แชร์

ตอนที่ 35 :  พูดไปสองไพเบี้ย นิ่ง(แล้ว)... เสียตำลึงทอง

ผู้เขียน: หัตถ์อนันต์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-11 15:25:19

〝งั้นก็กลับมาคำถามเดิม... เมอร์ลิน ไอ้ยักษ์นั่นมันคืออะไร?〞

          หลังจากที่เมอร์ลินเข้ามาเป็นพรรคพวกอย่างเต็มตัวแล้ว ทั้งสามคนจึงนั่งหันหน้าเข้าหากันเป็นสามเหลี่ยม เพื่อที่จะปรึกษาแผนการในการสู้กับบอส และเรื่องที่กรถามเป็นอย่างแรกก็คือคำถามก่อนหน้านี้ที่ถูกเลี่ยงไปนั่นเอง

〝หัวแข็งชะมัดเลยนะนายเนี่ย... แต่เอาเถอะ จริงๆก็กะจะบอกอยู่แล้วหน่ะนะ〞

แล้วจะเล่นตัวทำมะเขืออะไร! เธอนั่นแหล่ะเฟ้ยที่หัวแข็ง ยังมาว่าคนอื่นอีก!!!

〝งั้นก่อนอื่น... พวกเธอรู้จักทศกัณฑ์รึเปล่า?〞

〝ขอโทษนะกร แต่ฉันไม่เคยได้ยินเลยหล่ะ〞

〝น่าๆ〞

          มีอาที่ได้ยินคำถามของกร แต่ไม่เข้าใจว่าคืออะไร เธอจึงเอียงคอสงสัยก่อนที่จะตอบออกไปด้วยน้ำเสียงหงอยๆเล็กน้อย กรจึงลูบหัวเธอไปมาเหมือนทุกที และหันไปถามเมอร์ลินทั้งที่กำลังลูบหัวมีอาอยู่

〝แล้วเมอร์ลินหล่ะ? …ไม่สิ เธอต้องรู้อยู่แล้วนี่นะ〞

〝ต้องรู้อยู่แล้ว… นายอยากจะถามว่า ทำไมตัวละครในวรรณคดีของประเทศนาย ถึงได้กลายมาเป็นลาสบอส ทั้งที่ปกติจะมีแต่บอสแนวตะวันตกยุคกลาง... ใช่รึเปล่า?〞

〝อื้ม! ใช่เลยหล่ะ〞

แน่ชัดแล้วหล่ะว่าตัวตนของทศกันฑ์ไม่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป... ถึงจะใช้ความรู้ของมีอาเป็นตัวตัดสินก็เถอะ แต่ขนาดเคยเป็นทาสมาก่อน ยังรู้เรื่องเกี่ยวกับอุปกรณ์เวทย์มนต์กับเรื่องของดันเจี้ยนเยอะแยะเลยนี่นา...

〝บอสในชั้นที่ 100 หน่ะ... ค่อนข้างพิเศษกว่าชั้นอื่นหน่ะนะ〞

〝ยังไงหล่ะ?〞

          กรเอียงคอสงสัยกับคำอธิบายของเมอร์ลินทั้งที่เธอยังอธิบายไม่จบ เมอร์ลินเลยกระแอมออกมาครั้งนึงก่อนที่จะพูดต่อ

〝ก่อนอื่น... อยากจะให้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของดันเจี้ยนก่อน〞

〝ดันเจี้ยน?〞

〝ใช่... อย่างที่รู้ว่าดันเจี้ยนเกิดขึ้นมาเนื่องด้วยสาเหตุหลักๆ 2 อย่าง... คือตามธรรมชาติกับมีคนสร้างขึ้นมาเอง〞

อ่อ... อันนี้เพิ่งรู้เลยหล่ะครับ… แต่นั่นมันสามัญสำนึกของคนในโลกนี้นี่นา ฉันไม่เข้าใจหรอกนะ ก็มาจากต่างโลกนี่นา...

〝ก่อนอื่นจะอธิบายในส่วนของดันเจี้ยนที่คนสร้างขึ้นเองก่อนแล้วกัน... เรื่องวิธีสร้างคงบอกอย่างละเอียดไม่ได้… แต่หลักการก็คือ การดึงพลังเวทย์จากแกนกลางของดวงดาวขึ้นมา เพื่อควบคุมและเปลี่ยนแปลงมัน เพื่อก่อมันขึ้นมาเป็นรูปร่างที่จับต้องได้... รวมถึงมอนสเตอร์ทั้งหมดไม่เว้นแม้แต่โลกข้างบนเองก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากพลังเวทย์ของดาวดวงนี้ ไม่สิ... ไม่ใช่แค่มอนสเตอร์... แต่ทั้งแหล่งพลังเวทย์ในตัวเรา สิ่งมีชีวิต ป่า น้ำ หรือมหาสมุทร... ทุกอย่างก็อาจจะถูกสร้างมาจากพลังเวทย์ที่ว่าด้วยเหมือนกัน〞

เดี๋ยวๆ สเกลเริ่มจะขยายออกไปมากขึ้นเรื่อยๆแล้วนะครับผม...

งั้นที่พลังเวทย์ในตัวไม่หมดไปซักทีนี่... ก็เป็นเพราะมันถูกเติมจากพลังเวทย์ของดาวดวงนี้สินะ... อื้มๆ!

〝แต่เรื่องของพลังเวทย์ที่อยู่ในดวงดาวหน่ะเป็นแค่ทฤษฎีเท่านั้นนะ... ก็เพราะไม่สามารถพิสูจน์ได้โดยตรงนั่นแหล่ะ... แต่อย่างน้อยก็ช่วยอธิบายได้ว่าทำไมยิ่งลงดันเจี้ยนไปชั้นลึกๆแล้ว มอนสเตอร์จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น〞

〝เพราะอยู่ใกล้แหล่งพลังงานจากศูนย์กลางดวงดาวหล่ะสินะ〞

〝เข้าใจอะไรได้ง่ายดีนี่นา…〞

          ในขณะที่ทั้งสองคนเริ่มการถามตอบด้วยท่าทีจริงจัง มีอาก็จะทำหน้าปั้นยากเหมือนกับคิดเรื่องยากๆและพยักหน้าราวกับจะร้อง อ๋อ! ออกมาตลอดการสนทนาของทั้งสองคน แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามีอาเองเข้าใจเรื่องที่ทั้งสองคนคุยกันอยู่ในระดับนึง

〝เอาหล่ะพักเรื่องดันเจี้ยนที่คนสร้างไว้แปปนึง... มาคุยเรื่องดันเจี้ยนที่เกิดขึ้นเองก่อนดีกว่า〞

〝อันนี้เพิ่งเคยได้ยินนี่หล่ะ!〞

〝เฮ้อ! ช่วยไม่ได้นี่นะ...〞

          เมอร์ลินกอดอกและทำท่าทางรำคาญออกมาอีกครั้ง แต่ก็เพราะช่วยไม่ได้ เธอเลยถอนหายใจออกมาเบาๆครั้งนึงก่อนที่จะอธิบายต่อ

〝อย่างที่บอกไปถึงเรื่องที่ทั้งป่าไม้และแม่น้ำอาจจะเกิดขึ้นจากพลังเวทย์ของดวงดาว... ดันเจี้ยนเองก็มีที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเหมือนกัน...〞

〝อืม... แล้วยังไงต่อ〞

〝นั่นสินะ... ถ้าจะให้เข้าใจง่ายๆก็คงต้องใช้ความรู้จากโลกเดิมของนายประกอบ... งั้น...นายรู้จักกฏการอนุรักษ์พลังงานรึเปล่า?〞

〝อ้อ! รู้จักสิ... ถ้าจำไม่ผิด... พลังงานจะไม่มีทางถูกสร้างหรือถูกทำลาย แต่จะมีจำนวนรวมคงที่เสมอ... ประมาณนี้รึเปล่า?〞

〝ตามนั้นแหล่ะ... ฉลาดดีเหมือนกันนี่〞

〝ความรู้พื้นฐานนี่นา〞

แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกันหล่ะเนี่ย... แต่จะว่าไปแล้ว... พลังเวทย์นี่อาจจะถูกจัดอยู่ในประเภทเดียวกับพลังงานก็ได้หล่ะมั้ง... ก็ดูดซับของเรามันใช้กับเวทย์ได้เหมือนกันนี่นา...

แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับดวงดาวกันน้า... ก็ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจหรอกนะ... แต่ก็ใช่ว่าจะเข้าใจอีกนั่นแหล่ะ มันติดอยู่ที่ปากนี่แหล่ะ อธิบายไม่ถูกเลยแฮะ...

