ยามจื่อ เป็นเวลาที่ผู้คนต่างหลับใหลอยู่ในห้วงแห่งความฝันอยู่นั้นกลับมีเงาร่างของคนชุดดำกลุ่มหนึ่งกำลังเร้นกายหายไปกับความมืด
ก่อนจะใช้วิชาตัวเบาไต่ไปตามหลังคาบ้านเรือนของเหล่าผู้คนโดยจุดหมายของคนกลุ่มนี้ก็คือจวนหลังใหม่ที่เพิ่งจะสร้างเสร็จและมีรูปแบบที่แปลกตา
โดยเป้าหมายของพวกมันในครั้งนี้ก็คือชีวิตของหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของจวน เมื่อเงาร่างหลายสายมาถึงยังจุดหมายพวกมันต่างก็มุ่งตรงไปยังบ้านชั้นในที่มีอยู่สองชั้นที่พวกมันคาดเดาว่าคงจะเป็นที่พักของหญิงสาว
ก็ไม่รอช้าเมื่อมาถึงด้านล่างของเรือนสองชั้นเหล่าคนชุดดำที่ปกปิดใบหน้าต่างก็พากันกระโดดขึ้นไปยังระเบียงห้องของอีกฝ่ายในทันที
แต่พวกมันยังกระโดดไปไม่ถึงราวระเบียงคนของพวกสามสี่คนต่างก็ร่วงหล่นลงไปนอนหายใจรวยรินอยู่ที่พื้นด้านล่างโดยที่ยังไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้สู้เลยด้วยซ้ำ
และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกน้องของกลุ่มมือสังหารที่ถูกว่าจ้างมาด้วยเงินจำนวนมากนั้นก็ทำให้ผู้เป็นหัวหน้าเองมีสีหน้าตื่นตระหนกด้วยไม่คาดคิดว่าที่จวนแห่งนี้จะมียอดฝีมือคอยปกป้องอยู่
หลังจากที่กลุ่มมือสังหารที่เหล
ไม่ใช่แค่อวี้หลันที่มีสีหน้าตาแตกตื่นตกใจ แม้แต่บุตรชายทั้งสองของซ่งเฉิงป๋อเองก็มีสีหน้าตกใจกับเรื่องที่บิดาของพวกเขาได้เอ่ยบอกกับผู้เป็นหลานสาวเช่นเดียวกัน“ที่ท่านตากล่าวมาเมื่อสักครู่นี้หมายความว่าอย่างไรกันหรือเจ้าคะ” อวี้หลันเอ่ยถามด้วยสีหน้างุนงงอย่างถึงที่สุด“เอาไว้ให้ท่านอ๋องเป็นคนบอกเจ้าเองจะดีกว่า ส่วนเรื่องอื่นก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของพวกตาเองก็พอเข้าใจหรือไม่หลันเอ๋อร์”ซ่งเฉิงป๋อเอ่ยบอกกับหลานสาวสุดที่รักด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและจริงจังเป็นอย่างมาก“เจ้าค่ะท่านตาหลันเอ๋อร์ทราบแล้ว”เมื่อเห็นสีหน้าของชายสูงวัยทั้งสามที่มองมาที่นางด้วยสีหน้าเป็นกังวลหญิงสาวจึงได้เอ่ยปากรับคำอย่างเลี่ยงไม่ได้นั่นเอง“ดีแล้ว เพียงแค่เรื่องจัดการคนชั่วช้านั้นพวกลุงสามารถจัดการได้ขอเพียงหลานสาวของพวกเราอยู่อย่างปลอดภัยก็ถือว่ายอดเยี่ยมที่สุดแล้วละ”ซ่งไห่หนานเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มอบอุ่นอย่างที่ชอบทำต่อหน้าหญิงสาวมาโดยตลอด“เจ้าค่ะ ถ้าเช่นนั้นวันนี้หลานคงต้องขอตัวกลับไปจัดการธุระที่ค้างคาเอ
