เบลล่าเลือกอยู่นานแต่ทว่าเธอก็ยังไม่สามารถหาคนสวนที่ถูกใจได้เลย อีกทั้งตอนนี้ก็เป็นเวลาใกล้จะมืดแล้วเธอจึงเดินทางกลับคฤหาสน์ก่อน
เซ็ดดริกนั้นทำงานได้ดีเกินกว่าที่เธอคาดคิดเอาไว้ เขาล่วงหน้ามาจัดการเรื่องเกี่ยวกับคนรับใช้ ทั้งเรื่องหาหมอมาตรวจร่างกายและเรื่องการจัดสรรห้องที่เหมาะสม ชายชราผู้นั้นชื่อว่า เซนเดอร์ ร่างกายของเขานั้นมีเพียงอาการขาดน้ำและขาดสารอาหารเท่านั้น ส่วนคนใช้ร่างท้วมชื่อว่ามิเกล น้องสาวของมิเกลนั้นไม่สามารถพูดได้เพราะเธอเป็นใบ้ตั้งแต่กำเนิด ชื่อว่ามิลัน หลังจากได้ทานอาหารมิเกลและมิลันก็เริ่มงานทันที คนที่ตื่นเต้นกว่าใครนั้นก็น่าจะเป็นท่านแม่ เธอลงมาทำความรู้จักกับคนรับใช้ทั้งสามด้วยท่าทางดีใจ เบลล่ามองภาพเหล่านั้นด้วยรอยยิ้ม “ข้าคิดว่าข้าอยากจะได้คนสวนที่สามารถปกป้องคฤหาสน์ได้ อีกทั้งยังอยากได้อัศวินสักสองคนมาคอยคุ้มกันท่านแม่” “ครับ ข้าจะจัดการหาอัศวินที่เหมาะสมมาให้” “ข้าอยากได้อัศวินที่ไม่ขึ้นตรงกับสังกัดของตระกูลโอเว่นนะคะ ข้าอยากได้อัศวินที่เป็นของข้าจริงๆ หวังว่าเซ็ดดริกจะเข้าใจความคิดของข้า” “ครับ ตามที่ท่านเบลล่าประสงค์” “ท่านจะพักที่นี่ไหมคะ ด้านบนยังมีห้อง…” “ไม่ครับ..บ้านของข้าอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ พรุ่งนี้ข้าจะมารับท่านไปเลือกชุดและเครื่องประดับสำหรับไปงานนะครับหากว่าเวลาเหลือข้าจะพาท่านไปแอบดูเลดี้คิร่าสักหน่อยเพื่อให้ท่านประเมินเกี่ยวกับงานของเราเบื้องต้น” เบลล่าพยักหน้า เธอทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ป่านนี้ท่านพ่อและแม่รองจะรู้รึยังนะว่าสตรีผู้นั้นเป็นเพียงโสเภณีที่ถูกเธอจ้างไป อ่า..มีความสุขชะมัดเลยแฮะ!! วันรุ่งขึ้นเซ็ดดริกมารับเบลล่าแต่เช้า เพื่อพาเธอไปยังห้องเสื้อของมาดามอิกกี้…ซึ่งเป็นห้องเสื้อที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวรรดิ ด้านในมีสตรีมากมายกำลังเลือกชุดอยู่ “ดูเหมือนโชคจะเข้าข้างเรานะครับ เลดี้คิร่าคือสตรีผมสีแดงที่ยืนเลือกชุดอยู่ด้านซ้าย ในห้องเสื้อนี้บุรุษไม่สามารถเข้าไปได้ ข้าส่งท่านเบลล่าได้เพียงเท่านี้นะครับ” เธอพยักหน้าให้เช็ดดริก..มาเริ่มงานก้าวแรกกันเถอะ “ยินดีต้อนรับเข้าสู้ห้องเสื้อของมาดามอิกกี้ค่ะ…ไม่ทราบว่าเลดี้ที่งดงามผู้นี้มีใบนัดไหมคะ” เบลล่าส่งยิ้มให้กับสตรีผิวสีแทนที่ดูท่าทางกระตือรือร้น ก่อนจะยื่นใบนัดให้เธอ “อื้ม…ยินดีต้อนรับค่ะเลดี้เมบิล กรุณานั่งรอมาดามที่โซฟาด้านนั้นสักครู่นะคะ” เบลล่าเดินเข้าไป..