เดี๋ยวสิ! พลังงาน... ดวงดาว... การปรับตัว... ธรรมชาติ งั้นเหรอ?

อ๊ะ! หรือว่า!?

         

〝ดูเหมือนจะพอเข้าใจขึ้นมาแล้วสินะ...〞

          หลังจากที่เมอร์ลินปล่อยให้กรยกมือขึ้นมาจับคางและครุ่นคิดเองคนเดียวซักพัก ร่างของกรก็กระตุกขึ้นมาเบาๆในตอนที่นึกเหตุผลออกลางๆ เธอจึงเริ่มอธิบายต่อในทันที

〝ดันเจี้ยน... คือกลไกตามธรรมชาติ... ที่โลกใบนี้สร้างขึ้นมาเพื่อดึงพลังงานบนผิวโลกที่มากเกินไปกลับสู่ศูนย์กลางของดวงดาวยังไงหล่ะ〞

〝อ๋อ! อย่างงี้นี่เอง〞

          แต่คนที่ร้องออกมาคนแรกกลับเป็นมีอาที่นั่งอยู่ด้วยกันเสียอย่างงั้น แต่ก็เพราะกรพอจะเดาออกอยู่แล้วนั่นแหล่ะ เพียงแต่ไม่มั่นใจเท่านั้นเองเขาเลยไม่ตกใจเท่าที่ควร

〝เพราะบนผืนโลกมีการใช้งานพลังเวทย์มากเกินไป แต่ก็เพราะมีคนจำนวนมากด้วยหล่ะนะ... ธรรมชาติจึงสร้างดันเจี้ยนขึ้นมาก็เพื่อที่จะดึงพลังพวกนั้นกลับสู่ศูนย์กลางเพื่อนำไปหมุนเวียนใหม่〞

〝ฮะฮ่ะ! เหมือนพวกย่อยสลายเลยแฮะ... ทำยังกะเป็นสัตว์〞

〝ก็ไม่ผิดหรอกนะ... เพราะดันเจี้ยนหน่ะ เป็นสิ่งมีชีวิตยังไงหล่ะ〞

〝〝เอ๋!!!!!!!!!!〞〞

          ทั้งกรและมีอาต่างก็ตะโกนออกมาดังลั่น กับคำตอบที่คาดไม่ถึง ทั้งที่กรพูดออกไปเล่นๆเท่านั้นเอง

〝เอาจริงดิ!? 〞

〝ก็จริงหน่ะสิ... ถ้าจะให้เปรียบเทียบแล้ว ก็คงเหมือนพืชกินแมลงนั่นแหล่ะ〞

เฮ้ยๆ! ไอ้แบบนั้นมันเหมือนกับจะล่อให้คนเข้าไปแล้วจับกินเลยนี่หว่า...

หวา! นี่แสดงว่าพวกเงินกับไอเทมดรอปทั้งหลายก็คือน้ำหวานไว้ล่อแมลงงั้นสิ

งั้นคงไม่ใช่แค่เหมือนกับแต่ใช่เลยหล่ะมั้ง! น่ากลัวแฮะ!

〝แล้วทุกคนก็เข้าไปลุย ทั้งที่รู้อยู่แล้วงั้นเหรอ?〞

          มีอาถามขึ้นมาก่อนแทนกรที่กำลังคิดเรื่อยเปื่อยอยู่ ทั้งที่อยู่ในท่าเอียงคอสงสัยเหมือนทุกที

〝อืม... ตรงนี้ผิดนิดหน่อย... จริงๆเรื่องนี้คิดว่าไม่น่าจะมีคนรู้เหลืออยู่มากแล้วหล่ะ〞

〝นี่เธอ... อายุเท่าไหร่กันเนี่ย?〞

〝ห้ามถาม... ความลับของผู้หญิง...〞

ประโยคเด็ดของพวกคุณป้าออกมาแล้ว... แหม ทั้งที่ดูภายนอก คงจะประมาณ 18-20 ปีเท่านั้นเอง

น่าจะสาวกว่าพี่เราอีกด้วยซ้ำ... แต่จะประมาทไม่ได้ ก็นี่มันโลกแฟนตาซีนี่นา...

พวกโลลิที่อายุ 100 ปีเนี่ยจะมีจริงๆก็ไม่แปลกใจเลยหล่ะ ...นอกเรื่องอีกแล้วแฮะเรา

〝อะแฮ่ม! แล้วคิดว่าทั้งที่เป็นกับดักแท้ๆ แต่ทำไมทุกคนถึงยังเข้าไปทั้งที่มันอันตรายกันนะ?〞

          เมอร์ลินเองก็ไม่อยากให้ออกทะเลอีก(รวมถึงต้องการกลบเกลื่อนอายุของตัวเอง) เธอจึงกระแอมออกมาอีกครั้ง แล้วก็เริ่มถามต่อในทันที

〝จะไปรู้เหรอครับ〞

〝หึหึ! นั่นเพราะว่า ดันเจี้ยนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหน่ะ มันจะดูดกลืนพลังจากศูนย์กลางดวงดาวมากขึ้นแทนยังไงหล่ะ... แถมยิ่งปล่อยให้มีอายุมากๆเข้า ก็จะยิ่งขยายขนาดและอาณาเขตออกไปเหมือนกับรากของต้นไม้เลยหล่ะ แถมไอ้ดันเจี้ยนนี่หน่ะ มันยังกลืนกินบริเวณที่มันเติบโตไปเป็นส่วนประกอบของดันเจี้ยนอีกด้วยนะ〞

〝ถ้าเป็นงั้นพลังเวทย์ในระบบที่ต้องหมุนเวียนใช้ก็จะลดลงเรื่อยๆสินะ... แถมยังเข้ายึดพื้นที่เขตที่อยู่อาศัยไปเรื่อยๆ ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปซักวันก็จะถูกยึดครอง... เพราะงั้นทางแก้ก็คือ... การพิชิตดันเจี้ยนให้ได้หล่ะสินะ〞

〝ปิ๊งป่อง!〞

          เมอร์ลินดูดีใจที่กรสามารถตอบคำถามของเธอได้ เธอจึงปรบมือให้กรเบาๆพอเป็นพิธี กรจึงค่อนข้างหงุดหงิดเล็กน้อยกับท่าทางขี้เล่นของเธอ แต่ก็กลับมาคิดนู่นนี่นั่นต่อเหมือนทุกที

กลไกของธรรมชาติ กลายมาเป็นศัตรูของสิ่งมีชีวิตแทนงั้นเหรอ... คงจะเหมือนกับโรคระบาดที่ธรรมชาติสร้างขึ้นเพื่อลดจำนวนมนุษย์ที่มากเกินไปหล่ะมั้ง

ถ้าเป็นอย่างที่ว่า... โลกนี้ก็ลำบากกับปัญหาเรื่องดันเจี้ยน อย่างที่ไอ้แก่พระเจ้าพูดมาจริงๆนั่นแหล่ะ

แต่ที่วาร์ปพวกเรามานี่ คงไม่ใช่เพื่อให้พวกเราเคลียร์ดันเจี้ยนทุกที่ให้หมดหรอกนะ... แบบนั้นไม่เอาด้วยหรอก

แต่มันก็มีอันที่คนสร้างเองด้วยนี่นา... แค่อันนี้แหล่ะที่ไม่ค่อยเข้าใจ

〝ไอ้ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาตินี่พอเข้าใจแล้วหล่ะ แต่ไอ้คนที่สร้างเองนี่สิที่ไม่เข้าใจจุดประสงค์〞

〝สาเหตุก็มีต่างกันไปหลายอย่าง... แต่ส่วนใหญ่แล้วคือ ต้องการหาผู้สืบทอดพลังกับต้องการบอกเล่าเรื่องราวบางอย่างไปสู่คนรุ่นหลังที่ตัวเองยอมรับหน่ะนะ〞

〝ยุ่งยากชะมัดเลยแฮะ〞

〝เห็นด้วยเลยหล่ะ〞

เฮ้อ!

