การรอคอยของคนทั้งสองสิ้นสุดลง หลังจากนั่งดูแฟชั่นโชว์จากกระเป๋าแบรนด์ดังร่วมชั่วโมง ตอนนี้เจ้าของแบรนด์เดินออกมาพบปะแขกในงาน และยืนรับดอกไม้ที่คนนำมาร่วมแสดงความยินดีอยู่บนเวที
พราวนภาไม่รอช้า หอบช่อลิลลี่ที่วางอยู่บนตักไปทันที แหวกผู้คนมากมายไปหน้าเวทีด้วยความยากลำบาก และเผลอชนเข้ากับไหล่คุณหญิงท่านหนึ่งที่นั่งอยู่เก้าอี้แถวหน้าสุด “ขอโทษค่ะ” พราวนภายกมือขึ้นไหว้อย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นใบหน้าคนที่นั่งอยู่ชัดเจนก็รีบหันหน้าหนี วันนี้มันวันอะไรเนี่ย ทำไมเธอถึงได้เจอคนที่ไม่อยากเจอด้วย! พราวนภาหลบไปอย่างรวดเร็ว ให้กลมกลืนกับคนที่มาร่วมแสดงความยินดีหน้าเวที เป็นการหลบเลี่ยงการพบเจอที่ไม่ควร ได้ไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่ เพราะสายตาของหญิงสูงวัยยังคงจับจ้องแผ่นหลังของเธอ มือท่านสกิดผู้ชายที่ร่วมทุกข์กันมายาวนานที่นั่งอยู่ข้างๆ ชี้มือให้สามีดูเด็กผู้หญิงที่ยืนรอต่อแถวร่วมแสดงความยินดีกับหลานชายที่รักของท่าน อย่าง เกียรติกรุณ โหรมิภัทร “คุณว่าใช่ยัยหนูไหม?” “ไม่น่าใช่นะคุณ ยัยหนูนั่นตัวเล็กออก” ท่านไพรรัตน์มองตามสายตาภรรยาไป ก่อนจะสายหน้า เมื่อเห็นผู้หญิงตัวสูงกำลังเบียดเสียดผู้คน หลานสาวของท่านน่าจะตัวเล็กกว่านี้ เพราะครั้งสุดท้ายที่เจอกัน หลานสาวของท่านสูงแค่ 140 เซนติเมตร แต่นั่นมันก็หลายปีมาแล้ว อาจจะโตกว่านั้นสักหน่อย แต่คงไม่ถึง 170 เหมือนเด็กสาวคนนั้นแน่ “อาจจะจริงอย่างที่คุณว่า หลานเราคงไม่ทำหน้าตาเหมือนเห็นผีแบบนั้นใส่เราหรอกมั้ง” ท่านยิ้มให้สามี คิดถึงหลานสาวเพียงคนเดียวอยู่ตลอด แต่ครั้งสุดท้ายที่เจอกัน มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย สุดท้ายหลานสาวก็ท่านก็ไม่ยอมให้ท่านไปเจอ และไม่ยอมมาเจอท่านเลย พราวนภาสูดลมหายใจเข้านิดๆ ตอนนี้คนรอบตัวมองเธออย่างสนอกสนใจ เมื่อคนที่อยู่ในกระแสข่าวดราม่ากับดารานางแบบสาวอินทิรา อย่างสไตลิสต์ที่มีนามว่าพราวนภา มาปรากฏตัวที่นี่ เบื้องหน้าเจ้าของแบรนด์ที่ถ่ายแบบโฆษณาในวันนั้น “มาจนได้นะ” เกียรติกรุณพูดจบ คนก็เริ่มฮือฮามากขึ้น ตอนนี้กล้องในงานเบนมาที่คนทั้งสอง นักข่าวเตรียมพร้อมเต็มที่ เก็บภาพที่สไตลิสต์ยื่นช่อดอกลิลลี่ให้เจ้าของงานไว้ทุกช็อต “พราวมาแสดงความยินดีและมาขอโทษด้วยตัวเองค่ะ” “มาถูกวันนี่นา