“อ๋อ ต้องแบบนั้นใช่ไหมถึงจะเปลี่ยนได้”
อินทิราฉุนกึก เมื่อโดนคนตรงหน้าพูดแบบนี้ใส่ เดินไปคว้าแก้วกาแฟที่มีไว้สำหรับคนในกอง สาดกาแฟที่ยังไม่ถูกใครดื่มเลย เข้าใส่ใบหน้าสไตล์ลิสของตัวเอง รวมทั้งเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ด้วย “เลอะพอหรือยังคะพี่พราว!” ใบหน้าสวยยิ้มเยาะ มองกราดไปทั่วห้องเพื่อไม่ให้ใครยุ่ง มองคนที่ถูกเพื่อนนายแบบดึงรั้งไว้ พลางยักคิ้วใส่เขา ออกมาปกป้องมันสิ แกจะได้โดนหางเลขไปด้วย เพี๊ยะ! พราวนภายกมือฟาดไปที่ใบหน้าสวยแรงๆ ไม่สนใจคราบกาแฟที่เลอะอยู่เต็มหน้าตัวเอง กาแฟบางส่วนบดบังสายตาจนภาพตรงหน้ารางเลือน แต่เลือกมองอินทิราด้วยสายตาเย็นยะเยือก จนคนที่ถูกตบเดินถอยหลัง คงไม่คิดว่าอีพราวจะกล้าตบละสิ คิดน้อยไปไหมคะน้อง “แก!” “ทำไมคะ? คิดว่าพี่ไม่กล้าตบเพราะอิงค์เป็นนางแบบเหรอคะ พี่กล้าค่ะ และไม่กลัวด้วยว่าจะถูกมองยังไง เพราะพี่ปล่อยให้น้องเหยียบย่ำความภูมิใจของพี่ไม่ได้หรอกค่ะ พี่เป็นแค่สไตล์ลิสก็จริงนะคะ แต่น้องอย่าลืม ว่าตัวเองเป็นคนไปขอร้องให้พี่มาทำงานให้ ถ้าพี่ไม่เห็นแก่พี่อาร์มที่ไปด้วย พี่บอกตรงๆนะคะว่าพี่จะไม่รับงานของน้อง เรื่องต่อจากนี้น้องไปคุยกับเจ้าของแบรนด์เองนะคะ เพราะพี่ถือว่าเราสิ้นสุดสัญญาจ้างกันแล้ว” พราวนภาพูดจบก็เดินไปคว้ากระเป๋าของตัวเองทันที เสื้อผ้าที่มีอยู่ในห้อง เป็นเสื้อผ้าที่เธอหามาก็จริง แต่ทิ้งไว้ตรงนั้นแหละ เพราะไม่อยากกลับเข้าไปให้อารมณ์ขุ่นอีก Tru Tru พราวนภาปาดกาแฟออกจากหน้า มองหน้าจอก่อนจะถอนหายใจ เมื่อเห็นว่าใครโทรมา รีบฟ้องจังเลยนะ อยากรู้เหมือนกันว่าจะฟ้องพี่อาร์มว่ายังไง “โหล!” [พราว! เกิดอะไรขึ้น] น้ำเสียงปลายสายดูร้อนรน เสียงดังออกมาจากโทรศัพท์ทำให้พราวนภาเดาออกว่าเขาโทรมาจากที่ไหน ก็คงจะเป็นสนามแข่งนั่นแหละ ที่ประจำเขา! “น้องพี่อาร์มเล่าให้ฟังว่ายังไงบ้างล่ะ!” พราวนภาเบาเสียงลงเพราะตอนนี้เธอเดินเข้ามาในห้องน้ำแล้ว มองใบหน้าตัวเองในกระจกแล้วเลือดบนหน้าพุ่งปรี๊ดๆ นี่ถ้าเป็นกาแฟร้อนๆ เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าหน้าตัวเองจะยังปกติดีแบบนี้อยู่ไหม [อิงค์บอกว่าพราวไม่ยอมหาชุดอื่นมาให้เปลี่ยน] ปลายสายพูดเสียงกรุ่นๆ ด้วยความที่น้องสาวว่ามาแบบนั้น ที่จริงมีเล่าด้วยว่าโดนพราวนภาตบ แต่เขาคิดว่าคนอย่างพราว ไม่ตบใครโดยไม่มีเหตุผลแน่ จึงรีบวางสายจากน้องสาว แล้วโทรหาพราวนภาทันที “แล้วน้องพี่อาร์มบอกอีกหรือเปล่า ว่าทำไมพราวถึงไม่ยอมเปลี่ยนให้ บอกหรือเปล่าว่าเพราะทางแบรนด์เขาให้ใส่ได้แค่ชุดนั้น บอกหรือเปล่าว่าไม่พอใจจนสาดกาแฟใส่หน้าพราว บอกไหม…” พราวนภาหยุดพูดเพราะรู้สึกว่าพูดมากเกินไป และน้ำตากำลังไหลอาบแก้ม เธอเอ็นดูอิงค์นะ แม้จะไม่ได้รักเหมือนที่เธอรักไวท์ที่เป็นน้องชายคนละแม่ แต่เธอก็เอ็นดูอิงค์มาก ไม่คิดว่าเด็กนั่นจะกล้าสาดกาแฟใส่หน้า ความรู้สึกที่ให้อินทิราไปช่างไร้ค่า [พราว พี่ขอโทษแทนอิงค์ด้วยนะครับ] ปลายสายขอโทษเสียงอ่อน พราวนภาจึงเช็ดน้ำตาออกแรงๆ รวมทั้งคราบกาแฟที่เกาะอยู่เต็มหน้าด้วย คนที่ควรขอโทษคืออินทิรา ไม่ใช่เขา “พราวไม่รับ! เพราะพี่อาร์มไม่ได้เป็นคนทำ แค่นี้นะคะ พราวล้างกาแฟก่อน” [เดี๋ยวสิพราว คืนนี้เจอกันหน่อยไหม …. พี่คิดถึง พราวยังไม่มีใครใช่ไหม] ปลายสายเบาเสียงลงในประโยคท้าย เหมือนแอบพูดไม่ให้ใครได้ยิน พราวนภาถอนหายใจ และตอบออกไปแบบไม่ต้องคิดให้เสียเวลา “เสียใจค่ะ พราวมีผัวแล้ว” พราวนภาวางสายไปทันทีที่พูดจบ เขาเคยเป็นอดีตคนรักเธอนั่นแหละ เคยตราหน้าหาว่าเธอผ่านผู้ชายมาแล้วอย่างโชกโชนทั้งที่จูบกับเธอเพียงครั้งเดียว เขาบอกเลิกด้วยเหตุผลสวยหรู ที่ว่าตัวเองไม่เหมาะกับผู้หญิงช่ำชองอย่างเธอหรอก สลัดรักเธอทั้งที่เขาเป็นผู้ชายที่เธอจริงจังด้วยที่สุด มาเสียดายตอนนี้สายไปแล้วค่ะ พราวไม่ใช่สาวบริสุทธิ์แล้ว! “ผู้ชายที่พูดถึงมันเป็นใครเหรอ?” คิริวยืนกอดอกมองคนที่คุยโทรศัพท์มาตั้งแต่ต้น เพราะในกองถ่ายค่อนข้างวุ่นวายมากๆ เขาจึงเดินออกมาตามหาพี่พราว เดินตามคนไม่มีสติเข้ามาในห้องน้ำหญิง และตอนนี้ก็กำลังยืนพิงประตูมองคนที่ยืนเอ๋ออยู่หน้ากระจก “เข้ามาทำไม นี่ห้องน้ำหญิงนะริว!” พราวนภาหันมาเผชิญหน้ากับคนที่เธอไม่อยากเจอที่สุดในตอนนี้ ให้ริวมาเห็นสภาพแบบนี้ของตัวเองนี่นะ โคตรน่าอายเลย “เลอะหมดเลย กาแฟไม่ร้อนใช่ไหม?” คนตัวโตขยับมาใกล้ ใช้หลังมือเช็ดคราบกาแฟที่ติดตามกรอบใบหน้าสวยออกเบาๆ ดีที่วันนี้พี่พราวรวบผมสีน้ำตาลยาวสวยไว้ด้านหลัง ไม่งั้นผมยาวๆที่เขาชอบมัน คงเต็มไปด้วยคราบกาแฟ “ไม่อยากให้เห็นภาพแบบนี้เลย” “หมายถึงตอนที่ตบ?” “ตอนนี้ต่างหาก” “หึ! ทำไม กลัวตัวเองไม่สวย