ตอนที่14 พฤติกรรมใหม่
“หนูขอโทษค่ะ คราวหลังหนูจะไม่ให้กระทบต่อหน้าที่ที่ต้องทำ” เด็กสาวหายใจพรืดยาว รวบรวมสติอยู่สักพักก่อนจะบอกกับชายหนุ่มออกไปแบบนั้น ซันเดย์ไม่ได้สนใจถ้อยคำประชดประชันจากเด็กสาวเพราะเข้าใจว่าเธออยู่ในช่วงขวัญเสียจึงพูดอะไรออกมาโดยขาดการไตร่ตรอง
ซันเดย์มีผ่าตัดคนไข้ตอนเช้า กลางคืนก็นั่งเตรียมการผ่าตัดให้คนไข้จนดึกดื่น ณิชาตื่นขึ้นมากลางดึกก็ยังเห็นซันเดย์นั่งทำงานอยู่
“คุณยังไม่นอนเหรอคะ หรือว่านอนไม่หลับ” เมื่อแอบมองชายหนุ่มอยู่นานเธอจึงเอ่ยขึ้น ซันเดย์ไม่ตอบแต่กลับวางเอกสารในมือลงแล้วเดินเข้ามาหาหญิงสาวที่เตียง
“ลุกขึ้นมาทำไม” เสียงเข้มดุถามออกไปแต่ฝ่ามือหนายกขึ้นทาบบนหน้าผากมนเพื่อวัดอุณหภูมิทั้งที่ปรอทวัดไข้วางอยู่ใกล้ ๆ ตรงโต๊ะข้างเตียงคนไข้
“หนูหิวน้ำค่ะ” ใบหน้าซีดเซียวจากพิษไข้ที่พึ่งลดไป
“คุณนอนไม่หลับเหรอคะ” เมื่อจิบน้ำเสร็จเด็กสาวก็ถามชายหนุ่มอีกครั้ง
“พรุ่งนี้มีผ่าตัดตอนเช้า” เสียงเรียบบอกเอื่อย ๆ น้ำเสียงดูเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด
“หนูขอโทษนะคะที่ทำให้คุณต้องมาลำบากเพราะหนู” ณิชาบอกไปตามที่เธอรู้สึก เมื่อนึกถึงตอนที่ซันเดย์พาเธอมาโรงพยาบาล คอยดูแลทำแผลติดตามอาการ และยังต้องมานั่งเฝ้าไข้เธออยู่แบบนี้ทั้งที่พรุ่งนี้เขามีผ่าตัดเคสสำคัญเธอจึงรู้สึกผิดอยู่บ้าง
“เลิกดรามาแล้วนอนซะ ปกติก่อนผ่าตัดฉันก็ต้องนั่งเตรียมการผ่าตัดอยู่แล้ว เธอควรนอนพักผ่อนเยอะ ๆ ฉันเองก็จะนอนแล้วเหมือนกัน” เสียงทุ้มบอกออกไปพร้อมกับยื่นมือมาช่วยพยุงเด็กสาวให้นอนลงพร้อมกับหยิบผ้าห่มมาคลุมให้ก่อนจะเดินกลับไปนอนบนโซฟาตัวยาวที่วางอยู่ไม่ห่างกัน
เวลาผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีดวงตากลมโตปิดลง ลมหายใจค่อย ๆ เข้าออกสม่ำเสมอบ่งบอกว่าเด็กสาวนั้นหลับสนิท เมื่อแน่ใจว่าคนไข้สาวหลับสนิทแล้วซันเดย์ก็ปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งลงและหลับไปในเวลาต่อมา
ซันเดย์ตื่นขึ้นมาตอนเช้ามืดเพราะนาฬิกาบนข้อมือสั่นเตือนเมื่อถึงเวลาปลุกที่เขาตั้งไว้ ร่างสูงหุ่นนายแบบลุกไปอาบน้ำล้างหน้าและกลับออกมาเตรียมความพร้อมของตัวเองในการเข้าผ่าตัดในเช้านี้
