คุณหนูหลี่กลับมาพลิกชะตา

คุณหนูหลี่กลับมาพลิกชะตา

last updateLast Updated : 2025-12-13
Language: Thai
goodnovel18goodnovel
Not enough ratings
32Chapters
115views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

ความเจ็บช้ำในอดีตจากครอบครัวสารเลว ถักทอเป็นความอาฆาตจนนางต้องกลับมาเกิดใหม่เพื่อพลิกชะตาตัวเอง แต่บุรุษอีกผู้ที่ไม่ได้อยู่ในผังความแค้นกลับมาสนิทสนมกับนางบทนำ เพื่อให้ตระกูลบิดายอมรับ นางปิดบังเรื่องต่ำช้าที่แสนเจ็บปวดเอาไว้ในก้นบึ้งหัวใจ เชื่อคำหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้าของบิดาและมารดาเลี้ยงแต่งเข้าสกุลหวัง เพื่อความหวังที่จะเป็นคนโปรดปรานดุจดั่งน้องสาวต่างมารดาของนาง ที่แม้นไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขโดยตรง กลับกุมหัวใจบิดาของนางเอาไว้ทั้งดวง แต่นางไร้เดียงสาเกินไป กว่าจะรู้ว่าตัวเองเป็นสะพาน ก็ถูกรื้อแล้ว... เมื่อพวกเขาข้ามสะพานอย่างนางไปถึงจุดหมายได้ ก็รื้อสะพานอย่างนางทิ้งทันที ให้ตายอย่างผีไร้ญาติ นางหนีตายอย่างหวาดกลัว แต่พวกเขาไม่ละเว้นนาง เพื่อเป้าหมายขึ้นเป็นใหญ่ การกำจัดนางเป็นหนทางเดียวของพวกเขา เมื่อรู้ก็คิดหนีเข้าป่าเพื่อเอาชีวิตรอดไปเปิดโปงคนเลวทรามพวกนี้...ขณะนั่งอย่างสั่นกลัวอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ จึงทบทวนเรื่องราวทั้งหมด หลี่ฉงจื่อเลือกทางผิด จะเดินกลับก็ไม่เหลือหนทาง ให้ก้าวแล้ว...

View More

Chapter 1

บทที่ 1 ข้าไม่ใช่บุตรสาวกตัญญูอีกต่อไป

ฤดูชุนเทียน [1] เมฆาหมองบางตา เมฆาเคลื่อนคล้อย อากาศหนาวคลายตัว พืชพรรณต่าง ๆ เริ่มผลิดอกแตกกิ่งก้านใบเป็นสัญญาณแห่งการเริ่มต้นปีนักษัตรใหม่ ดอกเหมยที่เริ่มเบ่งบานตั้งแต่เดือนสิบสองจนถึงเดือนสองยังคงมีให้เห็นหนาตา ทำให้กิจกรรมที่เป็นที่นิยมในแคว้นหนานอัน คือการนั่งชมทิวทัศน์สุดตระการตาของทิวต้นดอกเหมย จิบชา ฟังพิน เดินหมาก ถือเป็นช่วงผ่อนคลายของผู้คนทั่วใต้หล้าแต่ไม่ใช่ ‘หลี่ฉงจื่อ’

          เสียงทวนเหล็กที่ทำจากเหล็กนิลชั้นดีกระทบกับไม้พลองของท่านน้า ‘ฟ่านเทียนเทียน’ เกิดเป็นเสียงดังสั่นลั่นกลางเรือนสกุลฟ่านที่หวายหว๋า

          “ยะ!” ทวนไม้ของท่านน้าสามกวัดแกว่งไปมากลางอากาศ จากนั้นฟาดลงกลางหลังของหลี่ฉงจื่อดัง ‘อัก!’ จนทำให้ผู้คนที่เฝ้าดูการฝึกฝนวิชาต่อสู้ตรงกลางลานบ้านกำมือจิกเข้าหากันแน่นด้วยความอึดอัด

          “เอาใหม่!” แม้กายล้มลงกับพื้น แล้วฝืนใช้ทวนหยัดยืนขึ้นอย่างยากเย็น แต่เสียงกลับบอกว่าเอาใหม่ของยายหนูตัวน้อย

วัยเพียงสิบหนาวที่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แกร่งกล้า แววตาดุดัน จิตใจมุ่งมั่น จนทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลฟ่านเจ็บปวดใจ

          “พอก่อน...พักดื่มน้ำค่อยฝึกต่อ” ฮูหยินผู้เฒ่ารัก

หลี่ฉงจื่อมาก เพราะเป็นบุตรีของลูกสาวคนกลางที่ล่วงลับไปอย่างอนาถ เดิมนางไม่รู้คิดว่าบุตรสาวเจ็บป่วยหลังคลอดบุตรและสิ้นชีพลงตอนยายหนูผู้นี้อายุได้เจ็ดหนาวเศษ หลังไว้ทุกข์หนึ่งปี ยายหนู

หลี่ฉงจื่อของนางกลับต้องระหกระเหินกลับมาพึ่งพิงตระกูลฟ่าน

ซึ่งเป็นตระกูลมารดาอย่างน่าเจ็บใจ

          แรกเริ่มยายหนูเอาแต่นั่งน้ำตาซึมทุกวัน นางก็เจ็บปวด

ไร้มารดาไม่พอบิดากลับทอดทิ้ง จนเมื่อหลังจากยายหนูป่วยหนักและฟื้นขึ้นอีกครั้ง จึงเล่าทุกอย่างที่มารดานางประสบพบเจอ จากนั้นปรับตัวเปลี่ยนตน จากสตรีที่เอาแต่เก็บเงียบไม่ค่อยพูดจา ยายหนูตัวน้อยนักสู้ก็ลุกขึ้นเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อรอเวลากลับไปล้างแค้น

