Beranda / ระบบ / ซูเมี่ยวจิน / วันแต่งงาน

Share

วันแต่งงาน

Penulis: 橙花
last update Terakhir Diperbarui: 2025-10-15 12:00:43

หลังกินข้าวเสร็จ ฉางชิงหยูอาสาไปเชิญเพื่อนบ้านที่สนิทกันและยืมโต๊ะเก้าอี้มาไว้ใช้ในงานแต่งงานวันพรุ่งนี้ หลิวเอ้อหลิงบอกให้ฉางเล่ยไปขอซื้อไก่จากเพื่อนบ้านพวกนั้นมาสักหลายตัวเพื่อทำอาหารขึ้นโต๊ะในงานแต่งงาน หลังจากดูแล้วว่ายังขาดเมนูไก่ไปหนึ่งอย่าง สองพ่อลูกจึงออกจากบ้านไปด้วยกัน

หลิวเอ้อหลิงกับซูเมี่ยวจินจึงช่วยกันตกแต่งบ้านต่อ เหลืออีกเพียงนิดหน่อยก็ตกแต่งเสร็จหมดแล้ว ตอนนี้บ้านฉางเต็มไปด้วยกระดาษและผ้าสีแดงเต็มไปหมด ในห้องนอนของฉางเล่ยเองก็ถูกติดกระดาษเอาไว้เช่นกัน แต่ยังไม่ได้เปลี่ยนผ้าปูเป็นสีแดงมงคล หลิวเอ้อหลิงรอให้ถึงพรุ่งนี้เช้าจึงจะเข้าไปเปลี่ยนให้ลูก ๆ

“แม่คะ ฉันติดเสร็จหมดแล้วค่ะ จะให้ทำอะไรต่อคะ” ซูเมี่ยวจินถามขึ้น

“ไม่มีอะไรแล้วจ๊ะ เราไปปั้นแป้งเตรียมทำบัวลอยวันพรุ่งนี้กันดีไหม” หลิวเอ้อหลิงนึกถึงขนมบัวลอยที่บ่าวสาวต้องกินในวันแต่งงานขึ้นมาได้ เธอไม่อยากเสียเวลาเตรียมของพรุ่งนี้จึงคิดจะทำเอาไว้ก่อน

“ได้ค่ะแม่” ซูเมี่ยวจินเดินตามหลังหลิวเอ้อหลิงเข้าไปในครัว

หลิวเอ้อหลิงสอนซูเมี่ยวจินปั้นแป้งบัวลอยไปด้วยและคุยกับว่าที่ลูกสะใภ้ไปด้วยถึงเรื่องงานในวันพรุ่งนี้ที่จะจัดขึ้น

“ลูกไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องแขกในหมู่บ้านนะ ครอบครัวพวกเขาเป็นคนดี แม่ให้พ่อเชิญมาแค่ไม่กี่ครอบครัวเท่านั้น” หลิวเอ้อหลิงกลัวว่าซูเมี่ยวจินจะรังเกียจชาวบ้านในหมู่บ้านทุกคน เธอยังไม่มีเวลาพาสะใภ้ไปทำความรู้จักกับพวกเขาจึงกังวล

“หนูเข้าใจค่ะแม่ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ หนูรู้ดีว่าในหมู่บ้านมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ในเมื่อเป็นคนที่พ่อแม่ไว้ใจ หนูคิดว่าพวกเขาน่าจะเป็นคนดีค่ะ” ซูเมี่ยวจินยิ้มตอบ

ทั้งสองคุยกันไปทำงานกันไปอย่างสนุกสนาน เพราะซูเมี่ยวจินไม่เคยทำขนมมาก่อน ทำให้แป้งติดเลอะเทอะจนหน้าสวย ๆ ของเธอมอมแมมไปหมด