ซันเดย์ยังนั่งอยู่ในห้องทั้งที่ตอนนี้ใกล้ได้เวลาเข้าผ่าตัดแล้ว หมอหนุ่มในชุดสครับสีเขียวนั่งจ้อง Laptop อยู่ที่โซฟาข้างเตียง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“หมอซันคะใกล้ได้เวลาผ่าตัดแล้วนะคะ ทางห้องผ่าตัดโทรตามแล้วค่ะ” พยาบาลประจำวอร์ดเข้ามาบอกชายหนุ่ม
“ครับ บอกห้องผ่าตัดว่าอีก 15 นาทีผมไป”
ณิชาที่รู้สึกตัวตื่นเมื่อมีเสียงรบกวนขณะที่ซันเดย์คุยกันกับเจ้าหน้าที่พยาบาล มือเล็กยกขึ้นขยี้ตาเพื่อปรับสายตารับกับแสงแรกของเช้าวันใหม่
“คุณไปทำงานเถอะค่ะ หนูดีขึ้นมากแล้ว” ซันเดย์ที่คุยกับพยาบาลอยู่ก็หันมามอง
“ยังปวดแผลอยู่หรือเปล่า สายตามองเห็นปกติไหม” ร่างสูงเดินเข้าไปหาคนป่วยพร้อมตรวจดูบาดแผลจากการถูกเย็บ และถามไถ่อาการโดยรวมเพราะกลัวจะได้รับผลกระทบไปด้วย
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ แล้วก็มองเห็นหน้าคุณหมอชัดมากค่ะ”
“ปวดแผลหรือเปล่า” ซันเดย์ถามพร้อมกับยกมือขึ้นวางบนหน้าผากเพื่อวัดไข้อีกครั้ง
“ปวดน้อยกว่าเมื่อวานแล้วค่ะแค่ตึง ๆ อยู่เท่านั้นเอง” ณิชาบอกอาการที่เธอเป็นอยู่ให้หมอหนุ่มฟัง
“เดี๋ยวฉันจะลงไปผ่าตัด คงใช้เวลาประมาณสามชั่วโมงถึงจะเสร็จ เดี๋ยวจะให้ไอ้โดเมนมาอยู่เป็นเพื่อนระหว่างที่ฉันไม่อยู่ก็แล้วกัน”
“ไม่เป็นไรค่ะ รบกวนพี่โดเมนเปล่า ๆ เขาก็ต้องทำงาน หนูไม่ได้เป็นอะไรแล้ว อยู่คนเดียวได้ค่ะ” ณิชารีบบอกค้านออกไปเพราะรู้ดีว่าโดเมนก็งานยุ่งไม่น้อยไปกว่าซันเดย์
“ฉันแค่บอกให้เธอรู้ไม่ได้ต้องการให้เธอออกความคิดเห็น เกิดหกล้มอะไรขึ้นมาหัวร้างข้างแตกอีกจะว่าไง ยังไม่ต้องรีบอวดเก่งให้มากนัก”
“ไม่ดุหนูสักวันคุณกินข้าวไม่อร่อยหรือไงคะคุณหมอ” ณิชาหน้าง้ำงอเมื่อถูกชายหนุ่มดุ
“ลุกไปล้างหน้ามาทานข้าว แล้วอย่าลืมทานยาหลังอาหารด้วยล่ะ” ซันเดย์พูดย้ำอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ไม่นานโดเมนก็เปิดประตูเข้ามาในห้องพร้อมกับแม่บ้านเข็นรถอาหารเช้าเข้ามา กลิ่นหอมโชยไปทั่วห้องเมื่อถ้วยข้าวต้มที่ใส่มาในถ้วยใบใหญ่ที่ปิดฝาสนิทถูกตักแบ่งใส่ถ้วยใบเล็กวางอยู่บนโต๊ะ
“พี่ไม่รู้ว่าเราชอบทานอะไร เลยสั่งแม่บ้านทำเมนูบำรุงคนป่วยมาให้รับรองว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายและอร่อยมากด้วยครับ” เสียงทุ้มนุ่มอบอุ่นของคุณหมอหนุ่มพ่วงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลดังมาพร้อมกับใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