แล้วนี่จะไม่สนใจเหรอ” คิริวลองแกล้งถาม แต่ปรากฏว่าคำถามของเขาทำให้พี่พราวหน้าแดง หัวใจที่เคยแห้งแล้งชุ่มชื้นขึ้นทันที แบบนี้เขามีหวังใช่ไหม? “ใครจะอยากสวยในสายตาริวกัน ถอยไปพี่จะล้างหน้า” “จะหน้าสดออกไปเหรอ?” “ทำไม? จะออกไปแบบนั้นแหละ ไม่ได้เอาเครื่องสำอางมา” ที่มีในกระเป๋าตอนนี้มีแค่แป้งกับลิปสติกสองสามแท่งเท่านั้น อุปกรณ์ไม่ครบก็ออกไปแบบหน้าสดนี่แหละ หน้าสดเธอก็ไม่ได้แย่ แต่มันซีดไม่มีสีสันเหมือนคนป่วยอะ “อะ! รีบๆแต่งล่ะ” คิริวยื่นเครื่องสำอางแบบเทสเตอร์ ที่ขอมาจากช่างแต่งหน้าคนที่แซวเขาก่อนหน้านั้นให้พราวนภาไป ขยับออกไปยืนพิงประตูด้านหน้าไว้เหมือนเดิม เพราะไม่อยากให้ใครเข้ามารบกวนเวลาส่วนตัวของเขากับเธอ “จะเอาไงต่อ เหมือนทางนั้นจะไม่จบง่ายๆนะ อาจกระทบกับงานอื่นด้วย” คนที่ล้างหน้าเสร็จพอดีหันกลับมามอง ใบหน้าดูกังวลแต่ไม่ได้ตอบอะไรออกไป ได้แต่ยืนเงียบ จนคิริวต้องเดินเข้าไปหาอีกครั้ง “กลัวเหรอ?” “ก็นิดๆแหละ พ่อของอิงค์เป็นถึงข้าราชการระดับสูง แบล็คเขาใหญ่มาก แล้วพี่ดันไปตบลูกสาวสุดที่รักของเขาอีก ไม่รู้จะโดนอะไรบ้าง” พราวนภาน้ำตารื้น ไม่ได้เสียดายหรอกถ้าต้องออกจากวงการนี้ไปเพราะเหตุการณ์ในครั้งนี้ แต่ร้านเสื้อผ้าของเธอจะโดนหางเลขไปด้วย ไหนจะครอบครัวเธออีก ไม่รู้หรอกว่าทางนั้นจะคิดยังไง แต่รู้ดีว่ามันไม่จบแค่นี้แน่ “คนในกองอยู่ข้างพี่นะ รวมทั้งริวด้วย” น้ำเสียงอ่อนโยน ทำให้พราวนภาเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่สูงกว่า ริมฝีปากได้รูปที่อยู่ไม่ไกล พาลให้หวนคิดถึงเรื่องในคืนเร่าร้อนที่สุดในชีวิต ริมฝีปากนี้ทำร่องรอยไว้บนร่างกายเธอมากมาย บางรอยนั้นยังไม่หายเลย โชคดีที่เขาทำไว้ในจุดที่สามารถสวมเสื้อผ้าปกปิดไว้ได้ เป็นผู้ชายที่มีปากร้ายกาจ แต่แววตากลับอ่อนโยนมาก“พี่ไม่ได้ตั้งใจ” “ตั้งใจหรือเปล่า ตอนนี้ไม่รู้ด้วยแล้ว” มือหนาดึงใบหน้าสวยให้หันกลับมานิดหน่อยเพื่อรับจูบจากเขา ตอนนี้เธอจะรู้สึกยังไงก็ช่าง เขาไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้อีกแล้ว ลิ้นร้อนขยับตามใจตัวเอง ดูดดึงลิ้นเล็กที่ขยับตามอย่างช่ำชอง พี่พราวจูบเก่ง และตอบสนองได้ดี ดีจนเขาไม่อยากหยุด มือไม้เริ่มอยู่ไม่สุขแล้วตอนนี้ ความวาบวาบแล่นทั่วกายจนเสียวซ่าน เคล้นคลึงหน้าอกอวบทั้งสองข้างเบาบ้าง