ログインนักศึกษาทุกคนมารวมตัวกันที่โรงยิมของมหา'ลัย ซึ่งวันนี้เป็นวันรับน้อง แน่นอนหนึ่งในนั้นก็มีแพรไหม ที่ยืนต่อแถวอยู่หลังสุด ทั้งที่เธอมาก่อนใคร เหตุผลง่ายๆ เพื่อนนักศึกษาที่เป็นผู้หญิง ซึ่งไม่ได้รู้จักกัน ได้ขอแทรกเธอทั้งนั้น เพราะพวกหล่อนจะได้มองกลุ่มเสือหนุ่มได้อย่างถนัดขึ้น
"มึง..พี่เขาหล่ออ่ะ.." เสียงนักศึกษาหญิงคนหนึ่งพูดขึ้น จากนั้นบรรดาเพื่อนผู้หญิง ที่อยู่ด้านหน้าแพรไหมก็คุยกันเสียงดังขึ้นมาเรื่อยๆ "มึง..กูขอจองสักคนเหอะ หล่อแบบนี้กูยอมเปลืองตัวอ่ะ"
"เฮ้ย..แก พูดอะไรน่าเกลียด หล่อแบบนี้ไม่ตกถึงท้องพวกเราหรอก" เพื่อนอีกคนพูดดักคอขึ้น จนทำให้กลุ่มรุ่นพี่นักศึกษาผู้หญิงเดินเข้ามาใกล้ เพราะเธอทนฟังรุ่นน้องอยู่นานแล้ว และที่สำคัญบุรุษทั้งสี่นั้น มีแค่พวกหล่อนเท่านั้นที่มีสิทธิ์
"นี่! ..น้อง สำรวมหน่อยสิ อีกอย่างรุ่นพี่ผู้ชายกลุ่มนั้น เขามีแฟนกันหมดแล้ว แฟนเขาดุและหวงมากด้วย หวังว่าน้องคงไม่อยากเจ็บใจและเจ็บตัวฟรีหรอกใช่ไหม" นั่นคือเสียงของพลอย เธอหมายหัวนักศึกษาสาวรุ่นน้องกลุ่มนี้ไว้แล้ว หากยุ่งกับแก๊งไทเกอร์ละก็เจอดีแน่นอน
"น้องๆ ครับ ต่อไปเราจะให้น้องๆ ตามหาพี่รหัสให้เจอ ทุกคนได้คำใบ้จะหมดแล้วใช่ไหมครับ" นั่นคือเสียงของกวิน เขาพูดจาฉะฉาน เสียจนนักศึกษาหญิงรุ่นน้องนั่งฟังเพลิน เพราะหน้าตาที่ดูหล่อเหลาของเขาที่มีเป็นทุนอยู่แล้ว มองยังไงก็ไม่รู้จักเบื่อ
"เจนแจกคำใบ้ให้น้องๆ ตามรายชื่อที่แนบในซองเล็กๆ เรียบร้อยแล้วค่ะ" หญิงสาวรุ่นพี่พูดจาออกมา พร้อมกับฉีกยิ้มให้กวิน
"ถ้าอย่างนั้น เริ่มได้เลยครับ ให้เวลาสามสิบนาที ถ้าใครยังหาพี่รหัสของตัวเองไม่เจอจะโดนทำโทษ" เมื่อกวินประกาศใส่โทรโข่งเสร็จเรียบร้อย ทุกคนหยิบกระดาษออกมาจากซองเล็กๆ ต่างคนก็ต่างตามหาพี่รหัสของตัวเอง เพื่อให้ทันเวลาที่กำหนด
"เธอชื่ออะไรอ่ะ..เราชื่อริต้านะ" นักศึกษาหญิงคนหนึ่ง ที่ยืนอยู่ไม่ไกล เดินเข้ามาทักแพรไหมอย่างเป็นมิตร
"เราชื่อแพรไหม ยินดีที่ได้รู้จักนะริต้า" แพรไหมพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้ริต้า อย่างเป็นมิตรเช่นกัน
"อืม..ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน เธอได้คำใบ้อะไรเหรอ"
"ยังไม่รู้เลย แพรยังไม่ได้เปิด" แพรไหมพูดพร้อมกับดึงกระดาษใบเล็กๆ ออกมาจากซองสีขาว
"ของเราใบ้คำว่าธนาคาร เธอว่ารุ่นพี่คนไหนชื่อธนาคารอ่ะ ถ้ามีจริงๆ นะ เราจะเอาตังค์ไปฝากทุกวันเลย" ริต้าพูดทีเล่นทีจริง เพราะเธอเชื่อว่าคงไม่มีใครชื่อธนาคารหรอกมั้ง แต่คำใบ้เนี่ย หมายถึงคนชื่ออะไรกันแน่ หญิงสาวถึงกับทำหน้างง