ความเงียบยังคงปกคลุมไปทั่วชายป่าที่พวกเขายืนอยู่ หลังจากเอ่ยกับผู้เป็นตาเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้นอวี้หลันจึงได้หันหน้าไปมองยังก็ผิงซานคุนก่อนที่ริมฝีปากบางของนางจะเริ่มเอ่ยวาจาออกมา“นายท่านเผิงกล่าวมาเมื่อครู่นี้ข้าเองก็เห็นด้วยกับพวกท่านนะเจ้าคะ คนทำผิดคิดชั่วย่อมสมควรได้รับโทษทัณฑ์อย่างสาสม แต่ที่ข้าไม่เห็นด้วยก็คงจะเป็นคนที่ต้องโทษคิดกบฏนั้นหาใช่ตระกูลซ่งของข้า แต่เป็นตระกูลเผิงของพวกท่านต่างหากเล่า”“ท่านอย่าได้คิดจะเอ่ยปากแก้ตัวเพราะข้ากับท่านอ๋องนั้นต่างก็เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ที่พวกท่านมาถึงจนพูดคุยตกลงเกี่ยวกับการค้าในครั้งนี้จนไปถึงการส่งมอบสิ่งของพร้อมกับเงินทองเพื่อแลกเปลี่ยนกันแล้วอย่างไรเล่า”“นี่คงจะเพียงพอที่จะเอาผิดพวกท่านได้แล้วกระมัง แล้วไหนจะยังมีหัวหน้านายกองที่รับสินบนทั้งยังทำงานให้กับท่านมิใช่ให้กับฝ่าบาทเพียงเท่านี้ข้าคิดว่าโทษของตระกูลท่านก็คงจะมีหัวไม่พอให้ประหารชดใช้ความผิดแล้วละ”คำพูดของหญิงสาวทุกคำที่เอ่ยออกมานั้นช่างราวกับคมมีดที่กรีดลึกลงไปสุดขั้วหัวใจของคนฟังยิ่งนัก ไหนจะยังสามารถแจกแจงความผ
“คุณหนูซ่งรับราชโองการ....เนื่องด้วยคุณหนูซ่งอวี้หลันนั้นเป็นสตรีที่มากความสามารถอีกทั้งยังเป็นสตรีที่เพียบพร้อมไปด้วยกิริยามารยาทอ่อนหวานเรียบร้อย จึงประทานสมรสพระราชทานให้แต่งเป็นพระชายาเอกในชินอ๋องจวินซีฮันในอีก 7 วันต่อจากนี้จบราชโองการ.....”จบราชโองการทั่วทั้งจวนต่างก็ตกอยู่ในความเงียบไม่เว้นแต่หญิงสาวเองที่ตั้งตัวไม่ทันว่าตนเองจะต้องแต่งงานให้กับชายหนุ่มในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี่เองในตอนนี้หญิงสาวจึงได้ยังคงก้มหน้าเงียบจนเสี่ยวอิงต้องสะกิดเพื่อให้คุณหนูของตนรีบตอบรับราชโองการโดยไว“หม่อมฉันขอบพระทัยฝ่าบาทขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี เพคะ”จบคำของหญิงสาวกงกงคนสนิทของฮ่องเต้ก็ยื่นราชโองการสีเหลืองทองมาตรงหน้าของหญิงสาวจากนั้นมือบางจึงได้ยื่นไปรับมาถือไว้พร้อมกับเอ่ยขอบใจกงกงชราตรงหน้า“ลำบากท่านหม่ากงกงแล้วเจ้าค่ะ เสี่ยวอิงเจ้าจงตามไปส่งท่านหม่ากงกงให้ข้าด้วยนะ”ประโยคแรกนั้นหญิงสาวเอ่ยกับกงกงชราตรงหน้าด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลก่อนที่หญิงสาวจะหันไปเอ่ยกำชับกับสาวใช้คนสนิทอีกทั้งยังกำชับให้อีกฝ่ายมอ
ในที่สุดก็มาถึงวันนัดส่งมอบสินค้าของชาวหัวแดงกับกลุ่มของผู้ช่วยเผิงเจียง โดยพวกมันนั้นได้นัดพบกันที่แนวชายป่าใกล้ ๆ กับเมืองท่าที่พวกมันมักจะใช้เป็นจุดนัดพบส่งของกันอยู่บ่อยครั้งนั่นเองซึ่งข่าวเรื่องสถานที่ในการนัดพบของพวกมันนั้นเป็นชินอ๋องที่ส่งหน่วยองครักษ์ลับไปสืบข่าวมาจนได้รู้สถานที่ชัดเจนในครั้งนี้ ดังนั้นในวันนี้กลุ่มของนายท่านซ่งกับบุตรชายจึงได้เดินทางมายังสถานที่นัดพบกันในครั้งนี้กลุ่มของซ่งเฉิงป๋อนั้นทราบถึงกำหนดการจัดส่งสินค้าของพวกมันนั้นคือเวลายามซื่อของวันนี้และในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าก็จะถึงกำหนดเวลานัดของพวกมันแล้วเมื่อกลุ่มของซ่งเฉิงป๋อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาแล้วทั้งสามคนพ่อลูกรวมทั้งเหล่าองครักษ์อีกกว่ายี่สิบนายต่างก็ซุ่มอยู่ในที่กำบังอย่างเงียบเชียบไม่นานหลังจากนั้นทั้งสองกลุ่มก็ได้ยินเสียงของรถม้าหลายคันกำลังวิ่งตรงมายังทิศทางที่พวกเขารออยู่เมื่อรถม้าทั้งสามคันจอสนิทลงที่จุดนัดพบก็เป็นเวลาเดียวกันกับเกวียนวัวของพวกกลุ่มพ่อค้าชาวหัวแดงเองก็มาถึงยังสถานที่นัดหมายเช่นเดียวกันหลังจากที่รถม้าจอดสนิทดีแล้วนั้นไม่นานก็มีบ
พลั่ก! กรี๊ดด!! ตุบ!“คุณหนู!”เสียงกรีดร้องของสาวใช้คนสนิทของหญิงสาวดังขึ้นด้วยความตกใจ หลังจากเห็นร่างของคุณหนูของตนพลัดตกจากบันไดลงไปยังชั้นล่าง ท่ามกลางความตื่นตะลึงของทุกคนที่อยู่ภายในโรงเตี๊ยมชื่อดังของเมืองหญิงสาวที่ร่วงลงมาจากบันไดนับสิบขั้นแน่นิ่งหมดสติไปหลังจากกลิ้งลงถึงพื้นด้านล่างพร้อมกับเลือดสีแดงสดไหลรินออกมาบริเวณขมับด้านซ้ายที่เกิดจากแผลกระแทกสาวใช้ตัวเล็กที่ได้สติรีบวิ่งลงไปดูคุณหนูของตนเองด้วยสีหน้าตื่นตระหนกระคนหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด“คุณหนูเจ้าคะ! คุณหนู อึก…คุณหนูอย่าเป็นอันใดไปนะเจ้าคะ อึก.. ใครก็ได้ช่วยตามหมอให้ข้าที..”สาวใช้ตัวเล็กที่มีใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างน่ารักทั้งที่อายุก็ปาไป 18 ปีแล้วนั้นในตอนนี้ดวงตากลมโตของเจ้าตัวกำลังเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาสีใสที่ไหลรินเป็นทางพร้อมกับพร่ำเอ่ยเรียกคุณหนูของตนด้วยสีหน้าหวาดกลัวเป็นภาพที่ทำให้ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์อยู่นั้นต้องเบือนหน้าหนีด้วยความเห็นใจส่วนตัวต้นเหตุที่ทำให้หญิงสาวตกลงมานั้นทำเพียงยืนมองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าราบเรียบอย่างไร้ความรู้สึกอยู่ที่เดิม โดยที่ภายในอ้อมกอดของบุรุษผู้นั้นยังมีร่างของหญิงสาวอีกคนอยู่ด้วย
ตั้งแต่เด็กจนโตมานั้นคนที่คอยเลี้ยงดูนางและเคียงข้างนางมาตลอดก็คือ หลิวหวัง หรือแม่นมหลิว สาวใช้คนสนิทที่ติดตามท่านแม่ของนางมากับเด็กสาวเสี่ยวอิงสาวใช้ที่เติบโตมาพร้อมกับนางเสี่ยวอิงนั้นเป็นหลานสาวของแม่นมหลิวที่ท่านรับมาดูแลก่อนที่มารดาของไป๋อวี้หลันจะแต่งเข้ามาที่จวนตระกูลไป๋แห่งนี้แต่ที่ทำให้อวี้หลันหญิงสาวจากยุค 2023 รู้สึกอยากจะตะโกนให้คอแตกก็ตรงที่โลกที่นางมาอยู่ในตอนนี้ดันเป็นโลกนิยายในเรื่อง’ ชายารักองค์รัชทายาท’นิยายที่เพื่อนสนิทของนางนำมาให้อ่านเมื่อสามเดือนก่อนนี่เอง และจุดจบนางร้ายไร้สมองยอมทำทุกอย่างเพื่อผู้ชายโดยไม่สนว่าจะทำให้ใครต้องเดือดร้อนไปด้วยจุดจบอันแสนบัดซบคือนางร้ายต้องโทษประหารเพราะจ้างวานคนให้ไปลอบสังหารหญิงอันเป็นที่รักขององค์รัชทายาทผู้แสนจะเย็นชากับทุกคนโลกแต่กลับอบอุ่นอ่อนโยนแค่เพียงนางเอกของเรื่องเท่านั้นแต่ที่นางสงสารนั้นไม่ใช่คนตระกูลไป๋กับบิดาสารเลวผู้นี้ แต่เป็นตระกูลซ่งของท่านตา ท่านยาย และเหล่าท่านลุงท่านป้าพร้อมทุกคนในตระกูลซ่งที่ต้องมารับจุดจบเช่นนี้พร้อมกับนางร้ายของเรื่องเพียงเพราะไม่อาจจะทนมองเห็นหลานสาวเพียงคนเดียวต้องตกตายไปอย่างน่าสงสา