          ‘ท่านยายท่านเชื่อฉงจื่อหรือไม่’ เสียงเด็กน้อยสะอึกสะอื้นปานขาดใจตาย พลันน้ำตาหญิงชราเช่นนางหลั่งริน ในอกรู้สึก

บีบคั้นจนแทบไม่อยากหายใจ

          “เหตุใดไม่เชื่อ...ยายย่อมต้องเชื่อเจ้า”

          หลังจากรับรู้ว่าบิดาของนางบังคับให้ลูกสาวของตนผูกคอตาย รับผิดแทนคนชั่วช้าสามานย์ เพื่อให้คดีปิดอย่างเงียบเชียบ จากนั้นส่งข่าวมาหลังจากฝังศพไปแล้ว บอกว่าลูกสาวของตนป่วยตาย เดิมอยากขึ้นไปเยี่ยม แต่ในจดหมายมีข้อความระบุชัดเจนว่าไม่อยากให้ไป นางเป็นแม่ทนเจ็บปวดใจไม่ไหวจนล้มป่วย ยิ่งเมื่อ

รู้ว่าชายสารเลวที่เป็นลูกเขย จากที่เคยรับปากลูกสาวว่าจะดูแล

หลี่ฉงจื่ออย่างดีกลับตระบัดสัตย์ ส่งนางมาอยู่บ้านนอกที่หวายหว๋า ตระกูลเดิมที่หลบหลีกความวุ่นวายในเมืองหลวง หลังบ้านเมืองสงบสุข ตระกูลขุนศึกที่ออกรบกันตั้งแต่อายุไม่ถึงเจ็ดหนาว ทุกคนหญิงชายล้วนต้องออกต่อสู้ ตระกูลฟ่านในเมืองหลวงเหลือเพียงพ่อบ้านและบ่าวรับใช้ดูแล ห้าปีจะกลับมาตระกูลสักครั้ง แต่กลับได้รับความไร้ความเป็นธรรมเช่นนี้ ยากนักที่จะวางใจสงบ

          ยายหนูหลี่ฉงจื่อบอกว่านางฝันเห็นอนาคตทุกวัน และทุกครั้งที่ทดสอบเรื่องต่าง ๆ เป็นจริงดังคาดการณ์ เมื่อทดสอบดูแล้วเป็นจริงสิบในสิบครั้ง ‘สวี่หรงเจิน’ เสาหลักของตระกูลฟ่านอย่างนางกรีดเลือดสาบานต่อฟ้า หากเถียนเอ๋อร์ไม่ได้รับความเป็นธรรม ชาตินี้ไม่ขอตายตาหลับ!

          “ต่อให้สวรรค์ให้ข้าตาย แต่ข้าจะอยู่เพื่อทวงแค้น!”

          ครั้งนั้นนักรบสกุลฟ่านที่เหลืออยู่ทั้งหมดร่วมสาบาน

ไปกับฮูหยินผู้เฒ่า เพื่อจัดการตระกูลหลี่ทวงคืนความยุติธรรม

ให้คุณหนูรอง ‘ฟ่านเถียนเถียน’

          “ท่านยายให้ข้าฝึกอีก ข้าคือลูกหลานนักรบตระกูลฟ่าน ข้าไม่ยอมแพ้” หลี่ฉงจื่อเมื่อรับรู้ความทรมานมาหนึ่งชาติ นางจึงเปลี่ยนจากดำเป็นขาว จากไร้เดียงสาสู่ความเลือดเย็น เพื่อรอเวลากลับไปแก้แค้น ยามนี้นางสิบหนาว อีกเพียงห้าปีเท่านั้น หนี้แค้นของนางย่อมต้องล้างด้วยเลือด

          “โบตั๋นรดน้ำหนเดียวไม่มีทางออกดอกได้ฉันใดคนก็เช่นกัน หมั่นขัดเกลาฝึกปรือไปเรื่อย ๆ สักวันจะพัฒนาขึ้นฉันนั้น”

          หลี่ฉงจื่อที่ใจร้อนเกินไปจึงถอนหายใจหนึ่งหน นั่งลงอย่างว่าง่ายให้มามารินน้ำชาให้ดื่มหนึ่งถ้วย ชาหลงจิ่ง[2] ที่มีต้นกำเนิดจากบ้านเดิมของท่านยาย กลิ่นหอมหวานทำให้นางรู้สึกสดชื่นหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นสีหน้าเคียดแค้นของท่านน้าสาม นางกลับยิ่งเจ็บปวดใจ ความเจ็บแค้นจากการถูกทรมาน

ให้ตายทั้งเป็น ในบ้านสามีที่มักมากในกามสุดแสนจะกล้ำกลืน

          แต่นั่นคือความจริงที่นางไม่อาจหลีกหนีในชาติก่อน

          “ข้าอยากจะขี่ม้าไปจัดการเจ้าสุนัขหลี่เหมิงที่ฉางซาเร็ว ๆ เสียจริง” บ้านเดิมของตระกูลฟ่านแน่นอนว่าอยู่ฉางซาเมืองหลวงที่เจริญรุ่งเรือง ภายหลังบิดาสละชีวิตในสนามรบ พี่ใหญ่สละชีวิตให้เขาอยู่สืบทอดตระกูล ทำให้เขาและท่านแม่เสียใจอยู่นาน เกียรติยศของตระกูลฟ่านครานั้นทั่วใต้หล้าต่างสรรเสริญ แม้ตำหนักอ๋อง

