แสงสีระยิบระยับของยามราตรีสาดส่อง เสียงแก้วกระทบกันดังก้องกังวาน เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มนำพาจังหวะการโยกย้ายที่บ้าคลั่งและเร้าใจ
มีอาวางหัวลงบนเคาน์เตอร์บาร์ มองมาที่ฉันด้วยสายตาเคลิบเคลิ้ม
“วาริส แต่งตัวแบบนี้ เธอดูมันหล่อชะมัดเลย!”
ฉันเหลือบมองเธอ ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรกับคำชมนั้น เพราะการที่หญิงสาวที่อายุเพิ่งจะสิบแปดปีถูกชมว่าหล่อ ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่
พลิกขวด หมุน เทเหล้า วางขวด ฉันยังคงทำสิ่งที่ทำอยู่ต่อไปอย่างคล่องแคล่ว ไม่นานนัก ค็อกเทลที่ผสมเสร็จแล้วก็ถูกวางไว้ตรงหน้ามีอา ฉันเสยผมสั้นหลังใบหูด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
“ราตรีเพลิง เชิญดื่ม”
มีอารับแก้วเหล้าด้วยแววตาเป็นประกาย เธอยกขึ้นจิบไปพลางคุยกับฉันไปพลาง“เอาจริงนะวาริส ฉันอยากเห็นเธอไว้ผมยาวและแต่งตัวเป็นผู้หญิงจริง ๆ เลย! แบบนั้นมันคงจะสวยน่าดูเลยนะ”
พอดีตอนนั้นมีลูกค้ามาสั่งเครื่องดื่ม ฉันจึงทิ้งคำพูดไว้ว่า“งั้นเธอก็คิดต่อไปเถอะ” พูดจบก็หันไปอีกด้านของเคาน์เตอร์บาร์
ฉันทำงานพาร์ทไทม์ที่ไนต์คลับแห่งนี้มาตั้งแต่อายุสิบห้า ส่วนมีอาเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ เธอมาที่คลับแห่งนี้แทบจะทุกวัน นานวันเข้าเธอก็กลายมาเป็นแฟนคลับและเพื่อนสนิทของฉัน
แน่นอนว่าเธอมักจะชมว่าฉันหล่อ ในขณะเดียวกันก็บ่นว่าฉันไม่มีความเป็นผู้หญิงเอาเสียเลย
“หัวใจแห่งมหาสมุทร สองแก้ว เชิญดื่มค่ะ” มีอาเดินเข้ามาใกล้ ๆ อีกครั้ง และมองฉันด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น
“วาริส เล่าเรื่องคืนวันเกิด 18 ปีของเธอให้ฉันฟังหน่อยสิ เมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้น ฉันว่าจริง ๆ แล้ว…”
ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ ฉันก็ใช้สายตาปรามเธอไว้ เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจ ยิ่งคนรู้น้อยก็ยิ่งดี ทันใดนั้น โทรศัพท์ที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์บาร์สั่นก็ขึ้นมาทันที
“ช่วยดูให้หน่อยนะ ฉันไปรับโทรศัพท์ก่อน” ฉันบอกมีอาไว้ แล้วจึงถือโทรศัพท์ไปที่ห้องพัก
อารยา
ฉันจ้องมองชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอพร้อมกับหัวเราะเยาะในใจ ในที่สุดก็ทนไม่ไหวแล้วสินะ? เงียบหายไปนานขนาดนี้ ไม่รู้ว่าครั้งนี้แม่ลูกคู่นั้นจะมาสร้างเรื่องอะไรให้ฉันอีก
“วาริส เธออยู่ไหน? ฉันอยู่ที่ร้านขนมหน้ามหาวิทยาลัยของเธอ ออกมาหน่อยสิ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
เสียงของอารยาในโทรศัพท์ยังคงอ่อนโยนเหมือนเดิม“มีเรื่องเหรอ?” ฉันบีบโทรศัพท์แน่นพร้อมกับหัวเราะเยาะ
“แคลลี่โรคหัวใจกำเริบอีกแล้วเหรอ? หรือว่าคุณติณภพโดนรถชนอีกแล้ว?”
