“เห็นไหมคะคุณพ่อ” หล่อนบอก เรื่องไม่ทำงานช่วยหล่อนไม่ว่าอะไร เพราะหล่อนไม่ได้ทำจริงๆ แต่ที่ยอมไม่ได้เพราะยัยสองคนนั่นนินทาว่าหล่อนไม่มีใครเอา อย่างนี้ถ้ายอมก็ไม่ใช่รินรดาแล้ว...
พงศกรหลับตานิ่งนาน... ก่อนจะลืมตามองลูกสาว เขาไม่มีสิทธิ์ว่าลูกที่ลูกติดเครื่องมือดักฟังบนเครื่องบิน เขายังไม่ทันว่าหล่อนที่หล่อนเอาเปรียบเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน แต่ลูกสาวของเขานั้นกลับรอฟังคำตอบว่าเขาจะจัดการกับสองคนนั้นอย่างไร...
ถ้าตอนนี้เขาทบทวนตัวเองได้ว่าเขาตามใจลูกมากเกินไป แล้วผ่อนผันมันลงบ้าง จะยังทันหรือเปล่านะ...
“หนูดี ตอนนี้พ่อไล่สองคนนั้นออกไม่ได้หรอกนะลูก ตอนนี้มีสายการบินที่แข่งขันกันมากมาย... แอร์โฮสเตสเก่งๆ ก็ขาดแคลน สายการบินเราขยายเส้นทางบินอย่างต่อเนื่อง... เราต้องการคนอีกมาก เราจะสร้างชื่อเสียด้วยการไล่คนออกอย่างไม่มีเหตุผลไม่ได้นะลูก”
“ไม่มีเหตุผลหรือคะคุณพ่อ เท่าที่หนูดีให้ฟังนี่ยังไม่มีเหตุผลพอเหรอคะ” หล่อนถาม... นับเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่บิดาไม่เห็นด้วยกับหล่อน
“หนูดี ฟังพ่อก่อนลูก อย่าเพิ่งโกรธนะ... เดี๋ยวพ่อให้สองคนนั้นลงมาทำงานที่ออฟฟิซของเราก่อนก็ได้.. แต่ว่าอย่าเพิ่งไล่เขาออกเลยนะลูกนะ... เท่านี้ลูกก็พอใจแล้วใช่ไหมล่ะ พักเรื่องนั้นไว้ก่อนเถอะ แล้วว่าแต่เย็นนี้จะกลับไปที่บ้านกับพ่อหรือเปล่า หนูไม่ได้กลับบ้านหลายวันแล้วนี่”
“วันนี้ เอ่อ... หนูดียังไม่ว่างค่ะ ต้องไปที่อื่นต่อ...” เมื่อพูดถึงเรื่องกลับบ้านรินลดาก็อึกอัก หล่อนออกมาอยู่คอนโดมิเนียมตั้งแต่สมัยเรียน ตอนที่ทำงานหล่อนก็ซื้อห้องชุดใกล้ๆ กับสนามบิน การที่หล่อนยังดึงดันที่จะทำงานอยู่นั่นก็เป็นเพราะว่าหล่อนไม่ต้องการกลับไปอยู่บ้าน บ้านที่ไม่เคยมีความอบอุ่นให้หล่อนเลย...