"ของเราคำใบ้คือ มีฤทธิ์ร้ายแรงดั่งเฮอร์ริเคน" แพรไหมอ่านพร้อมกับทำหน้างงๆ เช่นกัน ก่อนจะถอนหายใจออกมา เธอได้แต่หวังว่าพี่รหัสจะเป็นผู้หญิง
"เราไปทานข้าวก่อนดีไหม แพรพาเราไปหน่อยสิ เราหิวข้าว" ริต้าพูดออกมา เพื่อหาแนวร่วม เพราะช่วงเช้าเธอรีบเลยไม่ได้ทานข้าวเช้ามาและตอนนี้หิวมากจนจะเป็นลมอยู่แล้ว
"จะดีเหรอริต้า ถ้ามาช้าอาจจะโดนทำโทษก็ได้นะ" แพรไหมถึงกับยิ้มแหยๆ ออกมา เมื่อเธอไม่แน่ใจว่าควรพาริต้าไปดีหรือเปล่า
"แป๊บเดียวเองนะ เราไม่ได้ทานข้าวเช้ามา หิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้วเนี่ย" คำพูดของริต้า ซึ่งเธอมีหน้าตาฝรั่งจ๋า แต่คำพูดคำจาเปรียบเทียบไม่ต่างจากไทยแท้ จนทำให้แพรไหม อดฉีกยิ้มให้กับความน่ารักของเพื่อนใหม่ที่เพิ่งเจอที่เพิ่งเจอกันวันแรกไม่ได้
"ไปสิ เดี๋ยวแพรจะไปเป็นเพื่อน เร็วเดี๋ยวไม่ทันโดนทำโทษไม่รู้ด้วยนะ"
นักศึกษาสาวทั้งสองก้าวเท้าเดินออกจากโรงยิม โดยมีสายตาคมของพายุมองออกไปอย่างสงสัย นักศึกษาคนอื่นเขาวุ่นวายตามหาพี่รหัส แถมยังวนมาถามผู้ชายกลุ่มเขาบ่อยครั้ง แต่สองสาวนั้นกลับเมินเฉย มิหนำซ้ำยังเดินออกไปนอกโรงยิมอีก
ริต้าพาแพรไหมกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาที่โรงอาหาร เพราะริต้าทั้งหิวทั้งกลัวจะถูกทำโทษ แต่ที่แน่ๆ เธอรู้แค่ในเวลานี้ก็คือกองทัพต้องเดินด้วยท้อง ไม่อย่างนั้นเธอต้องหิวจนตาลายเป็นลมล้มพับลงไปอย่างแน่นอน
“ข้าวราดแกงจานหนึ่งจ้าป้า!” พอไปถึงโรงอาหารของมหา'ลัย ริต้าก็จัดการสั่งอาหารทันที ส่วนแพรไหมนั้นเธอมาเป็นเพื่อนริต้าเฉยๆ เพราะรับประทานมื้อเช้ามาแล้ว
"จะเอาแกงอะไรล่ะหนู"
"แกงอะไรก็ได้ค่ะป้า ราดมาเลยนาทีนี้หนูกินได้หมดแหละป้า" ริต้าพูดพร้อมกับเหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือ ซึ่งเหลือเวลาอีกสิบห้านาที นั่นหมายถึงเธอต้องกินข้าวในจานนี้ให้หมดภายในห้านาที เพราะต้องเผื่อเวลาเดินกลับและตามหาพี่รหัสอีกสิบนาทีน่าจะพอ
เมื่อได้ข้าวราดแกงมาเรียบร้อย ริต้านั่งลงตรงข้ามกับแพรไหม เธอไม่พูดไม่จาตักข้าวเข้าปากอย่างมูมมาม เมื่อเวลานี้ทั้งหิวทั้งมีเวลาจำกัด เธอจึงไม่แคร์ในความสวยหรือมารยาท
"เอ่อ..ใจเย็นๆ ก็ได้มั้งริต้า ถ้าโดนทำโทษจริงๆ แพรก็จะเป็นแนวร่วมอีกคนยังไงก็ไม่ทิ้งเธอหรอก ไม่ต้องรีบกินขนาดนั้นก็ได้เดี๋ยวติดคอตายนะ" แพรไหมอดที่จะเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้ ริต้าได้เคี้ยวหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะดูจากท่าทางที่เธอกินแล้ว เธอเล่นกลืนเอากลืนเอาแบบนั้น
"อืม.." ริต้าทำเสียงครางออกมาจากลำคอ แทนคำตอบให้เพื่อน เนื่องจากข้าวเต็มปากและเธอก็ไม่อยากจะพูดอะไรในตอนนี้
แค่ก! แค่ก! แค่ก!
