“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรนะ”
เขาดึงพี่พราวที่กำลังนั่งน้ำตารินเข้ามากอดไว้เบาๆ เธอโดนกดดันเรื่องครอบครัว ถึงแม้พี่พราวจะไม่ค่อยชอบใจพ่อตัวเอง แต่เธอรักท่านมากเขารู้ดี และไม่อยากทำให้พ่อเดือดร้อน “พี่ไปอาบน้ำก่อนนะ” พราวนภายิ้มนิดๆ ผละออกจากอ้อมกอดอบอุ่นเบาๆ เดินคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป ปล่อยให้คนตัวโตยืนมองด้วยสายตาห่วงใย อยากจะทำทุกอย่างตามใจ แต่ไม่กล้าสอดมือเข้าไปยุ่ง แม้จะอยากทำแบบนั้นมาก แต่ถ้าทำแล้วพี่พราวรู้ทีหลัง เขาจะถูกพี่พราวเกลียด “โอ้ย แม่ง!” คิริวเดินกลับไปทำแซนด์วิชอย่างหัวเสีย แต่ถึงอย่างนั้นก็บรรจงจัดเรียงหมูหยองกับแฮมลงบนขนมปังอย่างประณีตบรรจง ยิ้มนิดๆเมื่อคิดถึงใบหน้าของคนกิน เขาทำตัวดีขนาดนี้ ต้องรักเขาแล้วแหละ ว่าไหม! พราวนภาเดินออกมาหาเสื้อผ้าในตู้ เธอลืมหยิบมันเข้าไปในห้องน้ำด้วย จึงต้องออกมาด้วยสภาพที่ค่อนข้างหน้าอาย ผ้าเช็ดตัวพันกายผืนเดียว ผ้าเช็ดตัวห้องคิริวมีแต่ผืนสั้นๆด้วยนะ หยิบชุดที่จะใส่ได้ เธอตั้งใจจะรีบกลับเข้าไปใส่มันในห้องน้ำ แต่พอหมุนตัวกลับมา ก็ถูกคนตัวโตกักขังไว้ด้วยแขนทั้งสองข้างซะแล้ว “คิดดีแล้วไง ออกมาด้วยสภาพนี้” ดวงตาสีดำหลุบลงมองเนินเนื้อขาวผ่อง ที่ผ้าเช็ดตัวปิดไว้ไม่หมด เขาทำแซนด์วิชเสร็จพอดี แต่ยังไม่ได้ตัดแบ่งเลย ก็ต้องวางมันไว้ทั้งอย่างนั้น เพราะมีอะไรน่ากินกว่ามัน เดินออกมาล่อตาล่อใจด้วยสภาพล่อแหลม “ก็ลืมเอาเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนด้วย” “ต้องซื้อผ้าเช็ดตัวใหม่แล้ว” คิริวสรุปออกไปเสียงเบา เขาไม่เคยพาผู้หญิงมาค้าง ส่วนมากคนที่มาเหยียบที่นี่ก็ไอ้วิน ขนาดผ้าเช็ดตัวที่ใช้อยู่ เลยไม่เคยสร้างปัญหา แต่พอมันมาอยู่บนตัวพี่พราว มันมีปัญหาทันที ปิดบนแทบไม่ได้ ปิดล่างแทบไม่หมด พี่แกตัวสูงอะ สูงเกือบเท่าเขา “ไม่ต้องซื้อ เดี๋ยวเอาที่บ้านมา” พราวนภาหลุบตามองต่ำ ไม่กล้าสบสายตาวับวามที่ทอดมอง คิริววางตัวดี และค่อนข้างให้เกียรติเธอ เขาไม่เคยแตะต้องเกินความจำเป็น ไม่เคยจู่โจมและทำอะไรแปลกๆ ส่วนมากมีแต่เธอที่คิดไปเอง ว่าเขาจะทำแบบนั้นแบบนี้กับเธอ แต่ไม่ใช่เลย คิริวไม่เคยทำแบบที่เธอคิดเลยสักครั้ง คิริวหมุนตัวออกไปทำสิ่งที่ทำค้างไว้ต่อ เขาแค่อยากให้เธอรู้สึกกับเขามากกว่านี้ ยังไม่อยากทำให้เธอสับสนเพราะสัมผัสของเขา อยากได้หัวใจมากกว่าร่างกาย เขาพยายามอดกลั้นแทบตาย เวลาที่อยู่ใกล้เธอ ชั่วโมงต่อมา คิริวขับรถคันโปรดของตัวเองมาส่งพราวนภาไว้หน้าบ้าน เขาถูกห้ามไม่ให้ตามเข้าไปด้วย จึงขับรถไปจอดรออยู่ห่างๆ เปิดกระจกลงจนสุด ถ้าได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ จะวิ่งไปทันที เขาได้ยินเสียงถกเถียงกันอยู่เพียงครู่ก็เงียบไป เป็นเสียงของแม่เลี้ยงอย่างวริษากับพราวนภา วันนี้เป็นวันธรรมดา ไวท์คงไปเรียน ส่วนพ่อของเธอก็คงไปทำงานตามปกติ วริษาช่วยงานบริษัทของพ่อเธอก็จริง แต่เขาก็เห็นแม่ของเพื่อนแอบกลับมาบ้านบ่อยๆ เรื่องมีปากเสียงกันลับหลังหัวหน้าครอบครัวอย่างลุงอรรถ เกิดขึ้นบ่อยมาก “นี่จะเอาอันนั้นไปไหน! เอาไปไม่ได้นะ นั่นของพราวให้พ่อ!” คิริวเปิดรถวิ่งเข้าไปในบ้าน เมื่อได้ยินเสียงพราวตะโกนลั่นออกมา เขาเดินมาเจอคนทั้งสองยื้ออะไรกันอยู่ตรงประตูทางเข้าบ้าน จึงรีบปรี่เข้าไปใกล้ “ฉันจะเอาไปขาย รู้ไหมว่าบริษัทของพี่อรรถต้องใช้เงิน แกเป็นลูกนะพราว แกต้องช่วยพ่อแกสิ” วริษามองคนมาใหม่อย่างสงสัยเพียงครู่ เมื่อเห็นว่าเป็นคิริว ก็พูดเบาลงนิดหน่อย ถือซองเอกสารที่ด้านในมีกล่องใส่เครื่องประดับ เอามันมาซ่อนไว้ด้านหลัง เพื่อไม่ให้พราวนภาแย่งกลับไปได้ “เอามา!” พราวนภามองด้วยดวงตาวาวโรจน์ กดเสียงต่ำลงพลางยื่นมือออกไปตรงหน้า “ไม่พราว แกควรช่วยเหลือครอบครัวบ้างสิ ไม่ใช่สุขสบายอยู่คนเดียว” “แกเอากระเป๋าหลุยส์ฉันไปใบหนึ่งแล้วนะ วริษา” พราวนภาหมดความเคารพคนตรงหน้า กระเป๋าที่เธอซื้อไว้ขายเกร็งราคาหายไปใบหนึ่ง มีคนเดียวแหละที่กล้าเอาของๆเธอไป “พี่อรรถเป็นคนบอกฉัน” คนมีความผิดถอยหลังกรูด ไม่คิดว่าพราวนภาจะกลับมาเร็วขนาดนี้ นึกว่าจะไปอยู่ข้างนอกนาน และคิดว่าลืมกระเป๋าใบนั้นไปแล้ว “แกจะเอากระเป๋าใบนั้นไปทำอะไรฉันไม่ว่า แต่ตอนนี้แกต้องคืนซองนั้นมาให้ฉัน” คิริวถอยไปยืนอยู่ห่างๆได้สักพักแล้ว ไม่เคยเห็นพราวนภาดูน่ากลัวขนาดนี้เลยสักครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เสียงหวานๆดูน่ากลัว ใบหน้านี่ไม่ต้องพูดถึง มันทั้งแดงก่ำและบึงตึงเพราะความโกรธ “ไม่! แกให้พี่อรรถแล้ว ฉันเป็นเมียฉันมีสิทธิ์ใช้เหมือนกัน” วริษาพูดจบก็หมุนตัวจะวิ่งหนี พราวนภาวิ่งไปคว้าคอเสื้อเธอไว้ ก่อนจะกระชากผมยาวๆของคนที่ดิ้นหนีสุดแรง “กรี๊ด! อีพราว มึงปล่อยกูนะ” เพราะรู้ว่าลูกเลี้ยงเป็นแบบนี้ วริษาจึงไม่เคยรักพราวนภาเลย ออกจะเกลียดด้วยซ้ำ มือหนึ่งกอดซองสีน้ำตาลไว้แน่น อีกมือจิกลงไปบนแขนที่กระชากหัวตัวเองแรงๆ เพื่อให้พราวนภาปล่อย “จะเอามาดีๆไหมอีวิ” พราวนภาดึงผมสีแดงสดแรงๆ ให้ใบหน้าสวยๆของแม่เลี้ยงหันกลับมา มองด้วยแววตาที่พร้อมจะฟาดฟัน ถ้าวริษานั้นไม่ยอมคืนของขวัญวันเกิด ที่เธอตั้งใจซื้อให้พ่อเก็บไว้คืนมา “อีทรพี!” วริษาถือจังหวะที่หันกลับมา ใช้ซองเอกสารที่ข้างในอัดแน่นด้วยกล่องหลายกล่องฟาดลงไปบนหน้าพราวนภาสุดแรง คิริวรีบวิ่งเข้าไปรวบตัวพราวนภาออกมา เพราะกลัวเธอโดนตบซ้ำอีก “ถอยไป อย่ามายุ่งเชียว!” “พอแล้วพราว!” “ถ้ามึงก้าวออกไปแม้แต่ก้าวเดียวนะวิ กูแฉสิ่งที่มึงทำทั้งหมดแน่!” พราวนภามองคนที่ถือโอกาสช่วงที่คิริวรวบตัวเธออยู่ ย่องหนี วริษาหันมาเหยียดยิ้มให้ เพื่อเห็นสามีเดินหน้ามุ่ยเข้ามาในบ้าน ออกวิ่งไปเกาะแขนอรรถพรไว้ ก่อนจะลำล่ำละลักฟ้องสิ่งที่พราวนภาทำ “พี่อรรถมาพอดี ดูสิ พราวบ้าไปแล้ว อยู่ดีๆก็มาทำวิ” วริษามองสามีผ่านม่านน้ำตาที่รีดเค้นออกมาเพื่อให้ดูน่าสงสาร อรรถพรมองนิ่งๆ ก่อนจะถอนหายใจ เมื่อเห็นซองเอกสารในมือภรรยา เขาแค่พูด ไม่คิดว่าวริษาจะทำจริงๆ “เอาซองนั่นมา” อรรถพรรับซองสีน้ำตาลมาจากวริษา ที่มีท่าทางไม่พอใจ แต่จำใจต้องยื่นมันให้สามี อรรถพรยื่นมันกลับคืนไปให้ลูกสาวทันที จำคำสัญญาที่ตัวเองเคยให้ไว้กับลูกได้ดี ของในนี้คือของที่ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นของ ภัทรียา แม่ของพราวนภา แม้จะไม่เหมือนเดิมทั้งหมด แต่บางชิ้นพราวนภาสั่งทำขึ้นเป็นพิเศษ ให้เหมือนเครื่องเพชรที่คนเป็นแม่เคยใช้ เขาไม่สามารถเอามันไปใช้ได้ แม้ตอนนี้ตัวเองจะลำบากมากก็ตาม“พี่ไม่ได้ตั้งใจ” “ตั้งใจหรือเปล่า ตอนนี้ไม่รู้ด้วยแล้ว” มือหนาดึงใบหน้าสวยให้หันกลับมานิดหน่อยเพื่อรับจูบจากเขา ตอนนี้เธอจะรู้สึกยังไงก็ช่าง เขาไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้อีกแล้ว ลิ้นร้อนขยับตามใจตัวเอง ดูดดึงลิ้นเล็กที่ขยับตามอย่างช่ำชอง พี่พราวจูบเก่ง และตอบสนองได้ดี ดีจนเขาไม่อยากหยุด มือไม้เริ่มอยู่ไม่สุขแล้วตอนนี้ ความวาบวาบแล่นทั่วกายจนเสียวซ่าน เคล้นคลึงหน้าอกอวบทั้งสองข้างเบาบ้าง