“น่าเสียดายนะ ช่วงนี้คุณย่าไม่ค่อยสบาย ไปเยี่ยมท่านหน่อยก็ดีเหมือนกันนะลูก” รินรดาเสหน้าไปทางอื่น... หล่อนไปเยี่ยมแล้วก็มีแต่ย่าของหล่อนจะป่วยมากกว่าเดิม... ท่านคงไม่ได้อยากเห็นหล่อนเท่าไหร่หรอก
“คุณย่าไม่สบายเดี๋ยวก็หายค่ะ มียัยระรินหลานรักดูแลอยู่ทั้งคน” หลานชังอย่างหล่อนก็ไม่สำคัญ หล่อนบอกต่อในใจ... แต่ไม่อยากให้บิดาต้องเสียใจหล่อนจึงไม่พูด
“หนูดี...” บิดาหล่อนเรียกชื่อลูกสาวอย่างอิดหนาระอาใจ เขาพอจะรู้ว่ามารดาเขานั้นชอบดุรินรดาอยู่บ่อยๆ เพราะว่ารินรดานั้นหน้าตาออกเค้าทางแม่มากกว่า มารดาเขาไม่ชอบฝรั่ง... ไม่ชอบจนขนาดแม่ของรินรดาทนไม่ได้ต้องเลิกรากับเขาไปแล้วทิ้งรินรดาไว้ต่างหน้า แล้วท่านยิ่งต่อว่าว่าพวกฝรั่งนั้นใจง่ายเรื่อยเปื่อยตามประสาคนมีอคติพอบ่นแม่ไปก็ลามมาบ่นที่ลูกอีกจนบางครั้งเขาก็ต้องปรามๆ ไว้บ้าง...
ถึงจะรู้ว่าย่ากับหลานไม่ถูกกันแต่เขาก็ไม่อยากให้ลูกโกรธผู้เป็นย่าเพราะว่าอีกฝ่ายนั้นพูดบ่นพล่ามไปตามประสาคนแก่ แต่หลานตัวก็ยังรักไม่ได้โกรธเหมือนอย่างที่บ่น แต่ที่พักหลังๆ มารดาเขาว่ารินรดามากขึ้นเพราะว่ารินรดาไม่ยอมกลับบ้านมาอยู่บ้าน ท่านก็ประชดว่าหลานอยากเที่ยว อยากทำอะไรไม่ดีไกลหูไกลตาผู้ใหญ่ แล้วแม่ลูกสาวจอมรั้นของเขาก็บอกย่าว่าจะใช้ชีวิตให้เสเพลอย่างที่ผู้เป็นย่าประชด เท่านั้นแหละสองย่าหลานเลยไม่ถูกกันตลอดจนปรามไม่อยู่อย่างทุกวันนี้
“หนูดีพูดเล่นค่ะคุณพ่อ” หล่อนตัดบทเมื่อเห็นว่าบิดาทำสีหน้าลำบากใจ... “เดี๋ยววันไหนว่างๆ หนูดีจะเข้าไปที่บ้านค่ะ วันนี้หนูดีเหนื่อย ลงจากเครื่องมาก็มานี่เลย แล้วพรุ่งนี้หนูดีก็มีไฟลท์บินในประเทศอีกไฟลท์ด้วยค่ะ”
“หนูทำงานแล้วไม่หยุดเหรอลูก ไม่ดีต่อสุขภาพเลยนะ... แล้วมันอาจจะเป็นผลเสียต่อการทำงาน เพราะเวลางานเราเหนื่อยช่วยเพื่อนร่วมงานได้น้อย มันก็ทำให้เราโดนนินทาว่าร้ายเอาได้นะลูก ต่อไปนี้หนูดีต้องช่วยเพื่อนทำงานบ้างนะ จะได้ไม่มีใครว่าลูกสาวคนสวยของพ่อได้”
“หนูดีก็ช่วยทำแล้วนะคะ แต่ว่าบางทีที่หนูดีเห็นพวกผู้โดยสารที่ชีกอแล้วไฟลท์นั้นหนูดีก็ไม่ทำงานปล่อยให้คนอื่นทำไป...”
