาน มู่หลันก็เคลิบเคลิ้มยอมเผยอริมฝีปากอิ่มของนางให้ลิ้นสากที่ร้อนรุ่มของเล่อถงเข้ามาชิมความหวานในปากของตนเอง ทั้งยังเข้าเกี่ยวพันลิ้นเล็กแสนนุ่มนิ่มของนาง จนร่างงามสั่นสะท้านไปหมด ในที่สุดก็ไร้เรี่ยวแรงเอนกายพิงอกแกร่งของเขาอย่างเต็มใจเพราะที่จริงแล้วภายในใจของมู่หลันนั้น แทบจะเต้นระบำรำฟ้อน เพราะนางหลงรักจางเล่อถงมานานแล้ว แต่เขาไม่เคยสนใจนางเลย เอาแต่ตามติดจินเยว่ทั้ง ๆ ที่รู้ว่านางกับพี่ใหญ่รักกัน เขาไม่เคยหันมามองมู่หลันเลยสักครั้ง จนนางเคยน้อยใจว่านางไร้ความงามจนถึงขนาดที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาเลยหรือ แม้นางจะรักจินเยว่มาก แต่นางก็อดที่จะน้อยใจไม่ได้ ว่าเหตุใดสหายวัยเด็กที่อยู่ร่วมกันมาตั้งแต่ยังเล็ก ๆทั้งพี่ใหญ่ ทั้งเล่อถง เอาแต่ตามติดและคอยเอกอกเอาใจแต่จินเยว่ นางเหมือนไร้ตัวตน พี่ใหญ่นั้นนางไม่ว่าอะไรเพราะนางเต็มใจที่จะได้จินเยว่เป็นพี่สะใภ้ แต่เล่อถง บุรุษไร้หัวใจผู้นั้น ไม่เคยมองมาที่นางเลย แม้นางจะเฝ้าปรุงแต่งโฉมเพ
หนิงอันเชื่อตามสัญชาตญาณของตนเองว่าสาวใช้นางนี้ไม่ได้พูดปด จึงพยักหน้าแล้วก็ตัดสินใจก้าวกลับขึ้นไปบนรถม้า แล้วบอกกับคนขับว่านางจะว่าจ้างให้ไปส่งที่เมืองใกล้ชายแดนแทน ที่นั่นเป็นบ้านเกิดของนาง คนขับรถพยักหน้า แล้วหนิงอันก็ก้าวกลับเข้าไปในรถม้าตามเดิม เมื่อทรุดนั่งลงแล้ว นางก็เปิดผ้าม่านข้างรถม้าออกจ้องมองไปที่จวนแม่ทัพเฉินเป็นครั้งสุดท้าย แม้นางจะรักชายผู้นั้นมาก แต่นางเองก็รู้แก่ใจว่าเขาไม่ได้รักนาง เพียงแต่นางใช้ยาเสน่หารัญจวนเพื่อชักจูงจิตใจเขาเท่านั้น แต่หากมันหมดฤทธิ์ไปแล้วก็ไม่มีประโยชน์ที่จะพบหน้ากันอีกเพราะเขาไม่ได้รักนางด้วยหัวใจที่แท้จริงของเขา แต่มันคือการบังคับเขาด้วยฤทธิ์ของยาพิษ มือบางขอหนิงอันปล่อยผ้าม่านลงให้มันปิดสนิทดังเดิม แล้วก็นั่งเอนกายพิงรถม้าแล้วก็หลับตาลงอย่างปลงกับชีวิตที่พลิกผันของตนเองแล้วตัดสินใจว่าอย่างน้อยนางก็ไม่ถูกโทษทัณฑ์ ไปจากที่นี่แล้วไปเริ่มต้นใหม่ที่เมืองอื่น อย่างน้อยนางพอมีวิชาแพทย์และความรู้เรื่องสมุนไพรติดตัวอยู่บ้าง คงจะพอใช้มันเลี้ยงชีพได้ หนิงอันหลับตาลงน้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาอาบแก้มของนาง นางยกมือขึ้นเช็ดมันทิ้งไปอย่างรวดเร็วและสลัดความคิดค