ด้านในโซนที่มีใบนัดมีเพียงเธอและเลดี้คิร่าที่กำลังเลือกชุดอยู่ ที่ข้างกายของเลดี้คิร่าไม่มีผู้ติดตามสักคน นั่นหมายความว่าสตรีผู้นี้ไม่ชอบบรรยากาศที่วุ่นวาย อีกทั้งตามข้อมูลที่เธอได้มาสตรีผู้นี้เป็นคนโลกส่วนตัวสูงและไม่ค่อยชอบคุยกับใคร เบลล่าส่งยิ้มให้เลดี้คิร่า “ชุดในมือของเลดี้ช่างงดงามมากเลยค่ะ…เส้นผมสีแดงเช่นนี้ไม่ว่าจะใส่ชุดไหนออกมาก็ล้วนแล้วแต่งดงามทั้งสิ้น” “ขอบคุณ…แต่ข้ามิได้ถามความเห็นของเลดี้ค่ะ” อืม..กำแพงมันช่างสูงชันซะเหลือเกิน! แต่เบลล่าคนนี้ไม่หวั่นหรอกนะ เพื่อเงินหนึ่งแสนเหรียญทองแล้ว เธอจะปีนข้ามมันไปให้ได้ “ขออภัยที่คำกล่าวของข้าทำให้เลดี้ไม่สบายใจนะคะ…ข้าเพียงเห็นภาพลักษณ์ที่โดดเด่นของเลดี้แล้วอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากชม” “ข้าจะบอกอะไรให้นะคะ หยุดตีสนิทข้าเพื่อจะเข้าหาพี่ชายของข้าได้แล้วค่ะ!! ข้าไม่คิดจะยกท่านพี่โคลด์ให้ใครหรอกนะ!” ห๊ะ!! ใครมันจะไปอยากได้พี่ชายของเธอกันเล่า! “อ่า..ข้าคิดว่าเลดี้อาจจะเข้าใจเจตนาของข้าผิด ตระกูลเมบิลของข้าพึ่งจะย้ายมาจากเมืองข้างๆ ข้ายังไม่เคยเห็นหน้าของพี่ชายเลดี้เลย ที่ข้าเข้ามาคุยกับท่านในวันนี้ก็เพียงแค่ข้าอยากจะมีเพื่อนใหม่เท่านั้นเองค่ะ” แววตาของคิร่าที่มองเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อยเพราะมันดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด…แสดงว่าที่ทำตัวไม่คบใครเป็นเพื่อนเลยเพราะหวงพี่ชายงั้นเหรอเนี่ย! น่ารักชะมัด “เช่นนั้นก็ดี…ว่าแต่เลดี้มาเลือกชุดไปงานอะไรคะ ข้าคิดว่าข้าอาจจะพอแนะนำชุดออกงานของที่นี่ให้เลดี้ได้” คิร่ากล่าวพร้อมทั้งมองหน้าเธอ “ท่านแม่ของข้าได้รับบัตรเชิญไปงานบรรลุนิติภาวะของตระกูลเคาน์เคนเนดี้ค่ะ…ท่านแม่ไม่ค่อยสบายข้าก็เลยต้องไปแทน นี่ถือเป็นการออกงานครั้งแรกของข้าเลยก็ว่าได้ เลดี้พอจะแนะนำการวางตัวให้ข้าได้ไหมคะ ข้าได้ยินมาว่าตระกูลเคนเนดี้นั้นยิ่งใหญ่และทรงอำนาจมากๆ เลย ข้าที่ไร้ประสบการณ์เช่นนี้กลัวจะทำเรื่องขายหน้า…” ใบหน้าของคิร่านั้นขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ หญิงสาวมองใบหน้าที่งดงามและไร้เดียงสาของเบลล่าด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ใบหน้าที่งดงามของสตรีที่นั่งตรงข้ามเธอมันทำให้เธอรู้สึกถูกใจอย่างบอกไม่ถูก อีกทั้งเลดี้ผู้นี้ยังไม่ได้เข้าหาเธอเพราะท่านพี่ด้วย!! “เลดี้เมบิลหากว่าท่านไม่รังเกียจ ไปที่คฤหาสน์ของข้าได้ไหมคะ ข้าอยากจะเชิญเลดี้ไปดื่มน้ำชาสักครั้ง เผื่อว่าข้าจะได้ช่วยแนะนำการออกงานเล็กๆน้อยๆให้เลดี้ได้” ริมฝีปากบางของเบลล่าหยักยิ้มขึ้นมา “หากเลดี้คิดว่านี่ไม่เป็นการรบกวนข้าก็ยินดีและขอบคุณมากๆเลยค่ะ” หลังจากนั้นสตรีทั้งสองก็ช่วยกันเลือกชุดอย่างสนุกสนาน คิร่าพาเบลล่าไปที่คฤหาสน์เคนเนดี้ ในตอนที่เห็นคฤหาสน์เคนเนดี้ครั้งแรกบอกตามตรงว่าเธอตกใจมากๆ นี่มันคฤหาสน์หรือพระราชวังกันแน่!! ที่นี่มีห้องนอนราวร้อยห้องเห็นจะได้ มีคฤหาสน์สามหลังเชื่อมต่อกัน มันคือความอลังการงานสร้างแบบที่เบลล่าไม่เคยเห็นมาก่อนเลยให้ตายเถอะ นี่คงจะเป็นเหตุผลที่สตรีในเมืองเข้าหาท่านเคาน์กันอย่างไม่ขาดสาย…เพราะความรวยนี่เอง!! “ยินดีต้อนรับสู้คฤหาสน์เคนเนดี้ค่ะ ข้าคิร่า เคนเนดี้” เบลล่านั้นแสร้งทำท่าตกใจ!! “พระเจ้าช่วย นี่กลายเป็นว่าข้าขอคำปรึกษากับเจ้าของงานอย่างนั้นหรือคะ…นี่จะขายหน้ามากเกินไปแล้ว” คิร่านั้นหัวเราะเบาๆก่อนที่เธอจะเดินนำเบลล่าเข้าไปด้านในสวน “วันนี้อากาศดีเหมาะแก่การจะดื่มชาในสวนนะคะ…” สวนที่ว่ามันคือสวนกระจก มีดอกไม้ราคาแพงระยับปลูกอยู่เต็มไปหมด ว่าแต่นั่นคือกุหลาบสีดำที่ดอกใหญ่กว่าหน้าเธอไม่ใช่เรอะ!! “ค่ะ…สวนของเลดี้งดงามมากๆ เลยนะคะ มีดอกไม้หลายอย่างที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” “เป็นดอกไม้ที่ท่านพี่ของข้าเป็นคนปลูก ที่นี่เป็นที่เดียว..ที่เวลาเรามาแล้วมันสามารถบรรเทาความคิดถึงที่มีต่อท่านพ่อและท่านแม่ค่ะ” รอยยิ้มบนใบหน้าของคิร่านั้นเจือปนไปด้วยความเศร้า “บอกข้าทีสิว่าข้าไม่ได้ตาฝาดไป นั่นคิร่าพาเพื่อนมาที่คฤหาสน์งั้นหรือ” เบลล่าหันไปมองที่เสียงของบุรุษที่ดังขึ้นจากด้านหลังของเธอ ก่อนจะหันมาหาคิร่าราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น โอ้โห้!! หล่อฉิบหาย คราแรกเธอนึกว่าท่านเคาน์ที่เหล่าเลดี้ในเมืองหลวงโหยหานั้นจะมีดีเพียงแค่เงินทองเท่านั้นแต่นี่มันหล่อสุดๆ ไปเลยไม่ใช่รึไง!! ถึงในใจของเบลล่าจะกรีดร้องมากเท่าไหร่ เธอก็ยังคงรักษาใบหน้าที่ยกยิ้มอย่างไม่รู้สึกอะไรเอาไว้เป็นอย่างดี นี่อาจจะเป็นทดสอบของคิร่าก็ได้…หากว่าเธอนั้นแสดงท่าทางสนอกสนใจท่านเคาน์ เธออาจจะไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้คิร่าอีกเลยในชาตินี้… “สวัสดีค่ะท่านเคาน์ ข้าเบลล่า เมบิล ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” เธอลุกขึ้นก่อนจะก้มหน้าลงเพื่อทำความเคารพตามมารยาท “ไม่ต้องมากพิธีหรอก..หากว่าเจ้าเป็นเพื่อนของคิร่า เช่นนั้นเจ้าก็นับเป็นน้องสาวของข้าอีกคนด้วย!!” เบลล่าส่งยิ้มให้ท่านเคาน์อย่างพอดีๆ ไม่ดีใจเกินไปและไม่เมินเฉยเกินไป คิร่านั้นถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเธอมองไม่เห็นท่าทางสนอกสนใจท่านพี่จากใบหน้าของเบลล่าเลย ท่าทางสตรีผู้นี้น่าจะไม่ได้เข้าหาเธอเพราะท่านพี่จริงๆ เช่นนั้นเธอก็สบายใจแล้ว “คืนนี้พี่จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับอัศวินในสังกัดเคนเนดี้ หากว่าเบลล่าไม่มีธุระที่ไหนต่ออยู่ร่วมงานเลี้ยงด้วยกันก่อนสิ” เธอมองไปที่คิร่า ซึ่งคิร่านั้นพยักหน้าราวกับต้องการให้เธอตกลง “ค่ะ..ถ้ากลับไม่ดึกมาก ก็น่าจะไม่เป็นไร” ท่านเคาน์ส่งยิ้มก่อนจะยกแก้วน้ำชาขึ้นดื่ม “ว่าแต่คิร่าจัดการเรื่องชุดวันงานเรียบร้อยรึยัง?” “ค่ะ ข้ากับเบลช่วยกันเลือกชุดที่ร้านของมาดามอิกกี้แล้ว เราพบกันโดยบังเอิญที่นั่น” “ดีจังเลยนะ พี่คาดหวังอยากให้เจ้ามีเพื่อนตั้งนานแล้ว ว่าแต่เบลล่าลงเรียนที่ไหนอยู่งั้นหรือ? เผื่อจะให้คิร่าไปเรียนด้วย เพราะที่ผ่านมานางไม่ชอบเข้าสังคมก็เลยไม่ได้ไปเรียนที่อคาเด็มมี่” “ข้าเรียนจบตั้งแต่สองปีที่แล้ว..ตอนนี้ผันตัวมาเป็นอาจารย์สอนแล้วค่ะ” “เคร้ง!!!” ช้อนในมือของคิร่านั้นตกลงบนจาน เธอมองที่เบลล่าอย่างตกใจ “เบลนี่เจ้าอายุเท่าไหร่!!” เพราะจากที่คาดคะเนจากสายตา ไม่ว่าจะมองยังไงนางก็อายุไม่น่าจะเกินสิบเจ็ดปี “อีกสามเดือนจะสิบเจ็ด..” นี่หมายความว่านางเรียนจบตั้งแต่อายุสิบสี่งั้นเรอะ!! นี่มันจะอัจฉริยะเกินไปแล้ว!! “เหลือจะเชื่อ!!” “ตระกูลเมบิลของข้ามิได้ถือว่าร่ำรวย ท่านพ่อของข้าเสียไปตั้งนานแล้ว ท่านแม่ต้องเป็นคนทำงานทั้งหมด ข้าก็เลยตั้งใจเรียนให้จบไวๆ เผื่อจะได้แบ่งเบาภาระของท่านแม่” โคลด์หรี่ตามองใบหน้าที่งดงามของเบลล่า ก่อนที่เขาจะแสยะยิ้ม นี่มัน…น่าสนใจกว่าที่คิดแฮะ!เบลล่าตื่นขึ้นมากลางดึก ไบรอันยังคงโอบกอดเธอเอาไว้ ส่วนเลโอนอนอีกฝั่งนึกตอนที่ทั้งสองคนมาเจอกันไม่ออกเลย แต่รอยช้ำที่แก้มของไบรอันก็บอกเธอได้ดี ว่ากว่าเลโอจะยอมคงจะตกลงกันนานพอสมควรเธอลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างก่อนจะมองไปด้านล่าง เบลล่ามองฝนที่ยังคงตกลงมาต่อเนื่องอย่างไม่มีทีท่าว่าจะแล้งเธอไม่ชอบเวลาฝนตกเลย มันเหมือนกับว่าบรรยากาศรอบข้างมันเศร้ายังไงไม่รู้เลโอลุกขึ้นจากเตียง เขาเดินมาโอบกอดเธอจากด้านหลัง“นอนไม่หลับอีกแล้วงั้นหรือ ไปเจออะไรที่วิหารมา”เธอถอนหายใจ“ข้าไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ข้าเห็นมันจะเป็นจริงรึเปล่า แต่ในอนาคตที่ไม่รู้ว่าระยะเวลามันจะอีกแค่ไหน ข้าจะตาย…”เบลล่าสัมผัสได้ถึงอ้อมกอดที่แน่นขึ้นของเลโอ เขาพรมจูบที่ต้นคอของเธอไล่ลงไปจนถึงไหล่“นั่น!..อาจจะมีอะไรผิดพลาด ข้าจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นแน่!”เธอยกมือขึ้นมากุมหน้าเขาเอาไว้“ข้ารู้เลโอ ว่าท่านจะต้องปกป้องข้า ข้าก็ไม่คิดจะยอมรับโชคชะตาเช่นนั้นเหมือนกัน การที่อาเชอร์บอกเรื่องนี้กับข้าแสดงว่าเขาอยากให้ข้าเป็นคนแก้ปัญหา…”“ข้าจะช่วยแก้ปัญหาด้วย!”ไบรอันลุกขึ้น เขาเดินมาหาเบลล่าพร้อมทั้งเอาคางเกยไว้ที่ไหล่ของเธอ“ตอนที่เจ้า
ไบรอันมองเบลล่าอย่างเป็นห่วง เขายกมือขึ้นมาแตะที่หน้าผากของเธอเพราะตอนนี้ใบหน้าของเธอมันกำลังแดง จริงๆ ไม่ใช่แดงแค่หน้าแต่แขนและคอของเธอมันแดงไปหมด“เบล ข้าควรไปตามนักบุญด้านนอกมารักษาเจ้า”“โพชั่นที่อาเชอร์ทำ ไม่มีเวทมนตร์ใดที่สามารถรักษาได้ มีแต่ต้องรอให้มันหายไปเองเท่านั้น!”อาการของเธอดูน่าเป็นห่วงจนไบรอันรู้สึกไม่ดีเลย ใบหน้าที่งดงามของเธอมันบิดเบี้ยวเพราะเธอกำลังเจ็บปวด“ล็อกห้องนี้แล้วพาข้ากลับเมบิล…”ไบรอันอุ้มเธอขึ้นมาเขาพาเธอเดินออกไปพร้อมกับปิดห้องให้เรียบร้อย แล้วรีบอุ้มเบลล่าไปที่รถม้า“อื้อ!!”เขาวางเธอลงบนรถม้า ตอนนี้ใบหน้าของเธอมันชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ“ข้าควรจะตามหมอมารักษาเจ้า”เบลล่าส่ายหน้า“ไม่ต้อง!! ไปตามเลโอมาก็พอ อึก!!”ความปรารถนากำลังโจมตีเธออยากหนักจนขาทั้งสองข้างมันกำลังสั่นเทา เบลล่าสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่จุดกึ่งกลางจนเธอจนต้องหนีบขาเข้าด้วยกัน คอของเธอมันแห้งผาดราวกับว่าเธอกำลังกระหายน้ำ“แกรนด์ดยุคเขาจะรักษาเจ้าได้ยังไง เขาไม่ใช่หมอสักหน่อย”เธอกำลังหงุดหงิด เขาจะถามอะไรมากมายนัก แค่ไปทำตามที่เธอสั่งมันยากนักรึไง!!ไบรอันเห็นตัวของเบลล่ากำลังสั่นเทา
เลโอดึงเบลล่าไปกอด เพราะเขาสัมผัสได้ถึงความกังวลมากมายจากสายตาของเธอ“เบล ไม่ว่าข้างหน้าจะมีอะไรรออยู่ ข้าจะเป็นคนปกป้องเจ้าเอง อย่าได้กังวลไปเลย”เธอกำกุญแจในมือเอาไว้แน่น แล้วโอบกอดเลโอ“เลโอ ท่านทำให้ข้ามีแรงสู้ขึ้นมา หากว่าไม่มีท่านข้าอาจจะซื้อเรือสำเภาสักลำแล้วหอบเงินขึ้นเรือหนีไป…”เลโอพรมจูบที่ซอกคอของเธอเบาๆ“เจ้าแข็งแกร่งกว่าที่ตัวเองคิดมากนะเบล ไม่อย่างนั้นตอนที่พบกันครั้งแรกเจ้าไม่กล้ารับงานที่ข้าสั่งไปทำหรอก”ใบหน้าที่งดงามของเบลล่ายกยิ้มขึ้นมา เกือบลืมไปแล้วว่าในตอนแรกเธอและเลโอคือเจ้านายและลูกจ้าง“ยังเจ็บตรงไหนอยู่รึเปล่า?”มือของเขานั้นเริ่มซุกซนจนเธอต้องยกมือขึ้นมาห้ามเอาไว้“ไม่เจ็บแล้วค่ะ แต่ข้ายังเหนื่อยอยู่มาก…”“เช่นนั้นก็นอนกันเถิด”เขากลืนความอยากลงคอไปแล้วโอบกอดเธอเข้ามาในอ้อมแขน เสียงฝนที่ตกอย่างหนักราวกับเสียงเพลงที่ขับกล่อมให้เขาและเธอเข้าสู้ห้วงนิทราอย่างรวดเร็วยามเช้าที่ไร้แสงตะวัน เธอลืมตาขึ้นมาโดยปราศจากเงาของเลโอ เบลล่าลุกขึ้นมาแล้วเดินไปที่หน้าต่าง เช้านี้ฝนตกปรอยๆ พอเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาเกือบเที่ยงวันน่าแปลกที่วันนี้เธอไม่รู้สึกง่วงแล้ว เบ
เลโอยกมือขึ้นมากุมมือของเบลล่าเอาไว้ เขามองเธอด้วยสายตาแห่งความเจ็บปวด ถึงอาเชอร์จะช่วยรักษาเธอแล้วแต่อวัยวะภายในได้รับความเสียหายอย่างมาก จะต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูตัวเองที่ห้องข้างๆ ก็ตึงเครียดไม่แพ้กัน ถึงจักรพรรดินีจะได้รับยาพิษไปในปริมาณเล็กน้อย แต่นั่นก็เพียงพอที่ทำให้เธอสูญเสียลูกคนแรกไป ถึงแม้จะพ้นขีดอันตรายแล้วแต่สภาพจิตใจของคิร่าแย่มากทีเดียวงานเลี้ยงด้านล่างยังคงดำเนินต่อไปไม่มีการยกเลิก…“พระองค์ควรจะลงไปข้างล่าง…ซ่อนความเจ็บปวดและอ่อนแอในใจเอาไว้ให้มิดชิด อย่าให้คนที่กระทำรับรู้ว่าเรากำลังเจ็บปวด”เอซยกมือขึ้นมาตบไหล่ของวัลโด้เบาๆ วัลโด้มองมาที่เลโอที่พยักหน้าให้เขาเขาสูญเสียลูกคนแรกไป ในตอนนี้ขาทั้งสองข้าจะยืนไม่อยู่แล้วด้วยซ้ำ แต่หากว่าเขาอ่อนแอ คนด้านหลังจะอยู่ได้อย่างไร ตอนนี้เขาถือเป็นผู้นำของทุกคนวัลโด้ถอนหายใจเขายกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดคราบเหงื่อและน้ำตาบนใบหน้า ก่อนจะเดินลงไปด้านล่างพร้อมราชเลขา“สภาพเราทุกคน มันดู…แย่ไปหมด คนพวกนั้นฉลาดมาก พวกมันไม่ได้โจมตีแค่ร่างกายแต่โจมตีที่จิตใจของเรา…”โคลด์ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ทำไมมันถึงเกิดเรื่องกับเบลล่าและคิร่าซ้ำแล้วซ้ำ
สตรีใบหน้างดงามที่เข้ามา..นั่นคือภรรยาของเขาไม่ใช่รึไง!!ชายที่เธอควงแขนอยู่นั่นก็ไม่ใช่โคลด์ แล้วไอ้เวรนั่นเป็นใครกันวะ!!!วัลโด้สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือก ในห้องพอเขามองตามสายตาของเลโอไปก็พบกับผู้ที่เดินเข้ามาในงาน..นั่นมันองค์รัชทายาทมาเดลีนไม่ใช่รึไง ข้างกายของเขาคือสตรีใบหน้างดงามที่คุ้นตา เบลล่า!?“อย่าบอกว่านั่นคือองค์รัชทายาท?”เลโอกล่าวถามพร้อมทั้งชี้ลงไปด้านล่าง วัลโด้พยักหน้า เขาส่งยิ้มจางๆ ให้เลโอ“นี่มันเป็นไปตามแผนของเราเลยไม่ใช่รึไง เป็นเบลล่าก็ถือว่า…”“อย่าได้พูดอะไรเช่นนี้ออกมาอีก และอย่ามาคิดใช้ภรรยาของข้าเป็นหมากในกระดานนี้”เลโอกล่าวจบก็รีบเดินไปหาเบลล่าด้านล่าง วัลโด้ยักไหล่พร้อมกับหัวเราะเบาๆ“เอซ ไม่ลงไปรึไง?”เอซยกยิ้ม“กับเบลข้าไม่ห่วงนางแล้วล่ะ เมื่อคืนได้พูดคุยอะไรกับนางหลายๆ อย่าง ก็พอเข้าใจได้ ตอนนี้พระองค์ต่างหากที่ควรลงไปห้ามแกรนด์ดยุค ไม่ให้เขาทำร้ายองค์รัชทายาทมาเดลีน”วัลโด้ชะงักพร้อมกับมองไปที่บันได เลโอกำลังเดินอย่างรวดเร็วไปหาเบลล่าอ่า..ให้ตายเถอะ!!เขามองไปที่ราชเลขาเพื่อสั่งให้วงดนตรีบรรเลงเพลง แล้วรีบเดินลงไปด้านล่างตามเลโอไปติดๆ“นี่คงจะเป็
องค์จักรพรรดิวัลโด้ถอนหายใจเมื่อเขาเห็นจดหมายในมือ เขารู้สึกรำคาญเมเบโล่ยิ่งนัก แกรนด์ดัชเชสผู้นั้นยื่นเรื่องให้เขารับหลานสาวของนางขึ้นมาเป็นสนมเอกปัญหาก็คือแกรนด์ดัชเชสเมเบโล่สนิทกับท่านพ่อนี่แหละ!! เขาไม่อยากผิดใจกับคิร่าเลยจริงๆ นางกำลังตั้งครรภ์ด้วยเขาไม่อยากทำให้นางคิดมากเลย“หากไม่อยากรับสตรีผู้นั้นมาพระองค์ก็แค่หาทางสร้างพรหมลิขิตให้นางกับชนชั้นสูงสักคน…”เลโอกล่าวพร้อมกับวางกระดาษรายงานเรื่องงบประมาณลงบนโต๊ะ“อันที่จริงข้าส่งนางไปเป็นภรรยาน้อยของแกรนด์ดยุคโอเว่นก็ได้นี่นา”“หากไม่กลัวว่าพระองค์จะสูญเสียกำลังทางทหารไปก็ลองดู”“อ่า ล้อเล่นหน่อยก็ไม่ได้งั้นหรือ?”“ข้าแนะนำทางแก้ไปแล้ว สุดแต่พระองค์จะตัดสินใจเถิด…”เลโอและวัลโด้ถูกเลี้ยงมาด้วยกัน ทำให้เลโอไม่นึกกลัวองค์จักรพรรดิ และวัลโด้ก็ไม่ได้นึกโกรธคำกล่าวของเลโอเลยเพราะเขามองเลโอเป็นพี่ชายมาโดยตลอดเอซยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม“เมื่อเช้ากิลข้อมูลส่งข่าวมาว่าอาร์ชดยุคกูเรี่ยนเคลื่อนไหวแปลกๆ เมื่อคืนหลังจากที่เบลล่ากลับมา โดโนแวนตามดูต่อ ปรากฏว่าแกรนด์ดัชเชสเมเบโล่เข้าไปพบกับอาร์ชดยุคที่โรงแรม…”เลโอแย่งแก้วเหล้าในมือของเอซมาดื่มจ
อาร์ชดยุคกูเรี่ยนพาสตรีใบหน้างดงามทั้งสองขึ้นโรงแรมไป ดูไปแล้วก็ไม่มีอะไรที่น่าผิดสังเกต เบลล่าเรียกให้โดโนแวนมาเฝ้าอาร์ชดยุคต่อ ส่วนเธอจะกลับไปพักที่คฤหาสน์ พอมาถึงเมบิลก็มีบัตรเชิญจากพระราชวังส่งมา เปิดอ่านก็พบว่าคิร่าเชิญเธอไปที่งานเลี้ยงต้อนรับองค์รัชทายาทมาเดลีน เธอโยนบัตรเชิญนั้นไว้บนโต๊ะก่อนจะล้มตัวลงนอนบนโซฟา ไม่อยากไปเลยแฮะ…เดิมทีเธอก็ไม่ใช่คนที่จะชอบเข้าสังคมของชนชั้นสูงอยู่แล้ว เบลล่าพยายามหลีกเลี่ยงงานเข้าสังคมมาตลอด เพราะเธอคิดว่ามันไร้สาระ “ท่านหญิงคะ ดยุคเอเซล่ามาขอเข้าพบค่ะ” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเบลล่าเธอไม่ทันจะลุกขึ้นเอซก็เดินเข้ามาใจห้องแล้ว เบลล่าอ้าแขนออกเพื่อโอบกอดเขา “คิดถึงจะบ้าอยู่แล้ว!!” เอซกล่าวพร้อมทั้งจูบลงบนผมของเบลล่าอย่างแรง “เหตุใดถึงมายามนี้ ท่านก็รู้ว่าการเดินทางยามค่ำคืนมันอันตราย บ้านเรือนของเรามิได้อยู่ในช่วงที่สงบ…” “ตั้งแต่ข้าย้ายเข้าไปที่เดเลี่ยน ในใจมันก็ไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆ อีกแล้ว ที่นั่นอยู่ติดกับชายแดน ข้าศึกพร้อมจะบุกเข้ามาทุกเมื่อ ที่หายไปก็เพราะข้าต้องเฝ้าดูการก่อสร้างกำแพงเมือง โชคดีที่ท่านแกรนด์ดยุคโอเว่นส่งทหารไปช่วยเป