ฉางชิงหยูกับฉางเล่ยที่ไปยืมโต๊ะเก้าอี้และเชิญครอบครัวชาวบ้านที่สนิทก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ชาวบ้านเหล่านั้นต่างรับปากว่าพรุ่งนี้เช้าตรู่จะขนโต๊ะเก้าอี้ไปให้ที่บ้านก่อนเริ่มงาน อีกทั้งพวกเขายังได้เงินจากการขายไก่ให้ฉางเล่ยด้วย ทำให้ชาวบ้านหลายครอบครัวดีใจมากที่ได้รับเชิญจากบ้านฉาง

ชาวบ้านที่ไม่ได้รับเชิญพอได้ข่าวก็ต่างซุบซิบนินทาบ้านฉางเหมือนเดิม แต่จนใจที่พวกเขาไม่ได้รับเชิญ อีกทั้งคำขู่ของซูเมี่ยวจินที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ทำให้ชาวบ้านได้แต่เจ็บใจที่ตัวเองหาเรื่องใส่ตัวจนอดไปร่วมงานกินฟรีครั้งใหญ่

ฉางชิงหยูกับฉางเล่ยที่จัดการธุระเสร็จก็ช่วยกันหิ้วไก่สิบกว่าตัวที่ซื้อมากลับบ้านก่อนมื้อเย็นเกือบหนึ่งชั่วโมง ระหว่างทางกลับ ฉางเซียงจูก็ปั่นจักรยานมาถึงตัวพวกเขาและทักทายอย่างร่าเริง

“พ่อกับพี่ใหญ่ไปซื้อไก่มาเหรอคะ เอามาใส่ตะกร้ารถหนูไหม”

“ไม่ต้อง ๆ ลูกปั่นดี ๆ เดี๋ยวจะหกล้มเอา” ฉางชิงหยูเป็นห่วงลูกสาวตัวน้อย

“หนูไม่ปั่นแล้วค่ะพ่อ หนูจูงไปพร้อมพ่อกับพี่ใหญ่ดีกว่า” ฉางเซียงจูลงจากจักรยานคันเล็กของเธอแล้วจูงไปเคียงข้างคนในครอบครัว

สามคนพ่อลูกเดินไปคุยไปจนกระทั่งถึงบ้าน ฉางเล่ยจึงแยกไปเก็บไก่ไว้ในลานหลังบ้านใกล้กับบ่อน้ำที่พวกเขาเก็บวัตถุดิบทำอาหาร ฉางเซียงจูจอดจักรยานเสร็จก็รีบเอากระเป๋าเข้าไปเก็บในห้องแล้วออกมาช่วยแม่กับพี่สะใภ้ปั้นแป้งบัวลอย ส่วนฉางชิงหยูเดินตรวจดูว่าในบ้านยังขาดการตกแต่งตรงไหนอีกหรือไม่

อาหารเย็นวันนี้พวกเขากินกันค่ำกว่าปกติเล็กน้อย เพราะมัวแต่ปั้นแป้งจำนวนมากจนลืมเวลา แต่ทุกคนก็ไม่มีใครบ่นว่าเหนื่อยเลย พวกเขาต่างยิ้มแย้มแจ่มใสที่ได้ช่วยกันเตรียมงานมงคลที่จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้

คืนนั้นทุกคนพากันเข้านอนหลังกินมื้อค่ำไม่นาน เพราะพรุ่งนี้จะต้องตื่นกันตั้งแต่รุ่งสางเพื่อเตรียมอาหารรอแขกที่จะมา อีกทั้งยังมีชาวบ้านที่จะนำโต๊ะเก้าอี้มาให้พวกเขายืมใช้ด้วย ทุกคนจึงอยากเก็บแรงเอาไว้จัดการเรื่องพรุ่งนี้

