ตอนที่ 4
——————————
ปัจจุบัน…
ฐานทัพของเฮย์เดนตั้งอยู่บริเวณทางตอนเหนือของรัสเซีย สถานที่ที่เขาได้เตรียมความพร้อมรวบรวมอำนาจและประสบการณ์มาตลอดระยะเวลา 7 ปี ภายใต้บริษัทผลิตเครื่องบินรบ มีโรงเรือน มีโรงอาหารและโรงพยาบาลแบบครบครัน
ชายหนุ่มยืนอยู่บนระเบียงบ้านขนาดใหญ่สีขาวกลืนกับสีของหิมะ ร่างสูงใหญ่กำยำสวมเสื้อกล้ามสีขาวและกางเกงยีนขายาวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หลังจากคนที่ปรากฏบนแท็บเล็ตจอใหญ่นั้นหลับไปแล้ว มือใหญ่คีบบุหรี่พื้นเมืองขึ้นมาสูบแล้วพ่นควันสีขาวเพื่อระบายความรู้สึกในใจ
ไอความร้อนออกจากตัวชายหนุ่ม บ่งบอกอุณหภูมิร่างกายและด้านนอกนั้นต่างกันมาก หิมะขาวโพลนปกคลุมภูเขาทั้งลูก น้ำในทะเลสาบจับตัวกันเป็นน้ำแข็งผืนใหญ่ ท้องฟ้าและพื้นดินแทบจะเป็นสีเดียวกัน
"ใกล้แล้วสินะ"
สายตาคมเข้มทอดมองกลุ่มลูกน้องนับพันคนที่กำลังฝึกฝนการต่อสู้ทุกรูปแบบอยู่กลางทะเลสาบ ก่อนที่ตัวเขาจะลงไปฝึกฝนกับลูกน้อง ทุกครั้งก็จะได้บาดแผลหรือรอยช้ำระบมกลับมา เพราะเขาสั่งคนที่เป็นคู่ฝึกกับเขาห้ามออมมือให้เด็ดขาด
...
ร่างอรชรอวบอิ่มในชุดเดรสสั้นรัดรูป เว้าหลังสุดเซ็กซี่เรียกเชิญชวนสายตามองจากคนที่เดินผ่าน กลิ่นหอมเย้ายวนใจชวนหลงใหล ใบหน้าสวยมั่นใจแค่กระดิกนิ้วผู้ชายก็เข้าหาอย่างแอลลี่ เอโลอีส แอนดิสัน น้องสาวสุดรักของเคลย์ตัน วินซ์ คาสเซียส ก้าวออกมาจากลิฟต์ส่วนตัวของโรงแรมหรู บอดี้การ์ด 2 คนที่เฝ้าติดตามก้มเคารพ ก่อนจะเดินตามหลังเจ้านายสาวออกไป
"สวัสดีค่ะคุณแอล วันนี้มีประชุมตอนบ่ายโมงนะคะ" เลขาสาวเดินเข้ามาประกบด้านข้างรายงานตารางงานแรกของวัน
"โอเคค่ะ แต่อาจจะสายนิดหน่อย ฝากบอกพี่เคลย์ด้วยแล้วกันนะคะคุณฮารุ" เธอส่งยิ้มให้เลขาคนสวยก่อนจะขึ้นรถคันหรูสีแดงสดคู่ใจของตัวเอง
"อ้อ แอลไปกับคามิล ไม่ต้องตามไปนะ" เธอลดกระจกเอ่ยบอกลูกน้องของพี่ชาย ยกมือบ้ายบายเล็กน้อย ขยิบตาให้เลขาส่วนตัวก่อนจะออกรถ
บิลกับจากัวร์แยกกันรายงานเจ้านายตัวเองแล้วตามเจ้านายสาวไปห่างๆ
รถสีแดงคันหรูแล่นเข้ามาในสุสานอันเงียบสงบ มือบางถือดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่ ใบหน้าสวยคลี่ยิ้มบางๆ เมื่อยืนอยู่ตรงหน้าที่เก็บกระดูกของพ่อกับแม่
"แอลมาหาพ่อกับแม่อีกแล้วค่ะ คิดถึงจัง..."
คิดถึง ที่รวมถึงเขาคนนั้นด้วย...