หนักบ้าง จนได้ยินเสียงครางหวานดังต่อเนื่อง ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องใส่อะไรแล้ว จึงปล่อยให้ผ้าเช็ดตัวหลุดออกไปจากเอวอย่างไม่สนใจใยดี ซ้ำยังใช้เท้าเขี่ยมันออกไปไกลๆ ไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้วด้วยซ้ำ “อื้อ ระ ริว อ่า” พราวนภาครางเสียงแผ่ว ขยับตัวตามใจคนตัวโต ตอนนี้เธอถูกพลิกให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา รอยยิ้มมุมปากของคนตรงหน้า ทำให้เธอรู้ชะตากรรมของตัวเอง “ไม่ต้องห้ามนะ! ริวไม่หยุด” อุ้มคนเขินอายขึ้นนั่งในตู้เสื้อผ้าที่เปิดอ้าอยู่ ความแข็งแรงของมันทำให้เขามั่นใจ ว่าต่อให้ทำอะไรลงไปมันก็จะไม่พัง ดึงรั้งเสื้อที่ห่อหุ้มร่างกายคนบนนั้นออกไป รวมถึงกางเกงที่ใส่ด้วย “ตรงนี้เหรอ?” “อืม ตรงน
“เราเป็นแฟนกัน หรือริวเป็นแฟนยัยเด็กนี่” ตอนนี้ทั้งโต๊ะเงียบกริบ มีเพียงเสียงเพลงที่ยังคงดังกระหึ่ม เพื่อนๆของคิริว ต่างมองด้วยความสงสัยปนตกใจ ก็รู้ๆกันอยู่ว่าอ้อมดาวนั้นเป็นแฟนไอ้วิน พูดแบบนี้ก็เท่ากับว่าไอ้วินแม่งโดนแฟนแทงข้างหลัง “เราเป็นแฟนกันด้วยเหรอ?” คิริวเองก็เมาไม่น้อย ถามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเสียงดัง เมื่อกี้พูดอะไรกับเขาไว้ ทำไมถึงกล้ามาถามเขาด้วยคำถามแบบนี้ “เหอะ! งั้นพี่คงเข้าใจผิดไปเอง ว่าที่ผ่านมาเราเป็นแฟนกัน” พราวนภาหมุนตัวออกเดิน อับอายชิบหายที่ตัวเองคิดไปไกลคนเดียว เธอแค่อยากถอยไปตั้งหลัก ไม่ได้บอกว่าเลิก แต่ไม่กล้าบอกให้เขารอ แค่ให้โอกาสเขาเท่านั้น เผื่อเขาเบื่อผู้หญิงอายุมากที่ดีแต่เล่นตัวแบบเธอไง พราวนภาเดินกึ่งวิ่งออกมาหน้าร้าน มองหารถแท็กซี่ แต่ไม่มีว่างสักคัน ช่วงนี้คนทยอยเข้าทยอยออก รถเลยไม่ค่อยว่าง ในจังหวะที่จะเดินออกไปนอกร้านอีกสักหน่อยเพื่อเรียกรถ ข้อมือก็ถูกดึงไปจับไว้แน่น ซ้ำยังถูกลากไปหลังร้านอย่างไร้ความปรานี “ปล่อยเลยนะ!” “เงียบ!” คิริวปรามเสียงดุ ยังคงดึงมือคนข้างๆเดินไปที่รถ เล่นตลกอะไรกับความรู้สึกเขาหนักหนา เห็นเขาไม่เรียกร
