คิริวขับรถพาพี่พราวมาซื้อยาไกลโข เพราะกลัวคนมองเธอไม่ดี ที่จริงเขามาซื้อเองก็ได้แหละ แต่อยากมีส่วนร่วม ไม่อยากทำอะไรตามใจ เพราะคิดว่ามันจะง่าย แต่มันดันไม่ง่ายเหมือนที่ตกลงกับเธอเมื่อคืน
“จะกินข้าวไหม” “ไม่หิว” “ไม่หิวก็ต้องกินไหม จะเที่ยงแล้ว” ว่าจะไม่พูดด้วยแล้วนะ แต่อดห่วงสุขภาพไม่ไหว ตอนนี้เขาขับรถมาถึงช่วงถนนที่มีร้านค้าข้างทางมากมาย อยากจะแวะ แต่ไม่อยากตัดสินใจเอง แต่เมื่อถามแล้วได้คำตอบแบบนั้น จึงหักรถ เลี้ยวเข้าร้านขาหมูใกล้ๆทันที ร่างสูงเดินลงจากรถไปนั่งรอเงียบๆ เมื่อเห็นพราวนภาเดินตามลงมา ก็กดล็อกรถไว้ บรรยากาศตอนนี้กำลังดี แม้จะเป็นช่วงเที่ยงของวัน แต่ฟ้าครึ้มเหมือนฝนจะตก การนั่งกินข้าวมองหน้าบึ้งๆของพี่พราว เลยไม่ได้แย่! “เอาขาหมูสอง” “พี่ไม่ชอบขาหมู” “สั่งให้ตัวเองเถอะ อยากกินอะไรก็สั่งดิ ตามสั่งก็มี นู้น มีให้เลือกเยอะแยะ” คิริวพยายามทำตัวให้เหมือนปกติที่สุด เพราะไม่อยากให้ทุกอย่างแย่ลง เขาไม่ได้สั่งให้เธอจริงๆ เพราะรู้ไงว่าเธอไม่ชอบ แต่ตรงนี้มีร้านค้าให้เลือกกินเยอะแยะไง เดินไปสั่งเอาดิ ถ้าไม่อยากกินขาหมูอะ จะรู้ไหมว่าอยากกินอะไร! “เจ็บ!” พราวนภาพูดแค่นั้นก็นั่งนิ่ง ไอ้เด็กนี่ปากเน่า พูดไม่คิด แค่เดินลงรถมาถึงนี่ได้ก็บุญหัวอีพราวแล้วไหม ให้เดินไปสั่งอาหารกินเองในสภาพนี้ อีพราวเลือกอดดีกว่า เจ็บ…จะตายอยู่แล้ว! “จะกินอะไร!” น้ำเสียงกระโชกโฮกฮากสมกับเป็นคิริวแหละ แต่ฟังแล้วของขึ้นกว่าเดิมจนเธอเลือกที่จะไม่ตอบ นั่งกอดอกเชิ่ดๆ นิ่งๆ เป็นการประท้วงไปในตัว ถ้าอยากกำราบอีพราว ต้องพูดดีๆรู้ไหม “พราว! ถาม!” “…” พราวนภาเบ้ปากใส่ ทั้งยังเมินหน้าหนี รู้ดีว่าทำกิริยาแบบนี้ ยิ่งทำให้ไอ้คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโมโห แต่เขาควรเรียนรู้ที่จะพูดกับเธอดีๆบ้างปะ ไม่ใช่พูดกับเธอเหมือนเดิม ทั้งๆที่ได้ตัวเธอไปแล้ว “แล้วแต่นะ” คิริวนั่งกินข้าวขาหมูที่มาเสริฟเงียบๆ จนใจจะพูดกับพราวนภาจริงๆ แม่งโคตรดื้อเลย! พราวนภากลืนน้ำลายลงคอ หิวจนแสบไส้ไปหมดแล้ว แต่จะให้เดินไปสั่งอาหารมันก็ไม่ไหว ได้แต่นั่งมองคนตรงหน้ากิน แล้วแม่งทำหน้าทำตาเอร็ดอร่อยยั่วโมโหเธออีกนะ “ริว! จานนี้ขอกินได้ไหม” พราวนภาถามเสียงเบา มองจานข้าวขาหมูมันเยิ้มอีกจานที่ยังไม่โดนเจ้าของมันตักสักคำ กลืนน้ำลายลงคอ เมื่อใบหน้าหล่อเหลาทำเป็นไม่ได้ยิน “ริว พี่ขอกินข้าวของริวจานนี้ได้ไหมคะ” มือเรียวยาวเชยใบหน้าที่ก้มกินข้าวขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงและแววตาออดอ้อน จนคนตรงหน้าชะงักมือ ก็เธอหิวมากเลยอะ ครั้นจะทำตัวแบบเดิม เธอต้องไส้ขาดแน่ๆ “อืม” คิริวปัดมือที่คางออกเบาๆ ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ ด้วยใบหน้าเรียบเฉย รู้ว่าพี่พราวแม่งฝืนใจทำ เพราะต้องการข้าวจานนั้น แต่ทำไมตื่นเต้นขนาดนี้วะ พี่พราวจะรู้ตัวไหม ว่าตอนทำหน้าอ้อนๆ น่ารักมากกว่าทำหน้าเหวี่ยงๆอีก น่ารักจนเขาตกหลุมรักไม่หยุด! พราวนภาเบ้ปาก เมื่อสิ่งที่ทำได้ผลตรงข้ามกับที่คิด แม้จะได้ข้าวตรงหน้ามาเป็นของตัวเองอย่างที่หวัง แต่ปฏิกิริยาของริวนั้น ไม่เหมือนกับเวลาที่เธออ้อนวินหรือไวท์น้องชายเลย กินข้าวเสร็จคิริวก็พาพราวนภากลับมาบ้าน สั่งให้เธอไปนอนพักด้วยคำพูดไม่กี่คำ จากนั้นก็เดินหนีไปตากผ้าที่ซักไว้ เสร็จแล้วก็เดินขึ้นไปข้างบน ตั้งใจจะไปบอกเธอว่าจะกลับแล้ว แต่ปรากฏว่าเธอหลับไปแล้ว จึงกลับไปเงียบๆ โดยไม่ได้บอกอะไรเลย บางทีเขาควรปล่อยให้เธอได้คิดทบทวนสักหน่อย ไม่ควรยัดเยียดความรับผิดชอบให้เธอ รวมทั้งไม่ควรยัดเยียดตัวเองให้เธอด้วย เหมือนเธอพยายามลืมและพยายามทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาเองก็ไม่อยากฝืนอะไรมากนัก แม้จะรู้สึกแย่มากก็ตาม ที่เธอจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ ไหนจะคำพูดที่พูดกับเขา จนเขาคล้อยตาม แต่เขาคงต้องปล่อยให้มันกลับไปเป็นแบบเดิม แบบที่เธอกับเขาเคยเป็น ผ่านมาแล้วสามวัน หลังจากเกิดเรื่องในคืนนั้น พราวนภายังคิดไม่ตกเลยว่าจะเอายังไง ตอนนี้เริ่มจำเรื่องที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมดแล้ว รวมทั้งสิ่งที่ตัวเองพูดกับเด็กนั่นด้วย ‘พราวจะทำยังไงต่อจากนี้’ คนตัวโตกอดเธอแน่นขณะถาม ร่างของเขากับเธอมีสภาพเดียวกันคือไร้เสื้อผ้าอาภรณ์ปกปิด เพราะเพิ่งจะมีอะไรกันเสร็จไปหมาดๆ ‘พี่จะรับผิดชอบริวเอง’ ใบหน้าแดงก่ำ ที่เธอไม่ไม่มั่นใจว่าเพราะเมา หรือเพราะออกกำลังกายหนักๆกับเขาเพิ่งเสร็จ และมันรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ‘ยังไง’ ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมอง เธอเพิ่งเห็นว่าเขาหล่อมากๆก็ตอนนี้แหละ ใบหน้าดูอ่อนโยนลง ต่างจากตอนปกติที่ชอบทำตาขวางใส่เธอ เหมือนโกรธกันมาแต่ชาติปางก่อน ‘ได้กันแล้วก็ต้องคบกันสิ พี่รับผิดชอบริวได้นะ’ ‘ฮะฮ่า เมาแล้วน่ารักชิบหายเลย รับผิดชอบจริงเปล่า’ น้ำเสียงน่าฟังทำให้เธอแปลกใจ คิริวหัวเราะจนตาหยี? เพิ่งจะเคยเห็น แล้วไม่มั่นใจอะไร เธอเป็นสไตล์ลิสเลยนะ เงินเดือนแต่ละเดือนหลายหมื่นเลยนะเว้ย ไหนจะรายได้จากการขายเสื้อผ้าที่ตัวเองออกแบบอีก เธอรับผิดชอบเขาได้แน่ๆ ‘จริงสิ กลัวพี่ฟันแล้วทิ้งเหรอ ไม่ทิ้งหรอกน่า ริวเด็ดขนาดนี้’ เธอชักจะติดใจรสสัมผัสแห่งความสุขนี้แล้ว ติดใจทั้งความวาบหวิว สยิวกิ้วที่ทำร่วมกัน รวมทั้งความอบอุ่นอ่อนโยนของผู้ชายที่เธอคิดว่าเป็นคนโหดๆอย่างคิริวด้วย ‘ขนาดไหนเหรอ?’ ถามเพราะไม่รู้จริงๆ หรืออยากต่ออีกรอบ ก็ได้นะพี่ไหว พี่ยังไหวอยู่ “กรี๊ด!!!!!!!” “อะไรพี่พราว!” เสียงกรีดร้องของพราวนภาทำให้อิงค์ หรืออินทิรานางแบบสาวลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ตกใจ ถามคนที่ยืนหน้าแดงก่ำด้วยความเป็นห่วง “เปล่าค่ะน้องอิงค์ พี่พราวแค่คิดถึงฝันเมื่อคืน” พราวนภาโกหกออกไป เพื่อไม่ให้นายจ้างตัวเองเป็นห่วงมากไปกว่านี้ จัดแจงเสื้อผ้าบนตัวอินทิราให้เข้าที่อีกครั้ง ทำไมต้องมานึกทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ตอนนี้ด้วย เธอกำลังทำงานอยู่ ไม่มีสมาธิเอาซะเลย เพราะภาพที่ตัวเองทำกับคิริวมักวิ่งเข้ามาในหัว ไม่ใช่มาแบบแป๊บๆนะ แต่มาเป็นฉากๆ เหมือนนั่งดูหนังโป๊งั้นแหละ“พี่ไม่ได้ตั้งใจ” “ตั้งใจหรือเปล่า ตอนนี้ไม่รู้ด้วยแล้ว” มือหนาดึงใบหน้าสวยให้หันกลับมานิดหน่อยเพื่อรับจูบจากเขา ตอนนี้เธอจะรู้สึกยังไงก็ช่าง เขาไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้อีกแล้ว ลิ้นร้อนขยับตามใจตัวเอง ดูดดึงลิ้นเล็กที่ขยับตามอย่างช่ำชอง พี่พราวจูบเก่ง และตอบสนองได้ดี ดีจนเขาไม่อยากหยุด มือไม้เริ่มอยู่ไม่สุขแล้วตอนนี้ ความวาบวาบแล่นทั่วกายจนเสียวซ่าน เคล้นคลึงหน้าอกอวบทั้งสองข้างเบาบ้าง หนักบ้าง จนได้ยินเสียงครางหวานดังต่อเนื่อง ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องใส่อะไรแล้ว จึงปล่อยให้ผ้าเช็ดตัวหลุดออกไปจากเอวอย่างไม่สนใจใยดี ซ้ำยังใช้เท้าเขี่ยมันออกไปไกลๆ ไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้วด้วยซ้ำ “อื้อ ระ ริว อ่า” พราวนภาครางเสียงแผ่ว ขยับตัวตามใจคนตัวโต ตอนนี้เธอถูกพลิกให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา รอยยิ้มมุมปากของคนตรงหน้า ทำให้เธอรู้ชะตากรรมของตัวเอง “ไม่ต้องห้ามนะ! ริวไม่หยุด” อุ้มคนเขินอายขึ้นนั่งในตู้เสื้อผ้าที่เปิดอ้าอยู่ ความแข็งแรงของมันทำให้เขามั่นใจ ว่าต่อให้ทำอะไรลงไปมันก็จะไม่พัง ดึงรั้งเสื้อที่ห่อหุ้มร่างกายคนบนนั้นออกไป รวมถึงกางเกงที่ใส่ด้วย “ตรงนี้เหรอ?” “อืม ตรงน
“เราเป็นแฟนกัน หรือริวเป็นแฟนยัยเด็กนี่” ตอนนี้ทั้งโต๊ะเงียบกริบ มีเพียงเสียงเพลงที่ยังคงดังกระหึ่ม เพื่อนๆของคิริว ต่างมองด้วยความสงสัยปนตกใจ ก็รู้ๆกันอยู่ว่าอ้อมดาวนั้นเป็นแฟนไอ้วิน พูดแบบนี้ก็เท่ากับว่าไอ้วินแม่งโดนแฟนแทงข้างหลัง “เราเป็นแฟนกันด้วยเหรอ?” คิริวเองก็เมาไม่น้อย ถามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเสียงดัง เมื่อกี้พูดอะไรกับเขาไว้ ทำไมถึงกล้ามาถามเขาด้วยคำถามแบบนี้ “เหอะ! งั้นพี่คงเข้าใจผิดไปเอง ว่าที่ผ่านมาเราเป็นแฟนกัน” พราวนภาหมุนตัวออกเดิน อับอายชิบหายที่ตัวเองคิดไปไกลคนเดียว เธอแค่อยากถอยไปตั้งหลัก ไม่ได้บอกว่าเลิก แต่ไม่กล้าบอกให้เขารอ แค่ให้โอกาสเขาเท่านั้น เผื่อเขาเบื่อผู้หญิงอายุมากที่ดีแต่เล่นตัวแบบเธอไง พราวนภาเดินกึ่งวิ่งออกมาหน้าร้าน มองหารถแท็กซี่ แต่ไม่มีว่างสักคัน ช่วงนี้คนทยอยเข้าทยอยออก รถเลยไม่ค่อยว่าง ในจังหวะที่จะเดินออกไปนอกร้านอีกสักหน่อยเพื่อเรียกรถ ข้อมือก็ถูกดึงไปจับไว้แน่น ซ้ำยังถูกลากไปหลังร้านอย่างไร้ความปรานี “ปล่อยเลยนะ!” “เงียบ!” คิริวปรามเสียงดุ ยังคงดึงมือคนข้างๆเดินไปที่รถ เล่นตลกอะไรกับความรู้สึกเขาหนักหนา เห็นเขาไม่เรียกร
“วินไม่กล้ารับอะไรจากพี่พราวหรอก” เขารู้สึกว่าเธอเป็นพี่มาตลอด แต่นี่คือครั้งแรกที่เรียกเธอว่าพี่ ละอายใจเหลือเกินที่แม่ของตัวเองทำแบบนี้กับพี่พราวมาตลอด เลยไม่กล้าเรียกเธอว่าพี่สักครั้ง เพราะกลัวเธอโกรธ เธอเกลียดเขา เหมือนที่เกลียดแม่ของเขา แต่เธอแสดงออกมาตลอดว่าไม่เคยรู้สึกแบบนั้นเลยสักครั้ง “พี่ให้ก็รับไปเถอะ บัตรเติมน้ำมันอยู่ในรถ ใช้ได้ตลอดเดี๋ยวพี่จัดการเรื่องเงินเอง วินมีหน้าที่เพียงแค่รับไป และช่วยพี่ในส่วนที่พี่ไม่สามารถทำได้” พราวนภาตบไหล่น้องชายเบาๆ เหม่อมองขึ้นไปบนฟ้า เธอไม่ได้ตั้งใจมากินเหล้า เลยไม่มีความรู้สึกว่าอยากเข้าไปข้างใน ที่มาตามคำชวนเพราะห่วงวินนี่แหละ รู้ดีว่าวริษาต้องฟ้องอะไรวินแน่ๆ ตั้งใจจะทำให้เธอดูแย่ในสายตาทุกคน งานถนัดเขาล่ะ “จะเข้าไปยัง!” “ยัง มานี่หน่อย!” พราวนภาหันกลับไปยิ้มให้พลางกระดิกนิ้วชี้เรียก บุคคลที่ถามคำถามเมื่อครู่ด้วยน้ำเสียงห้วนจัด คงแอบตามมา เพราะคิดว่าเธอกับวินอาจจะทำอะไรแปลกๆสินะ เธอไม่ใช่คนแบบนั้นไหม ไม่งั้นบอกวินไปตั้งนานแล้วว่าชอบ คิริวเดินหน้ามุ่ยเข้าไปใกล้ เพื่อนตบบ่าให้กำลังใจเบาๆ ก่อนจะเดินหนีไปให้คนทั้งสองได้ใ
“ถ้าบอกว่าหวังล่ะ” ตอนนี้เขากับเธอเดินมาถึงรถพอดี จึงใช้แขนข้างที่ว่างวางลงบนตัวรถด้านที่พี่พราวต้องขึ้นไปนั่ง กักขังเธอไว้กลายๆ พลางจ้องมองด้วยสายตาจริงจัง เขาหวังมาตลอดแหละ หวังมาตลอดเลย! “รอก่อนได้ไหมล่ะ รอให้พี่ชัดเจนกว่านี้ก่อน พี่จะให้ทุกอย่างที่ริวต้องการ” มือเรียวสวยยกขึ้นดันอกกว้างไว้ ไม่ให้เขาเข้ามาใกล้มากกว่านี้ ตอนนี้ยังอยู่ในลานจอดรถของห้างอยู่เลย คนเดินผ่านไปมาประปราย เธอกลัวมากว่าจะมีข่าวลือไม่ดีออกมา ทำให้น้องมันเสียหาย คิริวยังเรียนรู้ เป็นวัยที่ไม่ควรมีเรื่องให้เสื่อมเสีย เธอคิดแบบนั้น “ก็ไม่ได้เร่งรัดอะไร แบบที่เป็นตอนนี้ก็ดีแล้ว” มือเรียวยาวลากไล้กรอบหน้าหวาน จับเส้นผมสีน้ำตาลระกรอบหน้าออกไปทัดไว้หลังใบหู แค่ได้อยู่ใกล้ ได้แบ่งปันอะไรบางอย่างกับเธอ เขาก็มีความสุขมากแล้ว ไม่ได้รีบร้อนอะไร ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร “ไปกันเถอะ เดี๋ยววินรอ” พราวนภายิ้มกว้าง มองนาฬิกาข้อมือพร้อมกับเปิดประตูรถ ตอนนี้จะสามทุ่มแล้ว ควรออกไปเจอน้องชายได้แล้ว เดี๋ยวน้องคิดถึง @xxx club 21:20 น. ร้านที่วินณภัทรนัดคิริวมาดื่ม คือร้านที่อยู่ห่างจากมหาลัยไม่มาก แ
