“พราว? ไม่สบายเหรอ?”
พราวนภาส่ายหน้าให้ปุรินทร์ เจ้าของสตูดิโอการถ่ายทำในครั้งนี้ ไม่รู้ตัวเลยว่าเขาอยู่ใกล้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ใกล้จนเธอได้กลิ่นบุหรี่อ่อนๆจากตัวเขา “เปล่าค่ะพี่ปุรินทร์” พราวนภาพูดปฎิเสธย้ำไปอีกครั้ง เมื่อคนตรงหน้าดูเหมือนจะไม่เชื่อและขยับเข้ามาใกล้ ปุรินทร์ตัวสูงพอๆกับคิริว แต่หุ่นล่ำกว่ามากเพราะเขาเข้าฟิตเนสเป็นประจำ เขาเข้ามาใกล้แบบนี้ทำให้เธอรู้สึกกลัวแปลกๆ “แต่พี่เห็นเราตาแดง เหมือนจะร้องไห้” ใบหน้าคมก้มลงไปใกล้ผู้หญิงที่ตัวเองสนใจ เขารู้จักพราวนภามานาน เพราะสตูดิโอของเขานั้น มักมีคนมาเช่าถ่ายแบบอยู่ประจำ ทำให้มีโอกาสเจอเธอที่ทำงานเป็นสไตล์ลิสอยู่บ่อยๆ ชวนคุยจนค่อนข้างสนิทกัน แต่เขาดันไม่มีความกล้าที่จะจีบเธอ นั่นเพราะเธอเป็นคนสวย เขาคิดว่าคนสวยแบบเธอคงมีคนจับจองเป็นเจ้าของแล้วนั่นเอง “ไม่ได้ร้องค่ะ แสงไฟมันส่องตาค่ะ” “เหรอครับ ? พี่ไม่เคยเห็นริวรับงานกลุ่มเลย ถือว่าเป็นบุญตานะเนี่ย” ปุรินทร์มองตามสายตาคู่สวยไป เมื่อเห็นว่าใครอยู่ที่ปลายสายตาของเธอ ก็เหยียดยิ้ม คำพูดเอ่ยชม แต่แววตากลับแข็งกระด้างน่ากลัว ถ้ามีคนสังเกตเห็นนะ แต่เพราะว่าไม่มีใครเห็นไง เขาถึงกล้ามองไอ้เด็กนั่นด้วยสายตาแบบนี้ “ค่ะ” พราวนภารับคำเนือยๆ เธอไม่เคยเห็นคิริวถ่ายแบบหรอก แต่ได้ยินวินพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง ว่าคิริวรับงานถ่ายแบบด้วย ถ้าช่วงนั้นเธอสนใจเขาเหมือนตอนนี้ เธอคงรู้จักมุมนี้ของเขาบ้าง คิริวตอนนี้ดูจริงจังสุดๆ ให้ความรู้สึกโตเป็นผู้ใหญ่ ใบหน้าเรียบเฉยที่เธอไม่เคยเห็น ให้ความรู้สึกน่าค้นหา มากกว่าใบหน้ากวนตีนอย่างที่ผ่านมา ที่เห็นแล้วอยากเขกมะเหงกหลายๆที ทำไมกันนะ คิริวก็ยังเป็นคิริวคนเดิม แต่ทำไมเธอถึงมองเขาไม่เหมือนเดิม ดวงตาคู่คมเหล่มองคนที่ยืนรวมกลุ่มกับคนอื่นๆอยู่ตลอด กำมือขวาบ่อยครั้ง เพื่อระงับอารมณ์หึงหวง ไม่ชอบใจเลยที่การถ่ายแบบยืดเยื้อ แล้วปกติเขาไม่ได้ถูกวางตัวมาให้ถ่ายแนบชิดกับนางแบบขนาดนี้นะ แล้วนี่มันเกิดเชี่ยอะไร! พรึ่บ! “ว้าย!” ความอดทนหมดลง ตอนที่ยัยบ้านี่นั่งทับเป้ากางเกงของเขา นั่งทับปกติไม่ว่า แต่บดสะโพกลงมาเหมือนต้องการยั่วอารมณ์ เขาจึงลุกขึ้นอย่างไว ไม่สนใจยื่นมือไปช่วยคนที่นั่งโอดครวญอยู่บนพื้นหรอก สมน้ำหน้า! อยากมาทับรอยพี่พราวงั้นเหรอ ฝันไปเหอะ! “ทำอะไรเนี่ยน้องริว!” “นั่นสิคะ!” “โทษทีครับ พี่เขานั่งทับน้องควยผม” คิริวตอบหน้าตาย ส่วนคนอื่นๆที่ได้ยินคำพูดห้วนๆนั้นพากันหน้าแดงก่ำ รู้กิตติศัพท์ของคิริวดี ว่าเป็นคนขวานผ่าซาก แต่ไม่คิดว่าจะตรงขนาดนี้ แต่มันดูน่าเอ็นดูในสายตาคนอื่นๆไง และให้อภัยเพราะน้องมันหล่อ “แหม๊! เป็นพี่ๆก็อยากทับจ้า!” วีวี ช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองที่ผ่านมีดหมอมาอย่างโชกโชนจนสวยเช้ง และหลายๆคนก็รู้สึกอิจฉาความสวยของเธอ จีบปากจีบคอพูดเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศที่มันตึงขึ้น มองเป้ากางเกงของนายแบบไปด้วย ก่อนจะทำตาโต จนหลายคนหลุดขำ บรรยากาศจึงเริ่มกลับมาเป็นปกติ “ไม่คิดจะขอโทษกันเลยเหรอคะ?” อินทิรามองด้วยใบหน้างอนๆ เธอยอมรับว่าถูกใจนิสัยของเขามาก จากที่ปลื้มอยู่แล้ว ตอนนี้กลับยิ่งปลื้มมากขึ้น ถ้าได้คบจริงๆเธอโอเคนะกับนิสัยนี้ของเขา “ไม่อะ ทีหลังอย่ามาทับ เดี๋ยวมันตื่น” คิริวก้มหน้าลงไปใกล้คนที่สูงเพียง170 เซนติเมตร ใส่ส้นสูงแล้วสูงได้แค่นี้เอง ไม่เห็นมีอะไรโดดเด่นเลย คนที่ยืนรวมอยู่ตรงนู้นยังดูเด่นกว่าอีก เด่นจนเขาอยากไปกระชากคอมาจูบ ยืนระริกระรี้กับผู้ชายอื่นอยู่ได้ หน้าไม่อายเลย! “คุยกับพี่ก็มองหน้าพี่สิคะ” อินทิราหน้าตึง เมื่อสายตาของคนที่อยู่ห่างเพียงคืบ ไม่ได้ตกกระทบอยู่ที่เธอ สายตาเขามองเลยไปด้านหลังเธอ ในจุดที่เธอรู้ดีว่ามีใครอยู่ตรงนั้น พี่พราวไง! “มีอะไรน่ามอง ถึงต้องมอง” คิริวยิ้มกริ่ม ตั้งใจยั่วโมโหเธอเล่นๆ รู้ดีว่าทำแบบนี้เธออาจหันไปเล่นงานพี่พราวแทน แต่ก็ลองทำสิ เพราะเขาไม่อยากให้พี่พราวทำงานกับเธอเท่าไหร่ อินทิราเห็นพี่พราวมีประโยชน์แค่นั้นแหละ จะเขี่ยทิ้งตอนไหนก็ได้ เขาไม่อยากให้พี่พราวถลำลึกไปมากกว่านี้ ดูเหมือนพี่พราวจะรู้สึกดีกับผู้หญิงคนนี้ไม่น้อย “คิริว!” “ถ่ายต่อเลยนะครับ เหลือเซ็ตเดียวแล้ว” ช่างภาพพูดขัดจังหวะ ทำให้คิริวเงยหน้าขึ้นมาอยู่ในองศาเดิม มองสบตาคนที่มองเขาอยู่ตลอด ไอ้นิสัยทำให้คนอื่นเขาวูบวาบโดยไม่รู้ตัวนี่ แก้ได้แก้ซะนะพราว! “อิงค์จะเปลี่ยนชุดค่ะ” อินทิราพูดอย่างเอาแต่ใจ สะบัดหน้าเดินหนีไปเปลี่ยนชุดทันที เดือดร้อนให้พราวนภาวิ่งไปเตรียมชุดให้ ทั้งๆที่การถ่ายวันนี้ ทางแบรนด์เขาให้มาแค่ชุดเดียว และไม่อนุญาตให้เปลี่ยนชุดอื่นเลยตลอดการถ่ายแบบ “ชุดมีแค่นี้เหรอคะพี่พราว” อินทิรามองชุดกว่า 10 ชุดในราวอย่างไม่พอใจ ชุดพวกนี้คือชุดที่พราวนภาเลือกมาให้ จากความต้องการของเธอเอง แต่ตอนนี้มันไม่ถูกใจเธอแล้วไง ไม่ถูกใจทั้งหมดนี่แหละ รวมทั้งคนด้วย “ค่ะ มีแค่นี้แหละ!” พราวนภายืนนิ่งๆ เป็นครั้งแรกที่อินทิราแผลงฤทธิ์ใส่แบบไร้เหตุผล ชุดพวกนี้เลือกมาเผื่อกรณีฉุกเฉินเท่านั้น มันไม่จำเป็นต้องใช้เลย เพราะชุดที่เจ้าของแบรนด์ต้องการให้ใส่ถ่ายแบบนั้น ยังอยู่ในสภาพปกติ ไร้ร่องรอยความเสียหายใดๆ “ไปหามาใหม่สิ! อิงค์ไม่ชอบ!” “มันขึ้นอยู่กับความชอบน้องอิงค์ด้วยเหรอคะ?” “คะ??” “พี่ถามว่ามันขึ้นอยู่กับความชอบ ไม่ชอบของน้องอิงค์ด้วยเหรอคะการถ่ายแบบครั้งนี้อะ น้องเป็นเจ้าของแบรนด์เหรอคะ ถ้าไม่ใช่ก็กลับไปยืนสวยๆแล้วถ่ายให้จบเถอะค่ะ พี่จะหาชุดมาเพิ่มก็ต่อเมื่อ ชุดที่อิงค์ใส่อยู่ มันใส่ถ่ายต่อไม่ได้แล้วเท่านั้น!” พราวนภาพูดเสียงเรียบ ไร้แววล้อเล่นอย่างที่ผ่านมา ถ้าเธอไม่เด็ดขาดมีหรือจะมายืนอยู่ตรงนี้ได้ สไตล์ลิสไม่ได้มีแค่เธอคนเดียวซะที่ไหน คนเก่งกว่าเธอมีเยอะแยะ ถ้าเธอไม่สามารถควบคุมสถานการณ์แบบนี้ได้ มีหรือจะอยู่ในวงการนี้มาได้นานขนาดนี้“พี่ไม่ได้ตั้งใจ” “ตั้งใจหรือเปล่า ตอนนี้ไม่รู้ด้วยแล้ว” มือหนาดึงใบหน้าสวยให้หันกลับมานิดหน่อยเพื่อรับจูบจากเขา ตอนนี้เธอจะรู้สึกยังไงก็ช่าง เขาไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้อีกแล้ว ลิ้นร้อนขยับตามใจตัวเอง ดูดดึงลิ้นเล็กที่ขยับตามอย่างช่ำชอง พี่พราวจูบเก่ง และตอบสนองได้ดี ดีจนเขาไม่อยากหยุด มือไม้เริ่มอยู่ไม่สุขแล้วตอนนี้ ความวาบวาบแล่นทั่วกายจนเสียวซ่าน เคล้นคลึงหน้าอกอวบทั้งสองข้างเบาบ้าง หนักบ้าง จนได้ยินเสียงครางหวานดังต่อเนื่อง ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องใส่อะไรแล้ว จึงปล่อยให้ผ้าเช็ดตัวหลุดออกไปจากเอวอย่างไม่สนใจใยดี ซ้ำยังใช้เท้าเขี่ยมันออกไปไกลๆ ไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้วด้วยซ้ำ “อื้อ ระ ริว อ่า” พราวนภาครางเสียงแผ่ว ขยับตัวตามใจคนตัวโต ตอนนี้เธอถูกพลิกให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา รอยยิ้มมุมปากของคนตรงหน้า ทำให้เธอรู้ชะตากรรมของตัวเอง “ไม่ต้องห้ามนะ! ริวไม่หยุด” อุ้มคนเขินอายขึ้นนั่งในตู้เสื้อผ้าที่เปิดอ้าอยู่ ความแข็งแรงของมันทำให้เขามั่นใจ ว่าต่อให้ทำอะไรลงไปมันก็จะไม่พัง ดึงรั้งเสื้อที่ห่อหุ้มร่างกายคนบนนั้นออกไป รวมถึงกางเกงที่ใส่ด้วย “ตรงนี้เหรอ?” “อืม ตรงน
“เราเป็นแฟนกัน หรือริวเป็นแฟนยัยเด็กนี่” ตอนนี้ทั้งโต๊ะเงียบกริบ มีเพียงเสียงเพลงที่ยังคงดังกระหึ่ม เพื่อนๆของคิริว ต่างมองด้วยความสงสัยปนตกใจ ก็รู้ๆกันอยู่ว่าอ้อมดาวนั้นเป็นแฟนไอ้วิน พูดแบบนี้ก็เท่ากับว่าไอ้วินแม่งโดนแฟนแทงข้างหลัง “เราเป็นแฟนกันด้วยเหรอ?” คิริวเองก็เมาไม่น้อย ถามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเสียงดัง เมื่อกี้พูดอะไรกับเขาไว้ ทำไมถึงกล้ามาถามเขาด้วยคำถามแบบนี้ “เหอะ! งั้นพี่คงเข้าใจผิดไปเอง ว่าที่ผ่านมาเราเป็นแฟนกัน” พราวนภาหมุนตัวออกเดิน อับอายชิบหายที่ตัวเองคิดไปไกลคนเดียว เธอแค่อยากถอยไปตั้งหลัก ไม่ได้บอกว่าเลิก แต่ไม่กล้าบอกให้เขารอ แค่ให้โอกาสเขาเท่านั้น เผื่อเขาเบื่อผู้หญิงอายุมากที่ดีแต่เล่นตัวแบบเธอไง พราวนภาเดินกึ่งวิ่งออกมาหน้าร้าน มองหารถแท็กซี่ แต่ไม่มีว่างสักคัน ช่วงนี้คนทยอยเข้าทยอยออก รถเลยไม่ค่อยว่าง ในจังหวะที่จะเดินออกไปนอกร้านอีกสักหน่อยเพื่อเรียกรถ ข้อมือก็ถูกดึงไปจับไว้แน่น ซ้ำยังถูกลากไปหลังร้านอย่างไร้ความปรานี “ปล่อยเลยนะ!” “เงียบ!” คิริวปรามเสียงดุ ยังคงดึงมือคนข้างๆเดินไปที่รถ เล่นตลกอะไรกับความรู้สึกเขาหนักหนา เห็นเขาไม่เรียกร
“วินไม่กล้ารับอะไรจากพี่พราวหรอก” เขารู้สึกว่าเธอเป็นพี่มาตลอด แต่นี่คือครั้งแรกที่เรียกเธอว่าพี่ ละอายใจเหลือเกินที่แม่ของตัวเองทำแบบนี้กับพี่พราวมาตลอด เลยไม่กล้าเรียกเธอว่าพี่สักครั้ง เพราะกลัวเธอโกรธ เธอเกลียดเขา เหมือนที่เกลียดแม่ของเขา แต่เธอแสดงออกมาตลอดว่าไม่เคยรู้สึกแบบนั้นเลยสักครั้ง “พี่ให้ก็รับไปเถอะ บัตรเติมน้ำมันอยู่ในรถ ใช้ได้ตลอดเดี๋ยวพี่จัดการเรื่องเงินเอง