วางแผนมาดีนะ” “ก็นิดหน่อยค่ะ แต่พราวตั้งใจมาขอโทษจริงๆ เพราะว่ามีส่วนทำให้แบรนด์พี่เสียหาย ถ้าพราวยอมหย่อนลงให้น้องสักหน่อย น้องคงไม่ทำแบบนั้น และคงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น” พราวนภาไม่ได้ตีหน้าเศร้าบีบน้ำตา เหมือนที่อินทิราทำตอนรายการต่างๆเชิญไปสัมภาษณ์ เธอตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย เสียงก็ไม่ได้ดังมากหรอก แต่มีไมค์อยู่รอบด้าน คนในงานจึงได้ยินบทสนทนาของเธอกับพี่ก้องทุกถ้อยคำ “ก็ทำถูกแล้ว มาขอโทษฉันทำไม ควรไปขอโทษน้องเขาดีกว่าไหม” คนที่ผ่านประสบการณ์มาเยอะกว่า พูดเพิ่มประเด็นให้นักข่าวเอาไปเขียน พราวนภาเป็นคนฉลาด เลือกมาปรากฏตัวที่นี่ คงวางแผนมาอย่างดี คงอยากจบเรื่องนี้ให้ตัวเองอย่างสวยงาม และพ้นคำครหาจากคำพูดของดารานางแบบคนนั้น และเขาชอบที่เธอทำแบบนี้ มันดูมีสมองต่างจากแม่ดาราคนนั้น ที่เอาแต่ร้องห่มร้องไห้ออกสื่อ ว่าตัวเองโดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียว ทั้งๆที่คลิปมันก็เห็นชัดว่า อินทิราสาดกาแฟใส่หน้าพราวนภาก่อน “พราวกำลังจะไปค่ะ เย็นนี้พราวจะไปขอโทษน้องเขาเรื่องที่ทำร้ายร่างกาย แต่อยากมาขอโทษพี่ก่อน เพราะพี่ก็เป็นฝ่ายเสียหายจากเรื่องในวันนั้น” “เรื่องนั้นฉันยื่นฟ้องไปแล้ว เธอเตรียมตัวจ่ายเงินให้ฉันเลยนะ” “พราวยินดีค่ะ” พราวนภาหัวเราะกับอาการออกสาวของคนบนเวที เสียงหัวเราะของเธอทำให้คนบนนั้นยิ้ม ก่อนจะยกมือยีหัว และก้มลงกระซิบคำขอบคุณ “ขอบคุณที่มา” “พราวก็ต้องมาดูความสำเร็จของพี่ตัวเองไหม” “ย่ะ!” ความสนิทสนมของคนทั้งสองถูกช่างภาพกดถ่ายไว้รัวๆ แปลกใจนิดๆ แต่ไม่มีใครกล้าพูดหรือถามอะไร เพราะเจ้าของงานกระโดดลงมาจากเวที ทั้งที่อยู่ในร่างสาวสวย แต่ความเป็นชายของร่างกายส่งผลให้เขามายืนอยู่ที่พื้นข้างพราวนภา ด้วยท่วงท่าที่สง่างามดังเช่นตอนที่อยู่บนเวที “เนี่ย น้องก็มาขอโทษก้องแล้ว พี่ๆก็เขียนข่าวให้มันเบาๆหน่อยละกันนะ ให้น้องมันมีที่ยืนในสังคมบ้าง” “คุณก้องรู้จักกับน้องเขาเป็นการส่วนตัวเหรอคะ” คำถามของนักข่าวทำให้พราวนภาเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่สูงกว่า อย่าเชียวนะ! “ก็ทำงานอยู่ในวงการนี้ ก็ต้องรู้จักบ้างสิเนอะ น้องก็ออกจะน่ารัก ว่าไหมคะ” เกียรติกรุณยื่นมือไปดึงแก้มของพราวนภาจนยืด