          ทั้งสองคนถอนหายใจออกมาพร้อมกันด้วยเหตุผลที่ต่างกัน มีอาที่นั่งดูทั้งสองคนอยู่ใกล้ๆก็จ้องทั้งสองคนไม่วางตาเพราะไม่เข้าใจ แต่กรก็คิดไปเองว่ามีอาอาจจะกำลังหึงเพราะเธอไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับการสนทนา กรก็เลยกลับมาคุยต่อในทันที

〝ขะ เข้าใจอะไรขึ้นเยอะเลยหล่ะ ขอบใจนะ〞

〝หึหึ!〞

〝แล้วสรุป มันเกี่ยวอะไรกับไอ้ที่ไม่ควรมี แต่กลับมีตัวตนอย่างทศกัณฑ์กันหล่ะ?〞

〝ยังต้องอธิบายต่อเหรอเนี่ย?〞

〝ก็ยังไม่ได้บอกเลยไม่ใช่รึไง?〞

〝เฮ้อ!〞

อย่าถอนหายใจบ่อยนักสิครับ แม่คุณ!!! แล้วทำไมถึงหงุดหงิดอีกแล้วหล่ะเนี่ย?

〝แล้ว?〞

〝งั้นขอพูดสั้นๆนะ... ดันเจี้ยนที่คนสร้างขึ้นหน่ะ บอกแล้วใช่ไหมว่าคือการดึงพลังจากแกนกลางของดาวมาควบคุมเพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงานในระยะยาว〞

〝อื้ม!〞

〝การตั้งค่ารูปแบบต่างๆภายในดันเจี้ยนหน่ะ ขึ้นอยู่กับความสามารถและการประยุกต์ของแต่ละคน... แต่อย่างที่รู้ ส่วนใหญ่จะตั้งค่าให้แข็งแกร่งขึ้นตามคนที่แข็งแกร่งที่สุดทึ่เข้าปะทะ... แต่ยิ่งดันเจี้ยนมีอายุมาก แหล่งพลังที่สะสมไว้ในดันเจี้ยนก็จะมากตาม นั่นเลยทำให้มีพลังงานส่วนเกินถูกสะสมไว้มากกว่าปกติ ผลก็คือ มอนสเตอร์ในดันเจี้ยนแข็งแกร่งมากกว่าปกติที่ควรถึง 10 เท่าบวกลบเลยไงหล่ะ〞

อ้อ! ยังไงๆ พลังเวทย์จากศูนย์กลางของโลกก็มหาศาลอยู่แล้วนะ

เพราะงั้นก็สามารถเพิ่มพลังกับสเตตัสของมอนสเตอร์ได้เรื่อยๆเลย... และแน่นอนว่ามันต้องมากกว่าสิ่งมีชีวิตทุกอย่าง... หรืออาจจะมากกว่าพระเจ้าเลยมั้งเนี่ย

〝ส่วนไอ้ยักษ์... ไอ้ทศกัณฑ์นั่น ถูกตั้งค่าไว้ว่าไงรู้รึเปล่า?〞

          กรและมีอา ต่างก็ส่ายหน้าให้กับคำถามของเมอร์ลิน แต่เมอร์ลินก็แค่ถามพอเป็นพิธีเท่านั้น เธอจึงตอบคำถามนั้นด้วยตัวเองในทันที

〝ทศกัณฑ์... ไม่สิ บอสมอนสเตอร์ไร้รูปร่างในชั้นที่ 100 …มันถูกตั้งค่าให้มีรูปลักษณ์และความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุด ด้วยสเตตัสที่มากกว่าถึง 100 เท่า โดยยึดจากจิตใต้สำนึก และความทรงจำของคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มที่เหยียบย่างเข้ามาในชั้น ยังไงหล่ะ!〞

〝〝!!!!〞〞

         

ไอ้เด็กนั่น ตั้งค่าได้โหดสลัดสมเป็นลาสบอสจริงๆเลยพับผ่าสิ

นี่มันบอสในอุดมคติชัดๆ อารมณ์ประมาณว่า... ถ้าอยากจะเคลียร์ดันเจี้ยนนี้ให้ได้ก็ต้องชนะความกลัวในจิตใจตัวเองให้ได้! ยังไงอย่างงั้นเลย

น่าโมโหจริงๆ… แต่เดี๋ยวนะ!!!

〝หุหุหุ! เมื่อกี้เธอบอกว่า แข็งแกร่งที่สุดงั้นสิ?〞

〝ฮึ่ย! เพราะงั้นถึงได้โมโหอยู่นี่ไงเล่า!〞

          กรยกมือขึ้นป้องปากและหัวเราะออกมา ด้วยท่าทางเหนือกว่าเพื่อเยอะเย้ยเมอร์ลินตามความหมายที่ได้พูดไป มีอาที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เองก็แอบขำเล็กๆกับการกระทำของทั้งสองคนเหมือนกัน

〝ว่าแต่ทำไมต้องเป็นทศกัณฑ์ด้วยหล่ะ!〞

ถ้าเป็นในจิตใต้สำนึกของฉันหล่ะก็... มันต้องเป็น ฟรี*(ตื้ด!)เซอร์ หรือไม่ คิเม*(ตื้ด!)แอนท์ ต่างหากเฟ้ย!

เราเองถึงจะไม่ใช่เด็กเรียน... แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นพวกไม่สนการเรียน แถมไม่ใช่พวกอนุรักษ์นิยมที่จะชมชอบวรรณคดีของบ้านเกิดขนาดนั้นด้วย เพราะงั้นแหล่ะถึงไม่เข้าใจ

〝เรื่องนั้นก็ไม่รู้หรอก… แต่เป็นไปได้ว่ายักษ์นี่ จะมีความเกี่ยวข้องกับนาย ไม่ทางใดก็ทางนึงหน่ะนะ〞

〝เอ๋! บรรพบุรุษของกร... เป็นยักษ์งั้นเหรอ?〞

จะไปใช่ได้ยังไงหล่ะครับคุณมีอา... เธอนี่บางทีก็คิดอะไรแปลกๆออกมาเหมือนกันนะ

แต่มีอาไม่รู้จักทศกัณฑ์นี่นา เพราะงั้นนี่คงเป็นความคิดปกติหล่ะมั้ง... ถึงตอนที่เธอเอียงคอสงสัยจะน่ารักดีก็เถอะ ฮุฮุ

〝เอาหล่ะ! บอกเรื่องที่อยากรู้ไปแล้วนะ... หมดคำถามรึยัง?〞

〝โทษทีนะ ขออีกอย่างนึง〞

〝เฮ้อ! ยังไม่หมดอีกเหรอ?  【ทั้งที่ถามพอเป็นพิธีแท้ๆ】〞

ถึงจะพูดในลำคอก็ได้ยินนะครับ... เพราะมีสุดยอดการประมวลผลยังไงหล่ะ!

〝ถึงจะรู้อยู่แล้วก็เถอะ... แต่ก็อยากถามเพื่อความแน่ใจ〞

〝ว่ามา〞

〝……เงื่อนไขในการเคลียร์ชั้นที่ 100 คือ?〞

〝.........〞

          กรที่ถามคำถามนั้นออกไปอย่างกะทันหัน ทำให้มีอากลืนน้ำลายเสียงดังเอี๊อกเลยทีเดียว เมอร์ลินจึงเงียบลงเล็กน้อยก่อนที่จะตอบคำถามของกรกลับไป

〝อย่างที่นายคิด... เงื่อนไขในการเคลียร์ดันเจี้ยนแห่งนี้ มีเพียงต้องทำให้บอสหมดสภาพเท่านั้น〞

〝จริงเหรอเนี่ย!〞

          กรที่ได้ยินว่าคำตอบเป็นอย่างที่ตัวเองคิด ก็เกาศีรษะทั้งเพราะหงุดหงิดและกระวนกระวายใจในทันที และก็ไม่พ้นที่จะเอามือไปลูบศีรษะของมีอาที่กังวลยิ่งกว่าด้วยเช่นกัน

〝ถ้างั้นก็มาเริ่มวางแผนและจัดฟอร์เมชั่นกันก่อนเถอะ〞

〝อา... ก็ต้องทำทุกอย่างที่ทำได้ก่อนนี่นะ〞

          เมอร์ลินเป็นคนเรียกสติของกรกลับมาอีกครั้ง แล้วกรก็ตอบกลับเธอไปในทันที แล้วจากนั้นทั้งสามคนก็เริ่มปรึกษากันอีกครั้ง

❖❖❖❖❖

〝งั้นก่อนอื่นก็มาแลกหน้าต่างสเตตัสกัน... แล้วก็จำไว้ด้วยว่าใครสามารถทำอะไรได้บ้าง... เอ้านี่ของฉันนะเมอร์ลิน〞

〝โอ้! ขอดูหน่อยนะ〞

          หลังจากนั้นกรก็เป็นคนเสนอให้ศึกษาเรื่องของสมาชิกในปาร์ตี้ให้ครบก่อนค่อยจัดฟอร์เมชั่น ก็เป็นคนเปิดหน้าต่างของตัวเอง แล้วก็ส่งมันไปให้เมอร์ลินดูในทันที เมอร์ลินก็ค่อนข้างสนใจกับหน้าต่างของเขามากเป็นพิเศษ ก่อนที่จะได้รับก็แสดงออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจนว่าอยากดูแบบสุดๆ