วินมีหน้าที่เพียงแค่รับไป และช่วยพี่ในส่วนที่พี่ไม่สามารถทำได้” พราวนภาตบไหล่น้องชายเบาๆ เหม่อมองขึ้นไปบนฟ้า เธอไม่ได้ตั้งใจมากินเหล้า เลยไม่มีความรู้สึกว่าอยากเข้าไปข้างใน ที่มาตามคำชวนเพราะห่วงวินนี่แหละ รู้ดีว่าวริษาต้องฟ้องอะไรวินแน่ๆ ตั้งใจจะทำให้เธอดูแย่ในสายตาทุกคน งานถนัดเขาล่ะ “จะเข้าไปยัง!” “ยัง มานี่หน่อย!” พราวนภาหันกลับไปยิ้มให้พลางกระดิกนิ้วชี้เรียก บุคคลที่ถามคำถามเมื่อครู่ด้วยน้ำเสียงห้วนจัด คงแอบตามมา เพราะคิดว่าเธอกับวินอาจจะทำอะไรแปลกๆสินะ เธอไม่ใช่คนแบบนั้นไหม ไม่งั้นบอกวินไปตั้งนานแล้วว่าชอบ คิริวเดินหน้ามุ่ยเข้าไปใกล้ เพื่อนตบบ่าให้กำลังใจเบาๆ ก่อนจะเดินหนีไปให้คนทั้งสองได้ใ
“ถ้าบอกว่าหวังล่ะ” ตอนนี้เขากับเธอเดินมาถึงรถพอดี จึงใช้แขนข้างที่ว่างวางลงบนตัวรถด้านที่พี่พราวต้องขึ้นไปนั่ง กักขังเธอไว้กลายๆ พลางจ้องมองด้วยสายตาจริงจัง เขาหวังมาตลอดแหละ หวังมาตลอดเลย! “รอก่อนได้ไหมล่ะ รอให้พี่ชัดเจนกว่านี้ก่อน พี่จะให้ทุกอย่างที่ริวต้องการ” มือเรียวสวยยกขึ้นดันอกกว้างไว้ ไม่ให้เขาเข้ามาใกล้มากกว่านี้ ตอนนี้ยังอยู่ในลานจอดรถของห้างอยู่เลย คนเดินผ่านไปมาประปราย เธอกลัวมากว่าจะมีข่าวลือไม่ดีออกมา ทำให้น้องมันเสียหาย คิริวยังเรียนรู้ เป็นวัยที่ไม่ควรมีเรื่องให้เสื่อมเสีย เธอคิดแบบนั้น “ก็ไม่ได้เร่งรัดอะไร แบบที่เป็นตอนนี้ก็ดีแล้ว” มือเรียวยาวลากไล้กรอบหน้าหวาน จับเส้นผมสีน้ำตาลระกรอบหน้าออกไปทัดไว้หลังใบหู แค่ได้อยู่ใกล้ ได้แบ่งปันอะไรบางอย่างกับเธอ เขาก็มีความสุขมากแล้ว ไม่ได้รีบร้อนอะไร ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร “ไปกันเถอะ เดี๋ยววินรอ” พราวนภายิ้มกว้าง มองนาฬิกาข้อมือพร้อมกับเปิดประตูรถ ตอนนี้จะสามทุ่มแล้ว ควรออกไปเจอน้องชายได้แล้ว เดี๋ยวน้องคิดถึง @xxx club 21:20 น. ร้านที่วินณภัทรนัดคิริวมาดื่ม คือร้านที่อยู่ห่างจากมหาลัยไม่มาก แ