เสียงของอารยาเริ่มแหลมขึ้น
“วาริส ที่เธอเกลียดแคลลี่ฉันเข้าใจนะ แต่เธอจะมาสาปแช่งพ่อของเธอแบบนี้ได้ยังไง? เธอรู้อะไรบ้างไหม เขาโกรธเธอจนนอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว!”
เหอะๆ… สาปแช่ง
ถ้าคำสาปแช่งมันได้ผลจริง ป่านนี้พวกมันคงตายไปตั้งนานแล้ว!
อารยาคือน้องสาวของแม่ฉัน เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของแม่ ซึ่งตามหลักแล้วฉันควรจะเรียกเธอว่าน้า
ในตอนนั้น เธอไม่สนใจคำคัดค้านของครอบครัว ยืนกรานที่จะหนีตามผู้ชายไม่เอาไหนคนหนึ่ง ทำให้คุณตาของฉันโกรธจนล้มป่วยและเสียชีวิตในเวลาไม่นานส่วนน้าอารยาที่เคยสุขสบายมาตั้งแต่เด็ก ทนความลำบากไม่ไหว จึงเริ่มบ่นผู้ชายคนนั้นไม่หยุด ตอนแรกผู้ชายคนนั้นก็ยังออกไปทำงานหาเงินบ้าง แต่พอนานวันเข้าก็กลายเป็นคนไม่เอาไหน
ทั้งสองคนเริ่มทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อารมณ์ของผู้ชายคนนั้นก็แปรปรวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนอารยาก็ทนไม่ไหวที่ถูกผู้ชายคนนั้นทำร้ายร่างกายทุกวัน จึงพาแคลลี่ที่ตอนนั้นอายุเจ็ดขวบหนีกลับมา
แม่ของฉันใจอ่อน ไม่ต้องการเห็นแม่ลูกคู่นี้ต้องลำบาก จึงให้ที่พักพิงแก่พวกเธอ ในตอนนั้นพ่อของฉันเห็นว่าเธอเป็นน้องสาวคนเดียวของแม่ จึงดูแลเธอเป็นอย่างดี
แต่ไม่มีใครคาดคิดว่า ทั้งสองคนจะดูแลกันดีจนถึงบนเตียง
อารยากับพ่อของฉันแอบคบกันเป็นชู้กันถึงขั้นมีอะไรกันบนเตียง ในขณะที่พ่อกับแม่ของฉันยังไม่เลิกกัน ผู้หญิงคนนี้กล้าทำเรื่องเลวทรามต่ำช้าแบบนี้ได้ยังไง แม่ของฉันเป็นพี่สาวของเธอ เป็นคนที่ช่วยเหลือเธอ รักใคร่และเอ็นดูเธอทุกอย่าง แต่เธอกลับทรยศหักหลังแม่ของฉันด้วยการเป็นชู้กับพ่อของฉันแบบนี้!
นางจิ้งจอกสารเลว !!
จริง ๆ แล้วก่อนหน้านี้ก็มีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่ว แต่แม่ของฉันก็ไม่เชื่อ เธอคิดว่าอารยาเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเธอ ไม่ว่าเธอจะเหลวไหลแค่ไหน ก็คงไม่ถึงกับยั่วยวนพี่เขยของตัวเอง จนกระทั่งแม่จับได้คาหนังคาเขา
แม่ของฉันเสียใจมาก ร่างกายและจิตใจราวกับถูกฟ้าผ่า แม่พลัดตกบันได ระหว่างที่รักษาตัวในโรงพยาบาล แม่ก็เศร้าซึมตลอดเวลา และเสียชีวิตในเวลาไม่นาน
หลังจากนั้น พ่อของฉันก็แต่งงานกับอารยาอย่างเป็นทางการ ลูกสาวของเธอก็เปลี่ยนมาใช้นามสกุลของพ่อฉัน กลายมาเป็นแคลลี่ในปัจจุบัน
ฉันไม่รู้จริง ๆ เลยว่าอารยายังมีหน้ามาหาฉันได้ยังไง แต่เธอก็มาจริง ๆ ตอนนี้เธอกำลังนั่งอยู่ตรงข้ามฉันด้วยท่าทางสงบนิ่งและหยิ่งทะนง