“ขอบคุณพี่โดเมนมากเลยนะคะ”
“วันนี้น้องณิชาดูดีขึ้นกว่าเมื่อวานเยอะเลยนะครับ”
“ค่ะ วันนี้หนูรู้สึกไม่ค่อยปวดหัวมากเท่าไหร่ ต่างจากตอนที่มาโรงพยาบาลเมื่อวานปวดมากเหมือนหัวหนูแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ”
“ดีนะที่ไอ้ซันมันไปเจอน้องณิชาตอนเกิดอุบัติเหตุพอดีจึงพามาโรงพยาบาลได้เร็ว”
“คุณซันเดย์เขาคงตั้งใจไปหาคุณกิตแต่บังเอิญไปเจอหนูเกิดอุบัติเหตุก่อนมั้งคะ” ณิชาพูดออกไปตามที่เธอคิด
“ไม่น่าใช่นะครับเพราะปกติมันไม่เคยไปหาไอ้กิตที่มหาลัย ถ้ามีธุระอะไรก็จะนัดกันออกมาคุยข้างนอกมากกว่า”
“…” เด็กสาวนั่งเงียบกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างในหัว
“พี่ก็ไม่รู้หรอกนะว่าที่มันไปถึงมหาลัยนั้นไปเพื่ออะไร แต่เท่าที่รู้จักมันมาตั้งแต่เด็กไอ้ซันไม่ใช่คนที่จะเทคแคร์ใครง่าย ๆ ถ้าคนนั้นไม่ได้สำคัญมากพอ นี่พี่กับไอ้กิตยังแปลกใจเลยนะที่มันดูเป็นห่วงณิชาขนาดนี้ แถมยังนั่งเฝ้าทั้งคืนทั้งที่วันนี้มันมีผ่าตัดเคสพิเศษและสำคัญด้วย จะว่าเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่มันเอาใจใส่คนอื่นจนออกนอกหน้าขนาดนี้ ขนาดพวกพี่เป็นเพื่อนยังไม่เคยได้รับความห่วงใยจากมันขนาดนี้เลย” โดเมนพูดถึงการเอาใจใส่คนอื่นของซันเดย์ที่โดเมนเองก็พึ่งเคยเห็น จนณิชาแอบยิ้มดีใจออกมา เมื่อรับรู้ว่าอย่างน้อยเธอไม่ได้เป็นคนน่ารังเกียจที่ยอมขายเรือนร่างเพื่อแลกเงิน โดเมนและเพื่อนคนอื่น ๆ ของซันเดย์ก็ค่อนข้างให้เกียรติเธอ
“พี่โดเมนเป็นถึงเจ้าของโรงพยาบาลแถมยังต้องตรวจคนไข้ด้วยเวลาส่วนตัวคงหายากมาก ๆ เลยนะคะ” ณิชาชวนหมอหนุ่มเจ้าของโรงพยาบาลที่ตอนนี้รับหน้าที่เฝ้าไข้เธอคุย หลังจากที่อีกฝ่ายชวนเธอคุยอย่างเป็นกันเองอีกครั้ง
“ถ้าจะพูดถึงเรื่องงานก็หนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าถามถึงเวลาส่วนตัวก็อยู่ที่ว่าเราจะบริหารจัดการยังไง คนเราทำงานหนักมันก็ต้องหาเวลาผ่อนคลายและพักผ่อนบ้าง ไม่มีร่างกายมนุษย์คนไหนจะทนตรากตรำกับงานหนักได้ตลอดเวลา เดี๋ยวพอณิชาเรียนจบแล้วมีงานทำณิชาก็จะจัดสรรเวลางานและเวลาส่วนตัวได้เอง”