“วินไม่กล้ารับอะไรจากพี่พราวหรอก” เขารู้สึกว่าเธอเป็นพี่มาตลอด แต่นี่คือครั้งแรกที่เรียกเธอว่าพี่ ละอายใจเหลือเกินที่แม่ของตัวเองทำแบบนี้กับพี่พราวมาตลอด เลยไม่กล้าเรียกเธอว่าพี่สักครั้ง เพราะกลัวเธอโกรธ เธอเกลียดเขา เหมือนที่เกลียดแม่ของเขา แต่เธอแสดงออกมาตลอดว่าไม่เคยรู้สึกแบบนั้นเลยสักครั้ง “พี่ให้ก็รับไปเถอะ บัตรเติมน้ำมันอยู่ในรถ ใช้ได้ตลอดเดี๋ยวพี่จัดการเรื่องเงินเอง วินมีหน้าที่เพียงแค่รับไป และช่วยพี่ในส่วนที่พี่ไม่สามารถทำได้” พราวนภาตบไหล่น้องชายเบาๆ เหม่อมองขึ้นไปบนฟ้า เธอไม่ได้ตั้งใจมากินเหล้า เลยไม่มีความรู้สึกว่าอยากเข้าไปข้างใน ที่มาตามคำชวนเพราะห่วงวินนี่แหละ รู้ดีว่าวริษาต้องฟ้องอะไรวินแน่ๆ ตั้งใจจะทำให้เธอดูแย่ในสายตาทุกคน งานถนัดเขาล่ะ “จะเข้าไปยัง!” “ยัง มานี่หน่อย!” พราวนภาหันกลับไปยิ้มให้พลางกระดิกนิ้วชี้เรียก บุคคลที่ถามคำถามเมื่อครู่ด้วยน้ำเสียงห้วนจัด คงแอบตามมา เพราะคิดว่าเธอกับวินอาจจะทำอะไรแปลกๆสินะ เธอไม่ใช่คนแบบนั้นไหม ไม่งั้นบอกวินไปตั้งนานแล้วว่าชอบ คิริวเดินหน้ามุ่ยเข้าไปใกล้ เพื่อนตบบ่าให้กำลังใจเบาๆ ก่อนจะเดินหนีไปให้คนทั้งสองได้ใ
“ถ้าบอกว่าหวังล่ะ” ตอนนี้เขากับเธอเดินมาถึงรถพอดี จึงใช้แขนข้างที่ว่างวางลงบนตัวรถด้านที่พี่พราวต้องขึ้นไปนั่ง กักขังเธอไว้กลายๆ พลางจ้องมองด้วยสายตาจริงจัง เขาหวังมาตลอดแหละ หวังมาตลอดเลย! “รอก่อนได้ไหมล่ะ รอให้พี่ชัดเจนกว่านี้ก่อน พี่จะให้ทุกอย่างที่ริวต้องการ” มือเรียวสวยยกขึ้นดันอกกว้างไว้ ไม่ให้เขาเข้ามาใกล้มากกว่านี้ ตอนนี้ยังอยู่ในลานจอดรถของห้างอยู่เลย คนเดินผ่านไปมาประปราย เธอกลัวมากว่าจะมีข่าวลือไม่ดีออกมา ทำให้น้องมันเสียหาย คิริวยังเรียนรู้ เป็นวัยที่ไม่ควรมีเรื่องให้เสื่อมเสีย เธอคิดแบบนั้น “ก็ไม่ได้เร่งรัดอะไร แบบที่เป็นตอนนี้ก็ดีแล้ว” มือเรียวยาวลากไล้กรอบหน้าหวาน จับเส้นผมสีน้ำตาลระกรอบหน้าออกไปทัดไว้หลังใบหู แค่ได้อยู่ใกล้ ได้แบ่งปันอะไรบางอย่างกับเธอ เขาก็มีความสุขมากแล้ว ไม่ได้รีบร้อนอะไร ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร “ไปกันเถอะ เดี๋ยววินรอ” พราวนภายิ้มกว้าง มองนาฬิกาข้อมือพร้อมกับเปิดประตูรถ ตอนนี้จะสามทุ่มแล้ว ควรออกไปเจอน้องชายได้แล้ว เดี๋ยวน้องคิดถึง @xxx club 21:20 น. ร้านที่วินณภัทรนัดคิริวมาดื่ม คือร้านที่อยู่ห่างจากมหาลัยไม่มาก แ