ปึ่ง! พราวนภาถูกยัดเข้าไปนั่งในรถ เสียงประตูที่ถูกปิดลง ดังมากจนเธอตกใจ มองใบหน้าคนที่ตั้งใจวนรถออกจากที่จอดนิ่งๆ ไม่ยอมพูดยอมไม่จา น้องมันเป็นเหี้ยอะไรอีกวะ! “โกรธพี่เรื่องที่พี่ทำให้นักข่าวถ่ายรูปเราเหรอ?” “เปล่า” “แล้วโกรธอะไรอะ!” “หึง” “พี่ทำอะไรให้หึงตอนไหน?” พราวนภาถามด้วยใบหน้าขึ้นสี เธอมั่นใจว่าไม่ได้สัมผัสผู้ชายคนไหนเลย แค่อยู่ใกล้ แต่ไม่ได้ใกล้ชิดจนทำให้คนข้างๆหึงได้ เมื่อกี้เธอคิดว่าตัวเองวางตัวดีนะ มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกเหรอ? “ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?” “ผู้ชายคนไหนวะ!” “คนที่ยืนข้างๆ!” “พี่ก้อง??” “เออนั่นแหละ!” คิริวเบ้ปาก นี่คิดเองไม่ได้และไม่รู้เลยสินะ ว่าคนๆนั้นนะ มันน่ากลัวแค่ไหน ภายใต้รูปลักษณ์ภายนอกที่แต่งเป็นหญิงเต็มตัว แต่คิริวรู้สึกว่าเขายังคงซุกซ่อนความเป็นชายไว้อยู่ ไม่รู้ดิ แค่รู้สึกว่าเป็นแบบนั้น ผ่านสายตาที่มองมายังพี่พราว รู้สึกว่าเขาคนนั้นเอ็นดูเธอ และเอ็นดูมาก จนอาจจะเรียกได้ว่ารัก! เหมือนที่เขารักเธอ “อุบ! ฮะฮ่า ฮ่าๆ ดูออกขนาดนั้นเลย” พาวนภาหัวเราะจนน้ำตาเล็ด คิริวเก่งนะที่ดูออก เธอรู้ว่าพี่ก้องมีรสนิยมยังไง เพราะค่อนข้
การรอคอยของคนทั้งสองสิ้นสุดลง หลังจากนั่งดูแฟชั่นโชว์จากกระเป๋าแบรนด์ดังร่วมชั่วโมง ตอนนี้เจ้าของแบรนด์เดินออกมาพบปะแขกในงาน และยืนรับดอกไม้ที่คนนำมาร่วมแสดงความยินดีอยู่บนเวที พราวนภาไม่รอช้า หอบช่อลิลลี่ที่วางอยู่บนตักไปทันที แหวกผู้คนมากมายไปหน้าเวทีด้วยความยากลำบาก และเผลอชนเข้ากับไหล่คุณหญิงท่านหนึ่งที่นั่งอยู่เก้าอี้แถวหน้าสุด “ขอโทษค่ะ” พราวนภายกมือขึ้นไหว้อย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นใบหน้าคนที่นั่งอยู่ชัดเจนก็รีบหันหน้าหนี วันนี้มันวันอะไรเนี่ย ทำไมเธอถึงได้เจอคนที่ไม่อยากเจอด้วย! พราวนภาหลบไปอย่างรวดเร็ว ให้กลมกลืนกับคนที่มาร่วมแสดงความยินดีหน้าเวที เป็นการหลบเลี่ยงการพบเจอที่ไม่ควร ได้ไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่ เพราะสายตาของหญิงสูงวัยยังคงจับจ้องแผ่นหลังของเธอ มือท่านสกิดผู้ชายที่ร่วมทุกข์กันมายาวนานที่นั่งอยู่ข้างๆ ชี้มือให้สามีดูเด็กผู้หญิงที่ยืนรอต่อแถวร่วมแสดงความยินดีกับหลานชายที่รักของท่าน อย่าง เกียรติกรุณ โหรมิภัทร “คุณว่าใช่ยัยหนูไหม?” “ไม่น่าใช่นะคุณ ยัยหนูนั่นตัวเล็กออก” ท่านไพรรัตน์มองตามสายตาภรรยาไป ก่อนจะสายหน้า เมื่อเห็นผู้หญิงตัวสูงกำลังเบียดเสียด