“พี่โดเมน คุณซัน และพี่กิต รวมถึงเพื่อน ๆ เก่งกันจังเลยนะคะ” ณิชาชมจากใจ
“ถ้าจะพูดถึงเรื่องเก่งพวกพี่คงต้องยกให้ไอ้ซันมันแหละ รายนั้นนอกจากมันจะเป็นหมอมือดีที่งานรัดตัวแล้ว ไหนจะงานที่บริษัทมันอีก บางทีออกจากห้องผ่าตัดยังเสนอหน้าไปตรวจไซต์งาน ทั้งที่งานพวกนี้ไม่ใช่หน้าที่ของเจ้าของบริษัทอย่างมันที่ต้องทำ แล้วยังเรื่องเมื่อวานอีกพวกพี่ยังแปลกใจเลยที่ไอ้ซันมันอยู่เฝ้าณิชาด้วยตัวเองทั้งที่สามารถจ้างพยาบาลพิเศษมาช่วยดูแลให้ก็ได้ เพราะเมื่อวานมันพึ่งกลับออกไปจากโรงพยาบาลข้าวเย็นน่าจะยังไม่ได้กินด้วยซ้ำ เห็นบอกว่าผ่าตัดคนไข้เคสใหญ่ตั้งแต่บ่ายลากยาวมาเกือบหกชั่วโมง” โดเมนนั่งสนใจกับงานที่หน้าจอโน้ตบุ๊กไปพร้อม ๆ กับพูดคุยกับณิชา
“หนูไม่ได้สำคัญกับคุณซันเดย์ขนาดนั้นหรอกค่ะ” หญิงสาวพูดออกมาเบา ๆ ทำให้โดเมนที่กำลังเคาะแป้นพิมพ์อยู่ชะงักแล้วหันไปมอง
“ณิชาเป็นเด็กน่ารัก”
“ช่างมันเถอะค่ะ พอได้มารักษาตัวที่นี่หนูก็อดคิดถึงยายไม่ได้ หนูอยากพายายมาหาหมอเก่ง ๆ สักครั้ง ที่ผ่านมาได้แค่ไปโรงพยาบาลแถวบ้านตามสิทธิ์ก็เท่านั้นแต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเท่าไหร่” ณิชารีบเปลี่ยนเรื่องแล้วเอ่ยถึงอาการเจ็บไข้ของยายเธอขึ้นมาพูดกับโดเมนแทน
“แล้วคุณยายของณิชาแกเป็นอะไรล่ะ” โดเมนทำท่าตั้งใจฟังหญิงสาว
“คุณยายหนูชอบมีอาการชาตามแขนและขาบางทีก็เหมือนมีเข็มทิ่มแทงเป็นพัก ๆ บางครั้งจู่ ๆ ก็ไม่มีแรงเอาเสียดื้อ ๆ ก็มีค่ะ เริ่มมีอาการหลงลืมง่าย บางครั้งเรื่องที่พึ่งผ่านมาเมื่อวานก็จำไม่ได้ บางทีก็ปวดศีรษะแบบไม่มีสาเหตุ ไปหาหมอก็ได้แต่ยาแก้ปวดมาทุกครั้งเลยค่ะแต่อาการเดิมก็ยังคงมีอยู่”
“แล้วหมอที่ไปตรวจเขาบอกว่าเป็นอะไรล่ะ”
“คุณหมอเขาก็บอกว่าเป็นโรคคนแก่น่ะค่ะ แต่บางครั้งณิชาก็สงสารยายไม่รู้ว่าจะเป็นอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า” เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ณิชาก็สีหน้าเศร้าลงอีกครั้ง’
“ถ้าเป็นไปได้พี่ว่าณิชาหาเวลาพายายมาตรวจที่นี่สักครั้งดีกว่า จะได้ตรวจอย่างละเอียดและให้หมอที่นี่วินิจฉัยดู เดี๋ยวพี่ช่วยดูให้อีกทางจะได้รู้แน่ ๆ ว่ายายณิชาเป็นโรคคนแก่หรือว่าเป็นอย่างอื่นแบบที่ณิชากังวล” โดเมนแนะนำ