สร้างความสงสัยให้นักข่าวหลายคน รวมถึงปู่กับย่าที่นั่งอยู่เก้าอี้แถวหน้าสุดด้วย ท่านทั้งสองมองหลานชายที่กลายเป็นสาวไม่วางตา รวมถึงคนที่ถูกดึงแก้มนั่นด้วย “พี่ก้องกำลังทำให้พราวเป็นจุดสนใจ!” “มันจะได้กลบข่าวลือได้ไง” “แต่แบบนี้พราวลำบาก” “จะลำบากอะไรนักหนา” พราวนภากับเกียรติกรุณก้มหน้ากระซิบกระซาบกันไปมาด้วยรอยยิ้ม ทั้งที่ความจริงต่างคนต่างอยากหยุมหัวกันและกันมากกว่า พราวนภาคิดว่าสิ่งที่เกียรติกรุณทำนั้นจะทำให้เธอลำบากมากขึ้น แต่เกียตริกรุณกลับคิดต่างเขาเอ็นดูเธอมาตลอด และเป็นคนหางานในวงการให้พราวนภาทำเอง คิริวกัดฟันแน่น กำมือที่เคยถูกกุมไว้จนรู้สึกเจ็บ ผู้หญิงคนนั้นต่อให้สวยแค่ไหน แต่ก็เป็นผู้ชายมาก่อน ท่าทางสนิทสนมของคนทั้งสองทำเขาหัวเสีย ให้ดอกไม้กล่าวคำขอโทษเสร็จก็ควรออกมาได้แล้วไหม ทำไมยังยืนยิ้มหน้าระรื่นอยู่ตรงนั้นอยู่อีก แม่ม!!! “คนนั้นแฟนเหรอ?” พราวนภามองตามสายตาเกียรติกรุณไป เมื่อเห็นว่าเขามองไปที่คิริว เธอจึงได้รู้ตัว ว่าอยู่ตรงนี้นานเกินไปจนน้องมันเริ่มชักสีหน้าใส่ ก้มหัวเร็วๆ ก่อนจะเดินแทรกผู้คนไปหาคิริว และแน่นอนว่านักข่าวทุกคนมองตามเธอตลอด และไม่พลาดถ่ายช็อตเด็ดของพราวนภากับนายแบบหน้าใหม่อย่างคิริวด้วย “เป็นเรื่องแล้ว พี่ลืมคิดไปเลยว่าริวเองก็อยู่ในวงการนี้ มันจะเป็นอะไรไหมอะ ถ้านักข่าวเอาไปเขียนอะไรแปลกๆ” พราวนภาถามคนที่คว้ามือเธอเดินออกไปจากงาน อย่างไม่สนใจใยดีใครสักคน สำหรับเธอไม่มีปัญหาอะไรหรอก เชื่อว่าครอบครัวคงเข้าใจถ้ารู้ว่าคบกับเขา แต่เขานี่สิ มันจะส่งผลอะไรกับชีวิตเขาไหม เธอไม่รู้ ไม่อยากให้น้องมันเดือดร้อนเพราะคบกับเธอไง คิริวยังไม่ตอบ เพราะตอนนี้เขากำลังพาเธอเดินกลับไปขึ้นรถที่จอดไว้ หนีนักข่าวที่ตามมานั่นแหละ เลยไม่ว่างจะตอบ จะหยุดก็ไม่ได้ด้วย เขายังไม่อยากถูกเอาภาพไปทำข่าวตอนนี้ กลัวมันถึงหูใครบางคน เขาไม่ได้อยากปิดบังใคร แต่ไม่อยากให้ใครคนนั้นรู้ตอนนี้ ว่าเขากำลังคบกับเธอ“พี่ไม่ได้ตั้งใจ” “ตั้งใจหรือเปล่า ตอนนี้ไม่รู้ด้วยแล้ว” มือหนาดึงใบหน้าสวยให้หันกลับมานิดหน่อยเพื่อรับจูบจากเขา ตอนนี้เธอจะรู้สึกยังไงก็ช่าง เขาไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้อีกแล้ว ลิ้นร้อนขยับตามใจตัวเอง ดูดดึงลิ้นเล็กที่ขยับตามอย่างช่ำชอง พี่พราวจูบเก่ง และตอบสนองได้ดี ดีจนเขาไม่อยากหยุด