ยังต้องยอมคารวะมารดาของเขา ฟ่านเถียนเถียนสู้ตายกลับมา

แต่นางกลับหลงรักคนไม่รู้จักพออย่างหลี่เหมิง ที่เพิ่งรับราชการในกรมขุนนางเป็นเพียงขุนขั้นเจ็ด ที่มีหน้าที่เสมียนจดบันทึกเท่านั้น

          แต่เพราะวาสนาของหลี่เหมิงที่ได้รักกับตระกูลที่แลกมาด้วยเลือดเนื้อและชีวิตของคนในตระกูลฟ่าน เพื่อให้แคว้นหนานอันสงบสุข ฝ่าบาทเกรงใจอยู่หลายส่วนจึงเลือกพระราชทานสมรสให้

พี่หญิงของเขา ครานั้นเขาร้องไห้ปานขาดใจยามส่งพี่หญิงขึ้นเกี้ยว แต่ใครจะคิดว่านั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้พบกัน เพราะท่านแม่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบในที่ดินศักดินาที่หวายหว๋า เขาจึงเดินทางกลับมาด้วย

          หลังจากยายหนูป่วยเกือบเอาชีวิตไม่รอด แล้วมาเล่าเรื่องทั้งหมด แถมยังสามารถหยั่งรู้อนาคตได้ เขาแทบจะรอให้ถึงวันนั้นไม่ไหว หากท่านแม่ไม่ห้ามเอาไว้ ป่านนี้เขาคงเป็นอดีตแม่ทัพ

ที่ฆ่าขุนนางคนโปรดของฝ่าบาทอย่างเลือดเย็น และโดนประหาร

ไปแล้ว

          ตอนแต่งออกพี่หญิงถือได้ว่ามีสินเดิมมากกว่าใครในเมืองหลวง แต่กลับบ้านกระทั่งเศษอีแปะติดตัวให้หลานสาวกลับมายัง

ไม่มี ทุกวันต้องกินแป้งย่างกับคนบังคับม้า รอนแรมนานกว่ากึ่งเดือนจนถึงที่หวายหว๋าอย่างปลอดภัย เขาจึงตกรางวัลคนขับรถม้า

ที่ยังคิดถึงเกียรติยศของตระกูลฟ่าน ไม่ทิ้งเด็กน้อยคนนี้กลางทาง หากเป็นเช่นนั้น ตระกูลหลี่อย่าได้หวังว่าจะอยู่อย่างสงบสุขตลอดชีวิต เขาอยากให้หลี่เหมิงได้ลิ้มรสความเจ็บปวดทุกขณะที่เขาจะใช้มีดค่อย ๆ แล่เนื้อของมัน แล้วโยนให้สุนัขป่ากินทีละชิ้นอย่างเลือดเย็น

          “ลืมแล้วรึ บิดาเจ้าสั่งสอนว่าอย่างไร เย็นให้พอรอให้เป็น เจ้าลืมสิ้นแล้วรึ!” สวี่หรงเจินสั่งสอนผู้เป็นลูกชาย ลูกชายคนสุดท้องของนางเดิมใจร้อนมุทะลุ หากไม่ได้พี่ใหญ่ของเขาสละชีวิต คาดว่าตอนนี้คงได้ไปอยู่ปรโลกแล้ว

          ฟ่านเทียนเทียนลุกขึ้นค้อมกายคำนับก่อนกล่าว “ท่านแม่สั่งสอนได้ถูกต้อง ลูกวู่วามเอง จะจดจำที่ท่านแม่สั่งสอนอย่างดี”

          “เอาเถอะยายหนูจื่อไปพักก่อน ฝึกวิชาจะรีบร้อนไม่ได้

มีเวลาอีกห้าปีเพียงพอให้เจ้าเก่งกาจ วรยุทธตระกูลฟ่านย่อมเป็นเจ้าได้สืบทอดทั้งหมด”

          ปกติตระกูลฟ่านไม่สอนวรยุทธทุกอย่างให้ทุกคน ให้แต่

ละคนเลือกว่าชอบวิชาใดจึงถ่ายทอด เป็นคำสั่งสามีก่อนตาย

นางจำใส่ใจเอาไว้เพราะไม่อยากให้ลูก ๆ ถือดีเป็นคนเก่งกาจ

อยากให้รู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนย่อมมีคนเหนือกว่า

          แต่ตอนนี้นางขอละเมิดคำสั่งสามี ถ่ายทอดวิชาให้เจ้าสามจนหมดสิ้นหลังรู้ความจริง เพื่อสั่งสอนหลานเพียงคนเดียวอย่าง

หลี่ฉงจื่อ หวังคืนความเป็นธรรมให้บุตรสาว

          หลี่ฉงจื่อมองผ้าปักรูปท่านแม่ที่นางได้รับการสั่งสอนจากท่านยาย นางจดจำใบหน้าท่านแม่ได้แม่นยำ แล้วค่อย ๆ ปักเกือบหนึ่งปี ทุกฝีเข็มทำอย่างประณีตหนักแน่นเป็นระเบียบสวยงาม

