“พี่พราว รู้ไหมว่าวันนี้มีนายแบบมาถ่ายแทนน้องคนที่ป่วย น้องเขาหล่อมากเลยนะ อิงค์ว่าจะลองจีบดูแหละ”
อินทิราพูดอย่างอารมณ์ดี ยืนให้พี่พราวคนสวยจัดแจงเสื้อผ้าให้ด้วยรอยยิ้ม เธอติดตามอินสตาแกรมของนายแบบคนนี้อยู่ เขาไม่ค่อยรับงานเพราะเน้นเรียนเป็นหลัก ฐานะทางบ้านคงดีมาก เพราะเธอเห็นเขาเปลี่ยนรถบ่อยๆ ดูจากรูปที่เขาถ่ายลงอินสตราแกรมอะนะ การแต่งตัวก็ดูดี และโดดเด่น หน้าตาดีจนดาราที่เธอรู้จักหลายคน พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากได้สักครั้ง “เสร็จแล้วค่ะ พี่พราวขอตัวไปห้องน้ำสักครู่นะคะน้องอิงค์” พราวนภาเดินจากไปทันทีที่พูดจบ เธอเสร็จงานแล้ว ที่เหลือก็แค่รอสแตนบายเผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ต้องยอมรับว่าไม่ได้ฟังที่อินทิราพูดเลยสักนิด เธอคิดถึงแต่ภาพที่ทำรวมกันกับคิริว คิดจนรู้สึกว่าร่างกายส่วนนั้นของตัวเองไม่โอเคเอาซะเลย และมันก็จริงอย่างที่เธอคิด ทันที่เธอเข้ามาในห้องน้ำ แล้วถอดชุดท่อนล่างของตัวเองลง ปรากฏว่าบริเวณจุดอ่อนไหวที่เริ่มหายดี เธอพบว่ามันมีน้ำใสๆติดอยู่นิดหน่อย ไอ้เด็กบ้านั่นทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงลามกไปแล้ว แค่คิดถึงคิริว ร่างกายเธอก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง พราวนภาจัดการใช้ทิชชูเปียกแบบออแกนิกเช็ดทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น เมื่อรู้สึกสดชื่นขึ้นมาหน่อยก็ใส่ชุดกลับไปเหมือนเดิม เดินออกมาเติมแป้งกับลิปสติกเพิ่ม เพราะวันนี้ทั้งวันเธอยุ่งมากจนไม่มีเวลาสนใจใบหน้าตัวเอง งานของเธอต้องพบปะคนมีชื่อเสียงมากมาย จะหน้าซีดเป็นผีก็ไม่ได้ อายคนแย่ พราวนภายึดอาชีพสไตล์ลิสเป็นอาชีพมาได้สามปีแล้ว ก่อนหน้านั้นเธอเปิดร้านขายเสื้อผ้าฝีมือตัวเอง บอกได้คำเดียวว่าตอนนั้น “รุ่ง” แต่เป็นรุ่งริ่งอะนะ โชคดีที่มีคนรู้จักแนะนำงานนี้ให้ เธอถึงได้มีอนาคตขึ้นมาบ้าง ซ้ำยังส่งผลให้ร้านเสื้อผ้าที่เคยรุ่งริ่งของเธอ รุ่งเรืองและเป็นที่รู้จัก ตอนนี้รายได้หลักเธอจึงมีสองทางคืองานตอนนี้และร้านเสื้อผ้า ตอนนี้ชีวิตเธอดีมาก แต่ก็เหนื่อยและเหงามากพอๆกันเพราะทำงานไม่ได้พักเลย อยากมีสามีหาเลี้ยงอยู่เหมือนกัน แต่ก็ยังไม่มีใครมาจีบสักที ส่วนที่เธอเคยชอบวินนั้น เธอเริ่มรู้แล้วว่าไม่ใช่ รู้ตัวมาสักพักแล้วแหละ เธอถึงพยายามหลบหน้าวินมาตลอดหลายเดือย แต่ไม่คิดว่าคืนนั้นวินจะกลับมานอนบ้าน