"นั่นไงว่าแล้วเชียว นี่น้ำจ้าริต้า" แพรไหมพูดพร้อมกับยื่นแก้วน้ำให้กับริต้า เธอรีบกินเสียจนสำลักข้าว
"โอ๊ย! ขอบใจจ้า..ป่ะรอดตายแล้ว..เฮ้ย! ..เหลือเวลาอีกแค่ห้านาทีเอง..ไปวิ่ง! แพรไหม"
ริต้าลุกขึ้นยืน พร้อมทั้งฉุดแขนแพรไหมให้วิ่งตามเธอออกไปจากโรงอาหารทันที แต่วิ่งมาได้แค่ครึ่งทางริต้าก็หยุดวิ่งแล้วเอามือกุมท้องเอาไว้
"ตายแน่แพรไหม ริต้าวิ่งต่อไม่ไหวแล้วโคตรจุกเลยอ่ะ" ริต้าพูดพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งอย่างหอบเหนื่อย ในขณะที่เธอยังคงเอามือกุมท้องไว้เหมือนเดิม
"ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องวิ่ง ริต้าก็ไม่เชื่อเรา"
"เราต้องโดนทำโทษแน่ๆ " ริต้าพูดออกมา ขณะที่เธอยังคงหายใจหอบเหนื่อย
"เขาคงไม่ทำโทษหนักหรอก รุ่นพี่คงไม่กล้าทำอะไรรุนแรงป่าเถื่อนจนเลือดตกยางออก นั่งพักก่อนเถอะริต้า" แพรไหมเข้าไปพยุงริต้ามานั่งพักใต้ร่มไม้ ยังไงซะวันนี้ทั้งสองก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็คงจะทอดทิ้งกันไม่ได้
--โรงยิม--
"ทุกคนเข้าแถวเหมือนเดิม ต่อไปเราจะมาเล่นเกมวิ่งสามขา เพื่อสร้างความคุ้นเคยอันดีระหว่างรุ่นพี่สายรหัสกับรุ่นน้อง คู่ไหนจะมีความสามัคคีและไปถึงเส้นชัยได้ก่อนจะมีรางวัลให้ มีใครยังหาพี่รหัสไม่เจอบ้างออกมาด้านหน้าด้วยครับ"
"ที่ฉันเปิดโอกาสให้คุณได้เจอกับลูก นั่นมันคือโอกาสเดียวที่ฉันมีให้กับคุณ เพราะอะไรรู้ไหม ที่ฉันต้องยอม ก็เพราะว่าใยไหมขอร้อง เธอพยายามถามหาพ่อตั้งแต่จำความได้ สิ่งที่คุณทำเอาไว้ เด็กคนหนึ่งต้องมีปม เมื่อเธอเกิดมาแล้วไม่มีพ่อเหมือนคนอื่นเขา ฉันไม่รู้ทำไมใยไหมถึงต้องการพ่อเลว ๆ อย่างคุณนักก็ไม่รู้" แพรไหมพูดสะกิดไปที่หัวใจของพายุ เวลานี้เขารู้สึกเจ็บปวดเหมือนมีอะไรมาบีบรัดเอาไว้ มันเจ็บหน่วงไปหมดเมื่อลูกโหยหาเขามาแสนนาน ในขณะที่เขานั้นเอาแต่ทำงานไม่คิดที่จะตามหาแพรไหมอย่างจริงจัง"นับจากวินาทีนี้ไป ผมจะทำหน้าที่พ่อให้ดีที่สุด เท่าที่พ่อคนหนึ่งจะทำได้ ไปอาบน้ำผมจะทำอาหารรอ" พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ต่อให้แพรไหมผลักไสไล่ส่งเขาไปไหน สิ่งที่เขาจะทำคือการยืนหยัดมุ่งมั่นที่จะอยู่ข้างเธอและลูก "ออกไปได้แล้ว และอย่าคิดพยายามคิดทำในสิ่งที่คุณไม่มีสิทธิ์" แพรไหมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้างเช่นกัน เมื่อเธอนั้นไม่มีทางอภัยให้เขาได้เลยในชีวิตนี้ "จะอาบไหมน้