นางเลือกแขวนเอาไว้ในห้อง มีกระถางธูปจุดบูชาทุกวัน ดอกไม้วันนี้นางเก็บมาเป็นกิ่งเหมยงดงามอ่อนช้อย เหมาะกับความงามของท่านแม่ที่สุด

          ท่านแม่แม้ไม่ได้ออกรบหลังจากแต่งงาน นางก็จำความได้ว่าไม่มีสตรีใดเทียบเคียงท่านแม่ของนางได้สักคนเดียว นางยิ้มให้ท่านแม่ก่อนเอ่ย “ท่านแม่ ลูกตั้งใจเก็บดอกเหมยมาให้ท่าน ฤดูนี้หากได้นั่งจิบชา ชมดอกไม้ มีท่านแม่ดีดพินไพเราะ ข้าจะมีความสุขเพียงใดกันนะ”

          ท่านแม่เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ ยามรบกล้าหาญเด็ดเดี่ยวน่าเกรงขาม ยามเป็นฮูหยินอ่อนหวานนุ่มนวลชวนให้ลุ่มหลง บุรุษใดได้ยลโฉมย่อมก้าวขาไม่ออก พวกนี้เป็นคำที่บิดานางเอ่ยชม นางฟังแล้วคิดได้ว่าไม่เกินจริง และคู่ควรกับมารดาของนางยิ่ง

          ใครจะคิดหลังใช้มารดานางเป็นสะพานไต่เต้าถึงตำแหน่งเสนาบดีกรมคลัง บิดาที่เคยซื่อสัตย์ต่อท่านแม่ก็รื้อสะพานทิ้งทันที เมื่อฮ่องเต้สอบทุจริต และเขาได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าเกลือที่

ไม่ผ่านทางการ เพื่อตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เขาใช้ชื่อเสียงมารดาของนางแลกพร้อมชีวิตและหลักฐานปลอม ส่วนพยานหลักฐานจริงก็ถูกกำจัดสิ้น ปล่อยข่าวฮูหยินป่วยตาย การค้าในมือของฮูหยินถูกเปลี่ยนมือทันที นั่นทำให้เขาพ้นผิดไปด้วย

          บิดาบัดซบ!

          หลายปีต่อมาเมื่อเขาสร้างฐานอำนาจใหม่ ถึงกับให้นางแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลหวัง แต่ใครจะคิดทั้งหมดเป็นแผนการของพวกเขาหญิงโฉด ชายชั่ว น้องสาวสารเลว ถีบนางสู่นรกอเวจีที่ยากจะปีนขึ้น และเหมือนเดิมยกเอาเกียรติยศตระกูลฟ่านขึ้นมาเพื่อการใหญ่ แต่นางล่วงรู้ก่อนจึงคิดกำจัด...

          ลูกกตัญญู...เหอะ! ข้าขำได้หรือไม่!

          บิดามันเถอะ...ข้าจะเป็นเพียงคุณหนูใหญ่หลี่ หาใช่ลูกสาวโง่เขลากตัญญู จนหน้ามืดตามัวตายไร้ดินกลบหน้าอีกต่อไปแล้ว...

          อีกห้าปีเจอข้า ‘หลี่ฉงจื่อ’

[1] ชุนเทียน: ฤดูใบให้ผลิหนึ่งปีของจีนเริ่มจากฤดูใบไม้ผลิ โดยมีเทศกาลตรุษจีนหรือชุนเจี๋ย ในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือนอ้าย ในเดือนเดียวกันยังมีเทศกาลสำคัญอีกอย่างคือเทศกาลหยวนเซียว เทศกาลโคมไฟในวันขึ้นขึ้น 15 ค่ำ เดือนอ้าย โดยแบ่งเป็น 6 ช่วง

[2] ชางหลงจิ่ง สุดยอดชาที่มีประวัติยาวนานกว่า 1,200 ปี ถิ่นกำเนิดอยู่ที่หมู่บ้านหลงจิ่ง เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีนคุณสมบัติโดดเด่นของชาหลงจิ่ง คือ สีเขียวมรกต กลิ่นหอมหวานสดชื่น ลักษณะใบชาคล้ายลิ้นนกกระจอก  ทั้งนี้ยังอุดมไปด้วยกรดอะมิโน และวิตามิน ซึ่งมีสรรพคุณช่วยกระตุ้นการสร้างของเหลวในร่างกาย ดับกระหาย ย่อยอาหาร ลดคอลเลสเตอรอล และล้างสารพิษ

Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters
No Comments
32 Chapters
บทที่ 1 ข้าไม่ใช่บุตรสาวกตัญญูอีกต่อไป
ฤดูชุนเทียน [1] เมฆาหมองบางตา เมฆาเคลื่อนคล้อย อากาศหนาวคลายตัว พืชพรรณต่าง ๆ เริ่มผลิดอกแตกกิ่งก้านใบเป็นสัญญาณแห่งการเริ่มต้นปีนักษัตรใหม่ ดอกเหมยที่เริ่มเบ่งบานตั้งแต่เดือนสิบสองจนถึงเดือนสองยังคงมีให้เห็นหนาตา ทำให้กิจกรรมที่เป็นที่นิยมในแคว้นหนานอัน คือการนั่งชมทิวทัศน์สุดตระการตาของทิวต้นดอกเหมย จิบชา ฟังพิน เดินหมาก ถือเป็นช่วงผ่อนคลายของผู้คนทั่วใต้หล้าแต่ไม่ใช่ ‘หลี่ฉงจื่อ’ เสียงทวนเหล็กที่ทำจากเหล็กนิลชั้นดีกระทบกับไม้พลองของท่านน้า ‘ฟ่านเทียนเทียน’ เกิดเป็นเสียงดังสั่นลั่นกลางเรือนสกุลฟ่านที่หวายหว๋า “ยะ!” ทวนไม้ของท่านน้าสามกวัดแกว่งไปมากลางอากาศ จากนั้นฟาดลงกลางหลังของหลี่ฉงจื่อดัง ‘อัก!’ จนทำให้ผู้คนที่เฝ้าดูการฝึกฝนวิชาต่อสู้ตรงกลางลานบ้านกำมือจิกเข้าหากันแน่นด้วยความอึดอัด “เอาใหม่!” แม้กายล้มลงกับพื้น แล้วฝืนใช้ทวนหยัดยืนขึ้นอย่างยากเย็น แต่เสียงกลับบอกว่าเอาใหม่ของยายหนูตัวน้อยวัยเพียงสิบหนาวที่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แกร่งกล้า แววตาดุดัน จิตใจมุ่งมั่น จนทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลฟ่านเจ็บปวดใจ “พอก่อน...พักดื่มน้ำค่อยฝึกต่อ” ฮูหยินผ
last updateLast Updated : 2025-12-13
Read more
บทที่ 2 เวลาแห่งการแก้แค้นมาถึง
หลี่ฉงจื่อนอกจากคารวะมารดาผู้ล่วงลับยามตื่น แล้วไปคารวะท่านยายตอนเช้า จากนั้นนางก็เริ่มฝึกวิชาต่อสู้กับท่านน้าสามตลอดครึ่งวัน ตอนบ่ายฝึกวิชาปักผ้าโดยใช้ผ้าคาดตา ใช้เพียงประสาทสัมผัส โดยมีเหยาเอ๋อคอยจัดด้ายสีสันต่าง ๆ ให้นาง แน่นอนว่าไม่เพียงแต่ฝึกเอาไว้ใช้แก้แค้น นางยังฝึกเพื่อให้ประสาทสัมผัสตื่นตัว กระทั่งฝึกให้ปิดตาต่อสู้กับท่านน้าสามนางก็ทำ ท่านยายบอกว่านี่คือเคล็ดลับของตระกูลฟ่าน ไม่ว่ามืดหรือสว่างต่อสู้กับคู่ต่อสู้ได้แม่นยำกว่าใคร จนสุดท้ายนางสำเร็จวิชาของตระกูลฟ่านทุกแขนง จนเวลาล่วงเลยมาถึงฤดูใบไม้ผลิในปีที่อายุครบสิบห้าหนาว นางที่ถึงวัยปักปิ่นแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าจัดงานปักปิ่นด้วยตัวเอง ไม่ต้องง้อบิดาสารเลวของนางที่อยู่เมืองหลวงสักนิด “หลี่ฉงจื่อเติบโตแล้ว ขอให้หลานสาวยายประสบความสำเร็จทุกเรื่อง สุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว” ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นผู้หวีผมและปักปิ่นด้วยตนเอง ไม่ให้มามาช่วยเหลือ ยามปักปิ่นไปน้ำตาสีใสก็เอ่อคลอในดวงตา เห็นเป็นใบหน้าของลูกสาวทับซ้อนในใบหน้าของยายหนูฉงจื่อ “ขอบคุณเจ้าค่ะท่านยาย ฉงจื่อจะจดจำคำสอนท่านยายอย่างดี” หลี่ฉงจื
last updateLast Updated : 2025-12-13
Read more
บทที่ 3 ท่านอีกแล้ว