มือไม้เริ่มอยู่ไม่สุขแล้วตอนนี้ ความวาบวาบแล่นทั่วกายจนเสียวซ่าน เคล้นคลึงหน้าอกอวบทั้งสองข้างเบาบ้าง หนักบ้าง จนได้ยินเสียงครางหวานดังต่อเนื่อง ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องใส่อะไรแล้ว จึงปล่อยให้ผ้าเช็ดตัวหลุดออกไปจากเอวอย่างไม่สนใจใยดี ซ้ำยังใช้เท้าเขี่ยมันออกไปไกลๆ ไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้วด้วยซ้ำ “อื้อ ระ ริว อ่า” พราวนภาครางเสียงแผ่ว ขยับตัวตามใจคนตัวโต ตอนนี้เธอถูกพลิกให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา รอยยิ้มมุมปากของคนตรงหน้า ทำให้เธอรู้ชะตากรรมของตัวเอง “ไม่ต้องห้ามนะ! ริวไม่หยุด” อุ้มคนเขินอายขึ้นนั่งในตู้เสื้อผ้าที่เปิดอ้าอยู่ ความแข็งแรงของมันทำให้เขามั่นใจ ว่าต่อให้ทำอะไรลงไปมันก็จะไม่พัง ดึงรั้งเสื้อที่ห่อหุ้มร่างกายคนบนนั้นออกไป รวมถึงกางเกงที่ใส่ด้วย “ตรงนี้เหรอ?” “อืม ตรงน
“เราเป็นแฟนกัน หรือริวเป็นแฟนยัยเด็กนี่” ตอนนี้ทั้งโต๊ะเงียบกริบ มีเพียงเสียงเพลงที่ยังคงดังกระหึ่ม เพื่อนๆของคิริว ต่างมองด้วยความสงสัยปนตกใจ ก็รู้ๆกันอยู่ว่าอ้อมดาวนั้นเป็นแฟนไอ้วิน พูดแบบนี้ก็เท่ากับว่าไอ้วินแม่งโดนแฟนแทงข้างหลัง “เราเป็นแฟนกันด้วยเหรอ?” คิริวเองก็เมาไม่น้อย ถามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเสียงดัง เมื่อกี้พูดอะไรกับเขาไว้ ทำไมถึงกล้ามาถามเขาด้วยคำถามแบบนี้ “เหอะ! งั้นพี่คงเข้าใจผิดไปเอง ว่าที่ผ่านมาเราเป็นแฟนกัน” พราวนภาหมุนตัวออกเดิน อับอายชิบหายที่ตัวเองคิดไปไกลคนเดียว เธอแค่อยากถอยไปตั้งหลัก ไม่ได้บอกว่าเลิก แต่ไม่กล้าบอกให้เขารอ แค่ให้โอกาสเขาเท่านั้น เผื่อเขาเบื่อผู้หญิงอายุมากที่ดีแต่เล่นตัวแบบเธอไง พราวนภาเดินกึ่งวิ่งออกมาหน้าร้าน มองหารถแท็กซี่ แต่ไม่มีว่างสักคัน ช่วงนี้คนทยอยเข้าทยอยออก รถเลยไม่ค่อยว่าง ในจังหวะที่จะเดินออกไปนอกร้านอีกสักหน่อยเพื่อเรียกรถ ข้อมือก็ถูกดึงไปจับไว้แน่น ซ้ำยังถูกลากไปหลังร้านอย่างไร้ความปรานี “ปล่อยเลยนะ!” “เงียบ!” คิริวปรามเสียงดุ ยังคงดึงมือคนข้างๆเดินไปที่รถ เล่นตลกอะไรกับความรู้สึกเขาหนักหนา เห็นเขาไม่เรียกร