ตี่สี่วันต่อมา พ่อแม่ฉางลุกขึ้นหลังจากนาฬิกาปลุกเสียงดัง พวกเขาตื่นเร็วกว่าปกติครึ่งชั่วโมงเพื่อช่วยกันเตรียมวัตถุดิบทำอาหาร ฉางเซียงจู ฉางเล่ยและซูเมี่ยวจินก็ลุกขึ้นมาช่วยหลังได้ยินเสียงเปิดประตูห้องของพวกเขา

“พวกลูกไม่นอนต่อกันอีกสักหน่อยเหรอ อาเล่ยกับเมี่ยวจินยังต้องรับแขกอีกนะ”

“ไม่เป็นไรค่ะแม่ พวกเราไม่ง่วง” ซูเมี่ยวจินตอบหลังจากหันไปมองฉางเล่ยที่ยืนยิ้มแป้นอยู่ข้าง ๆ เธอ

“ตกลง ๆ ถ้าอย่างนั้นช่วยกันหั่นผักกับเนื้อก่อนก็แล้วกัน” หลิวเอ้อหลิงจัดแจงงาน

ทั้งห้าคนช่วยกันทำงานอย่างขะมักเขม้นจนกระทั่งเกือบหกโมงเช้า เสียงเพื่อนบ้านตระกูลเหยาที่นำโต๊ะเก้าอี้มาส่งก็ร้องเรียกอยู่หน้าบ้าน ซูเมี่ยวจินจึงต้องออกไปย้ายรถยนต์จอดเอาไว้หน้าบ้านแทน เธอไม่สนใจว่าชาวบ้านจะพูดอะไร ยังไงวันนี้ทุกคนก็จะได้รู้ว่าที่บ้านฉางมีรถยนต์ใช้แล้ว

“โอ้! ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าบ้านพี่ฉางมีรถยนต์ใช้แล้ว” เหยาซ่งเบิกตากว้างอย่างตื่นตาตื่นใจ เขาเคยเห็นรถยนต์ในอำเภออยู่บ้าง แต่ไม่เคยเห็นคนในหมู่บ้านมีรถยนต์ราคาแพงใช้มาก่อนจึงได้ตื่นเต้นมาก

“นั่นรถของลูกสะใภ้เราน่ะครับ ไม่ใช่รถของเราหรอก” ฉางชิงหยูกล่าวอย่างถ่อมตัว

เหยาซ่งพอรู้ว่าเป็นรถของซูเมี่ยวจิน เขาก็ไม่กล้าพูดมากอีก ข่าวลือเรื่องเธอดังไปทั่วหมู่บ้าน ถึงแม้เขาจะสนิทกับฉางชิงหยูก็จริงอยู่ แต่เขาก็ไม่กล้าพอที่จะพูดเรื่องของซูเมี่ยวจินอยู่ดี

ชาวบ้านใกล้เคียงที่เคยมาสอดรู้สอดเห็นคราวก่อน พอเห็นซูเมี่ยวจินลงจากรถยนต์คันงามก็ยิ่งอิจฉามากขึ้นไปอีก พวกเขาได้แต่ซุบซิบกันถึงความรวยของลูกสะใภ้บ้านฉาง เพราะทุกคนจำสายตาเย็นชาของเธอได้ พวกเขาจึงไม่กล้าเสียงดังนัก

หลังเหยาซ่งกลับไป ไม่นานนักชาวบ้านคนอื่น ๆ ก็นำโต๊ะเก้าอี้มาให้เรื่อย ๆ ฉางชิงหยูจึงคอยจัดการเรื่องตั้งโต๊ะอยู่ที่ลานหน้าบ้าน ซูเมี่ยวจินกลับเข้าครัวไปช่วยทุกคนทำงานต่อโดยไม่สนใจชาวบ้านที่นำโต๊ะเก้าอี้มาให้ เธอสนิทกับคนยากจึงได้มีท่าทางแบบนี้ ซึ่งคนอื่น ๆ ในบ้านต่างรู้นิสัยของเธอดีจึงไม่ได้ว่าอะไร