หลี่ฉงจื่อกับท่านยายมองหน้ากัน แล้วเดินลงจากรถม้าไปเพื่ออยากรู้ว่าเกิดเหตุใดขึ้น แต่เมื่อไม้เท้าหงส์ของฮูหยินผู้เฒ่าฟ่านแตะลงพื้น ผู้คนทั้งหมดรวมถึงบุรุษเมื่อครู่ต่างลงจากหลังม้าเดินเข้ามาค้อมกาย บังเกิดความเงียบสงัดจนได้ยินเสียงลมโชย และกลับหวนทวีขึ้นจนใบไม้ปลิว ดอกเหมยท้ายฤดูกาลร่วงหล่นเป็นสายรายล้อมนางและท่านยายเอาไว้ เป็นภาพที่ผู้คนต่าง ๆ ได้เห็นแล้วล้วนตราตรึงใจ และคงจะเกิดคลื่นลมบางอย่างกับราชสำนักโดยเร็ว ความเงียบงันถูกทำลายเมื่อบุรุษผู้ออกหน้าแทนตระกูลฟ่านเป็นฉินกั๋วกงผู้ที่เป็นคนสนิทของฝ่าบาท มีสิทธิ์สั่งการประตูเมืองแทนเจ้าเมืองได้เอ่ยขึ้น “ฮูหยินผู้เฒ่าฟ่าน ข้าฉินกั๋วกงหวัง-ชิงเย่จะจัดการให้ท่านเอง อย่าได้เป็นกังวล” ฉินกั๋วกงรีบแนะนำตัวเอง ทั้งโค้งกายอย่างนอบน้อม ทำให้เหล่าทหารผู้มีหน้าที่สกัดการเดินทางเข้าเมืองหลวงของตระกูลฟ่านชะงัก เขาเป็นเพียงลูกน้องปลายแถวเท่านั้น “มิกล้าลำบากฉินกั๋วกง ข้าไม่ได้มาเมืองหลวงหลายปี อีกอย่างป้ายผ่านทางนี้คงใช้ไม่ได้แล้ว รบกวนท่านกั๋วกงคืนให้ให้ไท่ซางหวงดีหรือไม่ เพราะไท่ซ่างหวงไท่เมิ่งเจ๋อประทานให้ข
last updateLast Updated : 2025-12-13
Read more
บทที่ 4 ไม่อยากรับแขก
“คารวะเสนาบดีหลี่” หวังชิงเยว่เดินก้าวฉับ ๆ เพียงไม่กี่ก้าวหลังลงจากหลังม้าก็ถึงเบื้องหน้าของเสนาบดีหลี่แล้ว ท่าทางที่กำลังจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย กับฮูหยินและบุตรสาวที่ทำสีหน้าบูดบึ้งบอกได้ชัดกระมังว่าล้วนบังคับให้มาอย่างกะทันหันไม่ทันได้ตั้งตัว ‘ช่างน่าครึกครื้น!’ หลี่เหมิงผงะเล็กน้อยที่พบกับฉินกั๋วกงผู้ผดุงความยุติธรรมให้ฝ่าบาท ได้ยินว่าหน้าประตูเมืองออกหน้าจัดการคนของสกุลหลิวปกป้องฮูหยินผู้เฒ่าฟ่าน บัดนี้ยังปักหลักเช่นนี้เห็นได้ชัดเจนว่าความเคลื่อนไหวของเขาถูกจับตามองแล้ว “ฉินกั๋วกง” หลี่เหมิงพูดด้วยรอยยิ้มทักทายผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุดในราชสำนัก และอายุน้อยที่สุดในเหล่าบรรดาขุนนาง เขาทำงานรับใช้ฝ่าบาทมานานหลายปี ไต่เต้าจากเสมียนยังขึ้นได้สูงสุดแค่เสนาบดี ทั้งไม่ได้รับแต่งตั้งบรรดาศักดิ์เพราะด้วยชาติกำเนิด แม้ว่าเขาจะแต่งงานกับตระกูลแม่ทัพที่ได้รับเกียรติยศสูงสุด ทั่วทั้งราชสำนักยกย่อง อดีตฝ่าบาทเกรงพระทัย แต่เขาภักดีเพียงนี้ บรรดาศักดิ์กระทั่งหนานก็ยังไม่ได้รับการพิจารณา แต่บุรุษผู้นี้อยู่ตระกูลหวัง ชาติกำเนิดมารดาสูงศักดิ์ เป็นองค์หญิงบรรด
last updateLast Updated : 2025-12-13
Read more
บทที่ 5 ข่าวแพร่ไว
“ในที่สุดท่านก็มาสักที ข้ารอท่านนานแล้ว” ใต้เท้าหลิว หรือหลิวเฉียงเดินไปเดินมาที่โถงรับแขกราวกับหนูติดจั่น ยามนี้ทั่วเมืองหลวงไม่มีใครไม่พูดเรื่องที่เขาสั่งให้คนไปขวางขบวนของฮูหยินผู้เฒ่าฟ่าน ทั้งไท่ซ่างหวงยังจัดงานเลี้ยงต้อนรับยิ่งใหญ่อีกด้วย คนผู้นั้น แม้วางมือแต่ไม่ถอดเขี้ยวเล็บโดยแท้ หลี่เหมิงรับรู้ว่าตระกูลหลิวยามนี้ เต็มไปด้วยของสกปรกที่เหล่าชาวบ้านปาใส่ประตูจวน แต่ไม่รู้ใต้เท้าหลิวมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แล้วแบบนี้ไม่เท่ากับหาเรื่องใส่ตัวหรืออย่างไร “เหตุใดท่านมาอยู่ที่นี่” หลิวเฉียงมองไปยังฮูหยินหลี่ จากนั้นหลี่เหมิงยกมือไล่พวกนางแม่ลูกออกไป ให้หลิวเฉียงไปหารือที่ห้องหนังสือ “นี่ใต้เท้าหวังท่านยังสงบใจอยู่ได้อีกหรือ เรื่องชักจะบานปลายแล้ว” หลิวเฉียงเพิ่งเข้ากลุ่มรวมอำนาจเพื่อต้องการสั่นสะเทือนบัลลังก์มังกร ไม่รู้ฟ้าสู้แผ่นดินต่ำ ใช้คนที่ไม่เอาไหนพูดออกไปหมดว่าผู้ใดสั่งการ แม้เขาจะเป็นตำแหน่งในกรมทหารรักษาประตูเมืองหลวง แต่ก็คุมแค่ลูกน้องปลายแถวเท่านั้น ไม่ได้เป็นผู้บัญชาการใหญ่ ทั้งยังมีฉินกั๋วกงออกหน้าแทน ประชุมขุนนางพรุ่งนี้เขาแทบจะก