แม่ทัพหนุ่มเหยียดยิ้ม แล้วก็เอ่ยขึ้นอย่างหน้าตาเฉยว่า“บังเอิญข้า มีความชอบไม่เหมือนผู้อื่นเสียด้วย ข้าชอบมีอะไรกับคนที่เกลียดข้า มันสะใจดี ข้าไม่ชอบคนที่ชอบข้า เกลียดกันก็มีอะไรกันได้ไม่จำเป็นต้องรักกัน อย่างที่เจ้าก็เห็นเมื่อคืนนี้ด้วยตนเองแล้ว ว่ามันสุขสมเพียงไร เจ้าก็เตรียมตัวเป็นนางบำเรอข้าเช่นนี้ หากข้าอยากนอนกับเจ้าเมื่อใดข้าก็จะมาหา แต่เจ้าอย่าหวังจะได้พบบุรุษที่ไหนอีกเลย ข้าจะให้องครักษ์เฝ้าเจ้าไว้ไม่ให้ออกนอกจวนเด็ดขาดข้าจะสั่งให้บ่าวจับตามองเจ้าทุกฝีก้าว เจ้าอยากได้อะไรก็บอกสาวใช้ก็แล้วกัน ข้าจะให้พ่อบ้านหาไว้รับใช้เจ้าสักคน แต่ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าออกไปจากจวนเด็ดขาด ข้าจะบอกผู้อื่นว่าเจ้าเป็นเมียข้า แต่แท้จริงแล้วเจ้ามีฐานะเป็นเพียงนางบำเรอของข้าเท่านั้น พอใจเจ้าหรือยังเล่า”แม่ทัพหนุ่มบอกกับนางด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน เมื่อง้องอนดี ๆ แล้วไม่ยอมคืนดีสักที ไม่ยอมรับว่าเป็นฮูหยินของเขา เช่นนั้นก็เป็นนางบำเรอก็ได้ แต่อย่างไรก็ได้ชื่อว่าเมียเหมือนกัน และเขาจะไม่ยอมให้นางหนีไปมีบุรุษใดได้อีก อย่าคิดฝันว่าจะได้สมหวังกับเจ้าเล่อถงนั่นเลย ข้ารู้นะว่ามันหลงรักเจ้า มันถึงยอมทุ่มเทช่วยเจ้
แม่ทัพหนุ่มก็ทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว เพราะเขาสะกดกลั้นความต้องการของตนมานานแล้ว เพราะต้องการสั่งสอนภรรยาแสนดื้อเช่นนาง เขายกสะโพกหนาขึ้นเสยเข้าหานางแล้วเร่งความเร็ว ๆ ขึ้นเรื่อย ๆ เป็นบดขยี้ ถี่ยิบและเน้นหนัก ขึ้นหานางจนกระทั่งแตกระเบิดพร่างพรายไปด้วยกันอีกครั้งแล้วพลิกร่างอวบอิ่มของนางลงด้านล่าง แล้วก็สอดอาวุธคู่กายของเขากลับเข้าไปอีกครั้ง แล้วโยกขย่มนางอย่างเร่าร้อน เร่งกระแทกกายแกร่งเข้าสุดออกสุด และบดขยี้อย่างเน้นย้ำทุกจังหวะที่โจ้นจ้วง ตอกย้ำแรง ๆ ถึงความมีตัวตนของตนเอง ดังจะย้ำเตือนกับนางว่าเขาคือสามีของนาง สามีที่ยังรักนาง โหยหาและต้องการนางสุดหัวใจ“เยว่เอ๋อ โอ้วววว โอ้ววว เยว่เอ๋อ ยอดรักของข้า เจ้าคือภรรยาเพียงหนึ่งเดียวของข้า ข้ารักเจ้า โอ้ววว โอ้ววว”แม่ทัพหนุ่มร้องครวญครางเรียกสตรีในหัวใจด้วยเสียงแหบพร่าดุจโหยหานางเหลือเกิน บั้นเอวสอบโยกไหวรัวเร็วและถี่ยิบแต่สิ่งที่นางตอบสนองเขาก็คือ “อ๊าย อ๊ะ อ๊ะ ข้าเกลียดท่าน ข้าเกลียด อ๊าย อ๊ะ”แม่ทัพหนุ่มยกยิ้มน้อย ๆ ที่นางบอกว่าเกลียดเขา เขาจึงยิ่งกระแทกเข้าออกแรงขึ้นอีก เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องในห้องน้อยนั้น เตียงสี่เสาหลังใหญ่ในห้