ในเวลาที่เหนื่อย เครียด หรือมีเรื่องไม่สบายใจเธอชอบมานั่งอยู่ที่นี่จนกว่าจะรู้สึกดีขึ้น เหมือนกับว่าท่านพ่อกับท่านแม่อยู่ใกล้ๆ คอยส่งกำลังใจตลอด สายลมเย็นกลิ่นอายทะเลทำให้ผ่อนคลายขึ้นมาก
"ไม่รออีกแล้ว" คามิลวางดอกไม้สีขาว ก่อนจะนั่งลงข้างๆ เพื่อนสนิทที่รู้จักกันตั้งแต่ตอนเด็ก
"นายก็ช้าแบบนี้ตลอด"
"เธอนั่นแหละ นัด 10 โมง นี่มัน 9 โมงครึ่งเอง" ชายหนุ่มวัย 26 ปี โชว์นาฬิกาข้อมือดูเวลา
แอลลี่ถอนหายใจก่อนจะยิ้มบางๆ มองออกไปด้านหน้า ฟังเสียงคลื่นน้ำทะเลซัดเข้าชายฝั่ง
"คามิล"
"อืม" เสียงตอบรับในลำคอ มองแว๊บเดียวเขาก็รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ ใกล้จะถึงวันครบรอบวันตายของเฮย์เดนเธอก็มักมีอาการซึมๆ แบบนี้ทุกปี
"ฉัน...จนถึงตอนนี้ฉันก็ไม่อยากเชื่อ ว่าเขาไม่อยู่แล้ว..."
เขาหายไปโดยไร้ร่องรอย ไม่พบอะไรที่เกี่ยวกับเขาหรือเป็นของเขาเลย ทางตำรวจจึงสัณนิษฐานว่าร่างของเขาโดนระเบิดและถูกไฟไหม้จนไม่เหลือเศษซากอะไรแล้ว
แต่เธอก็ไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี...
"อืม แล้วถ้าจู่ๆ เฮียกลับมาล่ะ"
คามิลถามทีเล่นทีจริง แต่คนโดนถามนั้นหัวใจเต้นโครมครามขึ้นทุกครั้งถึงคามิลจะถามเธอซ้ำๆ แบบนี้ทุกปีก็เถอะ
"ฉันจะโกรธ จะเกลียดเขา..." ซึ่งเธอเองก็ตอบเหมือนเดิมทุกๆ ปี ถึงแม้ในใจจะไม่ได้คิดแบบนั้นก็ตาม
"หึหึ เจ้าคิดเจ้าแค้นนะ"
"ก็ช่วยไม่ได้ แต่ช่างเถอะ สรุปวันเปิดตัวแบรนด์เสื้อผ้าของฉันนายจะว่างมามั้ย พอจะมีเวลาให้เพื่อนคนนี้ไหมคะ"
แอลลี่จ้องตาเขม็ง บังคับกลายๆ ให้เขาตอบตกลง
"เออๆ ว่างครับว่าง"
จริงๆ เขาต้องมีเวลาให้อยู่แล้ว กับแอลลี่ถือว่าเป็นงานอย่างหนึ่งเพราะต้องคอยเป็นหูเป็นตาให้เฮย์เดนอีกที แล้วก็คอยกันบริกซ์ตันออกจากเพื่อนเขาด้วย
ครืด ครืด...