“แม่นมท่านอย่าได้ทำสีหน้าเช่นนั่นสิ ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก”ไป๋อวี้หลันเอ่ยบอกกับหญิงวัยกลางคนตรงหน้าที่กำลังยืนน้ำตาคลออย่างน่าสงสารด้วยรอยยิ้มบางเบา“อึก…คุณหนูของนม ใครกันถึงกล้าทำร้ายท่านจนเลือดตกยางออกถึงเพียงนี้เจ้าคะ”หลิวหวังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจือโทสะเป็นอย่างมาก“ก็คู่หมั้นสุดเลิศเลอของข้าอย่างไรเล่า เพื่อปกป้องสตรีที่เขารัก เขาถึงกับกล้าผลักข้าตกบันไดเชียวนะ แม่นมคิดว่าข้าควรที่จะตบแต่งกับบุรุษเช่นนี้อยู่อีกหรือไม่กัน”ไป๋อวี้หลันเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่าตัวนางกำลังบอกเล่าเรื่องราวทั่วไป แต่หญิงวัยกลางคนกลับมีสีหน้าตื่นตะลึเพราะความจริงที่ได้รับรู้ตัวของหลิวหวังเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าองค์รัชทายาทจะกล้าลงมือทำร้ายคุณหนูของตนเองได้ถึงเพียงนี้ยิ่งมองดูสภาพหญิงสาวที่ตนเองรักสุดหัวใจคอยเฝ้าฟูมฟักเลี้ยงดูมาอย่างทะนุถนอมกลับต้องมาเจ็บตัวเพราะบุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของตนช่างน่าสงสารยิ่งนักไหนจะบิดาที่เห็นแต่ผลประโยชน์และหลงมัวเมาในมารยาสตรีแพศยานางนั้นจนลืมสิ้นสิ่งที่นายหญิงของนางได้ร้องขอเอาไว้ก่อนตายว่าให้ดูแลปกป้องคุณหนูของนางให้ดีที่สุดแต่ผ่านไปเพียงแค่สามเดือ
แต่พออยู่กันตามลำพังกับพี่สาวต่างมารดากลับกลายร่างเป็นสตรีร้ายกาจเสียอย่างนั้น ชอบอิจฉาในรูปโฉมของพี่สาวต่างมารดา คอยหาทางกลั่นแกล้งอีกฝ่ายให้โมโหอยู่บ่อยครั้งจนเป็นที่มาของข่าวลือที่ว่าคุณหนูใหญ่ไป๋นั้นมีนิสัยโหดร้ายชอบทำร้ายทุบตีน้องสาวต่างมารดาและบ่าวไพร่ในเรือนนั่นเอง“ข้าบอกให้เจ้าโผล่หัวออกมา! อย่ามัวแต่มุดหัวอยู่ในกระดอง วันนี้ข้าจะต้องถามเอาความจริงจากปากของเจ้าให้ได้ว่าไปสร้างเรื่องอะไรให้องค์รัชทายาททรงไม่พอใจกัน!”เสียงแหลมสูงยังคงตะโกนอยู่นอกเรือนอย่างโกรธเกรี้ยวจนทำให้ไป๋อวี้หลันที่ไม่ชอบเสียงดังถึงกับรู้สึกไม่สบายหูขึ้นมาทันทีนางคิดแล้วว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ยอมไปไหนอย่างแน่นอนจึงได้บอกให้เสี่ยวอิงเปิดประตูเรือน ก่อนที่หญิงสาวจะเดินออกมายืนด้านหน้าเรือนด้วยท่าทีสงบนิ่งเมื่อไป๋ลี่หลินเห็นว่าอีกฝ่ายกลับไม่มีท่าทีโมโหเหมือนเช่นทุกครั้งที่ตนมาหาเรื่องก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาในทันที บวกกับข่าวลือที่ได้ยินมาเมื่อสักครู่นี้ว่าพี่สาวผู้โง่งมของตนได้ไปสร้างเรื่องให้กับองค์รัชทายาทบุรุษที่นางหลงรักและอยากจะแย่งชิงมารู้สึกไม่พอใจขึ้น“วันนี้เจ้าไปทำสิ่งใดให้องค์รัชทายาททรงโกรธจนถึงกับต้อ