“ อ๊าย ข้าเจ็บ อย่านะ ไม่ อย่าทำเช่นนี้ ไม่….. ” นางดิ้นรนไปมา พยายามจะดิ้นหนีออกไปให้ไกลจากการรุกรานของเขาแต่แล้วก็พบว่าข้อมือตนเองถูกมัดติดกับหัวเตียง นางกรีดร้องเสียงดังยิ่งขึ้นเพราะตกใจ ที่อยู่ ๆ ก็ตื่นมาพบว่าตนเองถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ และนอนแผ่กางแขนและขาอยู่บนเตียงในห้องที่ใดก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่ห้องพักห้องเล็กที่อยู่บนร้านผ้าไหมแน่ ๆ “ ช่วยด้วย อย่านะ ท่านแม่ทัพ อย่านะ อย่า อ่่าาา อ่าาาาห์ ” เมื่อเขาสอดนิ้วเข้าไป เขาพบว่ามันแห้งสนิทและคับแน่นยิ่งนัก นิ้วแกร่งของเขาแทบจะดันเข้าไปไม่ได้ เขายกยิ้มพอใจ นางยังมิได้ถึงกับมีอะไรกับเจ้าจางเล่อถงนั่น ตอนนี้เขาสบายใจขึ้นมากเพราะลงมือพิสูจน์ด้วยตนเองแล้ว ว่านอกจากเขาแล้วยังมิมีชายใดมากล้ำกลายนาง ถ้าเช่นนั้นวันนี้จะต้องตอกย้ำความเป็นสามีของนาง เพื่อให้นางรู้ว่านางมีเจ้าของแล้ว และเขาจะไม่ยอมให้นางหนีเขาไปได้อีกเป็นอันขาด เขาจะขังนางเอาไว้ที่จวนของสหายของเขาที่เมืองหนิงโจวแห่งนี้ เพราะที่นี่ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครจะติดตามทั้งเขาและนางมาได้ ที่นี่เป็นจวนของสหายของเขา ที่เขาส่งจดหมายไปขอยืมเพื่อจะพำนักชั่
“แต่ข้าไปก็ได้นะ แต่เจ้าก็ต้องกลับไปกับข้าด้วย เจ้ากลับข้าก็กลับ หากเจ้าไม่กลับข้าก็จะปักหลักอยู่กับเจ้าที่นี่แหละ”แม่ทัพหนุ่มยืนกราน เพราะเขาไม่มีทางถอยแน่ ๆ เพราะดูท่าแล้ว นางกำลังจะหนีเขาไป เพราะถึงกับย้ายออกมาอยู่ที่ร้านแห่งนี้ และคงวางแผนที่จะหนีไปแต่งงานหรือไม่ก็ยอมเข้าเรือนหลังของเจ้าเล่อถงแน่ ๆ ซึ่งเขาไม่มีทางยอมหรอก หากนางจะทำเช่นนั้น เขาจะอาละวาดให้งานแต่งของนางล่มแน่ ๆ หรือก็จะตามไปอาละวาดทุกๆ ที่ ที่นางไปอยู่กับชายใดก็ตาม ให้มันรู้กันไปสิ เมียคนเดียวเขาจะพากลับไปไม่ได้“ข้าไม่กลับไปกับท่าน เราไม่ได้เป็นอะไรกัน เพราะฉะนั้นท่านจะมาบังคับข้าไม่ได้ กลับไปเสีย หาไม่ ข้าจะฟ้องท่านย่าว่าท่านมาวุ่นวายรบกวนการทำงานของข้า”แม่ทัพหนุ่มยักไหล่ ฟ้องก็ฟ้องไปสิ เขาไม่ได้สนใจ เพราะเขาบอกท่านย่าแล้วว่านางเป็นภรรยาของเขาแล้ว เขามาเฝ้าเมียไม่ให้คิดจะคบชู้ มันผิดตรงไหน และนางก็ไม่ใช่คนตัวเปล่า สามีก็มานั่งเฝ้าอยู่ตรงนี้ ยังคิดจะหว่านเสน่ห์ชายอื่นได้อีก ใครผิดกันแน่ ๆ ก็เห็น ๆ อยู่ อย่างไรเขาก็ไม่ยอม จะให้ไปพบเจ้าเล่อถงที่จวนเขาก็ยินดี ไปบอกมันว่าสตรีที่มันหมายปองมีสามีแล้วหลังจากนั้นแม่ทัพ