ทุกครั้งเวลาที่อยู่บ้าน สองแม่ลูกคู่นี้มักจะใช้ทุกวิธีเพื่อกลั่นแกล้งและทำร้ายฉันสารพัด ต่อหน้าพ่อพวกเธอก็ทำเป็นดีกับฉัน รักฉัน เอ็นดูฉัน ต่อหน้าพ่อของฉัน อารยาทำเหมือนกับว่าฉันเป็นลูกสาวคนหนึ่งของเธอ ส่วนแคลลี่เองก็ทำเหมือนกับว่าฉันเป็นน้องสาวสุดที่รักของเธอเช่นกัน แต่ลับหลังในตอนที่พ่อไม่อยู่ พวกเธอกลับกลายเป็นคนละคน หาทางกลั่นแกล้งหาเรื่องฉันสารพัด พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้ฉันอยู่ในบ้านหลังนั้นไม่ได้ จนเมื่อฉันทนไม่ไหวจึงได้ย้ายออกมาเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่เพียงลำพัง
เรื่องนี้ฉันเคยบอกกับพ่อไปหลายครั้งแล้ว แต่พ่อก็ไม่เชื่อ แถมยังกล่าวหาว่าฉันปรักปรำใส่ร้ายป้ายสีสองแม่ลูกคู่นั้นอีก ฉันขี้เกียจที่จะพูดคนที่ปิดใจไม่ฟังอะไรเลย พูดให้ตายยังไงเขาก็ไม่เชื่อ สู้ฉันไม่พูดแล้วจะดีกว่า ออกมาใช้ชีวิตเองยังมีความสุขกว่าอยู่ที่บ้านหลังนั้น อยู่กับสองแม่ลูกที่จิตใจต่ำทรามคู่นั้นซะอีก
ทั้งคู่ส่งเสียงครางประสานกันก่อนที่จะเสร็จสมไปเป็นครั้งที่สอง คนตัวเล็กที่ตอนนี้ฟุบลงไปกับเตียงหายใจหอบถี่ ๆ อย่างหอบเหนื่อย สองน้ำที่ผ่านมาทำเอาเธอเพลียร่างเหลือเกิน อีกฝ่ายที่เพิ่งจะถอดถอนแก่นกายออกจากร่องรูรักของวาริสก็ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาหมั่บ!!มือหนาเอื้อมไปจับขาเรียวก่อนจะดึงร่างบางเข้ามาหาตัวในท่าก้มโค้ง“อร๊ายย คุณธีร์ คุณจะทำอะไรน่ะ”“ฉันยังไม่อิ่มเลยที่รัก เธออร่อยเหลือเกิน”ธีระภัทรตอบพลางซุกไซร้ที่แผ่นหลังงามอีกครั้ง“ฉัน...ฉันไม่ไหวแล้วค่ะ ฉันพูดจริง ๆ นะ อ๊ายยยยย”เขาไม่ฟังคำห้ามปรามของเธอเลยแม้แต่นิด ตอนนี้ธีระภัทรนั้นไม่ต่างจากเสือร้ายที่กำลังขย้ำกวางน้อย เขาอุ้มร่างบางลอยขึ้นก่อนจะเดินไปที่เคาน์เตอร์บาร์ภายในห้อง จัดท่าให้ร่างบางก้มโค้งลำตัวแนบไปกับเคาน์เตอร์บาร์ก่อนที่จะ....สวบบบ!!!“อ๊าส์ พี่ธีร์ เอามันออกไปนะ วาริสไม่ไหวแล้ว อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ”ธีระภัทรไม่ฟังเสียงทัดทานแต่อย่างใด เอวแกร่งยังคงอัดกระแทกเข้าออกที่ช่องทางสวาทนั้นด้วยจังหวะที่รุนแรง“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊าส์ อ๊าส์”เสียงเล็กจากวาริสครางออกมาไม่หยุด สร้างความพึงพอใจให้อีกคนได้เป็นอย่างมาก“ฉันรักเธอนะ วาริ