พงศกรไม่รู้ว่าเป็นข้ออ้างของลูกสาวหรือเปล่า... แต่เขาก็เลือกที่จะเงียบแล้วชวนลูกสาวคุยเรื่องอื่นไปเรื่อยเปื่อย... นานครั้งกว่าจะได้เจอกัน... ทั้งที่เป็นคนในครอบครัวเดียวกันแท้ๆ แต่เขากับลูกสาวแทบไม่ได้คุยกันเลย... บ่อยครั้งที่ลูกสาวเข้ามาแล้วเห็นว่าเขามีงานกองท่วมอยู่ เจ้าตัวก็จะมาแค่ครู่เดียวแล้วรีบไป เขาจึงให้เลขาเคาะห้องก่อนแล้วเคลียร์โต๊ะทำงานให้เรียบร้อยก่อนลูกสาวจะมา เพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกันนานขึ้น
เมื่อคุยกับบิดาจนสบายใจแล้วรินรดาก็ค่อยออกมาจากที่ทำงานของบิดา... หญิงสาวไม่ได้เอะใจเลยว่า ทำไมหล่อนมาที่นี่แต่ละครั้งบิดาไม่เคยงานยุ่งเลย... ทั้งๆ ที่หล่อนพอจะรู้ว่าท่านทำงานหนักแค่ไหน
แต่ก็ช่างเถิด แค่พงศกรมีเวลาให้หล่อนเท่านี้หล่อนก็พอใจแล้ว...
บนถนนวิภาวดีรังสิตทิศมุ่งสู่สนามบินดอนเมืองช่วงนี้รถยนต์โล่งเนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาว รถเมอร์เซเดสเบนซ์คันหรูวิ่งโฉบบนท้องถนนยามสายอย่างรีบเร่ง... เขาขับรถปาดหน้าแซงซ้ายแซงขวารถคันอื่นที่ขับอย่างรีบเร่งไม่แพ้กัน บ่อยครั้งที่เขารีบแล้วได้รับการบีบแตรด่าจากรถคันอื่น...หากเสียงแตรมันบอกแทนคนได้ เขาก็คงได้รับคำถามว่า ไอ้ห่า มึงจะรีบไปตายที่ไหนวะ...แต่เขาไม่สนใจ เพราะว่าถ้าไปไม่ทันก็อาจตายได้เหมือนกัน... เขา หม่อมราชวงศ์เขตแดน เลิศยศอมร คลากสัน... รองประธานกรรมการผู้บริหารวัยย่างสามสิบแห่งเครืออมรกรุ๊ป บริษัทยักษ์ใหญ่ในสายธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยและประเทศแถบเอเชีย เนื่องจากว่าเป็นผู้บริหารใหญ่เขาจึงงานยุ่งเหยิงเกินกว่าที่มือสองมือของเขาจะรับไหว แล้วยิ่งเลขาที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ยังไม่ค่อยคล่องงานยิ่งทำให้เขาลำบากมากขึ้น...อย่างเช่นการเร่งรีบในครั้งนี้ก็เพราะไอ้รติพงษ์เลขาตัวดีของเขาที่รับงานซ้อนกันโดยไม่ได้ดูรายละเอียดดีๆ ตามตารางงานที่เลขาจัดไว้คือวันนี้เขาต้องประชุมตอนแปดโมงในโรงแรมแกรนด์อมร ปรินซ์เซส โรงแรมระดับห้าดาวกลางกรุงเทพเมืองฟ้าอมร... จากนั้นสิบโมงเขาต้องไปตรวจงานที่โกดังสิ
ออกมาจากบริษัทบิดารินรดาก็มาเดินซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าก่อน... หล่อนอยากเปลี่ยนบรรยากาศหาที่เลือกซื้อของใหม่บ้าง เพราะหล่อนเดินที่ร้านค้าปลอดภาษีที่สนามบินตามประเทศต่างๆ จนเบื่อ วันนี้จึงอยากลองมาหาซื้อเสื้อผ้าที่ห้างสรรพสินค้านอกสนามบินบ้าง...ร่างสูงเพรียวระหงเดินเข้าร้านเสื้อผ้าแบรนด์โปรดของหล่อน... แต่พอเข้ามาแล้วหญิงสาวมองเสื้อผ้าที่ออกคอลเลคชันใหม่แล้วก็ส่ายหัว ทั้งเซตที่ว่านั้น ไม่ถูกใจหล่อนเลย... แต่ว่ามันคงเป็นที่ถูกใจของใครอีกหลายคน“สวัสดีค่ะ” พนักงานในร้านเดินออกมาต้อนรับ หญิงสาวยิ้มให้คนนั้นน้อยๆ ตามแบบฉบับของหล่อน การยิ้มให้คนอื่นอย่างเสียไม่ได้อย่างนี้ทำให้รินรดาไม่ค่อยมีเพื่อน หล่อนก็รู้ว่าทุกคนคิดกับหล่อนยังไง หล่อนไม่คิดจะปรับปรุงนิสัยให้เพื่อนมากขึ้นเพราะชอบความเป็นส่วนตัว ความเย่อหยิ่งจึงมีเท่าเดิมเรื่อยมา“ขอเดินดูคนเดียวก่อนนะคะ...” บอกก่อนจะเดินมาที่มุมเสื้อสูทสตรี... เสื้อสูทผ้าสีครีมเนื้อดีแต่งริมขอบคอเสื้อและแขนเสื้อด้วยผ้าสีอิฐสวมบนหุ่นทับเสื้อตัวในที่เป็นสีดำ พร้อมกางเกงสีเข้าชุดกัน หุ่นใส่รองเท้าสีอิฐและกระเป๋าสีเดียวกัน... ชุดนี้คงเป็นชุดที่ออกมาก่อนหน้า
“เห็นไหมคะคุณพ่อ” หล่อนบอก เรื่องไม่ทำงานช่วยหล่อนไม่ว่าอะไร เพราะหล่อนไม่ได้ทำจริงๆ แต่ที่ยอมไม่ได้เพราะยัยสองคนนั่นนินทาว่าหล่อนไม่มีใครเอา อย่างนี้ถ้ายอมก็ไม่ใช่รินรดาแล้ว...พงศกรหลับตานิ่งนาน... ก่อนจะลืมตามองลูกสาว เขาไม่มีสิทธิ์ว่าลูกที่ลูกติดเครื่องมือดักฟังบนเครื่องบิน เขายังไม่ทันว่าหล่อนที่หล่อนเอาเปรียบเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน แต่ลูกสาวของเขานั้นกลับรอฟังคำตอบว่าเขาจะจัดการกับสองคนนั้นอย่างไร...ถ้าตอนนี้เขาทบทวนตัวเองได้ว่าเขาตามใจลูกมากเกินไป แล้วผ่อนผันมันลงบ้าง จะยังทันหรือเปล่านะ...“หนูดี ตอนนี้พ่อไล่สองคนนั้นออกไม่ได้หรอกนะลูก ตอนนี้มีสายการบินที่แข่งขันกันมากมาย... แอร์โฮสเตสเก่งๆ ก็ขาดแคลน สายการบินเราขยายเส้นทางบินอย่างต่อเนื่อง... เราต้องการคนอีกมาก เราจะสร้างชื่อเสียด้วยการไล่คนออกอย่างไม่มีเหตุผลไม่ได้นะลูก”“ไม่มีเหตุผลหรือคะคุณพ่อ เท่าที่หนูดีให้ฟังนี่ยังไม่มีเหตุผลพอเหรอคะ” หล่อนถาม... นับเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่บิดาไม่เห็นด้วยกับหล่อน“หนูดี ฟังพ่อก่อนลูก อย่าเพิ่งโกรธนะ... เดี๋ยวพ่อให้สองคนนั้นลงมาทำงานที่ออฟฟิซของเราก่อนก็ได้.. แต่ว่าอย่าเพิ่งไล่เขาออกเลยนะล
