คืนนั้น เสี่ยวหนานกลับถึงบ้านพร้อมรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ประดับใบหน้า มือเรียวส่งรูปถ่ายสองสามใบให้สามีของเธอ ดวงตาของเขาเบิกกว้างเมื่อเห็นภาพเหล่านั้น ก่อนจะเค้นเอาความจริงจากปากของภรรยา
"หนานหนาน! ทำไมน้องถึงเอาตัวเองเสี่ยงแบบนี้!" สือซานตวาดเสียงกร้าว
"พี่จะร้อนใจทำไม ฉันก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย เนี่ยเห็นไหม? กลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัย" เธอยิ้มตาหยีอย่างไม่สะทกสะท้าน
"แล้วแอบไปดูคนมีอะไรกันมันใช่เรื่องไหมเล่า!?"
"ไม่ดูก็ไม่รู้สิว่าวางแผนได้ดีแค่ไหน~ อีกอย่าง...เราจะเอารูปพวกนี้ไปขู่มันไงคะ จะได้เลิกตามตื๊อฉันซะที!"
สือซานยกมือกุมขมับ ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเมียสุดแสบที่เอาชนะพวกคนเลวด้วยไหวพริบและกล้องโพลารอยด์
"กล้ามากนะหนานหนาน... กล้าถ่ายรูปคนกำลังมีอะไรกัน... แล้วยังเอามาให้ผัวดูด้วยท่าทางภูมิใจแบบนี้?"
เสียงของเขาทุ้มต่ำ ลึก และราบเรียบราวผิวน้ำก่อนพายุใหญ่จะมาเยือน เสี่ยวหนานได้แต่กลืนน้ำลายเงียบ ๆ พยายามจะยิ้มกลบเกลื่อน แต่ยิ่งดูเหมือนเด็กน้อยทำผิดแล้วพยายามแก้ตัว
"ก็..ก็พวกนั้นคิดจะทำร้ายฉันก่อน พี่จะมาดุฉันไม่ได้นะ"
สือซานหัวเราะในลำคอ เสียงแหบพร่าราวกับลมหายใจแห่งไฟเผาไหม้ เขาก้าวมาหยุดตรงหน้าเธอ มือหนาเอื้อมขึ้นแตะปลายคางภรรยาแล้วเชยเบา ๆ ให้สบตาเขา
"รู้เรื่องแล้วให้จื่ออันมาบอกพี่ก็ได้ แต่สุดท้ายก็เลือกจะเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง งั้นคืนนี้ก็ต้องโดนลงโทษไปแล้วกัน"
เสียงเขาไม่ได้ดัง แต่แผ่วพร่าจนเสี่ยวหนานขนลุกซู่
ริมฝีปากของเขาประทับลงมาอย่างแนบแน่น ร้อนแรงราวกับจะละลายทุกสติที่หล่อนพอจะเหลืออยู่ มือใหญ่โอบแนบแผ่นหลัง ดันร่างบางให้แนบชิดติดกันจนไม่เหลือช่องว่างให้แม้แต่ลมหายใจ
"อื้อ… พี่สือซาน… เดี๋ยวก่อน…"
"ไม่มีเดี๋ยว เล่นกับไฟ... ก็ควรได้รู้ว่าความร้อนแผดเผามันเป็นยังไง"
เขาอุ้มเธอขึ้นอย่างง่ายดายราวกับตัวเธอไร้น้ำหนัก พาไปวางกลางเตียงเตาเมื่อร่างของเขาทาบทับลงมา กลิ่นกายที่คุ้นเคยทำให้อารมณ์ของทั้งคู่พลุ่งพล่าน
เสื้อผ้าถูกปลดเปลื้องออกช้า ๆ ทีละชิ้น สายตาสือซานจับจ้องที่เสี่ยวหนานราวกับต้องการให้เธอจดจำบทลงโทษครั้งนี้ให้ขึ้นใจ
"พี่สือซาน..."
"พี่จะไม่ตีเธอหรอก แต่ถ้าคราวหน้าอยากดู...ก็มาดูของพี่ ไม่ใช่ของคนอื่น...มันเสียสายตา!"