“เราไปต่อกันที่เตียงกันดีกว่านะ”.................................................//เฮือก//วาริสสะดุ้งตกใจเฮือกใหญ่กับคำพูดที่ได้ยิน“ฉะ...ฉันเหนื่อยแล้วนะคะ”“ถ้าฟ้าไม่เปลี่ยนสี อย่าเรียกฉันว่า ธีระภัทรเลย ไม่ได้ทำมานาน คืนนี้ฉันจะกินเธอให้หายอยาก”เขาตอบแล้วยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ธีระภัทรในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากหมาป่าที่หิวกระหาย มือหนาช้อนอุ้มวาริสขึ้นจากอ่างน้ำ แล้วเดินตรงไปที่เตียงโดยไม่ฟังคำทัดทานของเธอเลยแม้แต่น้อย“หะ...ห๊า.....อ๊ายยยยย คุณธีร์... ปล่อยฉันลงนะ”ตุ้บ!“คะ..คุณธีร์ อย่าเข้ามา พอแล้วนะคะฉันเหนื่อยแล้วจริง ๆ ”วาริสพยายามเอ่ยห้ามธีระภัทรที่ตอนนี้กำลังเดินย่างสามขุมเข้ามาใกล้ตัวเธอ สีหน้าท่าทางของเขานั้นราวกับเสือตัวใหญ่ที่กำลังเจอเหยื่ออันโอชะและพร้อมจะตะครุบ ตอนนี้เขาได้เข้ามาประชิดถึงตัวเธอแล้วพร้อมกับทาบทับร่างกายลงบนเรือนร่างงามอย่างไม่รีรอ“คะ...คุณธีร์ ฉะ...ฉันว่า....อื้อออออออ”“อื้มมมมมมมมม”คำพูดของวาริสถูกปิดด้วยริมฝีปากของธีระภัทร เขาไม่ปล่อยให้เธอได้พูดหรือเอ่ยห้ามอะไรอีก สัมผัสที่เร่าร้อนได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง และในค่ำคืนนี้ไม่รู้เลยว่าบทรักของเขาแล
“ทำไมหัวใจเต้นแรงขนาดนี้นะ” วาริสคิดในใจ“ขนาดลูกหนึ่งแล้ว เธอก็ยังน่ากินอยู่เลยที่รัก...”“เอ่อ...คุณธีร์คะ ฉันว่า....อุ๊บบ!!! อื้อออ....”ไม่ทันได้พูดจบประโยค วาริสก็ถูกธีระภัทรจับหันหน้าเข้าหาตัวเขาที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง ริมปากหนาหยักได้รูปก็ประกบลงที่ริมปากบางที่อวบอิ่มนั้นทันที“อื้มมมม” เธอส่งเสียงครางในลำคอธีระภัทรไม่ปล่อยช่องว่างให้เธอหายใจเลยแม้แต่น้อย รสจูบนั้นเร่าร้อน และปลุกเร้าอารมณ์ของคนทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี“อืมมมมม วาริส.....หวาน....จัง”ลิ้นร้อนรุกล้ำเข้าไปภายในโพรงปากบางเพื่อเชยชิมความหอมหวานจากโพรงปากบางนั้น มือหนาค่อย ๆ ลูบไล้ร่างบางเล็กอย่างช้า ๆ จนไปถึงยอดเม็ดทับทิมสีชมพูระเรื่อและบีบเบา ๆ เขาถอนริมฝีปากออก และเริ่มซุกไซร้คนตัวเล็กร่างอีกครั้ง ร่างสูงลากปลายลิ้นลงมาเรื่อย ๆ จนถึงปลายยอดทับทิมสีชมพู“หมับ”“อ๊ะ!!!! คะ....คุณธีร์ อย่า อ๊ะ”แม้ปากจะร้องห้าม แต่หน้าอกกลับแอ่นรับสัมผัสนั้นที่เขามอบให้ ธีระภัทรขบเม้มบริเวณนั้นจนพอใจ แล้วอุ้มร่างบางเล็กขึ้นมานั่งบนตัก พร้อมกับประกบริมฝีปากตามไปอีกครั้ง“อืมมมมมม”เสียงครางในลำคอดังขึ้นไม่หยุด เมื่อระดมจูบอย่างพออกพอใจ