"คุณเจ็บมากหรือเปล่า แพรไหม" พายุเอ่ยถามออกไป เมื่อเขาใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดลงมาที่ใต้สะดือ แล้วพบว่ามีแผลเป็นรอยยาวจางๆ ประมาณสิบถึงสิบห้าเซนติเมตร ซึ่งรอยนั่นเขารู้ดีว่ามันคงได้มาจากการผ่าตัดทำคลอดใยไหม "อืม..หนาว..หนาวจัง" แพรไหมครางออกมาอีกครั้ง พร้อมกับเสียงพูดที่บ่งบอกว่าเธอนั้น ต้องการผ้าห่มมากกว่าผ้าชุบน้ำที่พายุนั้นกำลังเช็ดไปทั่วเรือนกายของเธอ "แป๊บหนึ่งเดี๋ยวผมก็จะห่มผ้าให้นอนตะแคงก่อน" พายุพูดพร้อมกับจับแพรไหม นอนตะแคงข้างเขาใช้ผ้าเช็ดไปที่แผ่นหลัง ที่ขาวนวลของเธอไปมา ในระหว่างนั้นเขาก็พยายามห้ามใจไปด้วย เมื่อเรือนกายของหญิงสาวช่างเซ็กซี่สะดุดตาเสียจนอยากกลืนกินเธอไปทั้งตัว "อ้าว! เฮ้ย..บรรลัยละ" พายุเปล่งเสียงอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อผ้าขนหนูผืนเล็กนั้น ไปเกาะเข้ากับตะขอบราสีชมพูอ่อนจนหลุดออกมา
ก่อนจะเข้าไปหามารดา ใยไหมตัดสินใจเปิดประตูเข้าห้องตัวเองเพื่อไปอาบน้ำชำระร่างกาย เด็กหญิงอาบน้ำได้สักพักใหญ่ เธอแต่งตัวเรียบร้อยแล้วจึงเดินออกมาจากห้อง มองไปที่โต๊ะอาหารทุกครั้งเวลาที่เธอออกไปข้างนอก ผู้เป็นมารดามักจะทำอาหารไว้รอเธอเสมอ แต่วันนี้มาแปลกหรือมารดาจะโกรธที่เธอออกไปตามหาบิดา ก่อก! ก่อก! แกร๊ก! ใยไหมเคาะประตูห้องของมารดา ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป และแล้วเด็กหญิงต้องตกใจกับภาพที่เห็น เมื่อมารดานอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มท่าทางจะหนาวจนสะบั้น เพราะพิษไข้ ใบหน้าของผู้เป็นมารดานั้นดูซีดเซียวมาก "แม่! มาดามเป็นอะไร แย่แล้วทำไมตัวร้อนแบบนี้ ทำไงดี ทำยังไงดี" ใยไหมตกใจ เมื่อตัวของมารดาร้อนดั่งไฟสุม เด็กหญิงไม่รู้ว่าจะทำยังไงเพราะมัวแต่ตกใจกลัวว่ามารดาจะเป็นอะไรไป "ป๋า! ..ใช่แล้วต้องโทรหาป๋า" ใยไหมวิ่งไปที่ห้องเพื่อหยิบโทรศัพท์โทรหาผู้เป็นบิดา แต่พอนึกได้ว่าเขาอยู่ห้องตรงข้าม เธอน่าจะเดินไปเรียกเลยดีกว่า หรือว่าจะ
"ก่อนอื่นคุณป๋า ต้องจีบมาดามให้ติดก่อน หนูบอกเลยว่างานหิน มาดามดื้อจะตาย ขนาดลุงดนัยตามจีบหลายปี มาดามยังปฏิเสธทุกครั้ง แต่ลุงดนัยก็ตื้ออยู่ได้" ใยไหมพูดพร้อมกับทำหน้างอ ออกมาได้อย่างน่ารัก"ป๋ามีลูกสาวคอยช่วยจะกลัวอะไร ไปทานข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวป๋าจะไปส่งที่บ้าน" พายุพูดออกมาด้วยสายตาที่มีความหวัง เขาคงไม่ต้องใช้นักสืบ ในเมื่อโชคชะตากำหนดให้หญิงสาวเดินเข้ามาในชีวิตของเขาเอง แถมอยู่ดี ๆ ก็ได้ลูกสาวมาหนึ่งคน ที่น่ารักซะจนทำให้เขานั้นอยากไว้หนวดเลยทีเดียวสองพ่อลูกเดินออกมาจากบริษัท คุยกันกะหนุงกะหนิงด้วยความสนิทใจอย่างรวดเร็ว เวลานี้ใกล้มืดแล้ว