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ญาติจากหมู่บ้านเสิ่นเกือบ 30 คนก็มาถึง พวกเขาพากันเข้าไปช่วยทำอาหารและจัดห้องหอให้คู่บ่าวสาว อีกทั้งยังไล่ให้ทั้งสองคนไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ารอต้อนรับแขก เพราะอีกไม่นานก็คงมีแขกมาแล้ว

ญาติ ๆ ทางฝั่งพ่อแม่ที่มา ไม่มีใครถามเรื่องรถยนต์ที่จอดอยู่หน้าบ้านเลยแม้แต่คนเดียว ทำให้ซูเมี่ยวจินสบายใจที่เห็นครอบครัวฉางและหลิวรู้จักกาลเทศะและไม่มีใครอิจฉาบ้านสามเลยสักคน

เสียงพูดคุยเฮฮาดังออกมาจากบ้านตระกูลฉาง ชาวบ้านที่ไม่ได้รับเชิญอยากมาร่วมงานใจจะขาด แต่ก็หวาดกลัวซูเมี่ยวจิน พวกเขาจึงทำได้แค่ยืนนินทากันเป็นกลุ่มอยู่ห่าง ๆ และคอยมองดูครอบครัวฉางจัดงานอย่างหงุดหงิดใจ

แม่เฒ่าฮัว ป้าซิงและป้าฟางที่ไม่ชอบเห็นคนอื่นได้ดีกว่าตัวเอง ทั้งสามคนคุยกันว่ารอให้ชาวบ้านในหมู่บ้านที่ถูกเชิญเข้าร่วมงานก่อน พวกเธอก็จะด้านหน้าเดินเข้าไปโดยไม่สนใจลองดูก่อน เพราะพวกเธอคิดว่าซูเมี่ยวจินคงไม่กล้าลงมือในวันแต่งงานของตัวเองจนเสียชื่อต่อหน้าญาติพี่น้องแน่

ญาติผู้หญิงหลายคนช่วยกันแต่งตัวให้ซูเมี่ยวจิน หลิวเอ้อหลิงเห็นลูกสะใภ้สวมชุดเจ้าสาวแล้วอดจะปลื้มใจไม่ได้ เสียงชื่นชมดังออกมาไม่ขาดสาย ทำเอาซูเมี่ยวจินเขินอายไม่น้อย เธอไม่คิดว่าผู้อาวุโสเหล่านี้จะปากหวานกันจริง ๆ

“พวกคุณชมฉันเกินไปแล้วนะคะ เราออกไปด้านนอกกันดีกว่าค่ะ” ซูเมี่ยวจินอยากเห็นเจ้าบ่าวของเธอว่าจะหล่อขนาดไหนเช่นกันจึงชวนทุกคนออกจากห้อง

“ได้สิ ๆ พวกเราไปกันเถอะ อาหารน่าจะใกล้เสร็จหมดแล้วล่ะ อีกไม่นานแขกคงเริ่มมากันแล้วด้วย” ป้าสะใภ้ใหญ่บ้านฉางเอ่ยชวน

“ใช่ ๆ พวกเราไปช่วยกันเอาอาหารขึ้นโต๊ะรอแขกกันเถอะ จะได้นั่งพักกันก่อนถึงพิธีไหว้ฟ้าดิน” ป้าสะใภ้รองบ้านฉางกล่าวเสริมขึ้น

บรรดาผู้อาวุโสเดินนำออกจากห้องไปก่อน ซูเมี่ยวจินที่เดินตามหลังออกมารู้สึกถึงสายตาหลายคู่ที่จ้องมองมาที่เธอ พอเธอกวาดตามองก็พบเจ้าบ่าวของเธอและญาติชายซึ่งกำลังจัดเตรียมสถานที่ทำพิธีอยู่ต่างอ้าปากค้างมองเธออย่างตกตะลึง ทำเอาซูเมี่ยวจินชักจะทำตัวไม่ถูกขึ้นมาเลยทีเดียว