หนักบ้าง จนได้ยินเสียงครางหวานดังต่อเนื่อง ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องใส่อะไรแล้ว จึงปล่อยให้ผ้าเช็ดตัวหลุดออกไปจากเอวอย่างไม่สนใจใยดี ซ้ำยังใช้เท้าเขี่ยมันออกไปไกลๆ ไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้วด้วยซ้ำ “อื้อ ระ ริว อ่า” พราวนภาครางเสียงแผ่ว ขยับตัวตามใจคนตัวโต ตอนนี้เธอถูกพลิกให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา รอยยิ้มมุมปากของคนตรงหน้า ทำให้เธอรู้ชะตากรรมของตัวเอง “ไม่ต้องห้ามนะ! ริวไม่หยุด” อุ้มคนเขินอายขึ้นนั่งในตู้เสื้อผ้าที่เปิดอ้าอยู่ ความแข็งแรงของมันทำให้เขามั่นใจ ว่าต่อให้ทำอะไรลงไปมันก็จะไม่พัง ดึงรั้งเสื้อที่ห่อหุ้มร่างกายคนบนนั้นออกไป รวมถึงกางเกงที่ใส่ด้วย “ตรงนี้เหรอ?” “อืม ตรงน
“เราเป็นแฟนกัน หรือริวเป็นแฟนยัยเด็กนี่” ตอนนี้ทั้งโต๊ะเงียบกริบ มีเพียงเสียงเพลงที่ยังคงดังกระหึ่ม เพื่อนๆของคิริว ต่างมองด้วยความสงสัยปนตกใจ ก็รู้ๆกันอยู่ว่าอ้อมดาวนั้นเป็นแฟนไอ้วิน พูดแบบนี้ก็เท่ากับว่าไอ้วินแม่งโดนแฟนแทงข้างหลัง “เราเป็นแฟนกันด้วยเหรอ?” คิริวเองก็เมาไม่น้อย ถามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเสียงดัง เมื่อกี้พูดอะไรกับเขาไว้ ทำไมถึงกล้ามาถามเขาด้วยคำถามแบบนี้ “เหอะ! งั้นพี่คงเข้าใจผิดไปเอง ว่าที่ผ่านมาเราเป็นแฟนกัน” พราวนภาหมุนตัวออกเดิน อับอายชิบหายที่ตัวเองคิดไปไกลคนเดียว เธอแค่อยากถอยไปตั้งหลัก ไม่ได้บอกว่าเลิก แต่ไม่กล้าบอกให้เขารอ แค่ให้โอกาสเขาเท่านั้น เผื่อเขาเบื่อผู้หญิงอายุมากที่ดีแต่เล่นตัวแบบเธอไง พราวนภาเดินกึ่งวิ่งออกมาหน้าร้าน มองหารถแท็กซี่ แต่ไม่มีว่างสักคัน ช่วงนี้คนทยอยเข้าทยอยออก รถเลยไม่ค่อยว่าง ในจังหวะที่จะเดินออกไปนอกร้านอีกสักหน่อยเพื่อเรียกรถ ข้อมือก็ถูกดึงไปจับไว้แน่น ซ้ำยังถูกลากไปหลังร้านอย่างไร้ความปรานี “ปล่อยเลยนะ!” “เงียบ!” คิริวปรามเสียงดุ ยังคงดึงมือคนข้างๆเดินไปที่รถ เล่นตลกอะไรกับความรู้สึกเขาหนักหนา เห็นเขาไม่เรียกร
“วินไม่กล้ารับอะไรจากพี่พราวหรอก” เขารู้สึกว่าเธอเป็นพี่มาตลอด แต่นี่คือครั้งแรกที่เรียกเธอว่าพี่ ละอายใจเหลือเกินที่แม่ของตัวเองทำแบบนี้กับพี่พราวมาตลอด เลยไม่กล้าเรียกเธอว่าพี่สักครั้ง เพราะกลัวเธอโกรธ เธอเกลียดเขา เหมือนที่เกลียดแม่ของเขา แต่เธอแสดงออกมาตลอดว่าไม่เคยรู้สึกแบบนั้นเลยสักครั้ง “พี่ให้ก็รับไปเถอะ บัตรเติมน้ำมันอยู่ในรถ ใช้ได้ตลอดเดี๋ยวพี่จัดการเรื่องเงินเอง วินมีหน้าที่เพียงแค่รับไป และช่วยพี่ในส่วนที่พี่ไม่สามารถทำได้” พราวนภาตบไหล่น้องชายเบาๆ เหม่อมองขึ้นไปบนฟ้า เธอไม่ได้ตั้งใจมากินเหล้า เลยไม่มีความรู้สึกว่าอยากเข้าไปข้างใน ที่มาตามคำชวนเพราะห่วงวินนี่แหละ รู้ดีว่าวริษาต้องฟ้องอะไรวินแน่ๆ ตั้งใจจะทำให้เธอดูแย่ในสายตาทุกคน งานถนัดเขาล่ะ “จะเข้าไปยัง!” “ยัง มานี่หน่อย!” พราวนภาหันกลับไปยิ้มให้พลางกระดิกนิ้วชี้เรียก บุคคลที่ถามคำถามเมื่อครู่ด้วยน้ำเสียงห้วนจัด คงแอบตามมา เพราะคิดว่าเธอกับวินอาจจะทำอะไรแปลกๆสินะ เธอไม่ใช่คนแบบนั้นไหม ไม่งั้นบอกวินไปตั้งนานแล้วว่าชอบ คิริวเดินหน้ามุ่ยเข้าไปใกล้ เพื่อนตบบ่าให้กำลังใจเบาๆ ก่อนจะเดินหนีไปให้คนทั้งสองได้ใ
“ถ้าบอกว่าหวังล่ะ” ตอนนี้เขากับเธอเดินมาถึงรถพอดี จึงใช้แขนข้างที่ว่างวางลงบนตัวรถด้านที่พี่พราวต้องขึ้นไปนั่ง กักขังเธอไว้กลายๆ พลางจ้องมองด้วยสายตาจริงจัง เขาหวังมาตลอดแหละ หวังมาตลอดเลย! “รอก่อนได้ไหมล่ะ รอให้พี่ชัดเจนกว่านี้ก่อน พี่จะให้ทุกอย่างที่ริวต้องการ” มือเรียวสวยยกขึ้นดันอกกว้างไว้ ไม่ให้เขาเข้ามาใกล้มากกว่านี้ ตอนนี้ยังอยู่ในลานจอดรถของห้างอยู่เลย คนเดินผ่านไปมาประปราย เธอกลัวมากว่าจะมีข่าวลือไม่ดีออกมา ทำให้น้องมันเสียหาย คิริวยังเรียนรู้ เป็นวัยที่ไม่ควรมีเรื่องให้เสื่อมเสีย เธอคิดแบบนั้น “ก็ไม่ได้เร่งรัดอะไร แบบที่เป็นตอนนี้ก็ดีแล้ว” มือเรียวยาวลากไล้กรอบหน้าหวาน จับเส้นผมสีน้ำตาลระกรอบหน้าออกไปทัดไว้หลังใบหู แค่ได้อยู่ใกล้ ได้แบ่งปันอะไรบางอย่างกับเธอ เขาก็มีความสุขมากแล้ว ไม่ได้รีบร้อนอะไร ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร “ไปกันเถอะ เดี๋ยววินรอ” พราวนภายิ้มกว้าง มองนาฬิกาข้อมือพร้อมกับเปิดประตูรถ ตอนนี้จะสามทุ่มแล้ว ควรออกไปเจอน้องชายได้แล้ว เดี๋ยวน้องคิดถึง @xxx club 21:20 น. ร้านที่วินณภัทรนัดคิริวมาดื่ม คือร้านที่อยู่ห่างจากมหาลัยไม่มาก แ
ปึ่ง! พราวนภาถูกยัดเข้าไปนั่งในรถ เสียงประตูที่ถูกปิดลง ดังมากจนเธอตกใจ มองใบหน้าคนที่ตั้งใจวนรถออกจากที่จอดนิ่งๆ ไม่ยอมพูดยอมไม่จา น้องมันเป็นเหี้ยอะไรอีกวะ! “โกรธพี่เรื่องที่พี่ทำให้นักข่าวถ่ายรูปเราเหรอ?” “เปล่า” “แล้วโกรธอะไรอะ!” “หึง” “พี่ทำอะไรให้หึงตอนไหน?” พราวนภาถามด้วยใบหน้าขึ้นสี เธอมั่นใจว่าไม่ได้สัมผัสผู้ชายคนไหนเลย แค่อยู่ใกล้ แต่ไม่ได้ใกล้ชิดจนทำให้คนข้างๆหึงได้ เมื่อกี้เธอคิดว่าตัวเองวางตัวดีนะ มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกเหรอ? “ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?” “ผู้ชายคนไหนวะ!” “คนที่ยืนข้างๆ!” “พี่ก้อง??” “เออนั่นแหละ!” คิริวเบ้ปาก นี่คิดเองไม่ได้และไม่รู้เลยสินะ ว่าคนๆนั้นนะ มันน่ากลัวแค่ไหน ภายใต้รูปลักษณ์ภายนอกที่แต่งเป็นหญิงเต็มตัว แต่คิริวรู้สึกว่าเขายังคงซุกซ่อนความเป็นชายไว้อยู่ ไม่รู้ดิ แค่รู้สึกว่าเป็นแบบนั้น ผ่านสายตาที่มองมายังพี่พราว รู้สึกว่าเขาคนนั้นเอ็นดูเธอ และเอ็นดูมาก จนอาจจะเรียกได้ว่ารัก! เหมือนที่เขารักเธอ “อุบ! ฮะฮ่า ฮ่าๆ ดูออกขนาดนั้นเลย” พาวนภาหัวเราะจนน้ำตาเล็ด คิริวเก่งนะที่ดูออก เธอรู้ว่าพี่ก้องมีรสนิยมยังไง เพราะค่อนข้
การรอคอยของคนทั้งสองสิ้นสุดลง หลังจากนั่งดูแฟชั่นโชว์จากกระเป๋าแบรนด์ดังร่วมชั่วโมง ตอนนี้เจ้าของแบรนด์เดินออกมาพบปะแขกในงาน และยืนรับดอกไม้ที่คนนำมาร่วมแสดงความยินดีอยู่บนเวที พราวนภาไม่รอช้า หอบช่อลิลลี่ที่วางอยู่บนตักไปทันที แหวกผู้คนมากมายไปหน้าเวทีด้วยความยากลำบาก และเผลอชนเข้ากับไหล่คุณหญิงท่านหนึ่งที่นั่งอยู่เก้าอี้แถวหน้าสุด “ขอโทษค่ะ” พราวนภายกมือขึ้นไหว้อย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นใบหน้าคนที่นั่งอยู่ชัดเจนก็รีบหันหน้าหนี วันนี้มันวันอะไรเนี่ย ทำไมเธอถึงได้เจอคนที่ไม่อยากเจอด้วย! พราวนภาหลบไปอย่างรวดเร็ว ให้กลมกลืนกับคนที่มาร่วมแสดงความยินดีหน้าเวที เป็นการหลบเลี่ยงการพบเจอที่ไม่ควร ได้ไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่ เพราะสายตาของหญิงสูงวัยยังคงจับจ้องแผ่นหลังของเธอ มือท่านสกิดผู้ชายที่ร่วมทุกข์กันมายาวนานที่นั่งอยู่ข้างๆ ชี้มือให้สามีดูเด็กผู้หญิงที่ยืนรอต่อแถวร่วมแสดงความยินดีกับหลานชายที่รักของท่าน อย่าง เกียรติกรุณ โหรมิภัทร “คุณว่าใช่ยัยหนูไหม?” “ไม่น่าใช่นะคุณ ยัยหนูนั่นตัวเล็กออก” ท่านไพรรัตน์มองตามสายตาภรรยาไป ก่อนจะสายหน้า เมื่อเห็นผู้หญิงตัวสูงกำลังเบียดเสียด