คามิลกดตัดสายอย่างไม่ลังเลเมื่อรู้ว่าใครโทรมา
"นายนี่มันใจร้ายชะมัด"
"เธอยังเด็ก"
ใช่ เธอเด็กมากเกินไปที่ต้องเข้ามาพัวพันกับคนอย่างเขา กับอันตรายอีกไม่รู้เท่าไหร่ที่เขาต้องเตรียมรับมืออยู่ตลอดเวลา
"รอโตก่อนว่างั้น"
"น้องเว้ย น้องสาวเท่านั้น"
"เหรอ เอาเป็นว่าฉันจะเชื่อไว้ก่อนแล้วกัน" แอลลี่เอ่ยยิ้มๆ พลางนึกถึงเมื่อตอนเด็กที่เด็กชายคามิลตอนอายุ 15 ปีนั้นเป็นคนสารภาพรักน้องเขาก่อน
ก่อนที่รอยยิ้มจะค่อยๆ จางลงเมื่อหัวสมองของเธอดันคิดไปถึงตอนที่เจอเขาครั้งแรก
'เฮียเฮย์เดน พี่ชายฉันเอง'
เด็กหญิงวัย 15 ส่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่มคนที่พึ่งเห็นหน้า และเธอก็มารู้ทีหลังว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทกับพี่ชายเธอเหมือนกัน
ใบหน้าหล่อเข้ม แววตาดุดันคอยมองเธอตลอดเวลาไม่ว่าจะทำอะไร แต่ในบางครั้งเธอก็สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนในความแข็งกระด้างนั้น ความใจดีที่เขามีให้มากกว่าคนอื่นๆ และทะนุถนอมเธอในตอนที่อยู่ด้วยกัน
"วันนี้ฉันมีแข่งรถนะ ไปด้วยมั้ย" เห็นเพื่อนเงียบๆ ไปจึงเอ่ยชวนไปสนุกบ้าง
"ขอบใจที่ชวน แต่ฉันมีประชุมตอนบ่าย จะแวะไปห้องเสื้อด้วย"
"อืม เดี๋ยวฉันไปส่ง"
แอลลี่ยักไหล่ไม่ปฏิเสธ เพราะเธอเคยปฏิเสธไปแล้วหลายครั้งแต่นายนี่ก็ดึงดันไปส่งจนได้
...
หลายวันต่อมา…
หญิงสาวงัวเงียตื่นขึ้นหลังจากได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกในตอนเช้า ก่อนจะกดดูแจ้งเตือนมือถือที่เธอได้ตั้งเอาไว้ทุกปี และปีนี้เข้าปีที่ 7 แล้ว
'พี่คะ กลับมาก่อน'
'พี่เฮย์เดน'
'บอกแอลมาเถอะนะ ว่าครอบครัวพี่ไม่ได้ทำ บอกมา...' ข้อความที่เธอคิดว่าจะเป็นข้อความสุดท้ายที่ส่งไปหาเขา แต่กลับไม่ใช่...
'ได้โปรดกลับมาหาแอล' ข้อความนี้ต่างหากที่เป็นข้อความสุดท้ายที่เธอกดส่งไปหาเขาเมื่อ 5 ปีก่อน
แต่ถึงจะส่งไปนานแล้วแต่ในใจเธอก็รู้ดีว่าตัวเธอนั้นกำลังเฝ้ารอเขาอยู่ ต่อให้ใครต่อใครบอกเธอหรือเธอบอกและย้ำเตือนกับตัวเองว่าเขาไม่มีวันกลับมา แต่ลึกๆ ในใจเธอกลับยังรอเขา ในความรู้สึกของเธอผู้ชายคนนั้นไม่เคยหายไปไหนเลย
ความเจ็บปวดบอบช้ำในอดีตเป็นเครื่องหล่อหลอมให้เธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวขึ้นในทุกๆ วัน และส่วนหนึ่งที่เธอเข้มแข็งมาถึงทุกวันนี้ได้ก็เพราะพี่ชายที่คอยปกป้องดูแลเธอเปรียบดั่งครอบครัว
หญิงสาวไล่ความคิดเดิมๆ ออกจากหัว ในตอนเช้า หัวสมองควรจะปรอดโปร่งสดใสให้มากที่สุดสิ วันนั้นถึงจะออกมาดี ทำงานก็ราบรื่นอีกต่างหาก