ในที่สุดก็มาถึงวันนัดส่งมอบสินค้าของชาวหัวแดงกับกลุ่มของผู้ช่วยเผิงเจียง โดยพวกมันนั้นได้นัดพบกันที่แนวชายป่าใกล้ ๆ กับเมืองท่าที่พวกมันมักจะใช้เป็นจุดนัดพบส่งของกันอยู่บ่อยครั้งนั่นเองซึ่งข่าวเรื่องสถานที่ในการนัดพบของพวกมันนั้นเป็นชินอ๋องที่ส่งหน่วยองครักษ์ลับไปสืบข่าวมาจนได้รู้สถานที่ชัดเจนในครั้งนี้ ดังนั้นในวันนี้กลุ่มของนายท่านซ่งกับบุตรชายจึงได้เดินทางมายังสถานที่นัดพบกันในครั้งนี้กลุ่มของซ่งเฉิงป๋อนั้นทราบถึงกำหนดการจัดส่งสินค้าของพวกมันนั้นคือเวลายามซื่อของวันนี้และในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าก็จะถึงกำหนดเวลานัดของพวกมันแล้วเมื่อกลุ่มของซ่งเฉิงป๋อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาแล้วทั้งสามคนพ่อลูกรวมทั้งเหล่าองครักษ์อีกกว่ายี่สิบนายต่างก็ซุ่มอยู่ในที่กำบังอย่างเงียบเชียบไม่นานหลังจากนั้นทั้งสองกลุ่มก็ได้ยินเสียงของรถม้าหลายคันกำลังวิ่งตรงมายังทิศทางที่พวกเขารออยู่เมื่อรถม้าทั้งสามคันจอสนิทลงที่จุดนัดพบก็เป็นเวลาเดียวกันกับเกวียนวัวของพวกกลุ่มพ่อค้าชาวหัวแดงเองก็มาถึงยังสถานที่นัดหมายเช่นเดียวกันหลังจากที่รถม้าจอดสนิทดีแล้วนั้นไม่นานก็มีบ
“คุณหนูซ่งรับราชโองการ....เนื่องด้วยคุณหนูซ่งอวี้หลันนั้นเป็นสตรีที่มากความสามารถอีกทั้งยังเป็นสตรีที่เพียบพร้อมไปด้วยกิริยามารยาทอ่อนหวานเรียบร้อย จึงประทานสมรสพระราชทานให้แต่งเป็นพระชายาเอกในชินอ๋องจวินซีฮันในอีก 7 วันต่อจากนี้จบราชโองการ.....”จบราชโองการทั่วทั้งจวนต่างก็ตกอยู่ในความเงียบไม่เว้นแต่หญิงสาวเองที่ตั้งตัวไม่ทันว่าตนเองจะต้องแต่งงานให้กับชายหนุ่มในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี่เองในตอนนี้หญิงสาวจึงได้ยังคงก้มหน้าเงียบจนเสี่ยวอิงต้องสะกิดเพื่อให้คุณหนูของตนรีบตอบรับราชโองการโดยไว“หม่อมฉันขอบพระทัยฝ่าบาทขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี เพคะ”จบคำของหญิงสาวกงกงคนสนิทของฮ่องเต้ก็ยื่นราชโองการสีเหลืองทองมาตรงหน้าของหญิงสาวจากนั้นมือบางจึงได้ยื่นไปรับมาถือไว้พร้อมกับเอ่ยขอบใจกงกงชราตรงหน้า“ลำบากท่านหม่ากงกงแล้วเจ้าค่ะ เสี่ยวอิงเจ้าจงตามไปส่งท่านหม่ากงกงให้ข้าด้วยนะ”ประโยคแรกนั้นหญิงสาวเอ่ยกับกงกงชราตรงหน้าด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลก่อนที่หญิงสาวจะหันไปเอ่ยกำชับกับสาวใช้คนสนิทอีกทั้งยังกำชับให้อีกฝ่ายมอ