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ซูเมี่ยวจิน   เจ้าสาวสวยมาก

    “โอ้! เจ้าสาวของฉางเล่ยสวยมากจริง ๆ” เสียงลุงใหญ่บ้านฉางที่ตั้งสติได้เป็นคนแรกอดจะชมเสียงดังไม่ได้“ใช่ ๆ เจ้าสามได้ลูกสะใภ้สวยจริง ๆ” พี่ชายหลิวเอ้อหลิงที่เห็นหลานสะใภ้เอ่ยเสริมขึ้นมาเสียงดังเช่นเดียวกัน“พวกลุงอย่าแกล้งภรรยาผมสิครับ ดูสิ เธอทำตัวไม่ถูกแล้ว” ฉางเล่ยยืดอกขึ้นอย่างภูมิใจที่ตัวเองกำลังจะแต่งงานกับคนสวยตรงหน้า เขารู้ดีว่าสีหน้าของซูเมี่ยวจินตอนนี้คงกำลังเขินอายอยู่ ไม่อย่างนั้นแก้มของเธอคงไม่แดงก่ำขึ้นมาจนลามไปถึงคออย่างที่เขากำลังเห็นเป็นแน่“ขอบคุณสำหรับคำชมนะคะคุณลุง” ซูเมี่ยวจินได้ยินฉางเล่ยพูดขึ้น เธอจึงสงบจิตใจตอบกลับผู้อาวุโสอย่างนอบน้อม สายตาคมดุของเธอมองเจ้าบ่าวที่วันนี้หล่อมากในสายตาเธอก็อดที่จะมองเขาสักหลายทีไม่ได้เช่นกันเหล่าผู้อาวุโสเห็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวแอบมองกันไปมาก็รีบผลักพวกเขาให้ไปรอต้อนรับแขกที่ลานหน้าบ้าน ฉางเล่ยที่ตั้งตัวได้ก่อนจึงจับมือซูเมี่ยวจินเดินออกไปตามคำสั่งของผู้ใ

  • ซูเมี่ยวจิน   วันแต่งงาน

    หลังกินข้าวเสร็จ ฉางชิงหยูอาสาไปเชิญเพื่อนบ้านที่สนิทกันและยืมโต๊ะเก้าอี้มาไว้ใช้ในงานแต่งงานวันพรุ่งนี้ หลิวเอ้อหลิงบอกให้ฉางเล่ยไปขอซื้อไก่จากเพื่อนบ้านพวกนั้นมาสักหลายตัวเพื่อทำอาหารขึ้นโต๊ะในงานแต่งงาน หลังจากดูแล้วว่ายังขาดเมนูไก่ไปหนึ่งอย่าง สองพ่อลูกจึงออกจากบ้านไปด้วยกันหลิวเอ้อหลิงกับซูเมี่ยวจินจึงช่วยกันตกแต่งบ้านต่อ เหลืออีกเพียงนิดหน่อยก็ตกแต่งเสร็จหมดแล้ว ตอนนี้บ้านฉางเต็มไปด้วยกระดาษและผ้าสีแดงเต็มไปหมด ในห้องนอนของฉางเล่ยเองก็ถูกติดกระดาษเอาไว้เช่นกัน แต่ยังไม่ได้เปลี่ยนผ้าปูเป็นสีแดงมงคล หลิวเอ้อหลิงรอให้ถึงพรุ่งนี้เช้าจึงจะเข้าไปเปลี่ยนให้ลูก ๆ“แม่คะ ฉันติดเสร็จหมดแล้วค่ะ จะให้ทำอะไรต่อคะ” ซูเมี่ยวจินถามขึ้น“ไม่มีอะไรแล้วจ๊ะ เราไปปั้นแป้งเตรียมทำบัวลอยวันพรุ่งนี้กันดีไหม” หลิวเอ้อหลิงนึกถึงขนมบัวลอยที่บ่าวสาวต้องกินในวันแต่งงานขึ้นมาได้ เธอไม่อยากเสียเวลาเตรียมของพรุ่งนี้จึงคิดจะทำเอาไว้ก่อน“ได้ค่ะแม่&r

  • ซูเมี่ยวจิน   ขายเขากวาง

    “เชิญคุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายด้านในเลยครับ” เจ้าของร้านผายมือเชิญอย่างนอบน้อม ต่างจากครั้งก่อนที่พวกเขามาขายโสมราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ“ขอบคุณครับ/ค่ะ” ฉางเล่ยกับซูเมี่ยวจินเห็นเถ้าแก่ทำแบบนี้เลยไม่อยากเสียมารยาท“พวกคุณนั่งก่อนครับ วันนี้จะมาขายเขากวางในมือนั่นหรือเปล่าครับ” เถ้าแก่ถามด้วยแววตาเป็นประกายระยิบระยับ เพราะเขากำลังจะได้ของดีมาขายอีกแล้ว“ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณรับซื้อยังไงคะเถ้าแก่” ซูเมี่ยวจินถามตรง ๆ เธอไม่เคยขายเขากวางมาก่อนจึงไม่รู้ว่าราคาตลาดเป็นอย่างไร“เขากวางสดขายราคาเป็นขีดครับคุณผู้หญิง เขากวางของคุณใหญ่ขนาดนี้น่าจะได้ราคาสูงมากทีเดียว หลายปีแล้วที่ร้านขายยาไม่มีเขากวางขายครับ” เถ้าแก่บอกตรง ๆ เพื่อที่เขาจะได้รับซื้อเขากวางและนำไปขายทำกำไรต่อเหมือนเคย“ขีดละเท่าไหร่หรือคะเถ้าแก่ ถ้าราคาต่ำไป ฉันจะได้เก็บเอาไว้ก่อน” ซูเมี่ยวจินไม่คิดว่า

  • ซูเมี่ยวจิน   ขายกวาง

    ฉางเล่ยถึงกับทึ่งในฝีมือการใช้หน้าไม้ของซูเมี่ยวจิน แต่เขาไม่มีเวลาสงสัยมากนักเมื่อเธอบอกให้เขารีบเข้าไปกลบเลือดกวางที่ตาย เพื่อป้องกันไม่ให้หมาป่าหรือสัตว์ดุร้ายตัวอื่นตามกลิ่นเลือดมาซูเมี่ยวจินมองหาไม้ใหญ่และเถาวัลย์เพื่อใช้มัดกวาง ดีที่ป่าตรงนี้มีทุกอย่างที่เธอต้องการ ซูเมี่ยวจินใช้เวลาไม่นานก็นำของทั้งหมดไปจัดการมัดกวางเอาไว้“ช่วยฉันแบกมันลงจากเขากันเถอะค่ะ ตอนนี้กี่โมงแล้วคะ” ซูเมี่ยวจินยังคงกลัวว่าจะกลับบ้านค่ำมืดเกินไป“สี่โมงเย็นพอดีครับ” ฉางเล่ยยกไม้ที่มีกวางถูกมัดอยู่ขึ้นพาดไหล่อย่างไม่หนักแรง“เรารีบกลับบ้านกันเถอะ พรุ่งนี้ค่อยเอามันไปขายในอำเภอนะคะ”“ตกลงครับ ว่าแต่พรุ่งนี้เราจะใช้จักรยานหรือรถยนต์ไปในอำเภอดีครับ”“ฉันว่าเอาสามล้อของพ่อไปดีกว่าค่ะ ฉันไม่อยากให้ชาวบ้านเห็นรถยนต์เราเร็วนัก ยังไงวันแต่งงานก็ต้องเอารถออกไปจอดหน้าบ้านอย