เสี่ยวหนานหน้าแดงซ่านอย่างไม่มีที่ซ่อน ร่างกายเธอเหมือนถูกวางลงบนเตาเหล็กที่เร่าร้อน ความแข็งแกร่งของเขาทาบทับลงมาแนบแน่น ลมหายใจร้อนผ่าวกระซิบถี่ชิดซอกคอ ทุกจังหวะที่เขาเคลื่อนไหวคือการครอบครอง ช้าแต่เน้นหนัก สมแล้วที่เรียกว่าบทลงโทษ
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังในห้องที่ไร้แสงไฟ มีเพียงแสงจันทร์ลอดผ่านผ้าม่านปลิวพริ้ว เสี่ยวหนานไม่ได้หนี ไม่ได้ร้อง ไม่ได้ต่อต้านแม้แต่นิด... เธอยอมจำนนให้กับทุกสัมผัส ทุกแรงกระแทกที่เร้าเร่งขึ้นเรื่อย ๆ เขาครอบครองเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับจะฝังคำว่า "ภรรยาของสือซาน" ไว้ในกายของเธอ
เวลาผ่านไปนานเท่าใดไม่มีใครนับได้... จนเมื่อเสียงลมหายใจถี่รัวค่อย ๆ แผ่วลง เหลือเพียงสัมผัสนิ่งแนบแน่นของสองร่างที่กอดกันไว้แนบสนิท สือซานเอื้อมมือมาปัดปอยผมเปียกชื้นเหงื่อของเธอขึ้น ลูบไล้เบา ๆ แล้วกระซิบเสียงต่ำข้างขมับ
"อย่าซุกซนอีกนะเมียจ๋า... ผัวของเธอจะไม่ใจดีแบบนี้อีก"
เสี่ยวหนานกลั้นยิ้ม แต่ใบหน้าแดงเป็นลูกตำลึงทั้งแถบ เธอพยักหน้าเบา ๆ ซุกหน้าลงในอกแกร่งที่ยังร้อนระอุ...
เช้าวันต่อมา
เช้ามืดวันต่อมา เสี่ยวหนานรู้สึกตัวตื่นจากนิทราด้วยความปวดเมื่อยตามร่างกาย ผิวแก้มยังแดงซ่านจากรอยสัมผัสของค่ำคืนที่เร่าร้อน ริมฝีปากมีรอยช้ำบาง ๆ ที่เกิดจากคนข้างกาย
ผู้ชายสุขุมนุ่มลึกที่เวลาเอ่ยปากพูดกับใครดูสงบนิ่ง พูดถึงอะไรก็ได้ทั้งนั้น...ยกเว้นเมียของเขา เธอเป็นเกล็ดย้อน ไม่ใช่แค่ห้ามลูบ แต่ห้ามมอง ห้ามคิด ห้ามแม้แต่เข้าใกล้
"พี่สือซาน...พาฉันไปที่บ้านร้างหลังนั้นหน่อยได้ไหม?"
เธอพูดขึ้นขณะที่ยังนั่งซบอยู่ในผ้าห่มบนเตียง ร่างบางยังสั่นเล็กน้อยจากความหนาวเย็นในยามเช้า
"ทำไมต้องไปที่นั่น?..." ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย
เธอเงยหน้าขึ้น สีหน้าแน่วแน่แต่เปี่ยมด้วยความอ่อนล้า
"ฉันจะจัดการทุกอย่างให้มันจบลงวันนี้...เรื่องหานเจา กับไป๋ลี่เหยา"
สือซานมองภรรยาเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาดำสนิทของเขากะพริบช้า ๆ เหมือนกำลังกลั่นกรองคำพูด ท้ายที่สุด เขาก็พยักหน้าช้า ๆ