〝กร〞

〝!!!〞

โอ้ว! เมอร์ลิน เรียกชื่อเราเป็นครั้งแรกเลยแฮะ ต้องตอบกลับดีๆหน่อยแล้วสิ

〝หืม! มีอะไรเหรอ〞

〝…ไอ้สัตว์ประหลาด!〞

〝อึก!〞

เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆ!!!!! ไหงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ฟ่ะเนี่ย

ทั้งที่น่าจะเป็นการเรียกชื่อครั้งแรกที่น่าประทับใจแท้ๆ แต่มาเรียกฉันคนนี้ว่าสัตว์ประหลาดมันจะเกินไปหน่อยแล้วมั้ง

〖ฮะฮะฮ่า! ข้าคิดแล้วว่าคุณนายเองก็ต้องคิดเหมือนกัน〗

〝ฮึ่ย! เงียบน่าเจ้าหมา ว่าแต่แกหน่ะทำไมถึงไม่พูดมาจนถึงตอนนี้หล่ะฟะ! เมื่อกี้เกือบจะร้องว่า〝ใครฟ่ะ!〞 แล้วนะเนี่ย 〞

          หลังจากนั้นเคลเบรอสก็พูดสนับสนุนเมอร์ลินอีกเสียง อนึ่งตอนนี้เคลเบรอสถูกเก็บไว้ในฝักอยู่ เสียงที่ออกมาจึงมาจากทางด้านหลังของกร

〖ก็เล่นพูดกันไม่เว้นช่องไฟให้ข้าแทรกเลยนี่หว่า ข้าก็ไม่อยากพูดมากให้เปลืองหน้ากระดาษซะด้วยสิ... แต่กับเจ้าที่เพิ่งรู้จักกันก็ประมาณนี้แหล่ะนะ... แต่ไม่ใช่กับคุณนายที่คบหากันมานานหรอก... ใช่ไหมครับคุณนาย〗

〝ก็นั่นสินะ ว่าแต่... นายเป็นใครเหรอ?〞

〖เลิกล้อเล่นแบบนี้ทีเถอะ ข้าขอหล่ะ!!!〗

          แล้วเคลเบรอสก็หงอยลงไปอย่างชัดเจน กับการล้อเล่นของทั้งสองคน จนร้อง หงิงๆ! ออกมาเลยทีเดียว แต่ถึงกระนั้น เทพธิดาก็ยังไม่ทิ้งแกะผู้หลงทางแต่อย่างใด

〝ไม่ต้องห่วงคุณหมา... ฉันยังไม่ลืมคุณหมาหรอกนะ〞

〖คุณหนู!!!〜〗

〝นั่นไงทั้งสองคน!!! คุณหมาหน่ะ เป็นดาบที่กรเก็บได้ยังไงหล่ะ เบลเบกอสไงจำไม่ได้เหรอ?〞

〖ไม่ช่ายยยยย!!!!!!!!〗

          แต่ก็ต้องกลับไปหงอยอีกครั้ง เพราะทนแรงกดดันทางจิตใจไม่ไหวแทบจะทันที กรและเมอร์ลินที่ได้ยินแบบนั้นเองก็จำต้องกลั้นหัวเราะอย่างเต็มที่กับท่าทางของมีอาที่เอียงคอสงสัยอย่างใสซื่อเพราะเธอคิดว่าตัวเองมั่นใจว่าไม่ได้จำผิด

          แล้วจากนั้นมีอาก็เอาหน้าต่างของตัวเองให้เมอร์ลินดู แต่ต่อจากนั้นเคลเบรอสก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเลย...

〝งั้นก็... เอาของเธอมาดูด้วยสิเมอร์ลิน〞

〝ตายจริง! อยากดู『ของฉัน』ขนาดนั้นเลยเหรอ? สมกับเป็น〘ไอ้หื่น〙จริงๆเลยน้า〜〞

〝ฮึ่ย!〞

          เมอร์ลินพูดแบบนั้นในขณะที่ ยกมือขวาขึ้นมาแล้วใช้นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากตัวเอง แล้วใช้มือข้างซ้ายที่เหลือกอดและดันหน้าอกของตัวเองออกมาจนแทบจะล้นออกมาจากเสื้อบางๆของเธอ พร้อมกับทำสีหน้าและท่าทางยั่วยวนเพื่อหยอกล้อกรเล่น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้กรรู้สึกแปลกๆแต่อย่างใด กลับกันแล้วเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่าเสียอีก

          จากนั้นเธอก็เปิดหน้าต่างของตัวเองแล้วส่งให้กรดู มีอาที่นั่งใกล้ๆก็เขยิบเข้ามาใกล้กรจนหน้าอกของเธอแนบชิดกับแขนซ้ายของเขา กรที่โดนแบบนี้เข้าไปก็ไม่พ้นต้องหน้าแดงจนถึงหูอีกครา และก้มหน้าลงเพื่อกลบเกลื่อนความอาย เมอร์ลินที่เห็นปฏิกิริยาของกรต่อตัวมีอาแตกต่างกับตัวเองอย่างสิ้นเชิง เลยหงุดหงิดอยู่ในใจพอสมควร แต่แน่นอนว่ากรไม่ได้รู้ถึงเรื่องนั้นเลยแม้แต่น้อย แล้วพอกลับมาสนใจหน้าต่างของเมอร์ลินตรงหน้าก็ต้องตกตะลึงในหลายๆความหมายอีกครั้ง

     ข้อมูลสเตตัส

เมอร์ลิน  ??? 』เพศ  หญิง   อายุ  ???   เผ่าพันธุ์  จอมปีศาจ

อาชีพ     จอมเวทย์ที่แท้จริง(LV-3)              เลเวล     574

ฉายา

          【ทั่วไป】〘การใช้ชีวิตที่ผิดพลาด〙,〘ผู้ชนะสิบทิศ〙,〘อัพคลาสอาชีพขั้นกลาง〙,〘เปลี่ยนอาชีพ〙,           〘อัพคลาสอาชีพขั้นสูง〙,〘อัพคลาสอาชีพขั้นเทพเจ้า〙,〘จอมเวทย์ผู้รอบรู้ ระดับ 5〙,〘จอมเวทย์ผู้เหนือล้ำ ระดับ 5〙,   〘จอมเวทย์ที่แท้จริง ระดับ 3〙, 〘ที่สุดแห่งเวทย์มนต์〙

          【พิชิต】〘ราชาผู้พิชิต〙,〘ดราก้อนสเลเยอร์〙, 〘ฝันร้ายแห่งดวงดาว〙

          【จุติ】〘จุติมหาเทพแบบพิเศษ〙,〘จุติจอมปีศาจแบบพิเศษขั้นสุดยอด〙

          【เฉพาะตัว】〘ควบคุมเวทย์สมบูรณ์〙,〘จิตวิญญาณแห่งจอมเวทย์〙,〘คลังพลังเวทย์〙,〘อักขระมาร〙

《พลังโจมตี》                10,725,615

《พลังป้องกัน》              14,164,080

《พลังเวทย์》                 500,536,615 + 30,032,196 + 50,053,661 + 70,751,26

《ความต้านทานเวทย์》     500,731,865 + 30,034,911 + 50,073,186 + 70,102,461

《ความว่องไว》              119,569,365

《พละกำลัง》                 15,890,865

〝คุณเมอร์ลินครับ...〞

 〝จ๋า?〞

〝ยังมีหน้ามาว่าคนอื่นอีกเร้อ!!! ยัยสัตว์ประหลาด!!!!〞

นี่มันเยอะโคตรเลยไม่ใช่รึไงฟร่ะครับ!!!! ถึงจะไม่เท่าเราก็เถอะ แต่นี่ดูแค่ชื่อก็รู้แล้วว่าสุดยอด

ผ่านการเปลี่ยนอาชีพมาแล้วตั้ง 3 ครั้ง โบนัสนี่บานเบอะเลย

〝แต่เดี๋ยวสิ! ทำไมนามสกุลกับอายุถึงไม่มีหล่ะ...〞

〝เป็นความลับของทางการค่ะ〞

นี่เธอ... อยู่ชมรม SOS ที่มีประธานชมรมเป็นพระเจ้าเหรอ!!!?