“วินไม่กล้ารับอะไรจากพี่พราวหรอก” เขารู้สึกว่าเธอเป็นพี่มาตลอด แต่นี่คือครั้งแรกที่เรียกเธอว่าพี่ ละอายใจเหลือเกินที่แม่ของตัวเองทำแบบนี้กับพี่พราวมาตลอด เลยไม่กล้าเรียกเธอว่าพี่สักครั้ง เพราะกลัวเธอโกรธ เธอเกลียดเขา เหมือนที่เกลียดแม่ของเขา แต่เธอแสดงออกมาตลอดว่าไม่เคยรู้สึกแบบนั้นเลยสักครั้ง “พี่ให้ก็รับไปเถอะ บัตรเติมน้ำมันอยู่ในรถ ใช้ได้ตลอดเดี๋ยวพี่จัดการเรื่องเงินเอง วินมีหน้าที่เพียงแค่รับไป และช่วยพี่ในส่วนที่พี่ไม่สามารถทำได้” พราวนภาตบไหล่น้องชายเบาๆ เหม่อมองขึ้นไปบนฟ้า เธอไม่ได้ตั้งใจมากินเหล้า เลยไม่มีความรู้สึกว่าอยากเข้าไปข้างใน ที่มาตามคำชวนเพราะห่วงวินนี่แหละ รู้ดีว่าวริษาต้องฟ้องอะไรวินแน่ๆ ตั้งใจจะทำให้เธอดูแย่ในสายตาทุกคน งานถนัดเขาล่ะ “จะเข้าไปยัง!” “ยัง มานี่หน่อย!” พราวนภาหันกลับไปยิ้มให้พลางกระดิกนิ้วชี้เรียก บุคคลที่ถามคำถามเมื่อครู่ด้วยน้ำเสียงห้วนจัด คงแอบตามมา เพราะคิดว่าเธอกับวินอาจจะทำอะไรแปลกๆสินะ เธอไม่ใช่คนแบบนั้นไหม ไม่งั้นบอกวินไปตั้งนานแล้วว่าชอบ คิริวเดินหน้ามุ่ยเข้าไปใกล้ เพื่อนตบบ่าให้กำลังใจเบาๆ ก่อนจะเดินหนีไปให้คนทั้งสองได้ใ
“ถ้าบอกว่าหวังล่ะ” ตอนนี้เขากับเธอเดินมาถึงรถพอดี จึงใช้แขนข้างที่ว่างวางลงบนตัวรถด้านที่พี่พราวต้องขึ้นไปนั่ง กักขังเธอไว้กลายๆ พลางจ้องมองด้วยสายตาจริงจัง เขาหวังมาตลอดแหละ หวังมาตลอดเลย! “รอก่อนได้ไหมล่ะ รอให้พี่ชัดเจนกว่านี้ก่อน พี่จะให้ทุกอย่างที่ริวต้องการ” มือเรียวสวยยกขึ้นดันอกกว้างไว้ ไม่ให้เขาเข้ามาใกล้มากกว่านี้ ตอนนี้ยังอยู่ในลานจอดรถของห้างอยู่เลย คนเดินผ่านไปมาประปราย เธอกลัวมากว่าจะมีข่าวลือไม่ดีออกมา ทำให้น้องมันเสียหาย คิริวยังเรียนรู้ เป็นวัยที่ไม่ควรมีเรื่องให้เสื่อมเสีย เธอคิดแบบนั้น “ก็ไม่ได้เร่งรัดอะไร แบบที่เป็นตอนนี้ก็ดีแล้ว” มือเรียวยาวลากไล้กรอบหน้าหวาน จับเส้นผมสีน้ำตาลระกรอบหน้าออกไปทัดไว้หลังใบหู แค่ได้อยู่ใกล้ ได้แบ่งปันอะไรบางอย่างกับเธอ เขาก็มีความสุขมากแล้ว ไม่ได้รีบร้อนอะไร ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร “ไปกันเถอะ เดี๋ยววินรอ” พราวนภายิ้มกว้าง มองนาฬิกาข้อมือพร้อมกับเปิดประตูรถ ตอนนี้จะสามทุ่มแล้ว ควรออกไปเจอน้องชายได้แล้ว เดี๋ยวน้องคิดถึง @xxx club 21:20 น. ร้านที่วินณภัทรนัดคิริวมาดื่ม คือร้านที่อยู่ห่างจากมหาลัยไม่มาก แ