ความเงียบยังคงปกคลุมไปทั่วชายป่าที่พวกเขายืนอยู่ หลังจากเอ่ยกับผู้เป็นตาเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้นอวี้หลันจึงได้หันหน้าไปมองยังก็ผิงซานคุนก่อนที่ริมฝีปากบางของนางจะเริ่มเอ่ยวาจาออกมา“นายท่านเผิงกล่าวมาเมื่อครู่นี้ข้าเองก็เห็นด้วยกับพวกท่านนะเจ้าคะ คนทำผิดคิดชั่วย่อมสมควรได้รับโทษทัณฑ์อย่างสาสม แต่ที่ข้าไม่เห็นด้วยก็คงจะเป็นคนที่ต้องโทษคิดกบฏนั้นหาใช่ตระกูลซ่งของข้า แต่เป็นตระกูลเผิงของพวกท่านต่างหากเล่า”“ท่านอย่าได้คิดจะเอ่ยปากแก้ตัวเพราะข้ากับท่านอ๋องนั้นต่างก็เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ที่พวกท่านมาถึงจนพูดคุยตกลงเกี่ยวกับการค้าในครั้งนี้จนไปถึงการส่งมอบสิ่งของพร้อมกับเงินทองเพื่อแลกเปลี่ยนกันแล้วอย่างไรเล่า”“นี่คงจะเพียงพอที่จะเอาผิดพวกท่านได้แล้วกระมัง แล้วไหนจะยังมีหัวหน้านายกองที่รับสินบนทั้งยังทำงานให้กับท่านมิใช่ให้กับฝ่าบาทเพียงเท่านี้ข้าคิดว่าโทษของตระกูลท่านก็คงจะมีหัวไม่พอให้ประหารชดใช้ความผิดแล้วละ”คำพูดของหญิงสาวทุกคำที่เอ่ยออกมานั้นช่างราวกับคมมีดที่กรีดลึกลงไปสุดขั้วหัวใจของคนฟังยิ่งนัก ไหนจะยังสามารถแจกแจงความผ
ไม่ใช่แค่อวี้หลันที่มีสีหน้าตาแตกตื่นตกใจ แม้แต่บุตรชายทั้งสองของซ่งเฉิงป๋อเองก็มีสีหน้าตกใจกับเรื่องที่บิดาของพวกเขาได้เอ่ยบอกกับผู้เป็นหลานสาวเช่นเดียวกัน“ที่ท่านตากล่าวมาเมื่อสักครู่นี้หมายความว่าอย่างไรกันหรือเจ้าคะ” อวี้หลันเอ่ยถามด้วยสีหน้างุนงงอย่างถึงที่สุด“เอาไว้ให้ท่านอ๋องเป็นคนบอกเจ้าเองจะดีกว่า ส่วนเรื่องอื่นก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของพวกตาเองก็พอเข้าใจหรือไม่หลันเอ๋อร์”ซ่งเฉิงป๋อเอ่ยบอกกับหลานสาวสุดที่รักด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและจริงจังเป็นอย่างมาก“เจ้าค่ะท่านตาหลันเอ๋อร์ทราบแล้ว”เมื่อเห็นสีหน้าของชายสูงวัยทั้งสามที่มองมาที่นางด้วยสีหน้าเป็นกังวลหญิงสาวจึงได้เอ่ยปากรับคำอย่างเลี่ยงไม่ได้นั่นเอง“ดีแล้ว เพียงแค่เรื่องจัดการคนชั่วช้านั้นพวกลุงสามารถจัดการได้ขอเพียงหลานสาวของพวกเราอยู่อย่างปลอดภัยก็ถือว่ายอดเยี่ยมที่สุดแล้วละ”ซ่งไห่หนานเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มอบอุ่นอย่างที่ชอบทำต่อหน้าหญิงสาวมาโดยตลอด“เจ้าค่ะ ถ้าเช่นนั้นวันนี้หลานคงต้องขอตัวกลับไปจัดการธุระที่ค้างคาเอ
ยามจื่อ เป็นเวลาที่ผู้คนต่างหลับใหลอยู่ในห้วงแห่งความฝันอยู่นั้นกลับมีเงาร่างของคนชุดดำกลุ่มหนึ่งกำลังเร้นกายหายไปกับความมืดก่อนจะใช้วิชาตัวเบาไต่ไปตามหลังคาบ้านเรือนของเหล่าผู้คนโดยจุดหมายของคนกลุ่มนี้ก็คือจวนหลังใหม่ที่เพิ่งจะสร้างเสร็จและมีรูปแบบที่แปลกตาโดยเป้าหมายของพวกมันในครั้งนี้ก็คือชีวิตของหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของจวน เมื่อเงาร่างหลายสายมาถึงยังจุดหมายพวกมันต่างก็มุ่งตรงไปยังบ้านชั้นในที่มีอยู่สองชั้นที่พวกมันคาดเดาว่าคงจะเป็นที่พักของหญิงสาวก็ไม่รอช้าเมื่อมาถึงด้านล่างของเรือนสองชั้นเหล่าคนชุดดำที่ปกปิดใบหน้าต่างก็พากันกระโดดขึ้นไปยังระเบียงห้องของอีกฝ่ายในทันทีแต่พวกมันยังกระโดดไปไม่ถึงราวระเบียงคนของพวกสามสี่คนต่างก็ร่วงหล่นลงไปนอนหายใจรวยรินอยู่ที่พื้นด้านล่างโดยที่ยังไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้สู้เลยด้วยซ้ำและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกน้องของกลุ่มมือสังหารที่ถูกว่าจ้างมาด้วยเงินจำนวนมากนั้นก็ทำให้ผู้เป็นหัวหน้าเองมีสีหน้าตื่นตระหนกด้วยไม่คาดคิดว่าที่จวนแห่งนี้จะมียอดฝีมือคอยปกป้องอยู่หลังจากที่กลุ่มมือสังหารที่เหล
หลังจากที่กลุ่มของอวี้หลันนั้นพักทานอาหารที่เหลาอาหารแห่งหนึ่งในท่าเรือจนเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้นหญิงสาวเองก็ตั้งใจว่าจะพากันเดินทางกลับเมืองหลวงเลยเพราะถ้าหากว่ากลับช้ากว่านี้อาจจะถึงที่หมายมืดค่ำเสียก่อนแต่เส้นทางในการเดินกลับไปยังรถม้าของพวกนางนั้นต้องผ่านท่าเรือส่งของที่พวกชาวหัวแดงกับพ่อค้าของทางการกำลังเจรจาเรื่องการค้าขายโดยมีล่ามเป็นผู้ช่วยคนเหล่านั้นล้วนคิดว่าไม่มีใครฟังบทสนทนาของพวกตนเองออกจึงได้กำลังทำการเจรจาถึงเรื่องสำคัญโดยไม่ได้ทำการให้รอบคอบเสียก่อนพวกของอวี้หลันและชินอ๋องเองต่างก็พากันสวมหมวกปิดบังใบหน้าเอาไว้ ส่วนที่มาของหมวกก็ล้วนแล้วแต่มาจากบุรุษที่เดินเคียงข้างมากับนางอย่างไรเล่าย้อนกลับไปตอนที่พวกของหญิงสาวลงจากรถม้าเพื่อที่จะเดินเข้าไปยังตลาดท่าเรือ เหล่าบรรดาชาวบ้านหรือบุรุษชายหญิงทั้งเป็นคนในแคว้นต่างแคว้นหรือแม้แต่พวกชาวหัวแดงต่างก็จ้องมองมายังหญิงสาวอย่างไม่วางตา เมื่อชินอ๋องได้เห็นสายตาของบุรุษพวกนั้นที่จ้องมองสตรีของตนก็รู้สึกไม่พอใจจนอยากจะเข้าไปควักลูกตาของคนพวกนั้นเสียแต่เขารู้ว่าไม่อาจทำอย่างนั้นได้จึงสั่
ท่ามกลางความมืดมิดเปลือกตาหนาของหญิงสาวก็ลืมขึ้นอย่างเชื่องช้าก่อนที่แสงสว่างจะแยงตาของหญิงสาวจนต้องหลับตาลงอีกครั้งเพื่อปรับสายตาจนในที่สุดหลังจากที่อวี้หลันปรับสายตาได้ชัดเจนแล้วนั้นนางก็พบว่าในตอนนี้ตัวของนางนั้นกำลังนอนพิงต้นไม้อยู่ที่สวนดอกไม้ของที่ไหนสักแห่งหลังจากที่ตั้งสติได้แล้วหญิงสาวจึงได้มองสำรวจไปรอบ ๆ บริเวณที่ตนเองกำนั่งอยู่ เมื่อเพ่งสายตามอบทิวทัศน์โดยรอบก็พบว่าที่นี้คือสถานที่ในความทรงจำที่สลับไปมาในตอนที่นางหมดสติไปตอนอยู่ที่อารามเหอชุนนั่นเองแต่ที่นางสงสัยคือที่นี่เป็นภาพความฝันหรือว่ามันคือเศษเสี้ยวของความทรงจำที่ขาดหายไปของไป๋อวี้หลันกันแน่ ยังไม่ทันที่นางจะได้ทำสิ่งใดต่อไปหญิงสาวก็มองเห็นเด็กผู้หญิงอายุ 5 หนาวกำลังเดินเที่ยวชมสวนดอกไม้อย่างมีความสุขท่ามกลางเหล่าบุปผาที่กำลังเบ่งบานอย่างงดงามห่างออกไปไม่ไกลจากส่วนบนต้นไม้ใหญ่เองก็กำลังมีเด็กผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหล่าอายุราว ๆ 12 หนาวกำลังนอนราบไปตามกิ่งไม้บนต้นไม้ด้วยความเบื่อหน่ายก่อนที่เด็กชายคนนั้นจะได้ยินเสียงหัวเราะอันแสนสดใสของเด็กน้อยที่เดินตรงไปยังทิศทางที่เขากำลัง