ด้านนอกหน้าต่างฝนกำลังตกอย่างหนัก ค่ำคืนที่มืดมิดไร้แสงจันทร์ มีเพียงเสียงของเม็ดฝนที่ตกลงมาแรง พร้อมกับเสียงครางแว่วหวานในห้องผ้าปูที่นอนที่ยับเยินและเปียกชุ่มบ่งบอกได้ดีว่าสตรีและบุรุษบนเตียงนั้นร่วมรักกันอย่างรุนแรงแค่ไหน“อื้อ!! ไม่ไหวแล้ว!!”“หึ ใครจะยอมให้เจ้าเสร็จสมกันที่รัก…”เขาดึงแก่นกายออกมาจากทางรักที่เปียกชุ่มของเธอ ผิวกายที่ขาวราวกับหิมะนั้นขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ ใบหน้าที่งดงามของเธอมีสีหน้าเจ็บปวดและโมโหในเวลาเดียวกัน ดวงตากลมโตของเธอมองมาที่เขาอย่างหงุดหงิด แพรขนตายาวเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา…ความเจ็บปวดที่ส่งผ่านใบหน้าของเธอมันช่าง สาแก่ใจเขายิ่งนัก!!ไม่บ่อยที่เขาจะรู้สึกสนุกกับการร่วมรักเช่นนี้ อาจจะเป็นเพราะเขาต้องการและเฝ้ามองเธอมาอย่างยาวนานเขายกมือขึ้นมาชักรูดตัวตนของเขา พร้อมทั้งส่งสายตายั่วยวนไปให้เธอ…จนกว่าฝนในค่ำคืนนี้จะหยุดตก เขาจะไม่ยอมหยุดทรมานเธอแน่!!!……..“ให้ตายเถอะ ใครจะไปคิดว่าเจ้าจะตั้งครรภ์ได้ไวขนาดนั้น มีเจ้าเด็กตัวอ้วนอยู่ในนี้ใช่ไหม?”คิร่าหัวเราะให้กับท่าทางที่ประหลาดใจของเบลล่า เธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว“ไม่ท้องสิ
อาเชอร์ก้มมองดอกกุหลาบสีขาวในมือ ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นมาเปิดประตูเข้าไปในบ้าน ตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้วท้องฟ้าเริ่มจะเปลี่ยนสีเป็นสีดำเขาออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อวานตอนเที่ยง…หลังจากเข้าไปด้านในเธอก็คงจะด่าเขาเช่นเดิมไม่สิ อาจจะหนักกว่าทุกวันทว่าทันทีที่อาเชอร์เข้ามาภายในบ้านก็มืดสนิท เขายกมือขึ้นมาร่ายเวทย์เพื่อจุดตะเกียงที่ต่างๆ ในบ้านอาเชอร์วางดอกไม้เอาไว้บนโต๊ะ เขาเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อไปหาโจลี่“เจ้า..กินข้าวรึยัง?”เขากลืนน้ำลายลงคออย่างคนที่รู้สึกผิด…อาเชอร์นั่งลงบนเตียงข้างๆ โจลี่“วันนี้ลูกดิ้นรึเปล่า ยังแพ้ท้องอยู่ไหม….”เขาชะงักเมื่อเห็นดวงตาของเธอบวมช้ำราวกับว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก“โจลี่…ข้าขอโทษ ข้าไปทำงานมา…”“ทำงาน!! ท่านก็อ้างแต่ว่าทำงานตลอด อาเชอร์ท่านหายไปหนึ่งวันโดยที่ไม่บอกกล่าวข้าเลย!!”เธอลุกขึ้นมา แล้วยกมือทุบเขาอย่างแรง อาเชอร์ไม่ได้ตอบโต้เขาทำเพียงนั่งนิ่งๆ เพื่อให้เธอได้ระบายอารมณ์จนกว่าเธอจะพอใจ“เหตุใดถึงไม่หลบการโจมตีของข้า…”“ก็ข้าผิดจริงๆ นี่นา เจ้าทุบตีข้าได้เลย ทุบตีได้จนกว่าเจ้าจะหายโกรธ”เธอเม้มปากแน่น อาเชอร์ยกมือขึ้นมา บรรจงเช็ดน้ำตาให้เ