ปึ่ง! พราวนภาถูกยัดเข้าไปนั่งในรถ เสียงประตูที่ถูกปิดลง ดังมากจนเธอตกใจ มองใบหน้าคนที่ตั้งใจวนรถออกจากที่จอดนิ่งๆ ไม่ยอมพูดยอมไม่จา น้องมันเป็นเหี้ยอะไรอีกวะ! “โกรธพี่เรื่องที่พี่ทำให้นักข่าวถ่ายรูปเราเหรอ?” “เปล่า” “แล้วโกรธอะไรอะ!” “หึง” “พี่ทำอะไรให้หึงตอนไหน?” พราวนภาถามด้วยใบหน้าขึ้นสี เธอมั่นใจว่าไม่ได้สัมผัสผู้ชายคนไหนเลย แค่อยู่ใกล้ แต่ไม่ได้ใกล้ชิดจนทำให้คนข้างๆหึงได้ เมื่อกี้เธอคิดว่าตัวเองวางตัวดีนะ มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกเหรอ? “ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?” “ผู้ชายคนไหนวะ!” “คนที่ยืนข้างๆ!” “พี่ก้อง??” “เออนั่นแหละ!” คิริวเบ้ปาก นี่คิดเองไม่ได้และไม่รู้เลยสินะ ว่าคนๆนั้นนะ มันน่ากลัวแค่ไหน ภายใต้รูปลักษณ์ภายนอกที่แต่งเป็นหญิงเต็มตัว แต่คิริวรู้สึกว่าเขายังคงซุกซ่อนความเป็นชายไว้อยู่ ไม่รู้ดิ แค่รู้สึกว่าเป็นแบบนั้น ผ่านสายตาที่มองมายังพี่พราว รู้สึกว่าเขาคนนั้นเอ็นดูเธอ และเอ็นดูมาก จนอาจจะเรียกได้ว่ารัก! เหมือนที่เขารักเธอ “อุบ! ฮะฮ่า ฮ่าๆ ดูออกขนาดนั้นเลย” พาวนภาหัวเราะจนน้ำตาเล็ด คิริวเก่งนะที่ดูออก เธอรู้ว่าพี่ก้องมีรสนิยมยังไง เพราะค่อนข้
การรอคอยของคนทั้งสองสิ้นสุดลง หลังจากนั่งดูแฟชั่นโชว์จากกระเป๋าแบรนด์ดังร่วมชั่วโมง ตอนนี้เจ้าของแบรนด์เดินออกมาพบปะแขกในงาน และยืนรับดอกไม้ที่คนนำมาร่วมแสดงความยินดีอยู่บนเวที พราวนภาไม่รอช้า หอบช่อลิลลี่ที่วางอยู่บนตักไปทันที แหวกผู้คนมากมายไปหน้าเวทีด้วยความยากลำบาก และเผลอชนเข้ากับไหล่คุณหญิงท่านหนึ่งที่นั่งอยู่เก้าอี้แถวหน้าสุด “ขอโทษค่ะ” พราวนภายกมือขึ้นไหว้อย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นใบหน้าคนที่นั่งอยู่ชัดเจนก็รีบหันหน้าหนี วันนี้มันวันอะไรเนี่ย ทำไมเธอถึงได้เจอคนที่ไม่อยากเจอด้วย! พราวนภาหลบไปอย่างรวดเร็ว ให้กลมกลืนกับคนที่มาร่วมแสดงความยินดีหน้าเวที เป็นการหลบเลี่ยงการพบเจอที่ไม่ควร ได้ไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่ เพราะสายตาของหญิงสูงวัยยังคงจับจ้องแผ่นหลังของเธอ มือท่านสกิดผู้ชายที่ร่วมทุกข์กันมายาวนานที่นั่งอยู่ข้างๆ ชี้มือให้สามีดูเด็กผู้หญิงที่ยืนรอต่อแถวร่วมแสดงความยินดีกับหลานชายที่รักของท่าน อย่าง เกียรติกรุณ โหรมิภัทร “คุณว่าใช่ยัยหนูไหม?” “ไม่น่าใช่นะคุณ ยัยหนูนั่นตัวเล็กออก” ท่านไพรรัตน์มองตามสายตาภรรยาไป ก่อนจะสายหน้า เมื่อเห็นผู้หญิงตัวสูงกำลังเบียดเสียด