"ตกลง"
เสี่ยวหนานรีบไปอาบน้ำแต่งตัว เธอหยิบภาพถ่ายใส่กระเป๋า จากนั้นก็ออกเดินทางไปที่บ้านร้างหลังนั้นเช้ามืด
เมื่อไปถึงท้องฟ้าก็สว่างขึ้นจนสามารถมองเห็นสิ่งรอบตัวได้ชัดเจน กลิ่นคาวสกปรกที่คละคลุ้งในอากาศแทบทำให้คนมีสติอาเจียนออกมา เสี่ยวหนานยกมือปิดจมูก ในขณะที่สือซานยืนนิ่ง ใบหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก แต่ดวงตาคมลึกคู่นั้นกำลังไล่สำรวจทุกมุมอย่างเงียบงัน
เสียงประตูไม้ที่ถูกผลักเปิดดัง เอี๊ยด! แหลม หานเจากับไป๋ลี่เหยาแทบกระโดดลุกขึ้นจากฟูกเน่า ๆ ที่พวกเขาใช้เป็นสนามซ้อมมาตลอดคืน ทั้งสองอยู่ในสภาพยับเยิน ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ดวงตาแดงช้ำเพราะไม่ได้นอนเต็มตา
"เสี่ยวหนาน! เธอมาได้ยังไง..." หานเจาอุทานออกมาอย่างตกใจ
เสี่ยวหนานไม่ตอบ เธอหยิบภาพถ่ายขึ้นมาชูหลายแผ่นแววตาเด็ดเดี่ยวไร้ความกลัว
"ดูสิ..นี่อะไร? ไป๋ลี่เหยา ถ้าเธอยังไม่เลิกวุ่นวายกับฉันกับพี่สือซาน ฉันจะเอารูปพวกนี้ไปแปะทั่วหมู่บ้านให้คนดู ส่วนแกหานเจา เงิน 600 หยวนที่ฉันเสียไปกับแก วันนี้แกต้องคืนมาทั้งหมด ไม่อย่างนั้นฉันจะส่งรูปพวกนี้ไปให้ว่าที่ภรรยา พ่อตากับแม่ยายของแก!"
ภาพในมือของเธอเป็นภาพที่หานเจาและไป๋ลี่เหยานัวเนียกันในสภาพเปลือยเปล่าภายในบ้านร้างแห่งนี้ ใบหน้าของทั้งคู่ชัดเจนยิ่งกว่าภาพจากกล้องวงจรปิด พอทั้งคู่ได้เห็นก็หน้าซีดเผือดทันที
"อย่านะเสี่ยวหนาน ฉัน...ฉันขอโทษ มันเป็นความผิดของไป๋ลี่เหยา! นังนั่นมันวางแผนทั้งหมด เพราะหล่อนอยากได้โจวสือซานเป็นผัว!"
"ไอ้เลว! ไอ้หานเจา! แกมันคนชั่ว! อย่ามาโยนความผิดให้ฉัน แกเองก็อยากข่มขืนนังเสี่ยวหนานไม่ใช่เหรอ! แกพูดเองว่าจะทำให้มันเชื่องเหมือนหมา!"
ไป๋ลี่เหยากรีดเสียงโต้กลับ ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ แววตาเต็มไปด้วยพิษร้าย
เพียงชั่วอึดใจ เสียงหมัดก็ฟาดใส่ใบหน้าหานเจาดัง ปั่ก! หน้าของเขาหันไปอีกด้านด้วยแรงหมัดของสือซาน เขาเดินเข้ามาโดยไม่พูดไม่จา ร่างสูงสง่าทาบทับเงาเหนือหานเจาราวกับพญามัจจุราช
"กล้าดียังไง...คิดจะทำร้ายเมียฉัน?"