ปึ่ง! พราวนภาถูกยัดเข้าไปนั่งในรถ เสียงประตูที่ถูกปิดลง ดังมากจนเธอตกใจ มองใบหน้าคนที่ตั้งใจวนรถออกจากที่จอดนิ่งๆ ไม่ยอมพูดยอมไม่จา น้องมันเป็นเหี้ยอะไรอีกวะ! “โกรธพี่เรื่องที่พี่ทำให้นักข่าวถ่ายรูปเราเหรอ?” “เปล่า” “แล้วโกรธอะไรอะ!” “หึง” “พี่ทำอะไรให้หึงตอนไหน?” พราวนภาถามด้วยใบหน้าขึ้นสี เธอมั่นใจว่าไม่ได้สัมผัสผู้ชายคนไหนเลย แค่อยู่ใกล้ แต่ไม่ได้ใกล้ชิดจนทำให้คนข้างๆหึงได้ เมื่อกี้เธอคิดว่าตัวเองวางตัวดีนะ มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกเหรอ? “ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?” “ผู้ชายคนไหนวะ!” “คนที่ยืนข้างๆ!” “พี่ก้อง??” “เออนั่นแหละ!” คิริวเบ้ปาก นี่คิดเองไม่ได้และไม่รู้เลยสินะ ว่าคนๆนั้นนะ มันน่ากลัวแค่ไหน ภายใต้รูปลักษณ์ภายนอกที่แต่งเป็นหญิงเต็มตัว แต่คิริวรู้สึกว่าเขายังคงซุกซ่อนความเป็นชายไว้อยู่ ไม่รู้ดิ แค่รู้สึกว่าเป็นแบบนั้น ผ่านสายตาที่มองมายังพี่พราว รู้สึกว่าเขาคนนั้นเอ็นดูเธอ และเอ็นดูมาก จนอาจจะเรียกได้ว่ารัก! เหมือนที่เขารักเธอ “อุบ! ฮะฮ่า ฮ่าๆ ดูออกขนาดนั้นเลย” พาวนภาหัวเราะจนน้ำตาเล็ด คิริวเก่งนะที่ดูออก เธอรู้ว่าพี่ก้องมีรสนิยมยังไง เพราะค่อนข้
การรอคอยของคนทั้งสองสิ้นสุดลง หลังจากนั่งดูแฟชั่นโชว์จากกระเป๋าแบรนด์ดังร่วมชั่วโมง ตอนนี้เจ้าของแบรนด์เดินออกมาพบปะแขกในงาน และยืนรับดอกไม้ที่คนนำมาร่วมแสดงความยินดีอยู่บนเวที พราวนภาไม่รอช้า หอบช่อลิลลี่ที่วางอยู่บนตักไปทันที แหวกผู้คนมากมายไปหน้าเวทีด้วยความยากลำบาก และเผลอชนเข้ากับไหล่คุณหญิงท่านหนึ่งที่นั่งอยู่เก้าอี้แถวหน้าสุด “ขอโทษค่ะ” พราวนภายกมือขึ้นไหว้อย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นใบหน้าคนที่นั่งอยู่ชัดเจนก็รีบหันหน้าหนี วันนี้มันวันอะไรเนี่ย ทำไมเธอถึงได้เจอคนที่ไม่อยากเจอด้วย! พราวนภาหลบไปอย่างรวดเร็ว ให้กลมกลืนกับคนที่มาร่วมแสดงความยินดีหน้าเวที เป็นการหลบเลี่ยงการพบเจอที่ไม่ควร ได้ไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่ เพราะสายตาของหญิงสูงวัยยังคงจับจ้องแผ่นหลังของเธอ มือท่านสกิดผู้ชายที่ร่วมทุกข์กันมายาวนานที่นั่งอยู่ข้างๆ ชี้มือให้สามีดูเด็กผู้หญิงที่ยืนรอต่อแถวร่วมแสดงความยินดีกับหลานชายที่รักของท่าน อย่าง เกียรติกรุณ โหรมิภัทร “คุณว่าใช่ยัยหนูไหม?” “ไม่น่าใช่นะคุณ ยัยหนูนั่นตัวเล็กออก” ท่านไพรรัตน์มองตามสายตาภรรยาไป ก่อนจะสายหน้า เมื่อเห็นผู้หญิงตัวสูงกำลังเบียดเสียด