  • ซูเมี่ยวจิน   อยากขึ้นเขา

    ทั้งสองกลับมาถึงบ้านก่อนเที่ยงนิดหน่อย หลังจากเก็บเนื้อและผักแช่ไว้ในบ่อน้ำหลังบ้านแล้ว ซูเมี่ยวจินก็ไปอุ่นอาหารรอฉางเล่ยที่กำลังเอาสามล้อไปคืนพ่อที่ไร่ เธอคิดว่าช่วงบ่ายไม่มีอะไรทำ จึงอยากชวนฉางเล่ยขึ้นเขาไปล่าสัตว์ หาสมุนไพรดูสักหน่อย เผื่อว่าจะโชคดีได้เงินอีกสักก้อนฉางเล่ยกลับมากินข้าวพร้อมซูเมี่ยวจินในเวลาไม่นานนัก ระหว่างที่กำลังกินมื้อเที่ยงกันอยู่ ซูเมี่ยวจินก็ชวนฉางเล่ยขึ้นเขา“คุณแน่ใจเหรอว่าจะขึ้นเขาบ่ายนี้” ฉางเล่ยเลิกคิ้วขึ้นอย่างงุนงง“ใช่ค่ะ ยังไงบ่ายนี้พวกเราก็ไม่มีอะไรทำ คุณไม่ได้ไปดูกับดักสัตว์หลายวันแล้ว เผื่อว่าจะได้สัตว์ไปขายในอำเภอพรุ่งนี้สักตัวสองตัวก็ยังดีนะคะ” ซูเมี่ยวจินบอก“ก็ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นกินข้าวเสร็จ ผมจะเอากุญแจบ้านไปให้พ่อก่อน คุณรอผมที่บ้านนะครับ ผมไปไม่นาน” ฉางเล่ยพยักหน้าตอบรับ เขาลืมไปเลยว่าวางกับดักสัตว์เอาไว้หลายวันแล้ว เพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องงานแต่งงานจึงไม่ได้ขึ้นไปดู

  • ซูเมี่ยวจิน   เตรียมงาน

    ฉางชิงหยูกับหลิวเอ้อหลิงไปถึงบ้านหลิวในเวลาไม่นาน สองเฒ่าชราที่อายุน้อยกว่าพ่อเฒ่าฉางหลายปีออกมาต้อนรับลูกเขยกับลูกสาวด้วยความดีใจ พอรู้ว่าหลานชายกำลังจะแต่งงาน ทั้งสองก็ดีใจมาก“พวกเราจะไปแน่นอนเอ้อหลิง พ่อกับแม่จะให้พี่ใหญ่เธอพาไปเอง ตั้งแต่หลาน ๆ ไปทำงานในอำเภอ พวกเราก็สบายขึ้นมาก จักรยานที่บ้านก็มีถึงสองคัน ไม่ต้องเป็นห่วงนะ พวกเราจะไปกันตั้งแต่เช้ามืดเลย” แม่หลิวรีบบอกพร้อมรอยยิ้มชรา“ใช่ ๆ นานแล้วที่บ้านเราไม่มีงานมงคล” พ่อหลิวเองก็ดีใจไม่น้อยที่หลานชายกำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที ทั้งที่อายุก็ไม่น้อยแล้ว“ถ้าพ่อแม่ไม่อยากตื่นเช้านัก พวกเราปั่นจักรยานมารับพวกคุณได้นะคะ” หลิวเอ้อหลิงไม่อยากทำให้พ่อแม่ลำบาก เธอจึงหันไปมองสามี“ใช่ครับ ผมปั่นสามล้อมารับดีไหมครับ พ่อกับแม่จะได้นั่งกันสบายหน่อย”“ไฮ้! ไม่เป็นไร ๆ พวกเราชอบนั่งพ่วงหลังจักรยานของเสี่ยวเค่อมากกว่า” พ่อเ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status