ซ้ำยังพ่วงผู้ชายอย่างคิริวมาด้วย จนเกิดเรื่องนั้นขึ้น “โอ้ย! จะคิดทำไมเนี่ย” คิดถึงคิริวทีไรรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เสียวแปล๊บๆตรงจุดที่เพิ่งทำให้มันแห้ง จะว่าไปริวแม่งโคตรช่ำชอง ต่างจากเธอที่ทำอะไรไม่ค่อยเป็นเลย ยกเว้นจูบเท่านั้นที่เธอรู้สึกว่าเหนือกว่า “อย่ายืนเอ๋อตรงทางเดินสิ เกะกะ!” เสียงทุ้มคุ้นหูดังอยู่ด้านหลัง ทำให้พราวนภาเอี้ยวใบหน้าหันไปมองด้วยความตกใจ ร่างสูงที่ยืนจนจะชิดแผ่นหลังทำให้เธอทำได้แค่นั้น ลมหายใจอุ่นร้อนที่กระทบใบหน้า ทำให้เลือกหันใบหน้ากลับไปในทิศทางเดิม “มา มาทำไม” พราวนภาจำต้องปล่อยให้คนที่สูงกว่าหายใจรดต้นคอของเธอ ไม่กล้าขยับหนี เพราะมีสายตาหลายคู่มองมาทางนี้ ทางมันมีเยอะก็จริง แต่ตอนนี้เธอยืนเหม่อขวางประตูเข้าออกระหว่างห้องที่ใช้ถ่ายทำอยู่นะสิ “ทำงาน ถอยสิ เกะกะ” คิริวย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง เพราะด้านหลังเขานั้น มีเพื่อนมาด้วยสองคน เป็นนายแบบเหมือนกันและมาทำงานที่นี่เหมือนกัน เขาไม่อยากให้พวกมันรู้จักเธอ ทำเป็นไม่รู้จักเธอ น่าจะดีต่อตัวเธอที่สุด “อ๊ะ! จะเข้าไปข้างในเหรอ โทษที!” พราวนภาขยับตัวหลบ เพราะดูเหมือนทุกคนที่อยู่ด้านในจะมองมาทางนี้แล้ว คงรอนายแบบกัน เธอที่ขวางทางอยู่จึงต้องรีบเปิดทางให้ แต่เพราะรีบเกินไป รองเท้าที่สูงเกือบสองนิ้วจึงพลิกไปด้านข้าง ส่งผลให้ร่างของเธอเซไปชนกับกรอบประตู “ซุ่มซ่าม!” คิริวคว้าไหล่เธอไว้ได้ทัน เมื่อมั่นใจว่าไม่เป็นอะไร ก็เดินหนีเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว หงุดหงิดชิบหาย! ทำไมต้องมาเจอพี่พราวที่นี่ก็ไม่รู้ “น้องริวรู้จักพี่พราวเหรอคะ” อินทิราถามด้วยใบหน้าสงสัย มองคนที่เดินเข้ามาใกล้สลับกันไปมา แม้คิริวจะหันไปทักทายพี่ๆในกองเหมือนนายแบบคนอื่นๆ แต่เธอเห็นสายตาตอนที่เขามองพี่พราวก่อนหน้านั้น มันดูมีอะไรสักอย่าง และเธอไม่ชอบใจเอาซะเลย “เปล่านี่ แค่บอกให้หลีกทาง” คิริวทักทายพี่ๆในกองเสร็จก็หันกลับมาตอบคำถามนางแบบสาวรุ่นพี่ที่อายุห่างกับตัวเองแค่หนึ่งปี อิงค์เป็นผู้หญิงสวยและเก่ง ฝีมือเธอนั้นเป็นที่ยอมรับไปทั่วประเทศ เป็นนางแบบอายุน้อย ที่ไม่ได้รับแค่งานถ่ายแบบเดินแบบเท่านั้น เธอยังรับงานละคร และค่อนข้างแสดงเก่ง และไม่ใช่แค่เก่งตอนอยู่ในจอด้วย นอกจอก็เช่นกัน เขาเลยไม่ชอบขี้หน้า เพราะดูเหมือนว่าตอนนี้เธอกำลังเหม็นหน้าผู้หญิงที่กำลังจัดแจงเสื้อผ้าให้เธออยู่ แม้จะไม่แสดงออกมาก แต่เขาเสือกดูออกไง “พี่พราวพอแล้ว จะจัดอะไรนักหนา” พราวนภาเงยหน้าขึ้นจากช่วงเอวที่กำลังจัดเข็มขัดให้เข้าที่ ก็ไม่อยากจัดอะไรนักหนาหรอกนะ ถ้าอินทิราไม่ปลดเข็มขัดออกจนมันจะหลุด แต่เธอเป็นมืออาชีพพอไง ได้แต่ยิ้มกลับไป แล้วเก็บคำโต้แย้งพวกนั้นไว้คนเดียว อินทิราไม่ได้เป็นเด็กก้าวร้าวเท่าไหร่ นั่นทำให้เธอทำงานกับอินทิรามาร่วมปีโดยที่ไม่มีปัญหา แม้จะจู้จี้ขี้บ่น แต่เธอรับมือไหว นี่ก็นิสัยปกติ เธอจึงไม่ถือสาเด็กที่อายุน้อยกว่า คนเราก็ต้องมีเรื่องที่ตัวเองไม่พอใจบ้าง เป็นธรรมดาของมนุษย์ “ใครแต่งตัวเสร็จแล้ว ช่วยมารวมกันตรงนี้หน่อยครับ” พี่ช่างภาพเอ่ยเรียกนายแบบ นางแบบ ให้ไปรวมตัวกัน เพื่อพูดคุยคอนเซ็ปงานอีกครั้ง คิริวถูกเรียกตัวมาแทนเพื่อนอีกคนที่นอนป่วยอยู่โรงพยาบาล การถ่ายแบบครั้งนี้ ต้องถ่ายรวมกับคนอื่นหลายคน เขาไม่ชอบเลย แต่เพราะปฏิเสธไม่ได้ จึงต้องไปยืนรวมกันกับเพื่อนอีกสองคน โดยมีอินทิรานั่งอยู่บนโซฟาสีแดงด้วยท่าทางราวกับนางพญา การถ่ายแบบเริ่มขึ้นทันที ที่นางแบบและนายแบบยืนเตรียมตัวโพสต์ท่าพร้อมถ่าย พราวนภายังคงยืนแสตนบายอยู่รวมๆกับสตาร์ฟคนอื่นๆ สายตาจ้องมองภาพตรงหน้านิ่งๆ มองทุกๆสิ่งที่นายแบบนางแบบกำลังกระทำ และหัวใจเต้นเร็วทุกครั้ง ที่คนพวกนั้นเปลี่ยนท่าทางการโพสต์ ใบหน้าสวยหันหนีไปทางอื่น เมื่อไม่สามารถทนมองต่อไปได้ ผู้ชายที่เคยมีสัมพันธ์กับเธอในคืนนั้น กำลังนั่งอยู่บนโซฟา บนตักเขามีผู้หญิงคนอื่นนั่งทับ ลำคอที่เธอเคยกอดเกี่ยว ถูกผู้หญิงคนอื่นกอดซ้ำ ใบหน้าที่เธอมองว่าหล่อเหลา กำลังถูกผู้หญิงคนอื่นจ้องมองด้วยแววตาหวานฉ่ำ นายแบบที่อิงค์พูดถึงคือคิริวงั้นเหรอ? ทำไมตอนที่อิงค์พูดเธอถึงจับใจความไม่ได้ มาจับใจความได้อะไรเอาปานนี้ ถ้าอิงค์สนใจคิริวจริงๆเธอจะทำยังไง เธอมีอะไรสู้ผู้หญิงอย่างอิงค์ได้ล่ะ ไม่มีเลย! ครอบครัวเธอไม่ได้ยากจนก็จริง แต่ครอบครัวของอินทิรานั้นเป็นถึงข้าราชการระดับประเทศ การศึกษาเธอก็ดีกว่า เพราะกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ ที่เน้นเรื่องการสอบเข้ามาเป็นอันดับหนึ่ง เรียกได้ว่าทั้งเก่ง สวย และรวย ครบสูตร ดูเหมาะกันดี!