มันใช่เวลาไหมเนี่ย... แสดงว่าไม่อยากบอกจริงๆสินะ งั้นไม่ถามก็ได้ฟ่ะ

แต่บิลตัวละครได้โหดสลัดมากเลยนะเนี่ย เน้นสายเวทย์อย่างเดียวเลย... แถมยังตั้ง 500 ล้าน

เผ่าพันธุ์ก็อีก... ไม่ใช่แค่ปีศาจ แต่เป็นถึง จอมปีศาจเลยเหรอ? 

นี่เราไปสู้เข้ากับสัตว์ประหลาดของแท้เลยนี่หว่า!!!!!!

แถมยังมีหมวดที่เรายังไม่มีอย่าง【พิชิต】อยู่ด้วย... ทั้งที่เราเองก็มี〘ราชาผู้พิชิต〙 อยู่แท้ๆ

หรืออาจจะเป็นเพราะเรายังมีฉายาในด้านนี้ไม่มากพอหล่ะมั้ง...

พอพูดถึงฉายาแล้ว... ทำไมเมอร์ลินถึงมี〘การใช้ชีวิตที่ผิดพลาด〙ได้เนี่ย... แต่รู้สึกว่าไม่ควรถามเลยแฮะ

.

.

.

เดี๋ยวนะ!!! ฉายา!!? ไอ้ฉายาที่อยู่ย่อหน้าที่ 3 นี่มัน!!!

〝เดี๋ยวสิเมอร์ลิน!!! ฉายาของเธอ!!! ทำไมถึงมี『การจุติ』ด้วย!? 〞

〝........ นายเองก็รู้คำตอบอยู่แล้วนี่นา〞

เมอร์ลินเงียบไปซักพักก่อนที่จะตอบออกมา และคำตอบนั่นก็ทำให้ฉันเสียวสันหลังวาบเลยหล่ะ... ทำไมงั้นเหรอ?

〝ก็เพราะเคย『ตาย』มาแล้วยังไงหล่ะ!〞

          ไม่ใช่แค่กรเท่านั้นที่ตกใจ แต่มีอาเองก็ตกใจกับคำพูดของเมอร์ลินเหมือนกันด้วยเหตุผลที่ต่างจากกร เพราะกรรู้ดีว่าก่อนการจุติจะต้องผ่านประสบการณ์แบบไหนมาบ้าง และคิดว่าคงมีแต่ตัวเองที่เข้าใจความรู้สึกของเมอร์ลิน เพราะอย่างน้อยเธอต้องตายมาแล้วถึง 2 ครั้งแน่ๆถึงได้เกิดการจุติครั้งที่ 2 และเพราะรู้แบบนี้เข้า กรก็ยิ่งไม่กล้าถามเข้าไปใหญ่ทั้งเรื่อง〘การใช้ชีวิตที่ผิดพลาด〙 รวมถึงประสบการณ์แห่งความตายที่เธอพบเจอมา แล้วบรรยากาศของทั้งสามก็กลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้งหนึ่ง...

❖❖❖❖❖

〝ขะ ขอโทษนะเมอร์ลิน... ขอโทษด้วยนะถ้าเกิดถามแล้วโกรธ แต่『การจุติ』หน่ะ มันคืออะไรกันแน่!〞

〝!?〞

          หลังจากผ่านไปซักพัก คนที่ทำลายบรรยากาศแห่งความตึงเครียดออกไป ก็คือมีอาที่พูดแทรกขึ้นมากลางบรรยากาศแห่งความเงียบ และคำถามนั้นก็ทำให้เมอร์ลินตกใจเล็กน้อย แต่กรที่กำลังคิดนู่นนี่นั่นอยู่เองก็สงสัยถึงเรื่องนั้นอยู่เช่นกัน เพราะถึงจะเคยผ่านการจุติมาแล้ว ถึง 3 ครั้ง แต่ก็ไม่เข้าใจหลักการ เหตุผลเลยซักนิด เรียกได้ว่ากรนั้นถูกโชคช่วยเสียมากกว่าที่ฟื้นคืนชีพได้ถึง 3 ครั้ง กรจึงหันหน้าไปหาเมอร์ลินพร้อมๆกับมีอาที่ถามออกมาแบบนั้น เพื่อฟังคำตอบของเมอร์ลินอย่างใจจดใจจ่อเลยทีเดียว

〝ไม่รู้〞

〝เอ๋!!!〞

〝หา!!!〞

          มีอาและกรตะโกนออกมาแทบจะทันทีที่ได้ยินคำตอบของเมอร์ลิน นั่นเพราะทั้งสองคนคาดหวังไว้อย่างมากเลยว่าจะได้คำตอบจากหญิงสาวที่รอบรู้คนนี้

〝หมายความว่ายังไง ไม่มีข้อมูลอะไรเลยงั้นเหรอ?〞

〝ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว!〞

〝งั้นบอกเท่าที่รู้ก็ได้〞

〝อืม.....〞

          เมอร์ลินปั้นหน้ายากพอสมควร ในขณะที่ยกมือขึ้นมาจับคางเพื่อคิดอะไรบางอย่างอยู่

〝ฉันหน่ะ... ผ่านการจุติมาสองครั้ง... ก็หมายความว่าตายมาแล้วสองครั้งถูกไหม?〞

〝!!!!!!!!〞

〝มีอา!!!!〞

          แล้วมีอาที่เป็นคนถาม พอได้ยินเมอร์ลินพูดแบบนั้นก็เบิกตาโพลง แล้วก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดปาก แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาทั้งสองข้างเลยทีเดียว กรที่เห็นมีอาเปลี่ยนอารมณ์อย่างกระทันหันก็รีบเขยิบไปหาเธอในทันที

〝ถะ ถ้างั้น!! กรที่ผ่านการจุติมาสามครั้ง กะ ก็หมายความว่า... ตายมาแล้วสามครั้งงั้นเหรอ? 〞

〝....ใช่ 〞

          เมอร์ลินตอบออกมาเบาๆ แต่นั่นก็ทำให้มีอาที่นั่งร้องไห้อยู่ตัวสั่นเทิมยิ่งกว่าเดิม กรจึงเข้าไปกอดมีอาแล้วให้เธอซุกอกของตัวเองในทันที

〝ใจเย็นก่อนมีอา... เรื่องมันผ่านไปแล้วน่า〞

〝ฉะ ฉันไม่เคยรู้เลย...〞

〝โอ๋ๆ ไม่เป็นไรๆ〞

          กรลูบหัวของมีอาไปพลางปลอบเธอไปพลาง แล้วซักพักมีอาก็ผละตัวออกมาเอง แล้วก็ขอโทษกรยกใหญ่ที่ทำให้ลำบากอีก แต่กรก็ลูบหัวเธออีกครั้ง มีอาจึงใจเย็นลงค่อนข้างมาก

〝เลิกสวีทกันแล้วเหรอ?〞

〝ขอทีเถอะน่า〞

          แต่ถึงกระนั้น กรก็ยังคงโอบกอดเธอไว้ในอ้อมอกของตัวเองอยู่ดีในขณะที่คุยกับเมอร์ลิน จึงโดนหยอกเข้าให้ แต่แน่นอนว่ากรไม่ได้ปล่อยมีอา และยังคงสนทนาต่อไปทั้งที่มีอาอยู่ในอ้อมอก

แต่มาจนถึงตอนนี้ก็ไม่เคยคิดเลยแฮะ... ว่ากำลังเล่นกับอะไรอยู่

ที่เราเจอมาสามครั้งหน่ะ มันคือ ความตาย เลยเชียวนะ

เป็นปัจฉิมบทของทุกชีวิตที่ไม่มีทางหลีกเลี่ยง... การจุติคือสิ่งที่เรากำลังล้อเล่นกับมันอยู่

น่ากลัวจริงๆเลยนะให้ตายสิ... เพราะที่ผ่านมาก็อาศัยแค่ลูกฮึดกับดวงมาตลอดเลยนี่หว่า แต่แน่นอนว่าจะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ แล้วไม่รู้ด้วยซ้ำว่าขีดจำกัดในการจุติคือกี่ครั้ง

ถ้าตายก็คือจบ... เป็นเรื่องง่ายๆที่ไม่อยากจะยอมรับเลยแฮะ แต่ตอนนี้นี่แหล่ะ... ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเผชิญหน้ากับเรื่องนี้อย่างจริงจังซักที