เมื่อได้รับคำแนะนำจากโดเมนณิชาก็ทำท่าครุ่นคิดคนเดียวเงียบ ๆ สิ่งที่โดเมนบอกนั้นเป็นหนทางที่ดีและเธอก็อยากพายายมาตรวจที่นี่เป็นอย่างมาก ชีวิตเธอตอนนี้มีเพียงยายเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งเดียวและที่พึ่งสุดท้าย เธอจึงอยากให้ท่านได้มีชีวิตที่ยืนยาวเพื่อรอดูความสำเร็จของเธอในชีวิตทุก ๆ ด้าน แต่อุปสรรคในตอนนี้สำหรับคนจนอย่างพวกเธอก็คงจะเป็นเรื่องเงินเท่านั้น
โรงพยาบาลของโดเมนที่เธอกำลังนอนรักษาตัวอยู่นี้ ดูจากการดูแลคนไข้ การรักษา เครื่องไม้เครื่องมือทางการแพทย์ที่ได้เห็น รวมถึงสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่มีแล้ว ใช่ว่าเธอจะประเมินไม่ได้ว่ามันอยู่ในระดับไหน ถึงแม้ว่าเธอจะมีเงินก้อนที่ได้รับมาจากซันเดย์ แต่นั่นมันก็เป็นเงินที่เธอจะต้องเก็บไว้ทั้งเรื่องเรียน ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ทั้งดูแลยาย ส่งให้ยายแต่ละเดือน รวมถึงต้องกันไว้ยามฉุกเฉินหากว่ายายเธอเกิดเป็นอะไรขึ้นมา เธอจึงไม่กล้าที่จะเอามาใช้มากนัก
“ค่าใช้จ่ายในการรักษาของที่นี่ไม่ได้แพงอย่าที่ณิชาคิดหรอกนะ อย่ากังวลเรื่องนี้จนเอามาเป็นอุปสรรคในการรักษาคนที่เรารัก ณิชาสามารถพายายมาได้เลยเมื่อไหร่ก็ได้ที่สะดวก” โดเมนที่เห็นณิชาทำท่าครุ่นคิดบางอย่างและมองไปรอบ ๆ ห้อง ก็รู้ทันทีว่าเด็กสาวกังวลอะไรจึงบอกเด็กสาวออกไป
ตอนพิเศษ 3เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นพร้อมแสงแดดอ่อนที่สาดผ่านผ้าม่านบางเบาในห้องนอน ซันเดย์ยังนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง ผมเผ้ายุ่งเหยิงจากเมื่อคืนที่เขาทุ่มพลังงานไปหมดทุกหยดเพื่อกิจกรรมสร้างครอบครัว แต่แทนที่ร่างกายจะได้พักเต็มที่ กลับต้องรู้สึกตัวตื่นเพราะความเคยชิน และความเงียบผิดปกติของเตียงข้างกายมือหนาควานหาคนรักอย่างเชื่องช้า ทั้งที่ยังไม่ยอมลืมตา แต่ความว่างเปล่าบนผืนเตียงกลับเป็นคำตอบที่ชัดเจนว่าเมียตัวน้อยไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้วเขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น กะพริบถี่ ๆ เพื่อปรับสายตาให้ชินกับแสงสลัวในห้อง ก่อนจะหันไปมองนาฬิกาดิจิทัลที่หัวเตียง"ตีห้าห้าสิบแปด..." เสียงทุ้มสบถแผ่วเบาในลำคอ พร้อมขมวดคิ้วอย่างหัวเสีย“ตื่นไปทำบ้าอะไรแต่เช้าวะ...” เขาพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์ ดันตัวลุกขึ้นช้า ๆ กล้ามเนื้อยังปวดระบมจากเมื่อคืน หัวคิ้วเข้มยังคงขมวดแน่น"เมื่อคืนยังทำท่าจะหมดแรงอยู่เลย ไม่รู้จักนอนพักให้เต็มอิ่มบ้างหรือไง..." น้ำเสียงขุ่นเคืองแต่แฝงไว้ด้วยความเป็นห่วงเขาเอื้อมหยิบเสื้อคลุมมาสวมลวก ๆ เดินเซ ๆ ออกไปทางประตู ระหว่างนั้นก็ยังบ่นกับตัวเองไม่หยุด เห็นณิชาใส่เสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงขาสั้นกำ
ตอนพิเศษ 2“ไปอาบน้ำกัน” ซันเดย์อุ้มณิชาในท่าเจ้าสาวเข้าไปในห้องน้ำ ค่อย ๆ วางหญิงสาวลงอย่างเบามือ ขาเล็กยังมีอาการสั่นพยายามยืนประคองตัวเองใต้ฝักบัว“ยืนไหวหรือเปล่า” ซันเดย์เอ่ยถามขึ้นเมื่อสังเกตเห็นภรรยาตัวน้อยมีอาการขาสั่นเล็กน้อย“ไหวค่ะ”“ยืนเฉย ๆ ฉันอาบให้” ฝ่ามือหนาชโลมครีมอาบน้ำลงไปบนตัวหญิงสาว ค่อย ๆ ลูบไล้ทั่วตัวอย่างอ้อยอิ่ง“รีบอาบเถอะค่ะ มัวแต่ลูบอยู่นั่นแหละเมื่อกี้ยังกินไม่อิ่มหรือไง” เสียงเล็กดุออกไป ฝ่ามือหนากำลังนวดคลึงอยู่เต้าอวบต้องหยุดชะงัก“ถ้าตอบว่าไม่จะให้กินต่ออีกรอบหรือไง” ซันเดย์แกล้งโยนหินถามทาง“ได้ค่ะ แต่เสร็จจากนี้ช่วยไปเซนต์ใบหย่ากับหนูที่อำเภอด้วยนะคะ” ณิชาตอบกลับเสียงแข็ง“รีบอาบน้ำแล้วไปกินข้าวดีกว่านะ สายมากแล้วเธอคงจะโมโหหิว”“น่าจะคิดได้ตั้งนานแล้วนะคะ มัวแต่หื่นอยู่ได้ตั้งแต่เช้า” ณิชาว่ากลับ ซันเดย์รีบเปิดน้ำล้างตัวให้หญิงสาว ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ถูกหยิบมาพันรอบตัวหญิงสาว จากนั้นอุ้มออกไปห้องแต่งตัวห้องอาหาร“มากันแล้วเหรอลูก แม่กำลังจะให้เตมินไปตามพอดีเลย เป็นไงบ้างเมื่อวานเหนื่อยไหม” สไมล์เอ่ยถามทั้งสองเมื่อเดินมานั่งลงเก้าอี้ที่ว่างอยู่ โดยทุกคน
ตอนพิเศษ 1คืนส่งตัวเข้าหอเป็นคืนที่เหน็ดเหนื่อยมากที่สุดคืนหนึ่งของณิชา ครั้งสุดท้ายที่เธอดูนาฬิกาคือเวลาเที่ยงคืน หลังจากนั้นเธอทำได้เพียงร้องครางออกมาแค่นั้น“คุณไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนคะ หนูจะไม่ไหวแล้วนะคะ” หญิงสาวบอกเจ้าบ่าวหมาด ๆ ของเธอออกไปเสียงเหนื่อยอ่อน“หนึ่งปี ฉันอดอยากมาหนึ่งปีเต็ม” เสียงเข้มตอบกลับขณะที่สะโพกสอบยังขยับเข้าออกไม่หยุด“หนูยังอยู่เป็นเมียคุณอีกนานนะคะ” ณิชาไม่รู้จะหาคำไหนมาบอกชายหนุ่มให้เข้าใจ“เสร็จครั้งนี้ฉันจะปล่อยให้นอนพัก”“นอนพัก คุณยังจะทำต่ออีกเหรอคะ” ณิชาถึงกับต้องทวนคำพูดของซันเดย์อีกครั้ง“ฉันยังไม่อิ่ม อ่าส์..”