ปึ่ง! พราวนภาถูกยัดเข้าไปนั่งในรถ เสียงประตูที่ถูกปิดลง ดังมากจนเธอตกใจ มองใบหน้าคนที่ตั้งใจวนรถออกจากที่จอดนิ่งๆ ไม่ยอมพูดยอมไม่จา น้องมันเป็นเหี้ยอะไรอีกวะ! “โกรธพี่เรื่องที่พี่ทำให้นักข่าวถ่ายรูปเราเหรอ?” “เปล่า” “แล้วโกรธอะไรอะ!” “หึง” “พี่ทำอะไรให้หึงตอนไหน?” พราวนภาถามด้วยใบหน้าขึ้นสี เธอมั่นใจว่าไม่ได้สัมผัสผู้ชายคนไหนเลย แค่อยู่ใกล้ แต่ไม่ได้ใกล้ชิดจนทำให้คนข้างๆหึงได้ เมื่อกี้เธอคิดว่าตัวเองวางตัวดีนะ มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกเหรอ? “ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?” “ผู้ชายคนไหนวะ!” “คนที่ยืนข้างๆ!” “พี่ก้อง??” “เออนั่นแหละ!” คิริวเบ้ปาก นี่คิดเองไม่ได้และไม่รู้เลยสินะ ว่าคนๆนั้นนะ มันน่ากลัวแค่ไหน ภายใต้รูปลักษณ์ภายนอกที่แต่งเป็นหญิงเต็มตัว แต่คิริวรู้สึกว่าเขายังคงซุกซ่อนความเป็นชายไว้อยู่ ไม่รู้ดิ แค่รู้สึกว่าเป็นแบบนั้น ผ่านสายตาที่มองมายังพี่พราว รู้สึกว่าเขาคนนั้นเอ็นดูเธอ และเอ็นดูมาก จนอาจจะเรียกได้ว่ารัก! เหมือนที่เขารักเธอ “อุบ! ฮะฮ่า ฮ่าๆ ดูออกขนาดนั้นเลย” พาวนภาหัวเราะจนน้ำตาเล็ด คิริวเก่งนะที่ดูออก เธอรู้ว่าพี่ก้องมีรสนิยมยังไง เพราะค่อนข้
การรอคอยของคนทั้งสองสิ้นสุดลง หลังจากนั่งดูแฟชั่นโชว์จากกระเป๋าแบรนด์ดังร่วมชั่วโมง ตอนนี้เจ้าของแบรนด์เดินออกมาพบปะแขกในงาน และยืนรับดอกไม้ที่คนนำมาร่วมแสดงความยินดีอยู่บนเวที พราวนภาไม่รอช้า หอบช่อลิลลี่ที่วางอยู่บนตักไปทันที แหวกผู้คนมากมายไปหน้าเวทีด้วยความยากลำบาก และเผลอชนเข้ากับไหล่คุณหญิงท่านหนึ่งที่นั่งอยู่เก้าอี้แถวหน้าสุด “ขอโทษค่ะ” พราวนภายกมือขึ้นไหว้อย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นใบหน้าคนที่นั่งอยู่ชัดเจนก็รีบหันหน้าหนี วันนี้มันวันอะไรเนี่ย ทำไมเธอถึงได้เจอคนที่ไม่อยากเจอด้วย! พราวนภาหลบไปอย่างรวดเร็ว ให้กลมกลืนกับคนที่มาร่วมแสดงความยินดีหน้าเวที เป็นการหลบเลี่ยงการพบเจอที่ไม่ควร ได้ไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่ เพราะสายตาของหญิงสูงวัยยังคงจับจ้องแผ่นหลังของเธอ มือท่านสกิดผู้ชายที่ร่วมทุกข์กันมายาวนานที่นั่งอยู่ข้างๆ ชี้มือให้สามีดูเด็กผู้หญิงที่ยืนรอต่อแถวร่วมแสดงความยินดีกับหลานชายที่รักของท่าน อย่าง เกียรติกรุณ โหรมิภัทร “คุณว่าใช่ยัยหนูไหม?” “ไม่น่าใช่นะคุณ ยัยหนูนั่นตัวเล็กออก” ท่านไพรรัตน์มองตามสายตาภรรยาไป ก่อนจะสายหน้า เมื่อเห็นผู้หญิงตัวสูงกำลังเบียดเสียด