〝มีอะไรที่รู้อีกไหม เมอร์ลิน〞

〝เท่าที่รู้ เงื่อนไขหลักๆในการจุติคือ ต้องเลเวลถึงขีดจำกัดของเผ่าตัวเอง...〞

〝แค่นั้นเหรอ?〞

〝ไม่ใช่แน่นอน... เคยมีกรณีที่เลเวลตันแล้วตายแต่ไม่เกิดการจุติเหมือนกัน〞

〝ยุ่งยากน่าดูเลยนะเนี่ย〞

〝อืม... เพราะมันค่อนข้างคลุมเครือแบบนี้แหล่ะถึงไม่มีการพิสูจน์ที่แน่ชัด แถมไม่เข้าใจหลักการเลยซักนิด〞

ดูท่าเรื่องนี้เองจะอยู่เหนือสามัญสำนึกยิ่งกว่าเรื่องดันเจี้ยนอีกนะเนี่ย... ไม่เข้าใจเลยแฮะ รูปแบบการจุติไม่ใช่เหตุการณ์ในแง่ของระบบหรอกเหรอ

〝นี่เมอร์ลิน... งั้นถ้าเป็นคนสร้างระบบนี้ขึ้นมาอย่าง『พระเจ้า』เนี่ยจะรู้คำตอบรึเปล่า? 〞

〝พระเจ้า!? เหรอ... ดูเหมือนนายจะเข้าใจอะไรผิดไปหน่อยนะ〞

〝เอ๋!!! 〞

〝ทั้งเลเวล ฉายา พลังพิเศษ... มันไม่ใช่สิ่งที่ใครบางคนสร้างขึ้นมาหรอกนะ... แต่พวกมันทั้งหมด... คือปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์ของดาวดวงนี้... ไม่สิ อาจจะของจักรวาลนี้เลยด้วยซ้ำหล่ะนะ 〞

เอ๋!!! เดี๋ยวสิ หมายความว่าไงเนี่ย... เลเวล หน้าต่างสเตตัส.... ของพวกนั้นไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าสร้างขึ้น... จะบอกว่าของพวกนั้นเป็นของประเภทเดียวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติงั้นเหรอ

แถมไม่ใช่แค่ดาวดวงนี้... จะบอกว่าอาจจะมีผลไปถึงทั้งจักรวาลเลยเหรอ นี่มันจะยิ่งใหญ่เกินไปหน่อยแล้วมั้ง...

ขอให้ที่เมอร์ลินพูดมาเป็นแค่ทฤษฎีทีเถอะ...  เพราะไม่งั้นหลังจากนี้ คงต้องเจอกับเรื่องยุ่งยากอีกเยอะแยะแน่ๆเลย...

 

ไม่สิ... ฉันไม่คิดว่านั่นจะเป็นทฤษฎีเลยซักนิด ก็มันค่อนข้างสมเหตุสมผลพอตัวเลยนี่นา  เพราะถ้าดันเจี้ยนเองก็เป็นเหตุการณ์ในแง่ของระบบ ที่อยู่ภายใต้การดูแลของพระเจ้า แล้วทำไมไอ้พระเจ้าจะไม่สามารถจัดการด้วยตัวเองได้กันหล่ะ...

ดีไม่ดี... ถ้าพระเจ้ามีอำนาจอยู่ในแง่ของระบบจริง ก็สามารถลบดันเจี้ยนให้หายไปเลยด้วยซ้ำ และที่ทำอย่างงั้นไม่ได้นั่นก็เป็นเพราะ...

〝พระเจ้าหน่ะเป็นแค่ผู้ปกครองและสอดส่องดูแลดาวดวงนี้เท่านั้น... ถึงจะเป็นพระเจ้า ก็ยังอยู่ภายใต้กฏของธรรมชาติ... ทั้งเลเวลหรือสกิล รวมทั้งเวทย์มนต์ พระเจ้าเองก็อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าด้วยเช่นกัน〞

〝!!!!!!!〞

เฮ้ย!!! ดันมารู้เข้าซะแล้วแฮะ ความลับของโลก... ไม่สิ นี่มันระดับกาแล็คซี่แล้วโว้ยครับ

กระผมรับเรื่องหนักๆแบบนี้ไม่ไหวแล้วหล่ะ นี่มันหนักหนาเกินไปสำหรับฉันที่เป็นคนธรรมดามาจนถึงเมื่อหนึ่งเดือนก่อนเกินไปแล้ว

แต่ทำไมเราถึงรู้สึกว่ามันไม่ได้มีแค่นี้กันนะ... รู้สึกว่าปัญหาที่แท้จริง มันกำลังถูกซ่อนอยู่หลังความลับนี้ยังไงอย่างงั้นแหล่ะ

ให้ตายสิ!!! ต้องมีปัญหาใหญ่อีกอยู่ชัวร์ๆเลย ลางสังหรณ์อันแม่นยำที่สุดแสนจะเลวร้ายของฉันมันบอกแบบนั้น ก็เพราะยังมีเรื่องที่พระเจ้ามันอัญเชิญเรามาจากต่างโลกนั่นแหล่ะ

〝งั้นการจุติก็อยู่ในเงื่อนไขนี้ด้วยงั้นสิ? ว่าแต่การจุติเนี่ยปกติมีอัตราการสำเร็จเท่าไหร่พอจะรู้รึเปล่า?〞

〝อืม... เกือบๆ 1 ใน 100 ล้านเลยหล่ะ〞

〝โอ๋!!!〞

น้อยโคตร!!! งั้นตัวเราก็โคตรเฮงเลยหน่ะสิ

ไม่สิ! เมอร์ลินเองก็ด้วยนี่นา

〝แต่นั่นเป็นสถิติของคนที่จุติครั้งแรกได้เท่านั้น〞

〝เอ๋!?〞

〝คนที่สามารถผ่านการจุติไปได้ถึงครั้งที่สองหน่ะ มีโอกาสแทบไม่ถึง 1 ในหมื่นล้านเลย〞

เหลือเชื่ออีกแล้ว!!! มีแต่เรื่องที่เราตามไม่ทันทั้งนั้นเลยนี่หว่า!!!!

แต่เดี๋ยวสิขนาดครั้งที่สองยังน้อยขนาดนี้ แล้วเราที่จุติเป็นครั้งที่สามหล่ะ!!!

〝งะ งั้นเมอร์ลิน... ฉันหล่ะ โอกาสของคนที่ผ่านการจุติได้ถึงครั้งที่ 3 คือเท่าไหร่กันหล่ะ?〞

〝อืม....〞

อย่าเงียบสิครับ ใจคอไม่ดีเลย...

〝คำนวณไม่ได้〞

〝เอ๋!!!!!!!!〞

อะไรหล่ะนั่น!!! คำนวณไม่ได้ โอกาสมันน้อยขนาดไหนกันเนี่ย!!!

〝นับจากบันทึกเมื่อหลายแสนปีก่อนของดาวดวงนี้... มีคนที่ไปถึงระดับนั้นได้แค่ 2 คนเท่านั้น... ไม่สิ ถ้านับนายด้วยก็เป็น 3 คน〞

〝..........〞

          กรอ้าปากค้างทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

ผมนี่... อึ้งไปเลย

〝เฮ้ยๆ!!! นี่มันเรื่องใหญ่เลยไม่ใช่เหรอ?〞

〝ก็ใช่หน่ะสิ! ไอ้สัตว์ประหลาด!!!〞

〝อึก!〞

เถียงไม่ออกจริงๆก็คราวนี้แหล่ะ... บ้าชิบ นี่เรากลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้วจริงๆสินะ ก็นะ ดูจากสเตตัสสุดมโหฬารก็น่าจะเดาได้ไม่อยากหรอก

ก็พยายามเลิกคิดเรื่องนี้มาตลอด แต่พอได้ยินแบบนี้เข้าไปตรงๆ ใครมันจะไม่คิดว่าตัวเองเป็นตัวประหลาดกันหล่ะเนี่ย?