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูเบาๆ จากด้านนอกทำให้คนที่ง่วนอยู่กับแฟ้มเอกสารเงยหน้าขึ้นมอง... ปรกติเลขาของเขาจะโทรบอกผ่านอินเตอร์คอมว่ามีแขกคนใดมาขอพบ แต่หากเป็นการเคาะประตูเช่นนี้ย่อมแสดงว่าคนที่รอเขาอยู่ข้างนอกเป็นแขกพิเศษที่รู้เฉพาะเขาและเลขาว่าเป็นใคร... “เข้ามาได้” พงศกร อโณทัย ผู้บริหารหลักสายการบินเอเชียแอร์ไลน์เอ่ยบอกเสียงเรียบ... หน้าประตูห้องมีการเคลื่อนไหว แล้วลูกสาวคนโตของเขาก็เดินเข้ามาหาเขา... หล่อนคือ รินรดา อโณทัย โคลล์ ลูกสาวที่เกิดจากโรเชลีน่าภรรยาคนแรกของเขา หลังจากที่พวกเขาหย่ากันโรเชลีน่าเลือกที่จะไปใช้ชีวิตใหม่แล้วให้เขาเลี้ยงลูกสาวคนนี้ตามลำพัง แต่เนื่องจากเขาไม่มีเวลาได้เลี้ยงดูลูกสาวสักเท่าไหร่ มารดาของเขาเลยแนะนำให้เขาแต่งงานใหม่เพื่อหาคนมาช่วยเลี้ยงลูก เขาแต่งงานใหม่อีกครั้งกับลูกสาวเพื่อนมารดาซึ่งเป็นคนไทยด้วยกันแล้วจึงมีลูกสาวอีกหนึ่งคน คือ ระรินทิพย์ อโณทัย ถึงแม้เขามีลูกสาวสองคนแต่ทั้งคู่หน้าตาและนิสัยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง! วันนี้พงศกรไม่รู้ว่าลมอะไรหอบลูกสาวคนโตของเขาให้มาหาเขาที่นี่ได้... เพราะ
หล่อน รินรดา โคลล์ นางฟ้าแสนสวยจอมหยิ่งยโส แห่ง เอเชียแอร์ไลน์หล่อน สวย รวยเก่ง และเพียบพร้อมทุกอย่างยกเว้นแต่นิสัยขี้วีนเอาแต่ใจจนใครหลายคนต่างเอือมระอา...เขา... ม.ร.ว. อรรถากร เลิศยศอมร คลากสัน คุณชายใหญ่ผู้กุมบังเหียนบริษัทที่มีมูลค่ามหาศาลในเครืออมรกรุ๊ปเขาเงียบ นิ่ง สุขุม แต่ซุ่มเขี้ยวเล็บของเสือไว้ภายใน และพร้อมตะครุบเหยื่อที่ขวางทางโดยไม่สนว่าเป็นใครหน้าไหน...ครั้งแรกที่พบกัน หล่อนราดน้ำรดหัวเขา เพียงเพราะเขาเผลอทำอาหารหล่นใส่รองเท้าแสนแพงของหล่อน...เขาโมโหแทบคลั่ง แต่หล่อนก็ถือดีไม่ขอโทษทั้งที่เป็นคนผิด แถมยังผิดในหน้าที่ด้วยซ้ำคนที่ไม่มีใครหยามได้อย่างเขาจะยอมได้อย่างไร... คนที่ผิดน้อยกว่านี้เขายังซัดตายคามือมาแล้ว...แล้วผู้หญิงบ้าดีเดือดนิสัยเสียอย่างหล่อน... จะต้องย่อยยับจมดิน โทษฐานที่มาเล่นกับคนอย่างเขา....ซาตานอย่างเขาจะเด็ดปีกนางฟ้า ให้ซมซานบินไม่ขึ้นเลยทีเดียว... “นี่คุณ ตั้งสติให้ดีได้ไหม คุณเมามากแล้วไปนอนเถอะเพราะผมเองก็จะไปนอนแล้ว” “อย่าไปไหน อย่าทิ้งฉันไป กอดฉันไว้ กอด! ฉันบอกให้กอดไง” หล่อนโวยวายกับเขา ด้วยน้ำเสียงที่ดัง