ตอนที่ 60——————————สองสัปดาห์ที่เฮย์เดนพักฟื้นที่โรงพยาบาลโดยมีแอลลี่คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง และไม่มีใครกล้ามาเยี่ยมหรือคุยเรื่องงานกันเลยตั้งแต่วันนั้น เหมือนร่างกายและสมองได้พักอย่างเต็มที่จนวันที่ต้องออกจากโรงพยาบาลคามิลจึงได้โอกาสมาเยี่ยมและกลับบ้านพร้อมกัน โดยมีข่าวมาฝากเขาเป็นครั้งแรกในรอบสองอาทิตย์ที่ขาดการติดต่อไปด้วยเคลย์ตันและเซนต์พาลูกกับเมียมารอต้อนรับเพื่อนรักกลับบ้าน สองครอบครัวเดินทางมาด้วยกันและมาถึงก่อนเจ้าของบ้านไม่ถึงชั่วโมง"ยินดีต้อนรับกลับบ้าน" เซนต์เอ่ยทักทายเพื่อนทันทีที่เห็นหน้า"อืม บ้านกู" เฮย์เดนพยักหน้ากวนๆ กลับ"ดีที่มึงไม่ตายก่อน ไม่งั้นก็กลายเป็นบ้านพวกกูแล้ว โอ๊ย! ที่รักตีทำไมครับ" เคลย์ตันอุ้มลูกชายตัวน้อย พร้อมกับแซวเพื่อนเล่นๆ แต่โดนฝ่ามือเล็กๆ ของอามิเกลตีอย่างจังพร้อมทำหน้าแยกเขี้ยวใส่เขาด้วย"ดีใจที่ปลอดภัยนะคะคุณเฮย์เดน" อามิเกลยิ้มน้อยๆ ทักทายเพื่อนสามีก่อนจะไปหันไปยิ้มตาหยีให้แอลลี่"หายไวๆ นะคะ จะได้มีเจ้าตัวเล็กเพิ่มมาอีกคน"ลันตาเอ่ยแซวไปทางแอลลี่ สองคนนี้อยากมีเบบี๋กันจะตาย แต่เพราะเหตุผลร้อยแปดที่ยังไม่พร้อมแต่เมื่อทุกอย่างเริ่มคลี่คลายออก
ตอนที่ 59——————————"พี่จะไปไหน! พี่จะทิ้งแอลอีกเหรอคะ...ฮึก..." ร่างอรชรรีบวิ่งมาหาเขา แต่เมื่อเห็นเขาหันหลังให้หัวใจดวงน้อยก็หล่นวูบลง เขาบอกว่าจะไปเรียกเธอแต่เขาก็ไม่ไปร่างกำยำหยุดชะงักอีกครั้ง ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจก้าวเท้าต่อ เขาจะมองหน้าเธอได้ยังไงถ้ายังไม่มีมั่นใจหรือรู้ความจริงทั้งหมด"หยุดนะ! แอลบอกให้หยุด!" แอลลี่ตะโกนเรียกพลางรีบวิ่งมาหา แต่เขายังก้าวไปข้างหน้าต่อไป"แอลบอกให้หยุดไง! ถ้ายังไม่หยุดเราก็ไม่ต้องเจอกันอีก"ตุ้บ!"อ้ะ..."ร่างอรชรล้มฟุบลงพื้นเพราะมัวแต่สนใจคนข้างหน้าไม่ได้มองพื้นว่ามีเศษหินก้องเล็กทำให้เธอสะดุดล้ม เสียงร้องทำให้เฮย์เดนหันกลับมาก่อนจะรีบเข้ามาพยุงคนตัวเล็กล้มพับลงกันพื้น"แอล"แอลลี่ร้องไห้โฮ มองชายหนุ่มผ่านน้ำตาที่คลอเต็มหน่วย ไหลรินลงแก้มใสจนใบหน้าเปียกเปื้อนน้ำตาไปหมดเฮย์เดนจับให้แอลลี่ลุกขึ้นแล้วเขาเป็นคนนั่งคุกเข่าลงตรงหน้า หยดน้ำตาลูกผู้ชายไหลรินลงเมื่อเขากลั้นมันไว้ไม่ไหวอีกแล้ว"พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ..."ชายหนุ่มเอาแต่ก้มหน้าและพูดคำว่าขอโทษอยู่อย่างนั้น ไม่กล้ามองหน้าหรือสบตาหญิงสาวเลยร่างอรชรฟุบนั่งลงก่อนจะกอดคนตัวโต