“พี่ไม่ได้ตั้งใจ” “ตั้งใจหรือเปล่า ตอนนี้ไม่รู้ด้วยแล้ว” มือหนาดึงใบหน้าสวยให้หันกลับมานิดหน่อยเพื่อรับจูบจากเขา ตอนนี้เธอจะรู้สึกยังไงก็ช่าง เขาไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้อีกแล้ว ลิ้นร้อนขยับตามใจตัวเอง ดูดดึงลิ้นเล็กที่ขยับตามอย่างช่ำชอง พี่พราวจูบเก่ง และตอบสนองได้ดี ดีจนเขาไม่อยากหยุด มือไม้เริ่มอยู่ไม่สุขแล้วตอนนี้ ความวาบวาบแล่นทั่วกายจนเสียวซ่าน เคล้นคลึงหน้าอกอวบทั้งสองข้างเบาบ้าง หนักบ้าง จนได้ยินเสียงครางหวานดังต่อเนื่อง ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องใส่อะไรแล้ว จึงปล่อยให้ผ้าเช็ดตัวหลุดออกไปจากเอวอย่างไม่สนใจใยดี ซ้ำยังใช้เท้าเขี่ยมันออกไปไกลๆ ไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้วด้วยซ้ำ “อื้อ ระ ริว อ่า” พราวนภาครางเสียงแผ่ว ขยับตัวตามใจคนตัวโต ตอนนี้เธอถูกพลิกให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา รอยยิ้มมุมปากของคนตรงหน้า ทำให้เธอรู้ชะตากรรมของตัวเอง “ไม่ต้องห้ามนะ! ริวไม่หยุด” อุ้มคนเขินอายขึ้นนั่งในตู้เสื้อผ้าที่เปิดอ้าอยู่ ความแข็งแรงของมันทำให้เขามั่นใจ ว่าต่อให้ทำอะไรลงไปมันก็จะไม่พัง ดึงรั้งเสื้อที่ห่อหุ้มร่างกายคนบนนั้นออกไป รวมถึงกางเกงที่ใส่ด้วย “ตรงนี้เหรอ?” “อืม ตรงน
“เราเป็นแฟนกัน หรือริวเป็นแฟนยัยเด็กนี่” ตอนนี้ทั้งโต๊ะเงียบกริบ มีเพียงเสียงเพลงที่ยังคงดังกระหึ่ม เพื่อนๆของคิริว ต่างมองด้วยความสงสัยปนตกใจ ก็รู้ๆกันอยู่ว่าอ้อมดาวนั้นเป็นแฟนไอ้วิน พูดแบบนี้ก็เท่ากับว่าไอ้วินแม่งโดนแฟนแทงข้างหลัง “เราเป็นแฟนกันด้วยเหรอ?” คิริวเองก็เมาไม่น้อย ถามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเสียงดัง เมื่อกี้พูดอะไรกับเขาไว้ ทำไมถึงกล้ามาถามเขาด้วยคำถามแบบนี้ “เหอะ! งั้นพี่คงเข้าใจผิดไปเอง ว่าที่ผ่านมาเราเป็นแฟนกัน” พราวนภาหมุนตัวออกเดิน อับอายชิบหายที่ตัวเองคิดไปไกลคนเดียว เธอแค่อยากถอยไปตั้งหลัก ไม่ได้บอกว่าเลิก แต่ไม่กล้าบอกให้เขารอ แค่ให้โอกาสเขาเท่านั้น เผื่อเขาเบื่อผู้หญิงอายุมากที่ดีแต่เล่นตัวแบบเธอไง พราวนภาเดินกึ่งวิ่งออกมาหน้าร้าน มองหารถแท็กซี่ แต่ไม่มีว่างสักคัน ช่วงนี้คนทยอยเข้าทยอยออก รถเลยไม่ค่อยว่าง ในจังหวะที่จะเดินออกไปนอกร้านอีกสักหน่อยเพื่อเรียกรถ ข้อมือก็ถูกดึงไปจับไว้แน่น ซ้ำยังถูกลากไปหลังร้านอย่างไร้ความปรานี “ปล่อยเลยนะ!” “เงียบ!” คิริวปรามเสียงดุ ยังคงดึงมือคนข้างๆเดินไปที่รถ เล่นตลกอะไรกับความรู้สึกเขาหนักหนา เห็นเขาไม่เรียกร
“วินไม่กล้ารับอะไรจากพี่พราวหรอก” เขารู้สึกว่าเธอเป็นพี่มาตลอด แต่นี่คือครั้งแรกที่เรียกเธอว่าพี่ ละอายใจเหลือเกินที่แม่ของตัวเองทำแบบนี้กับพี่พราวมาตลอด เลยไม่กล้าเรียกเธอว่าพี่สักครั้ง เพราะกลัวเธอโกรธ เธอเกลียดเขา เหมือนที่เกลียดแม่ของเขา แต่เธอแสดงออกมาตลอดว่าไม่เคยรู้สึกแบบนั้นเลยสักครั้ง “พี่ให้ก็รับไปเถอะ บัตรเติมน้ำมันอยู่ในรถ ใช้ได้ตลอดเดี๋ยวพี่จัดการเรื่องเงินเอง วินมีหน้าที่เพียงแค่รับไป และช่วยพี่ในส่วนที่พี่ไม่สามารถทำได้” พราวนภาตบไหล่น้องชายเบาๆ เหม่อมองขึ้นไปบนฟ้า เธอไม่ได้ตั้งใจมากินเหล้า เลยไม่มีความรู้สึกว่าอยากเข้าไปข้างใน ที่มาตามคำชวนเพราะห่วงวินนี่แหละ รู้ดีว่าวริษาต้องฟ้องอะไรวินแน่ๆ ตั้งใจจะทำให้เธอดูแย่ในสายตาทุกคน งานถนัดเขาล่ะ “จะเข้าไปยัง!” “ยัง มานี่หน่อย!” พราวนภาหันกลับไปยิ้มให้พลางกระดิกนิ้วชี้เรียก บุคคลที่ถามคำถามเมื่อครู่ด้วยน้ำเสียงห้วนจัด คงแอบตามมา เพราะคิดว่าเธอกับวินอาจจะทำอะไรแปลกๆสินะ เธอไม่ใช่คนแบบนั้นไหม ไม่งั้นบอกวินไปตั้งนานแล้วว่าชอบ คิริวเดินหน้ามุ่ยเข้าไปใกล้ เพื่อนตบบ่าให้กำลังใจเบาๆ ก่อนจะเดินหนีไปให้คนทั้งสองได้ใ
“ถ้าบอกว่าหวังล่ะ” ตอนนี้เขากับเธอเดินมาถึงรถพอดี จึงใช้แขนข้างที่ว่างวางลงบนตัวรถด้านที่พี่พราวต้องขึ้นไปนั่ง กักขังเธอไว้กลายๆ พลางจ้องมองด้วยสายตาจริงจัง เขาหวังมาตลอดแหละ หวังมาตลอดเลย! “รอก่อนได้ไหมล่ะ รอให้พี่ชัดเจนกว่านี้ก่อน พี่จะให้ทุกอย่างที่ริวต้องการ” มือเรียวสวยยกขึ้นดันอกกว้างไว้ ไม่ให้เขาเข้ามาใกล้มากกว่านี้ ตอนนี้ยังอยู่ในลานจอดรถของห้างอยู่เลย คนเดินผ่านไปมาประปราย เธอกลัวมากว่าจะมีข่าวลือไม่ดีออกมา ทำให้น้องมันเสียหาย คิริวยังเรียนรู้ เป็นวัยที่ไม่ควรมีเรื่องให้เสื่อมเสีย เธอคิดแบบนั้น “ก็ไม่ได้เร่งรัดอะไร แบบที่เป็นตอนนี้ก็ดีแล้ว” มือเรียวยาวลากไล้กรอบหน้าหวาน จับเส้นผมสีน้ำตาลระกรอบหน้าออกไปทัดไว้หลังใบหู แค่ได้อยู่ใกล้ ได้แบ่งปันอะไรบางอย่างกับเธอ เขาก็มีความสุขมากแล้ว ไม่ได้รีบร้อนอะไร ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร “ไปกันเถอะ เดี๋ยววินรอ” พราวนภายิ้มกว้าง มองนาฬิกาข้อมือพร้อมกับเปิดประตูรถ ตอนนี้จะสามทุ่มแล้ว ควรออกไปเจอน้องชายได้แล้ว เดี๋ยวน้องคิดถึง @xxx club 21:20 น. ร้านที่วินณภัทรนัดคิริวมาดื่ม คือร้านที่อยู่ห่างจากมหาลัยไม่มาก แ