last updateLast Updated : 2025-12-13
Read more
บทที่ 6 ยากจะรับมือ
หลี่เหมิงรู้สึกเหมือนฝ่าบาทต้องการเอาชีวิตเขา สายพระเนตรเกรี้ยวกราด พระพักตร์บึ้งตึง จนเขาไม่กล้าแม้จะเงยหน้าสบตา ตั้งแต่ครองราชย์มาหลายปีตั้งแต่วัยหนุ่ม บัดนี้เจริญวัยขึ้นสมควรแก่การรับฮองเฮาแล้ว แต่ยังไม่แต่งตั้งผู้ใดจริงจังนัก พักตร์ที่เคยอ่อนโยนมองเหล่าขุนนางที่รุมทึ้งมาตลอดหลายปี เหตุใดจึงเพิ่งแสดงอำนาจวันนี้ เหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นล้วนแต่ไม่เข้าใจเช่นกัน ทั้งเรื่องในบ้านตระกูลหลี่ฝ่าบาทยังต้องการเอื้อมมือเข้าหา แต่ละคนไม่รู้ว่าเสนาบดีหลี่ทำเรื่องผิดคุณธรรมสิ่งใดไว้บ้าง ถึงทำให้ฝ่าบาทเป็นเช่นนี้ หลังประชุมจึงจับกลุ่มกันทันที “เหตุใดวันนี้ท่านพูดเพียงไม่กี่ประโยค ฝ่าบาทก็ทรงกริ้วแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ท่านไปทำสิ่งใดก่อนหน้านี้ไว้” เสนาบดีกรมโยธาถามขึ้น “หลายปีมานี้ข้าครองตัวดีมาตลอด ตั้งแต่ฮูหยินในอดีตของข้าเสียชีวิต ไม่เคยมีชื่อเสียงย่ำแย่กระทั่ง...” เขาเหมือนจะคิดออก กระทั่งตระกูลฟ่านกลับเข้าเมืองหลวง วันนี้ฝ่าบาททรงกริ้วหนักเป็นพิเศษ ทั้งเพ่งเล็งตระกูลหลี่อีกด้วย “ระมัดระวังให้ดี หากทำอะไรกระโตกกระตากไม่ดีแน่” เป็นจิ้งอันโหวหวังเติ้
last updateLast Updated : 2025-12-13
Read more
บทที่ 7 เดรัจฉานตระกูลหวัง
หลี่ฉงจื่อพยุงฮูหยินผู้เฒ่าฟ่านมายังที่นั่งที่จัดเอาไว้ให้กับตระกูลฟ่าน ซึ่งเป็นที่นั่งที่ใกล้กับพระที่นั่งของไท่ซ่างหวงและฝ่าบาท เมื่อนั่งเรียบร้อยแล้วนางสังเกตไปรอบ ๆ เห็นว่าเหล่าขุนนางราวกับรอตระกูลฟ่านนั่งเท่านั้น เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าฟ่านนั่งแล้วจึงทยอยเข้ามานั่งเรียงตามลำดับชั้นยศ สายตาของหลี่ฉงจื่อมองไปยังสุดสายตา โต๊ะรับรองของตระกลูหลี่อยู่ท้ายสุดไกลลิบ ๆ แม้เป็นถึงเสนาบดี กลับได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ จึงอดขำพรืดออกมาไม่ได้ “ถูกใจเจ้าแล้วใช่หรือไม่” สวี่หรงเจินฮูหยินผู้เฒ่าฟ่านหันไปยิ้มกับหลานสาว แม้วันนี้เป็นการสั่งสอนเริ่มต้น แต่ก็ทำให้พวกเขาอารมณ์ดีขึ้นมาได้ หลี่ฉงจื่อไม่ตอบรับเพียงรินเหล้าผลไม้ให้ท่านยายหนึ่งจอก แล้วยกขึ้นก่อนกล่าว “ถูกใจยิ่งนักเจ้าค่ะท่านยาย” สวี่หรงเจินยิ้มให้กับหลานสาว ทั้งมีสายตาวูบหนึ่งมองไปยังที่นั่งของหลี่เหมิง บุรุษที่ฆ่าบุตรสาวของนางภายในใจโกรธแค้น แต่นางอยู่หวายหว๋ากลับได้รับจดหมายว่าสุขสบายไร้กังวล ในใจรู้สึกระทมทุกข์นัก เชื่อว่าลูกสาวคงไม่อยากให้นางเป็นห่วงเป็นแน่ สุดท้ายก็รักษาชีวิตไว้ไม่ได้
last updateLast Updated : 2025-12-13
Read more
บทที่ 8 มิสู้ให้แต่งงานกัน
ก่อนสั่งไท่เผิงมองสีหน้าเสด็จพ่อ แล้วเห็นว่านั่งนิ่งเฉยไม่มีท่าทีใด ฮูหยินผู้เฒ่าฟ่านเองก็ด้วย ดังนั้นหมายถึงเสด็จพ่ออยากเห็นท่าทีของเขาว่าจะตัดสินสกุลหวังเช่นไร แน่นอนว่าเขาไม่ปล่อยโอกาสนี้หลุดมือไปเป็นแน่ ซื่อจื่อหวังฮ่าวมีอาการตาลอยคลุ้มคลั่งเล็กน้อย คล้ายกับควบคุมสติไม่อยู่ยามดื่มเหล้า ใบหน้าแดงกำดวงตาขึ้นสีแดงระเรื่อ ไม่บอกก็รู้ว่าหวังฮ่าวดื่มหนักเพียงใด ขนาดงานเลี้ยงของไท่ซ่างหวงยังกล้าดีขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่เกรงกลัวบารมีผู้ใด “ปล่อย...