ตอนที่ 58——————————ปัง!กระสุนปืนฝังลงฝ่ามือบรูโนก่อนที่จะยิงชาร์ลซ้ำ"มึง ไอ้เฮย์เดน!!" บริกซ์ตันจ้องตาเขม็ง เหนี่ยวไกใส่ชาร์ลก่อนที่ตัวเองจะโดนกระสุนฝังใส่ร่างกายอีกหนึ่งนัดจากเฮย์เดนปัง! บริกซ์ตันทรุดลงกันพื้นในเวลาเดียวกันนั้นเสียงเครื่องบินอีกเจ็ดลำกำลังลงจอดบนพื้นที่ราบเรียบที่กลุ่มคามิลซุ่มอยู่ รถแข่งแรกที่มาร์คัสเป็นคนขับและคามิลเป็นเชื่อมสัญญาณเพื่อส่งข้อมูลให้เลอร์มิงตัน ซึ่งทางฝ่ายนั้นจะเป็นคนใส่รหัสลับที่ตนเองตั้งเอาไว้ จากนั้นระเบิดก็จะทำงานภายในเวลาสามสิบวินาทีรถแข่งคนที่สองฟีนิกซ์และเคนโซตามประกบหลังคุ้มกันคันแรกเหตุการณ์ลุ้นระทึกของสี่หนุ่มที่ต้องทำเวลาให้ทันตามกำหนด ในที่สุดคามิลสามารถเชื่อมสัญญาณบนเครื่องบินได้ และถูกส่งต่อให้เลอร์มิงตันสายตาคมจดจ้องมองจอสี่เหลี่ยมปรากฏรายการดาวน์โหลดสัญญาณที่เลอร์มิงตันกำลังสั่งการ ในที่สุดก็สำเร็จ หน้าจอเปลี่ยนเป็นเวลาที่กำลังนับถอยหลังมาร์คัสและฟีนิกซ์รีบหมุนพวงมาลัยกลับและเหยียบคันเร่งมิดไมล์ รถแข่งสองคันแล่นคู่กันด้วยความเร็วสูงสุด ก่อนจะแยกคนละทางไปหลบหลังเนินเขาหิมะ ระเบิดก็ทำงานทันทีระเบิดทั้งเจ็ดลูกที่มีสัญญาณเชื่อม
ตอนที่ 57——————————เฮย์เดนรวบคนตัวเล็กเข้าไปกอดแล้วกดจูบหนักหน่วงก่อนจะผละออกเพราะเขามีเรื่องต้องจัดการต่อ แอลลี่นั่งนิ่งๆ แต่หัวใจกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก เธอฟังสิ่งที่ชายหนุ่มสองคนพูดคุยและปรึกษากันในตอนนี้ชิบใต้เครื่องบินทุกลำถูกถอดออกทั้งหมด ทำให้ระเบิดที่อยู่ใต้ท้องเครื่องนั้นไม่สามารถทำงานได้ แต่ก็ยังมีอีกหลายอันที่ปลอมแปลงกับชิปตัวอื่นๆ คนที่สร้างมันมากับมืออย่างเลอร์มิงตันจะไม่รู้ได้ยังไง"มีอีกวิธีที่ทำให้ระเบิดทำงานคือต้องให้เครื่องต่อสัญญาณของเราเข้าไปใกล้กับเครื่องบินลำใดลำหนึ่งให้มากที่สุด" คนในสายเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม"เลือกพาร์ทเนอร์ไม่ผิดจริงๆ"เฮย์เดนแสยะยิ้ม เลอร์มิงตันทำนอกเหนือจากที่ตกลงกันไว้คือการใส่ชิบอีกตัวที่ปลอมไปกับชิบตัวอื่นใต้ท้องเครื่อง และมันสามารถรับสัญญาณระเบิดได้เหมือนกัน"อยู่ที่คุณนะเฮย์เดน ว่าจะระเบิดกลางอากาศหรือพื้นดิน" เลอร์มิงตันเอ่ยถามความเห็นและให้ตัวเลือก เพราะทางฝ่ายเขามีทางออกให้ทุกทางอยู่ที่ว่าเฮย์เดนจะเลือกทางไหนกลางอากาศต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ขึ้นประกบระหว่างที่พวกมันกำลังเอาเครื่องลง ระหว่างนั้นอาจจะโดนพวกมันโจมตี แล้วในเวลาเพียงส