วันไปเที่ยวธีระภัทรและวาริส ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง“หนูฝากของขวัญด้วยนะคะคุณแม่ พี่จิตตรี…. ของขวัญ ที่รักของแม่ ห้ามดื้อกับคุณย่าและพี่จิตตรีนะลูก”วาริสพูดจบเธอก็ก้มลงไปจูบหน้าผากเด็กน้อยอย่างแผ่วเบาด้วยความรัก “ไม่ต้องห่วงนะ แม่จะดูแลของขวัญให้เอง พวกเธอทั้งสองคนไปเที่ยวกันให้สนุกเถอะ พักผ่อนให้เต็มที่”“ขอบคุณครับคุณแม่ พวกเราไปแล้วนะครับ”ทั้งสองคนขึ้นรถและออกเดินทาง ใช้เวลาขับรถจากที่บ้านประมาณ 3 ชั่วโมงก็ถึงที่พัก ที่พักตรงนี้เป็นบ้านพักติดทะเลที่ธีระภัทรเป็นเจ้าของเอง นี่ก็ถือว่าเป็นอีกโครงการหนึ่งในเครือของกลุ่มบริษัททรัพย์วรากรณ์บ้านพักติดทะเลหลังนี้เป็นบ้านพักสุดหรูติดทะเลแบบ Poll Villa ที่มีทั้งอ่างจากุซชี่ และสระว่ายน้ำในตัว มองเห็นวิวทะเลได้ชัด ได้สัมผัสกลิ่นอายของทะเลอย่างเต็มที่ ทำให้วาริสถูกอกถูกใจเป็นที่สุด เพราะเธอเป็นคนที่ชอบทะเลเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว“โอ้โห!! ฉันชอบจังเลยค่ะ มีสระว่ายน้ำในตัวด้วย แบบนี้ต้องถ่ายรูปสวย ๆ ให้เยอะ ๆ เลยนะ ไม่ได้มาเที่ยวนานแล้ว พอได้มาก็รู้สึกดีนะเนี่ย”เธอพูดอ้อนเสียงหวานพร้อมเข้ามากอดซบร่างสูงคนรักของเธอ“ไปเป
หลังจากที่วาริสออกจากโรงพยาบาลก็กลับมาอยู่บ้าน เธอเป็นคนเลี้ยงลูกเองโดยมีพี่เลี้ยงเด็กและแม่ของธีระภัทรที่คอยมาช่วยอยู่ไม่ห่าง วาริสไม่อยากจ้างพี่เลี้ยงเด็กมาเลี้ยงโดยเฉพาะ เนื่องจากเธออยากสร้างความผูกพันกับลูก อยากให้ลูกติดแม่ เธอจึงเป็นคนเลี้ยงเองโดยพี่เลี้ยงเด็กช่วยเหลือแค่บางส่วนเท่านั้น ส่วนธีระภัทร ทุกวันหลังจากที่กลับจากบริษัทเขาก็จะช่วยเลี้ยงลูกผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกับวาริส ในตอนกลางคืนเด็กน้อยมีร้องไห้งอแงบ้างทั้งคู่ก็ช่วยกันปลอบ การเลี้ยงเด็กหนึ่งคนนั้นยากลำบาก ทำให้คนเป็นแม่แบบเธอไม่ค่อยมีเวลาได้พักผ่อน ทั้งสองคนไม่ค่อยมีเวลากระหนุงกระหนิงกันเหมือนเมื่อก่อน เป็นแบบนี้จนระยะเวลาล่วงเลยจนของขวัญอายุได้สองขวบ ในช่วงนั้นธีระภัทร ได้ให้เนตรนภา แม่ของเขามาอยู่ที่บ้านด้วย เพื่อจะได้ช่วยดูแลเด็กน้อยอีกแรง เนื่องจากเขาเกรงว่าวาริสจะเหนื่อยเกินไปในช่วงที่เขาต้องเข้าบริษัทและไม่ได้อยู่ช่วยเธอดูแลลูก“ขอบคุณนะคะคุณแม่ ที่มาอยู่ช่วยหนูดูแลของขวัญ”“ไม่เป็นไรจ้ะ แม่เต็มใจ ยังไงซะของขวัญก็คือหลานสาวของแม่ หนูเองก็ไปพักก่อนเถอะ เดี๋ยวตรงนี้ แม่กับจิตตรีจะดูแลของขวัญให้เอง”“ขอบคุณนะคะคุณ