ปล่อยข้า ข้าจะไปหานาง” หลี่ชิงที่อยู่ในอาการตกใจ เมื่อขณะเดินอยู่ไม่ห่างจากงานเลี้ยงเพื่อจะไปคุยเล่นกับสหาย นางกลับถูกบุรุษเสเพลหวังฮ่าวเข้ามาฉุดกระชากลากเข้าไปทำเรื่องน่าอับอาย ใบหน้าของนางยามนี้เปรอะเปื้อนด้วยน้ำตา มีท่านแม่และท่านพ่อเดินเข้ามาปลอบใจ “ฮึก...ท่านพ่อ...ช่วยข้าด้วย” หลี่เหมิงรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะตระกูลหวังเขาก็อยากเกี่ยวดอง แต่ไม่ใช่จะให้หลี่ชิงเกี่ยวดองด้วย ต้องการยืมคุณูปการของสกุลฟ่านไต่เต้าขึ้นเป็นใหญ่ต่างหาก “ใจเย็น ๆ ลูก เรื่องนี้ต้องมีทางออกแน่”
last updateLast Updated : 2025-12-13
Read more
บทที่ 9 สินเดิมควรคืนเจ้าของ
เช้าวันรุ่งขึ้นคนสกุลฟ่านมาพบคุณหนูหลี่แต่เช้า โดยคุณชายสามผู้สืบทอดตระกูลฟ่านมารออยู่นานแล้ว เพราะไม่มีใครอยู่ตระกูลจึงเป็นเขาที่กลับไปตั้งแต่เมื่อคืน แต่ให้คนเข้าไปสืบเรื่องของตระกูลหลี่จนได้ความคืบหน้าของเรื่องเมื่อคืน หลี่ฉงจื่อที่ตื่นเช้าเป็นปกติ นางไม่รบกวนท่านยายอยากให้พักผ่อนให้มาก เมื่อคืนสนทนากับไท่ซ่างหวงจนดึก จึงแต่งตัวออกมาพบน้าสามที่ห้องรับรองแขก “ท่านน้าสามมาแต่เช้ามีอะไรหรือเจ้าคะ” “ตระกูลหลี่คุยเรื่องสินเดิมกันแล้ว” ฟ่านเทียนเทียนป้องปากกระซิบ บอกให้รู้ว่าควรเริ่มแผนการขั้นต่อไปได้แล้ว “เช่นนั้น เราไปเอาของของเรากลับมาได้แล้วใช่หรือไม่” หลี่ฉงจื่อแทบอยากจะไปบุกตระกูลหลี่ขนสินเดิมออกมาให้หมดสิ้น “ทะเบียนครัวเรือนเจ้าอยู่ตระกูลหลี่ จะเอาสินเดิมออกมาย่อมต้องแยกครัวเรือน” ฟ่านเทียนเทียนพูดแล้วหนักใจ เพราะอย่างไรก็ขึ้นชื่อว่าเป็นคนสกุลหลี่ สินเดิมยังต้องเก็บไว้ตระกูลนั้น “เช่นนั้นข้าจะแยกเดี๋ยวนี้ก็ได้” “เจ้าจะถูกนินทา” ฟ่านเทียนเทียนตรึกตรองอย่างรอบคอบแล้ว หากนังหนูฉงจื่อไปยืนประกาศปาว ๆ ว่าจะแยกบ้านคนจะว่
last updateLast Updated : 2025-12-13
Read more
บทที่ 10 ทิ้งกันหน้าด้าน ๆ
พ่อบ้านตระกูลหลี่รีบกลับไปรายงานนายท่านทันที เมื่อหลี่เหมิงรับรู้เข้าจึงโกรธหนัก “สตรีสารเลวผู้นั้นอยู่ที่ใด” พ่อบ้านตัวสั่นงันงก คุกเข่าละล่ำละลักตอบ “ฮูหยินปลอบใจคุณหนูหลี่ชิงอยู่ในเรือนขอรับ” “ไปตามนางสารเลวแม่ลูกมาพบข้า แล้วไปเชิญฮูหยินผู้เฒ่าฟ่านกับลูกสาวข้าเข้ามา เข้าทางประตูใหญ่” หลี่เหมิงไม่คิดว่าวันนี้ตระกูลฟ่านจะมาเยือน เขาไม่ทันได้เตรียมตัว เดิมนั่งคิดอะไรอยู่ในห้องหนังสือ ใครจะคาดมีภรรยาก็เหมือนเลี้ยงลาไว้หนึ่งตัว ทั้งโง่เง่าและไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ความนอบน้อมไม่เคยมี หาแต่เรื่องอวดดี สวี่หรงเจินนั่งอยู่ในห้องพร้อมกับหลานสาวและบุตรชายคนที่สาม ไม่ดื่มไม่กิน ไม่สนทนาอะไรทั้งนั้น ตอนแรกต้องการมาหยั่งเชิงดูตระกูลหลี่ แต่ในเมื่อปฏิบัติกับตระกูลฟ่านเช่นนั้นก็ไม่ควรรีรออีกต่อไป หลี่เหมิงรีบร้อนแต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วเดินเข้าไปที่โถงรับแขก เห็นสีหน้าเย็นชาของทั้งสามคนแล้วตนไม่รู้จะผ่านวันนี้ไปได้หรือไม่ จึงได้แต่หน้าด้านเข้าไปต้อนรับด้วยรอยยิ้ม “คารวะฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ น้องสามี” หลี่เหมิงเรียกด้วยวาจาอ่อนหวาน
last updateLast Updated : 2025-12-13
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status