หลังจากที่คนทั้งสองได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องในอดีตที่ผ่านมากันจนเข้าใจแล้ว ชินอ๋องเองก็ได้เอ่ยบอกถึงข่าวที่เขาให้คนไปสืบมาพร้อมทั้งหลักฐานบางส่วนที่ได้จากการเจรจาในครั้งก่อนมาด้วยก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยเล่าถึงที่มาที่ไปของตระกูลเผิงที่คนของเขาสืบมาได้ความจริงแล้วตระกูลเผิงนั้นแต่ก่อนก็เป็นตระกูลขุนนางที่ทำหน้าที่เป็นแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงมาก่อนเพียงแต่ในช่วงที่องค์ฮ่องเต้จะทรงขึ้นครองราชย์นั้นตระกูลเผิงได้สร้างความผิดขึ้นจนทำให้ถูกลดขั้นลงไปเป็นเพียงขุนนางระดับกลางเพียงเท่านั้น ก่อนที่ฮ่องเต้พระองค์ใหม่จะทรงแต่งตั้งนายท่านซ่งให้ขึ้นเป็นราชครูและบุตรชายคนโตของนายท่านซ่งก็เข้าไปรับตำแหน่งแม่ทัพพิทักษ์แทนนายท่านเผิงคนก่อนและเรื่องนี้ได้สร้างความโกรธแค้นให้กับคนตระกูลเผิงเป็นอย่างมาก ดังนั้นนายท่านเผิงคนปัจจุบันที่คิดว่าตำแหน่งที่ควรจะเป็นของตนเองนั้นถูกคนตระกูลซ่งแย่งชิงไปจึงได้วางแผนที่จะกำจัดคนตระกูลซ่งไม่ให้เหลือแม้เพียงคนเดียว ด้วยเหตุนี้เองรองเจ้ากรมยุติธรรมอย่างเผิงซานคุนจึงได้วางแผนการที่จะใส่ร้ายคนตระกูลซ่งว่าคบคิดกับคนต่างแคว้นจะก่
คล้อยหลังคู่ของชินอ๋องที่เดินเข้ามาภายในงานนั้นก็ยังมีคู่ขององค์รัชทายาทกับคุณหนูหวังซูเซียนที่เดินเข้ามาในงานท่ามกลางสายตาที่ดูสนใจของแขกภายในงานเช่นเดียวกันกับคู่ของอวี้หลันไม่น้อยไปกว่ากันเพราะผู้คนต่างก็จับจ้องไปยังชายหญิงทั้งสองคู่ที่เดินเข้ามาในงานในเวลาไล่เลี่ยกันนั่นเองอีกด้านหนึ่งของสถานที่จัดงานที่มีไว้สำหรับแขกผู้สูงศักดิ์จากต่างแคว้นและเหล่าคณะทูตที่เดินทางมาร่วมงาน ร่างหนาในชุดผ้าไหมชั้นดีสีน้ำเงินเข้มที่นั่งยังตำแหน่งองค์ชายของแคว้นโจวบุรุษผู้มีใบหน้าเกลี้ยงเกลา หล่อเหลาคมเข้มอย่างบุรุษที่อาศัยอยู่ใกล้กับทะเล สีผิวเข้มเล็กน้อยนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั่นเองก็กำลังจ้องมองไปยังบุรุษและสตรีที่เดินทางเข้ามาภายในงานเมื่อไม่นานมานี้อย่างสนใจแต่องค์ชายสาม โจวฟางเหอ นั้นกลับจดจ้องมองไปยังหญิงสาวที่เดินเคียงคู่มากับองค์รัชทายาทด้วยดวงตาเหม่อลอย อาจจะเป็นเพราะความงดงามที่ดูอ่อนหวานเขาเองยังรู้สึกว่าสตรีผู้นั้นงดงามจนหน้าอกด้านซ้ายของตนเองนั้นเกิดสั่นไหวอย่างรุนแรงคล้ายคนตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบทั้งท่วงท