แต่ใยไหมกลับลืมเวลา ไม่ได้สนใจว่ามารดาจะคอยเธอกลับ พายุพาลูกสาวขับรถตรงไปที่ร้านอาหารหรู เขาได้สั่งเมนูตามใจชอบของเด็กหญิง "ว้าว! อาหารน่าทานทั้งนั้นเลยค่ะคุณป๋า" เด็กหญิงพูดออกมาพร้อมกับแสดงกิริยาตื่นตาตื่นใจ เมื่อเธอนั้นเพิ่งกลับมาเมืองไทย มันจึงทำให้อาหารเหล่านี้แปลกตาและดูน่ารับประทาน "หนูทานเผ็ดไหม ทานได้หรือเปล่าลูก" พายุถามออกมาด้
"หนูอายุเท่าไหร่" พายุเอ่ยถามออกไป เมื่อเขาแน่ใจว่า ความสัมพันธ์ของเขาที่ลึกซึ้งกับบรรดาสาว ๆ นั้น เมื่อคราวที่เรียนมหา'ลัยเท่านั้น เพราะหากเด็กคนนี้อายุเกินสิบขวบ ก็แสดงว่าเธอกำลังโกหกเขาอยู่อย่างแน่นอน เพราะตั้งแต่มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับแพรไหม เขาก็ไม่เคยนอนกับผู้หญิงคนไหนอีกเลย "หนูอายุสิบขวบนิดๆ ค่ะ แต่แม่บอกว่าหนูเป็นสาวแล้ว" คำบอกเล่าของเด็กหญิง ทำให้พายุฉีกยิ้มกว้าง เขาอยากรู้จังเลยทำไมมารดาของเธอถึงได้บอกว่าลูกเป็นสาว ทั้งที่ลูกนั้นเพิ่งจะสิบขวบเอง แต่ดูจากหน้าตาและรูปร่างเธอโตเกินวัยจริงๆ มิน่ามารดาของเธอถึงบอกว่าใยไหมโตเป็นสาวแล้ว "แม่ของหนูชื่ออะไร ตอนนี้อยู่ที่ไหน บอกฉันได้ไหม" พายุถามพร้อมกับจ้องลงไปที่ดวงตาแป๋วของเด็กหญิงตรงหน้า เมื่อเขามั่นใจว่าสายตาจะไม่โกหก "แม่ของหนูชื่อแพรไหม!" เด็กหญิงพูดออกมา พร้อมกับจ้องสายตาคมของผู้เป็นบิดาอย่างไม่กะพริบตา เพื่อยืนยันว่าเธอนั้นไม่ได้โกหก
"คุณพายุรีบหรือเปล่าคะ ฝ้ายอยากจะชวนคุณไปดูแบบที่ร่างเอาไว้แล้วลืมหยิบมา ฝ้ายอยากได้แบบนั้น แต่ออกแบบไม่เป็นอยากให้คุณพายุแนะนำ คุณรีบหรือเปล่าคะ" ฝ้ายถามชายตรงหน้าออกไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่สายตาของเธอกลับหวานหยาดเยิ้ม พายุพอจะเดาได้ว่าหญิงตรงหน้าต้องการอะไร สำหรับเขาแล้วเวลานี้มีเพียงแพรไหมที่จะทำให้หัวใจเขานั้นพองโต "พอดีผมมีนัดกับลูกค้า เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกันนะครับคุณฝ้าย" พายุพยายามปฏิเสธออกไป เพื่อรักษาน้ำใจของหญิงสาวตรงหน้า "ตกลงค่ะ แต่คราวหน้าคุณพายุห้ามปฏิเสธ เพราะว่าฝ้ายอยากได้ลายนั้นมาก แต่ว่าออกแบบไม่เป็น ต้องรบกวนคุณพายุแล้ว" ฝ้ายยังคงพูดจาจีบปากจีบคอส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มแบบนั้นมาที่พายุเหมือนเดิม "ไม่มีปัญหาครับเดี๋ยวคราวหน้าผมจะแวะไปดูให้" ยิ่งพายุพูดแบบนั้นออกไป ยิ่งทำให้ฝ้ายปลาบปลื้มใจ ที่ชายหนุ่มนั้นจะไปพบเธอ ตามที่ได้ตั้งเจตจำนงเอาไว้ เพื่อหลอกล่อชายตรงหน้าไปตกหลุมพรางของเธอ"ขอบคุณนะคะ นอกจากคุณพายุจะหน้าตาดีแล้ว ยังใจดีอีกต่างหา