〝เดี๋ยวก่อนสิ... งั้นก็แสดงว่าการจุติหน่ะ... สามารถเกิดได้สูงสุด 3 ครั้งงั้นเหรอ?〞

ถ้าเป็นแบบนั้นเราก็ไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกแล้ว... ไม่สิ จะคิดแบบนั้นไม่ได้

นี่เรากำลังหาทางที่ปลอดภัยให้กับตัวเองอยู่งั้นเหรอ? เรานี่มันอ่อนแอจริงๆเชียว

ก็ยักษ์นั่นหน่ะแข็งแกร่งกว่าเราตั้ง 100 เท่าเลยนะ... ยังไงพลังเวทย์ของแหล่งกำเนิดอย่างดาวดวงนี้ก็ต้องมากกว่าตัวเราอยู่แล้ว

เรื่องที่บอกว่ามากกว่า 100 เท่าได้นี่ไม่ได้โกหกเกินจริงไปเลย แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงนี่... โอกาสชนะก็จะน้อยแบบโคตรๆ เรียกว่า ถ้าไม่หวังปาฏิหาริย์จากการจุตินี่ คงไม่มีทางมีชีวิตรอดไปได้เลยหล่ะ

〝มีความเป็นไปได้แทบจะ 100% ที่จะเป็นอย่างที่ว่าเลยหล่ะ〞

〝!!!!!!!〞

          กรอ้าปากอีกครั้งในทันที และทำใบหน้าสิ้นหวังไปเสี้ยววินาทีนึง เพราะปาฏิหาริย์ที่เหลืออยู่ถูกเป่าหายไปด้วยประโยคเดียว แต่ก็รีบกลับมาตั้งสติได้เหมือนเดิมในเสี้ยววินาทีเช่นกัน

〝งั้นก็แสดงว่า...〞

〝ถูกต้อง... ถ้าเกิดนายเอาชีวิตรอดจากบอสด้วยตัวเองไม่ได้... นายจะไม่เหลือโอกาสรอดอีกแล้ว〞

          มีอาที่อยู่ในอ้อมอกของกรบีบเสื้อโค้ทของกรแน่น ในทันทีที่ได้ยินว่ากรจะไม่มีโอกาสรอดหากไม่ชนะ กรจึงลูบหัวมืออีกเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ทั้งที่ตัวเองก็กระวนกระวายใจอย่างที่สุดเช่นเดียว

หลงคิดมาตลอด.... ก็เพราะผ่านมันมาตั้งสามครั้งนั่นแหล่ะ...

ในส่วนลึกของจิตใจมันเลยมีความคิดแวบขึ้นมาว่า〝ถึงตายก็ไม่เป็นไรหรอก... เพราะถ้าจุติได้ ยังไงก็รอดตายอยู่แล้ว 〞

แต่ครั้งนี้ไม่ใช่... ที่รู้สึกสิ้นหวังก็เป็นเพราะเราคิดง่ายไปนั่นแหล่ะ เพิ่งจะมารู้ใจตัวเองก็ป่านนี้งั้นเหรอ?

เรานี่มันแย่จริงๆ ไอ้นิสัยน่ารังเกียจนี่แก้ยังไงก็ไม่หายงั้นเหรอ?

          กรคิดแบบนั้นอยู่ในใจ ทั้งที่กำหมัดของตัวเองไว้แน่นจนเล็บจิกมือของตัวเอง จนเลือดไหลออกมา มีอาที่อยู่ในอ้อมอกของกรก็ยื่นมือทั้งสองของตัวเองออกมากุมมือนั้นของกรไว้ในทันที และนั่นเลยทำให้กรผ่อนคลายลงและคิดถึงสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ในตอนนี้... ทั้งสัญญากับอลิซ การช่วยพวกรินกลับไปโลกเดิม... ความปลอดภัยของพี่สาวและเพื่อนสนิท... ผู้หญิงที่ตัวเองรักเช่นมีอา... และเพื่อนพ้องคนสำคัญที่เพิ่งพบหน้าอย่างเมอร์ลินเองก็ด้วย

          พอกรได้เห็นว่าตอนนี้ตัวเองมีสิ่งสำคัญที่ต้องปกป้องมากขนาดไหน ก็จำใจต้องปัดเป่าความกระวนกระวายใจทั้งหมดให้หายไป และทำการตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะต่อสู้เดิมพันทุกอย่างเป็นครั้งแรกในชีวิตตั้งแต่เกิดมาอยู่ภายในใจของตัวเองอย่างรุนแรง จนถึงขนาดที่ทั้งมีอาและเมอร์ลินยังสัมผัสความจริงจังนั้นได้เลยทีเดียว

.

.

ครั้งนี้เรา... แพ้ไม่ได้จริงๆแล้ว!!!!!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 225 : ความสำเร็จเกิดจากการยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง (จบบทที่ 4)

    ช่วงหลังมานี้... หลังจากที่เหล่าภรรยาของฉันได้รู้ทุกอย่างและยอมรับสิ่งที่ฉันเป็นหรือเจอมา จำนวนครั้งที่ฝันร้ายก็ลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดใช่ มันไม่ได้หายไปหรอก... ฉันรู้ตัวดี และสัมผัสได้ก็เพราะความกังวลยังมีอยู่นั่นแหละนะแต่ก็ต้องขอบคุณความอ่อนโยนของทุกคน มันถึงไม่ได้เลวร้ายเหมือนเมื่อก่อนเพราะมีพวกเธออยู่เคียงข้าง ฉันเลยไม่ได้กลัวจนสติแตกเหมือนเมื่อก่อนแล้วใช่... ต่อให้ฝันร้ายถึง ‘เรื่องในอดีต’ ฉันก็ไม่ได้กลัวหรือว่าเศร้าอีกแล้วเพราะงั้น... ความรู้สึกปั่นป่วนในอกนี่ จึงใกล้เคียงกับความกังวลมากกว่า กรรู้สึกชื่นชมความใจเย็นของตัวเอง มั่นใจว่าอย่างน้อยมันก็ดีขึ้นกว่าก่อนแน่ ไม่อย่างนั้น... ภาพของชายหาดที่เต็มไปด้วยซากศพรอบกายของเขา คงทำเอารู้สึกผิดจนทรมานตัวสั่นไปแล้วเป็นฝันร้ายที่ไร้รสนิยมซะจริง กรรู้สึกขนลุกจนหน้าเหยเกแม้จะรู้ว่าทั้งหมดเป็นแค่ความคิด ด้วย ‘สุดยอดการประมวลผล’ มันไม่ยากอยู่แล้วที่จะรู้ตัวขณะหลับ ...มันสุดยอดจนถึงกับรู้ด้วยซ้ำว่าอะไรเป็นสาเหตุของการฝัน ชายหาดนี้ไม่ใช่ที่ที่กรรู้จัก แต่จำนวนศพที่มากขนาดนี้ เดาได้เลยว

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 224 : ผีเสื้อกระพือปีก สะเทือนถึงผืนฟ้าแลสะท้านถึงอเวจี

    ————สามวันต่อมา, ทวีปอีเดน - ใจกลางเมืองหลวงแอสการ์ด ใจกลางทวีปอีเดนนั้น ปกติแล้วคือสวนอันศักดิ์สิทธิ์สำหรับเหล่าเทพผู้ปกครอง ซึ่งมีไว้ใช้เพื่อกำหนดทิศทางของสรวงสวรรค์หรือหมายรวมถึงโลกมนุษย์เบื้องล่าง ถนนสายหลักของตระกูลทั้งเจ็ดล้วนแล้วแต่เข้ามาบรรจบ ณ ที่สวนพฤกษานี้ เมื่อไรก็ตามที่มีหัวหน้าตระกูลมาเยือน ทางเข้าของสวนจากถนนเส้นนั้นจะมีมือขวาข้ารับใช้เฝ้าถนนเส้นนั้นไว้เป็นปกติ ...ทว่าในวันนี้กลับแตกต่างเป็นพิเศษ เพราะจำนวนข้ารับใช้ของทั้งหกตระกูลที่มานั้นมีจำนวนกว่าร้อยคน แถมทางเข้าสวนจากถนนแต่ละเส้นยังติดธงประดับตราประจำตระกูลอีก ซ้ำร้าย... ธงที่ว่ายังเป็นลักษณะเดียวกับที่ใช้ในสงคราม มันเคยถูกใช้ทั้งกับจอมมารในอดีตกาลหรือกับราชาปีศาจในปัจจุบัน นั่นแลคือสัญญาณบ่งบอกความรุนแรงของสถานการณ์ในตอนนี้ โดยเฉพาะใจกลางสวนพฤกษา ที่ตั้งของโต๊ะกลมทำจากหินอ่อนซึ่งเป็นสถานที่ประชุมของเหล่าหัวหน้าตระกูลยกเว้นกาบริเอล สีหน้าทุกคนนั้นอยู่ไม่สุข ทั้งกังวลและโกรธเกรี้ยวบ้าง สับสนบ้าง ...และสาเหตุของเรื่องนั้น ก็คือกระดาษแผ่นน

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 223 : ความหวังและสิ้นหวัง คือสองด้านของเหรียญที่ชื่อศรัทธา