ตอนที่ 56——————————"หวังให้เป็นอย่างนั้นจริงๆ ตอนนี้เชอร์ลีนอยู่พวกไอ้เดกซ์ ผมไม่อยากพาเธอมาที่นี่""กูรู้สึกว่าบรูโนกำลังจะเคลื่อนไหวเร็วๆ นี้" เฮย์เดนเอ่ยพร้อมกับคิดอะไรบางอย่าง การตัดสินใจของคามิลไม่เคยพลาด และเขามั่นใจว่าชาร์จจะส่งข้อมูลมาเร็วๆ นี้เช่นกันคามิลถอนหายใจหนักกับความหน่วงในใจ ผ่านมาห้าวันแล้วหากบรูโนรู้ว่าโดนเขาหักหลังจริงๆ แล้วทำไมยังนิ่งเฉยไม่ทำอะไรเลย เขาไม่รู้ว่าสองพ่อลูกนั่นอาการสาหัสขนาดไหนและกำลังคิดเอาคืนเขาด้วยวิธีไหนกันแน่แอลลี่เข้ามาในห้องที่สองหนุ่มคุยกันอยู่ก็ทำหน้าสงสัยเล็กน้อย เธอเดินเข้าไปกอดเฮย์เดนแล้วส่งยิ้มบางๆ ให้เพื่อนที่กำลังทำหน้าเคร่งเครียดอยู่"มีอะไรหรือเปล่าคะ" เสียงเล็กเอ่ยถามพร้อมกับวางจานแพนเค้กและน้ำชาร้อนๆ ลงบนโต๊ะ เฮย์เดนอมยิ้มกับการพยายามฝึกทำอาหารเล็กๆ น้อยๆ ของเธอที่วันนี้ดูดีขึ้นมาหน่อย"ยิ้มทำไมคะ กินๆ เข้าไปเลย คนอุตส่าห์ทำให้" หญิงสาวหน้ามุ่ยใส่เล็กน้อย"ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย""นายเครียดอะไรนอกจากเรื่องนี้เหรอคามิล" แอลลี่หันไปสนใจเพื่อนสนิทนั่งหน้าเครียดหลับตาอยู่ตรงข้ามกัน"นิดหน่อย ไม่มีอะไรมากหรอก" คามิลพยักหน้าตอบแบบปั
ตอนที่ 55——————————แอลลี่สวมเสื้อโค้ตขนสัตว์ตัวใหญ่ออกมายืนรับลมหนาวตรงระเบียงหน้าบ้าน มือเล็กโอบอุ้มถ้วยชาร้อนๆ ไว้ในมือรับความอบอุ่น ดวงตาสวยมองทิวทัศน์สีขาวเพราะโดนหิมะปกคลุมไกลสุดสายตาหญิงสาวสูดหายใจเข้าลึก สูดเอากลิ่นอายความหนาวเย็น เธอสัมผัสได้ถึงความเศร้า ความโดดเดี่ยวที่เขาต้องทนปกปิดตัวตนอยู่ที่นี่เป็นเวลาหลายปี ทำไมเธอรู้สึกเจ็บปวดในใจแบบนี้นะในช่วงเวลาเดียวกันที่เขาและเธอต่างมีความรู้สูญเสียเช่นเดียวกัน แต่กลับไม่ได้อยู่ข้างๆ กันในยามนั้น เขาคงเจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าเธอ"คิดอะไรอยู่"เสียงทุ้มและลมหายใจร้อนเป่ารดซอกคอ แขนกำยำรวบกอดร่างเล็กจากด้านหลังแล้วซุกใบหน้าจูบลำคอระหง แอลลี่วางแก้วน้ำชาลงโต๊ะข้างๆ ก่อนจะหันหน้าไปทางเดียวกันเธอตาโตเล็กน้อยเมื่อร่างสูงไม่ได้สวมเสื้อตัวหนาๆ เพื่อให้ร่างกายอบอุ่น กลับสวมแค่เชิ้ตตัวเดียวออกมายืนท่ามกลางอากาศหนาว"ทำไมไม่ใส่เสื้อโค้ตคะ ไม่หนาวเหรอ""หนาวครับ กอดพี่หน่อยสิคนดี"เฮย์เดนย่อตัวกอดคนตัวเล็ก ซุกตัวเข้ากับเสื้อโค้ตขนสัตว์ที่เธอสวมอยู่ เรียวแขนเล็กกอดลำคอแกร่งและลูบเส้นผมสีดำของชายหนุ่มเบาๆ"เข้าข้างในเถอะค่ะ เดี๋ยวจะไม่สบาย...อื