อุแว้...อุแว้...."คลอดแล้วค่ะ เป็นเด็กผู้หญิง"ธีระภัทรน้ำตาซึมเมื่อได้ยินพยาบาลสาววิ่งออกมาบอก เขาทั้งตื่นเต้นและดีใจไปพร้อม ๆ กันลูก... ลูกของเขากับวาริส...ในที่สุด เขาและเธอก็ได้เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แล้วพวกเราสามคน พ่อ แม่ ลูก..."คุณพ่อเข้าไปหาคุณแม่ได้นะคะ เธอเพิ่งจะหลับไป อย่าเพิ่งเสียงดังรบกวนเธอนะคะ"ธีระภัทรพยักหน้าตอบรับคำของพยาบาล ก่อนที่จะเดินเข้าไปยังห้องพักฟื้นพิเศษของโรงพยาบาลในขณะนี้ วาริสยังคงหลับสนิทบนเตียงของโรงพยาบาล ธีระภัทรเดินย่องเท้าอย่างเบาที่สุดแล้วค่อย ๆ นั่งลงบนโซฟาเพราะกลัวว่าจะทำให้เกิดเสียงดังจนรบกวนทำให้เธอต้องตื่น"ลำบากเธอแล้วนะ..."เขามองไปที่วาริสที่นอนอยู่และพึมพำออกมาเสียงเบา เขารู้ดีว่าการคลอดลูกของผู้หญิงเป็นสิ่งที่ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดและทรมานมากที่สุด เขารู้สึกขอบคุณเธอและซาบซึ้งที่เธอยอมลำบากอุ้มท้องนานถึง 9 เดือน และยังทนเจ็บปวด คลอดเด็กทารกที่แสนน่ารักมาเติมเต็มครอบครัวให้กับเขาธีระภัทรนั่งมองวาริสอย่างไม่ละสายตา ในหัวของเขาเต็มไปด้วยความคิดต่าง ๆ นานา เป็นความคิดที่มีแต่คำขอบคุณ ความซาบซึ้ง แววตาที่เขาจ้องมองเธอก็เต็มไปด้วยความรั
ฉันไปโรงพยาบาลกับอารยา และให้พยาบาลเจาะเลือดของฉันแต่โดยดี ฉันมองดูเลือดของตัวเองค่อย ๆ ถูกถ่ายเข้าไปในร่างกายของแคลลี่ ความเกลียดชังในใจกลับงอกงามอย่างบ้าคลั่งเหมือนวัชพืชที่แท้ ความใจอ่อนที่แม่ของฉันก็คิดว่าเป็นสิ่งที่ดี กลับเป็นแค่แผนการหลอกลวง พวกเขาร่วมมือกันหลอกแม่ ฉันดีใจที่แม่ไม่รู้เรื่องนี้ เพราะไม่อย่างนั้นแม่คงจะเสียใจมากกว่าที่เคยเสียใจ ฉันเกลียดพวกเขา เกลียดทุกคน อยากให้พวกเขาตายไปเสียให้สิ้น! แต่ฉันก็ยังช่วยชีวิตแคลลี่ เธอ ที่เรียกว่า เป็นพี่สาวแท้ ๆ ที่มีสายเลือดเดียวกันกับฉันเลือดจำนวนมากถูกถ่ายเข้าสู่ร่างกายของแคลลี่ การหายใจของเธอก็ค่อย ๆ เป็นปกติ สามชั่วโมงต่อมา แคลลี่ก็ตื่นขึ้น แต่ในเวลาเดียวกัน ตำรวจก็มาถึงต่อหน้าเธอ"คุณแคลลี่คือคนไหนครับ"น้ำเสียงเย็นชาและไร้อารมณ์เอ่ยถาม แคลลี่ที่เพิ่งตื่นขึ้นมาดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ จึงพูดเบา ๆ ว่า"ฉันค่ะ... ฉันเอง"ในวินาทีต่อมา กุญแจมือเย็นเฉียบก็ถูกสวมใส่ลงบนมือแคลลี่อย่างไม่ลังเล"คุณแคลลี่ เราได้รับแจ้งว่าคุณได้วางแผนและมีส่วนร่วมในคดีลักพาตัว และต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยเจตนา ม