    หลังจากที่อัพเดทข้อมูลกับเหล่าสหายภาคีโต๊ะจัตุรัส กรก็ต้องกลับไปแต่งชุดเพื่อเข้าพิธีรับมอบรางวัลต่อ เพราะตัวเอกของงานคือพวกกรทั้ง 4 ฝ่าย และมีเหล่าราชาจากอาณาจักรในสังกัดสภาโลกเป็นผู้มอบรางวัล นั่นหมายความว่าเหล่าภรรยาของกรที่เป็นกำลังหลักในการปราบอาร์เคมีดีสก็ต้องร่วมงานรับรางวัลด้วย ไม่สิ... ‘ดาร์คไนท์ซิริอุส’ ที่เป็นกำลังหลักนี่แหละคือตัวเอกหลักของงาน ไม่ร่วมเห็นทีคงจะไม่ได้เพราะงั้นพวกเราก็เลยได้ห้อง VIP ไว้แต่งตัว ต้องขอบคุณแอนดรูว์เลยแหละแล้วระหว่างที่รอสาว ๆ เขาแต่งองค์ทรงเครื่องกัน ฉันก็ไปอัพเดทข้อมูลรอถึงจริง ๆ จะอยู่ในห้องตอนสาว ๆ แต่งตัวได้แบบไม่เป็นไรก็เถอะ (ก็เห็นกันทุกซอกทุกมุมแล้วนี่นา)แต่ในแง่ของความรู้สึก... ขืนจ้องของสวย ๆ งาม ๆ ขนาดนั้นนานเข้า พูดตามตรงว่ามันจะของขึ้นจนไม่เป็นอันทำงานเอาน่ะสิฉันก็รู้นิสัยตัวเองดีอ่ะนะ เลยขอป้องกันไว้ก่อนดีกว่า กรอมยิ้มแห้งกับขีดจำกัดของตัวเองเหมือนทำใจ ก่อนเปิดประตูเข้าไปในห้องที่เขากับสาว ๆ เช่าพัก“อ๊ะ! กรกลับมาแล้ว!”“เป็นไงบ้าง เหนื่อยไหมกร?” มีอากับรินเดินเข้ามารับกรก่อนใคร

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 222 : แก้โจทย์ได้เมื่อใด ปัญหาใหม่ย่อมตามมาเสมอ

    หลังจากที่เมอร์ลินบอกว่าเครื่องเคลื่อนย้ายออกแบบเสร็จแล้ว พวกเราก็ทำตัวเอื่อยเฉื่อยกันอีกแปปนึงก่อนจะกลับบ้านพวกเราแจ้งข่าวเรื่องนี้กับทุกคน โดยเฉพาะรินกับอลิซพวกเธอดีใจเข้ามากอดแล้วก็ร้องไห้โฮใหญ่เลยแต่ก็ช่วยไม่ได้หรอก ก็จากบ้านมากตั้ง 5 เดือนแล้วนี่นาไหนจะทั้งคุณลุง คุณน้าที่รออยู่ที่บ้าน... ชีวิตประจำวันที่ผ่านมาตลอด 17 ปีมันทดแทน 5 เดือนไม่ได้หรอก (ถ้าไม่นับเรื่องที่ได้คบกันล่ะนะ)เพราะงั้นจะอยากกลับไปก็คงไม่แปลกเราเองก็เถอะ... ถึงกลับบ้านไปจะไม่มีใครอยู่แล้ว แต่มันก็ยังเต็มไปด้วยความทรงจำที่ทำให้เราเป็นอย่างทุกวันนี้เป็นสถานที่ให้กำเนิดความฝันของเรา ...และเราก็ไม่ได้รังเกียจมันอีกแล้วด้วยเพราะงั้นเราจะกลับไปให้ได้! เครื่องมือมีพร้อมหมดแล้วที่เหลือก็มีแต่การจัดแจงสถานการณ์ ให้กลับไปได้โดยที่โลกเดิมไม่มีปัญหา...แต่เรื่องนั้นแหละที่ยากที่สุด❖❖❖❖❖————สองวันต่อมา, โรงแรมเดอะกลอรี่ ณ สหพันธ์แห่งความรุ่งโรจน์ หลังจากวันหยุดของกรและครอบครัวสิ้นสุด แผนการขั้นถัดไปของภาคีโต๊ะจัตุรัสก็เสร็จสมบูรณ์ด้วย ...และก็เป็นการเริ่มแผนด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนั้น ก

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 221 : สาวน้อยธรรมดา?แค่อยากใช้เวลาด้วยกัน ตอนจบ (Mia and Merlin have a Date)

    “โดนแกล้งอีกแล้วอ่า!”“น่า ๆ ไม่เป็นไรนะกร”“แล้วจะโทษใครได้ล่ะหืม?” ได้ยินแฟนหนุ่มเดินบ่นกลางป่า มีอากับเมอร์ลินจึงได้ลูบหัวปลอบใจไปคนละกรุบ ...ถึงต้นเหตุจะเป็นเพราะพวกเธออยู่แล้วก็เถอะว่าแต่ นี่เดจาวูป่ะเนี่ย?ไหงรู้สึกเหมือนเรื่องคล้าย ๆ กันเพิ่งเกิดขึ้นเลย“!!!?” ระหว่างที่คิดอะไรไร้สาระอยู่ มีอากับเมอร์ลินก็เข้ามาควงแขนกรเหมือนกับตอนที่มาถึง กรเลยคิดว่า ‘โอเค ช่างมันละกัน’ แล้วหันไปสนใจกับการเที่ยวลมชมวิวกับภรรยาทั้งสองดีกว่า จากก่อนหน้านี้... หลังจากพักผ่อนในตึกกลางสำหรับติดต่อ พวกกรก็ออกเดินเท้าไปตามทางที่ทำไว้ เห็นว่าหากเดินตามทางนี้จะสามารถชมวิวได้ครบทุกแห่งและวนไปยังกระท่อมที่จองไว้ได้พอดี“กรดูสิ! มีแม่น้ำด้วย!”“ตื้นพอให้ลงไปเล่นได้ด้วยแฮะ” มีอากับเมอร์ลินดูจะสนใจแม่น้ำทางขวาที่ทั้งสามกำลังเดินเลียบผ่าน ความใสของมันทำให้เห็นดินและกรวดก้นแม่น้ำได้ แถมความสูงของมันยังแค่ครึ่งแข้งเอง เรียกว่าเหมาะกับการเล่นสุด ๆ มีอากับเมอร์ลินจึงไม่รอช้า พวกเธอถอดรองเท้าแล้วจูงมือกรลงไปในแม่น้ำ“ไปกันเถอะกร! น่า

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 220 : สาวน้อยธรรมดา?แค่อยากใช้เวลาด้วยกัน ตอนต้น (Mia and Merlin have a Date)

    หลังจากถ่ายรูปกันอย่างหวานแหวว เวลาก็ยังเหลืออีกนิดหน่อย พวกเราเลยจะไปเดินเล่นกันต่อ...และแน่นอน คุณรินกับอลิซก็ยังคงตามแกล้งฉันเหมือนเดิมช่างใจร้ายเหลือร้าย ตั้งแต่ในโรงหนังแล้วนะ!มาปลุกเร้ากันขนาดนี้ในสถานการณ์ที่ทำได้แค่อดทน นี่มันการทรมานประเภทไหนกันเนี่ย!?เหมือนเอาเนื้อสเต็ก A5 มาจ่อลิ้นแต่ไม่ยอมให้กินเลยนะเฮ้ย!จะทั้งชาลอตกับซาช่าที่ขยันเซอร์วิสให้ตอนช่วงเช้า หรือรินกับอลิซที่มาแกล้งกันทั้งช่วงบ่ายฉันเลยต้องกัดฟันทนน้ำตาไหลเป็นโลหิตไปจนถึงตอนกลางคืนโน่นเลย!พอถึงเวลาหม่ำ ๆ ฉันก็เลยล้างแค้นด้วยการกินพวกเธอเกือบทั้งคืนจนแทบไม่ได้หลับได้นอนทำกันยังกับเป็นกระต่ายเลยเชียวล่ะ!...ก็ พอมานึกดู ฉันอาจจะหนักมือไปหน่อยแต่พวกเธอมาแกล้งฉันก่อนนี่หว่า! จะโดนเอาคืนมันก็ไม่แปลกนี่นา!!!เหมือนที่เคยมีใครบางคนพูดไว้นั่นแหละ‘ผู้ที่จะเขมือบได้ก็มีแต่คนที่เตรียมใจจะโดนเขมือบเท่านั้น’ อื้ม ๆ! กรตื่นเช้ามาก็พยายามหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองใหญ่ทั้งที่ไม่จำเป็น แต่ก็ต้องขอบคุณศึกอันหนักหน่วงเมื่อวานด้วย ความงุ่นง่านในตัวกรเลยลดลงไปมากจนระบบความคิดปกติเริ่มกลับมาทำงาน เขา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status