เขากัดฟันกรอด เสียงของเขาไม่ได้ตะโกน แต่กลับดังก้องเข้าไปถึงกระดูกสันหลังของทุกคนในห้อง
สือซานต่อยซ้ำอีกหมัด สองหมัด จนหานเจอล้มลงนอนครางครืด ๆ เสี่ยวหนานไม่ได้ห้ามอะไรเลย นัยน์ตาของเธอสงบนิ่ง...ราวกับนี่คือสิ่งที่ควรเกิดขึ้นตั้งแต่แรก
"วันนี้แกต้องคืนเงินให้ฉัน แล้วกลับไปบอกแม่แก กับน้องสาวแกด้วย ถ้ายังไม่หยุดยุ่งวุ่นวายกับฉัน ฉันจะให้คนทั่วทั้งมหาวิทยาลัยเห็นรูปพวกนี้"
เธอพูดเสียงเรียบ แต่แววตากลับคมดั่งมีด หานเจานั่งตัวสั่นงันงก ก่อนจะรีบควักธนบัตรในกระเป๋าออกมานับแล้วนับอีก
"นี่...นี่เอาไปเลย เอาไปเถอะ ขอร้องล่ะ เสี่ยวหนาน อย่าเอารูปพวกนั้นไปเผยแพร่...อย่าทำลายอนาคตของฉันเลยนะ"
เสี่ยวหนานรับเงินทั้งหมดมานับ เธอรู้ดีว่าจุดจบของหานเจาเป็นยังไง ต่อให้เธอไม่ทำอะไรสุดท้ายเขาก็จะถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยเพราะถูกจับได้ว่าโกงคะแนนสอบ
"ได้ ฉันให้สัญญา...ตราบใดที่แกกับครอบครัวไม่มาวุ่นวายกับฉันอีก รูปพวกนี้ฉันก็จะทำลายมันทิ้งทั้งหมด"
เธอหันไปทางไป๋ลี่เหยา ซึ่งยืนกำกระโปรงแน่นร่างทั้งร่างสั่นเทาและคอยหลบหน้าสือซานด้วยความอับอาย
"ส่วนเธอ...ถ้ายังคิดเล่นสกปรกอีกครั้ง อย่าหวังว่าเสี่ยวหนานคนนี้จะเห็นแก่ความเป็นผู้หญิงเหมือนกัน"
พูดจบ สองสามีภรรยาก็หันหลังเดินออกมา โดยไม่ชายตามองร่างสองคนนั้นอีกเลย เสียงกรีดร้องของไป๋ลี่เหยา กับคำด่าสาปแช่งของหานเจาดังลอยตามลมมาแผ่วเบา สือซานเอื้อมมือมาโอบไหล่ภรรยาไว้แน่น แล้วพูดเสียงต่ำข้างหูเธอว่า
"ต่อจากนี้ ทุกคนที่จะแตะต้องเธอได้...ต้องผ่านพี่ก่อน"
เสี่ยวหนานซบหน้ากับอกเขา ดวงตาร้อนผ่าว น้ำตาไหลลงข้างแก้มเงียบ ๆ ความเจ็บที่เคยฝังอยู่ในหัวใจกำลังถูกลบเลือน...โดยผู้ชายที่ร่างนี้เคยคิดว่าเขาเย็นชาที่สุด
ยามเช้าของหมู่บ้านชาวประมงยังคงงดงามด้วยเสียงคลื่นกระทบฝั่งเบา ๆ และกลิ่นน้ำเค็มที่ลอยมากับสายลม สือซานพาภรรยาแวะที่บ้านซู
ในมือของเธอคือธนบัตรหลายใบมูลค่าหกร้อยหยวนที่เธอเพิ่งได้คืนมาจากหานเจา เงินที่เมื่อก่อนเธอเคยยื่นให้เขาด้วยหัวใจ แต่บัดนี้มันคือสิ่งเดียวที่เธอยอมให้เขาเอาชนะไม่ได้ เธอหันมาบอกสามีผู้ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยรอยยิ้มบาง
"ฉันอยากเอาเงินก้อนนี้ไปคืนพ่อกับแม่ เงินพวกนี้มาจากน้ำพักน้ำแรงของพวกท่านทั้งนั้น"
โจวสือซานพยักหน้าไม่พูดพร่ำ เขาจับมือเธอแน่น แล้วเดินเคียงข้างเข้าไปบ้านซู แม้จะเงียบแต่ท่าทีของเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่า พร้อมจะยืนอยู่ข้างเธอในทุกเรื่องเสมอ
ประตูไม้เก่าถูกผลักเปิดออกด้วยเสียงเอี๊ยดเบา ๆ กลิ่นอาหารเช้าลอยมาแตะจมูก พร้อมเสียงแหลม ๆ ที่คุ้นเคย
"จะมาทำไมอีก อย่าบอกนะว่าจะมาขอเงิน"