ในที่สุดฉันก็เข่าใจในสิ่งที่อารยาจะสื่อ เนื่องจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันนี้ค่อนข้างพิเศษ ดังนั้นการถ่ายเลือดจะต้องมาจากญาติที่สนิทที่สุด ยิ่งถ้าเป็นพี่น้องร่วมสายโลหิตเดียวกันยิ่งจะดีที่สุด เพราะแบบนี้จะแทบไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านหรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาฉันรู้สึกตลกขึ้นมาทันทีตอนนั้นสองแม่ลูกคู่นี้ร่วมมือกัน กลั่นแกล้งทำร้ายฉันสารพัด แทบจะอยากกำจัดฉันไปให้พ้นทาง แต่ตอนนี้ยังมีหน้ามาขอให้ฉันไปบริจาคเลือดให้แคลลี่อีก? ใครกันที่ให้ความกล้าแบบนี้กับเธอมา?ตอนแรกฉันอยากจะเยาะเย้ยเธอสักหน่อย แต่พอเห็นใบหน้าที่ไม่เหลือเค้าความงดงามในอดีตของอารยาใจของฉันก็แอบรู้สึกสงสารขึ้นมาเล็กน้อย“อารยา ฉันคิดว่าเธอคงยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ เธอบอกว่าแคลลี่ต้องการให้พี่น้องร่วมสายโลหิตเดียวกันไปบริจาคเลือดให้ แต่ขอโทษด้วย ฉันกับแคลลี่ไม่ได้เป็นแบบนั้น บางทีเธออาจจะต้องไปตามหาผู้ชายคนก่อนของเธอ เผื่อว่าเขาจะมีลูกคนอื่นอีก แบบนั้น เธออาจจะยังพอมีหวัง”ถึงแม้ว่าฉันจะไม่เอาผิดกับความผิดที่พวกเธอก่อไว้ในอดีต แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าฉันจะให้อภัยพวกเธอ อารยาแอบเป็นชู้กับพ่อของฉัน และทำให้แม่ของฉันเสียชีวิต
การล้มละลายของบริษัท รังสรรค์ไพศาล กรุ๊ป และการจับกุมติณภพในข้อหาตกแต่งปลอมแปลงบัญชีและยื่นงบการเงินที่เป็นเท็จ กลายเป็นข่าวใหญ่ที่โด่งดังไปทั่วกรุงเทพมหานคร ใคร ๆ ก็รู้กันหมด ทุกคนต่างยินดีปรีดาที่ได้เห็นคนเลวได้รับกรรมอย่างสาสมแต่ฉันกลับไม่มีความสุขเลยสักนิดคนที่จัดการงบการเงินนั้นคือแคลลี่ แต่คนที่ต้องติดคุกกลับกลายเป็นติณภพ นี่มันชัดเจนว่าติณภพรับโทษแทนแคลลี่ไม่ใช่รึไง?ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าติณภพพ่อของฉันจะไม่สนใจใยดีลูกสาวแท้ ๆ อย่างฉัน แถมยังด่าฉันเสีย ๆ หาย ๆ ได้ทุกเมื่อ แต่เขากลับดีกับแคลลี่ ลูกติดเมียใหม่คนนี้ซะจริง ๆ ถึงขนาดยอมรับโทษติดคุกแทนแคลลี่ได้ธีระภัทรปลอบใจของฉันอยู่ข้างๆ“ไม่เป็นไรนะ วาริส ถ้าเธอไม่พอใจ ฉันมีวิธีจัดการแคลลี่อีกตั้งเป็นพันเป็นหมื่นวิธี…”“ช่างเถอะ” ฉันโบกมือให้เขาหยุดพูด“สำหรับฉัน แค่นี้ก็ถือว่าได้แก้แค้นให้แม่แล้ว”ฉันไม่ใช่คนใจคอโหดเหี้ยมที่จะต้องเอาให้ตายกันไปข้างหนึ่ง ในเมื่อติณภพยอมรับโทษแทนเธอแล้ว ก็ปล่อยให้เขาได้สำนึกผิดในคุกก็แล้วกัน ยังไงซะตั้งแต่ฉันก็ออกจากบ้านตระกูลรังสรรค์ไพศาลแล้ว เขาก็ถือว่าไม่ใช่พ่อของฉันอีกต่อไปแล้ว ส่วนอารยากับ