“หนูสามารถตายได้เลยนะคะ ถ้าคุณจะใช้งานร่างกายหนูหนักขนาดนี้”“แค่นอนอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ออกแรงอะไร และฉันเป็นหมอฉันไม่ปล่อยให้เธอตายหรอก ถึงจะตายคาอกฉันก็ตาม” ซันเดย์ยังเมินเฉยต่อคำขอร้องของณิชา ขณะที่นอนพักเหนื่อยอยู่ฝ่ามือหนาไม่วายบีบจับตามตัวของเธอ“หนูให้คุณทำอีกแค่ครั้งเดียวนะคะ ถ้าคุณยังไม่ยอมหยุดพรุ่งนี้เราไปอย่ากันที่อำเภอ” ณิชาจำต้องขู่ชายหนุ่มออกไปแบบนั้น เพราะแขนขาเธออ่อนแรงและสั่นเทา คอแหบแห้งเพราะครวญครางมานานต่อกันหลายชั่วโมง“เ
ตอนที่49 งานแต่งในฝัน“ตกลงค่ะ ฉันจะแต่งงานกับคุณ”“อื้อ..” ร่างบางถูกอุ้มลอยขึ้นจากพื้นถูกวางลงบนเตียงนอนอย่างเบามือชุดนอนตัวบางถูกถอดออกด้วยฝีมือของชายหนุ่ม อกอวบนุ่มเด้งสีขาวเนียน ยอดอกสีชมพูเข้มชูชันยั่วยวนอยู่ตรงหน้าจ๊วบ!“อือ..คิดถึง ตรงนี้ก็ของฉัน จ๊วบ! ตรงนี้ก็ของฉัน ร่างกายเธอเป็นของฉัน” เสียงกระเส่าพร่ำบอกขณะที่ลิ้นสากโลมเลียไปทั่วร่างกาย“อื้อ..คุณ” ณิชาร้องเสียงหลงเมื่อลิ้นสากลากผ่านตรงกลางกลีบอวบนูนจากล่างขึ้นบน ไปหยุดที่ตรงติ่งเกสร“ตรงนี้เธอแฉะหมดแล้ว จ๊วบ” ซันเดย์ตวัดลิ้นเลียตรงรูแคบที่ปิดสนิทเพราะไม่ได้ใช้งานมานานอย่างไม่นึกรังเกียจ ดูดเลียน้ำหวานที่ไหลซึมออกมาไม่ขาดสาย“ฉันจะสอดนิ้วเข้าไปแล้วนะ” ซันเดย์เอ่ยบอกหญิงสาว ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาสอดเข้าไปไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเธอจะเจ็บหรือตกใจหรือไม่“อื้อ..คุณ หนูเสียว มันเสียวมากหนูจะทนไม่ไหว ขยับที” ทันทีที่นิ้วเรียวสอดเข้าไปจนสุด สะโพกกลมมนก็บิดเร้าด้วยความเสียว ช่องทางคับแคบขมิบตอดรัดนิ้วถี่ขึ้นเรื่อย ๆ“อื้อ..เร็ว ๆ หนูต้องการเร็ว ๆ” ณิชาร้องขออย่างไม่นึกอายเมื่อโดนความเสียวซ่านครอบงำแจ๊ะ! แจ๊ะ! แจ๊ะ!“อือ..อ่าส์”“ฉันขอใส
ตอนที่48 ขอแต่งงาน“ช่วยด้วย ช่วยด้วย คนเป็นลม” เสียงตะโกนดังลั่นมาจากหลังซอยด้านใน สายตาคมมองขวับตามสัญชาตญาณความเป็นหมอตึก ตึก ตึกเสียงฝีเท้าของทั้งสองวิ่งไปทิศทางที่คนมุงอยู่ด้วยความเร็ว“ขอทางหน่อยครับ ผมเป็นหมอ” เสียงเข้มพูดขึ้นเดินแทรกเข้าไปหาคนป่วยที่นอนเป็นลมหมดสติอยู่บนพื้น โดยมีผู้เป็นสามีนั่งประคองศีรษะหนุนไว้ที่ตักพรึบ!แจ็กเกตราคาครึ่งแสนถูกถอดออกและปูลงกับพื้นไม่กลัวเปื้อนแม้แต่น้อย“วางศีรษะคนป่วยนอนราบกับพื้นครับ เอากระเป๋ามารองเท้าให้ยกสูงขึ้น” ซันเดย์จัดการทุกอย่างด้วยความชำนาญ มือหนาคลำชีพจรที่คอเมื่อรับรู้ว่าชีพจรคนป่วยนั้นเริ่มเต้นอ่อนจึงรีบคลายเสื้อเพื่อให้หายใจสะดวกและเช็กชีพจรเป็นระยะระหว่างที่รอรถพยาบาลมาถึง“ณิชาโทรเรียกรถพยาบาล ทุกคนอย่ามุงครับคนป่วยไม่มีอากาศหายใจช่วยถอยออกไปก่อนครับ”“ถอดรองเท้าคนป่วยออกให้หมด ใครมีน้ำเปล่าบ้างครับ” ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กสีเทาเข้มถูกล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกงด้านหลัง น้ำเปล่าถูกเทราดจนเปียกชุ่ม และเช็ดบริเวณต้นคอและตามใต้ข้อพับของคนป่วยปี๋ปอ ~ ปี๋ปอ ~ ปี๋ปอ ~“ขอทางให้เจ้าหน้าที่ด้วยค่ะ” เจ้าหน้าที่พยาบาลประจำรถฉุกเฉินเดินเ
ตอนที่47 ไฮโซขายผักที่ว่างเปล่าผืนใหญ่แปลงติดกับบ้านณิชาถูกกว้านซื้อโดยเศรษฐีหนุ่มจากกรุงเทพฯ และในช่วยบ่ายวันเดียวกันบ้านน็อกดาวน์พร้อมเข้าอยู่ก็ถูกยกมาติดตั้งและเจ้าหน้าที่การไฟฟ้ามาติดตั้งหม้อไฟและเดินสายเมนเข้าบ้านให้เรียบร้อย เครื่องใช้ไฟฟ้าจำเป็นถูกติดตั้งทั่วทั้งหลังพร้อมเข้าอยู่ภายในหนึ่งวัน จนชาวบ้านแถวนั้นต่างตะลึงที่ซันเดย์สามารถเนรมิตบ้านหนึ่งหลังขึ้นมาได้ภายในวันเดียว“โอ้โห คนมีเงินเขาสามารถเนรมิตได้ทุกอย่างจริง ๆ” เสียงของชาวบ้านในหมู่บ้านที่มายืนดูบ้านหลังใหม่ของซันเดย์ที่มีขนาดไม่เล็กมาก ถ้าเทียบกับบ้านของชาวบ้านแถวนี้บ้านของชายหนุ่มนั้นดูใหญ่กว่าด้วยซ้ำ“ได้ข่าวว่าที่แปลงนั้นยี่สิบกว่าไร่เขากว้านซื้อคนเดียวหมด แถมให้ราคาสูงกว่านายทุนที่มาขอซื้อวันก่อนหลายเท่าตัวเลยนะ”“ใช่สูงกว่าราคากลางที่กรมที่ดินประเมินให้ด้วย พ่อหนุ่มคนนั้นไม่ได้เป็นเศรษฐีหน้าเลือดเหมือนพวกนายทุนที่มากว้านซื้อที่ดินเพื่อเอาไปเก็งกำไรขายต่อเลย”“ใช่ ๆ ๆ เขายังบอกอีกว่าจะซื้อที่ดินแปลงนี้ไปทำฟาร์มผักปลอดสารพิษและจะจ้างพวกเราไปทำงานในฟาร์มอีกด้วยนะ” เสียงของชาวบ้านต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าชายหนุ่