ปึ่ง! พราวนภาถูกยัดเข้าไปนั่งในรถ เสียงประตูที่ถูกปิดลง ดังมากจนเธอตกใจ มองใบหน้าคนที่ตั้งใจวนรถออกจากที่จอดนิ่งๆ ไม่ยอมพูดยอมไม่จา น้องมันเป็นเหี้ยอะไรอีกวะ! “โกรธพี่เรื่องที่พี่ทำให้นักข่าวถ่ายรูปเราเหรอ?” “เปล่า” “แล้วโกรธอะไรอะ!” “หึง” “พี่ทำอะไรให้หึงตอนไหน?” พราวนภาถามด้วยใบหน้าขึ้นสี เธอมั่นใจว่าไม่ได้สัมผัสผู้ชายคนไหนเลย แค่อยู่ใกล้ แต่ไม่ได้ใกล้ชิดจนทำให้คนข้างๆหึงได้ เมื่อกี้เธอคิดว่าตัวเองวางตัวดีนะ มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกเหรอ? “ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?” “ผู้ชายคนไหนวะ!” “คนที่ยืนข้างๆ!” “พี่ก้อง??” “เออนั่นแหละ!” คิริวเบ้ปาก นี่คิดเองไม่ได้และไม่รู้เลยสินะ ว่าคนๆนั้นนะ มันน่ากลัวแค่ไหน ภายใต้รูปลักษณ์ภายนอกที่แต่งเป็นหญิงเต็มตัว แต่คิริวรู้สึกว่าเขายังคงซุกซ่อนความเป็นชายไว้อยู่ ไม่รู้ดิ แค่รู้สึกว่าเป็นแบบนั้น ผ่านสายตาที่มองมายังพี่พราว รู้สึกว่าเขาคนนั้นเอ็นดูเธอ และเอ็นดูมาก จนอาจจะเรียกได้ว่ารัก! เหมือนที่เขารักเธอ “อุบ! ฮะฮ่า ฮ่าๆ ดูออกขนาดนั้นเลย” พาวนภาหัวเราะจนน้ำตาเล็ด คิริวเก่งนะที่ดูออก เธอรู้ว่าพี่ก้องมีรสนิยมยังไง เพราะค่อนข้
การรอคอยของคนทั้งสองสิ้นสุดลง หลังจากนั่งดูแฟชั่นโชว์จากกระเป๋าแบรนด์ดังร่วมชั่วโมง ตอนนี้เจ้าของแบรนด์เดินออกมาพบปะแขกในงาน และยืนรับดอกไม้ที่คนนำมาร่วมแสดงความยินดีอยู่บนเวที พราวนภาไม่รอช้า หอบช่อลิลลี่ที่วางอยู่บนตักไปทันที แหวกผู้คนมากมายไปหน้าเวทีด้วยความยากลำบาก และเผลอชนเข้ากับไหล่คุณหญิงท่านหนึ่งที่นั่งอยู่เก้าอี้แถวหน้าสุด “ขอโทษค่ะ” พราวนภายกมือขึ้นไหว้อย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นใบหน้าคนที่นั่งอยู่ชัดเจนก็รีบหันหน้าหนี วันนี้มันวันอะไรเนี่ย ทำไมเธอถึงได้เจอคนที่ไม่อยากเจอด้วย! พราวนภาหลบไปอย่างรวดเร็ว ให้กลมกลืนกับคนที่มาร่วมแสดงความยินดีหน้าเวที เป็นการหลบเลี่ยงการพบเจอที่ไม่ควร ได้ไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่ เพราะสายตาของหญิงสูงวัยยังคงจับจ้องแผ่นหลังของเธอ มือท่านสกิดผู้ชายที่ร่วมทุกข์กันมายาวนานที่นั่งอยู่ข้างๆ ชี้มือให้สามีดูเด็กผู้หญิงที่ยืนรอต่อแถวร่วมแสดงความยินดีกับหลานชายที่รักของท่าน อย่าง เกียรติกรุณ โหรมิภัทร “คุณว่าใช่ยัยหนูไหม?” “ไม่น่าใช่นะคุณ ยัยหนูนั่นตัวเล็กออก” ท่านไพรรัตน์มองตามสายตาภรรยาไป ก่อนจะสายหน้า เมื่อเห็นผู้หญิงตัวสูงกำลังเบียดเสียด