ซูอี้หลัน พี่สะใภ้คนโตโพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ใบหน้าเปื้อนแป้งยังมีแววไม่ต้อนรับน้องสามีคนนี้แม้แต่น้อย ถึงเมื่อวานจะเอาของมาให้ แต่วันนี้มามือเปล่า เธอต้องมีแผนอะไรแน่ ๆ
เสี่ยวหนานไม่ตอบโต้ เธอเพียงยิ้มบาง ๆ แล้วเดินเข้าไปกลางบ้านเพื่อไปหาพ่อแม่
"หนูเอาเงินมาคืนค่ะ พ่อ แม่ แล้วก็พี่ใหญ่ด้วย เงินก้อนนี้หนูได้คืนมาจากหานเจา ขอโทษนะคะที่เมื่อก่อนลูกสาวคนนี้ไม่รู้ความ เห็นผิดเป็นถูก"
สีหน้าของพ่อซูแม่ซูเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
"หกร้อยหยวน...เสี่ยวหนาน ลูกไปเอาคืนมาจากมันได้ยังไง?" พ่อของเธอถามเสียงแหบพร่า
แม่ของเธอรีบตรงเข้ามาจับมือ ลูบแขนลูกสาวด้วยแววตาระคนระหว่างความเป็นห่วงและไม่อยากเชื่อ
"คนเห็นแก่ตัวแบบนั้นทำไมถึงยอมคืนเงินก้อนนี้มา มันไม่ได้ทำร้ายลูกใช่ไหม?"
เสี่ยวหนานหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะส่ายหน้า
"คนแบบนั้นทำอะไรหนูไม่ได้หรอกแม่ หนูก็แค่กุมความลับของมันเอาไว้ ความลับที่มันยอมให้ใครรู้ไม่ได้ พ่อกับแม่รับคืนไปเถอะนะคะ...หนูสบายดีจริง ๆ"
สองตายายมองหน้ากันเงียบ ๆ แววตาของพ่อซูฉายแววลังเล ก่อนเขาจะยื่นมือออกมารับเงินอย่างช้า ๆ
"เห็นเจ้าใหญ่บอกว่าลูกจะเปิดร้านขายกับข้าว ถ้าเงินไม่พอ...ก็มาเอาที่พ่อได้นะลูก ไม่ต้องกังวลอะไรเลย พวกเรายังเป็นพ่อแม่ของลูกเสมอ เงินค่าสินสอดที่บ้านโจวให้มาก็ยังเหลือครบ พ่อเก็บไว้ให้ลูกยามจำเป็น"
โจวสือซานที่ยืนอยู่เงียบ ๆ ก็พูดขึ้นในเวลานั้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและอบอุ่น
"พ่อตาไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมมีเงินพอให้เสี่ยวหนานใช้จ่ายในการเปิดร้าน เย็นนี้พวกเราว่าจะออกเรืออีกแล้ว ถ้าพี่จื่อเหิงกับจื่ออันอยากออกเรือด้วยก็ไปด้วยกันได้นะครับ"
คำพูดของเขาเหมือนสายฝนที่ตกลงมาบนผืนดินแห้งแล้ง ดวงตาของซูจื่อเหิงสว่างวาบ เขาโพล่งออกมาทันที
"จริงเหรอสือซาน พวกเราไปด้วยได้ใช่ไหม? พวกเรากำลังกังวลเรื่องนี้อยู่พอดี ได้ข่าวว่าเรือที่เราทำอยู่กำลังจะขาย..."
สือซานพยักหน้า เขาได้ยินเรื่องนี้มาก่อนแล้วถึงได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมา ต่อให้เขาจะถูกบ้านไป๋กดราคา แต่เงินที่มีอยู่ก็เพียงพอที่จะจ่ายค่าแรงคนงานได้
"ได้สิครับ เอาเป็นว่าเย็นนี้พี่ก็ไปรวมตัวกับพวกเราที่ท่าเรือประมงนะครับ ผมเตรียมของไว้หมดแล้ว พรุ่งนี้เช้าเสี่ยวหนานเปิดร้านวันแรก จะได้ช่วยกันขนของสดไปส่งแต่เช้ามืดด้วย"
"ได้ ๆ ขอบใจมากนะสือซาน"
จื่อเหิงจับไหล่น้องเขยด้วยความตื้นตัน ส่วนจื่ออันที่ยืนเงียบอยู่ข้างหลังเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาหวัง