เสียงเย็นชาดุจน้ำแข็งพันปีหลุดออกมาจากปากหยักของบุรุษผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบุรุษที่มีใบหน้าสง่างามและงดงามในเวลาเดียวกัน
ข่าวลือที่ว่าชายหนุ่มนั้นช่างมีใบหน้าราวกับเทพเซียนลงมาจุตินั้นไม่เกินจริง เพราะบุรุษผู้ที่กำลังยืนอยู่ระเบียงหน้าต่างแล้วจ้องมองหญิงสาวที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่ในห้วงฝันนั้นก็คือ ชินอ๋องจวินซีฮัน
พระอนุชาร่วมบิดามารดาเดียวกันเพียงคนเดียวของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันที่ทรงรักและดูแลมาตั้งแต่เด็ก อีกอย่างชินอ๋องซีฮันก็ยังดำรงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของแคว้นชิงแห่งนี้อีกด้วย
ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาที่สง่างามราวกับเทพเซียน หรือจะเป็นความสามารถทั้งด้านบุ๋นและบู้ต่างก็เก่งกาจทั้งสิ้น เมื่อไหร่ก็ตามที่ชินอ๋องได้นำทัพออกรบก็สามารถชนะศึกกลับมาได้เสมอและได้ฉายาในสนามรบว่า เทพมรณะแห่งสนามรบ และที่แห่งนี้ก็คือจวนลับที่ชายหนุ่มซื้อและสร้างเอาไว้เพื่อหลีกหนีจากความวุ่นวายในวังหลวง
เดิมทีเขาเองก็มีตำหนักส่วนตัวที่ฮ่องเต้ผู้เป็นพี่ชายมอบเอาไว้ให้แต่ก็นั่นแหละ เมื่อเป็นของพระราชทานย่อมต้องมีผู้คนรู้จักและพวกสตรีที่วัน ๆ คอยแต่จะนำพาตัวเองเข้ามาตำหนักของเขาอยู่ทุกวันจนน่ารำคาญชายหนุ่มจึงได้แอบมาปลูกตำหนักใหม่ที่แห่งนี้ได้ราว ๆ ห้าปีแล้ว
ส่วนใหญ่ชายหนุ่มก็มักจะอยู่ที่นี่มากกว่าตำหนักแห่งนั้นเพียงแต่เขาเองก็ไม่คิดว่าจวนร้างข้าง ๆ ที่ปล่อยให้ร้างมานานจะมีคนเข้ามาอยู่เสียแล้ว แถมยังเป็นหญิงสาวที่ดูเหมือนจะมีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย
“ปิงฉาง ไปสืบมาว่าใครที่ย้ายเข้ามาอยู่จวนร้างข้าง ๆ เรา”
ร่างสูงที่กำลังยืนพิงขอบหน้าต่างเอ่ยบอกองครักษ์คนสนิทด้วยน้ำเสียงเย็นชาเหมือนอย่างเคย
“พ่ะย่ะคะ ท่านอ๋อง”
ปิงฉาง องครักษ์ที่ติดตามรับใช้ร่างสูงตรงหน้ามาตั้งแต่เด็กเอ่ยตอบรับก่อนที่เขาจะรีบออกไปทำตามคำสั่งด้วยความรวดเร็วคล้อยหลังจากที่ปิงฉางออกไปแล้วนั้นร่างสูงก็ยังคงจ้องมองไปยังทิศทางที่หญิงสาวหลับอยู่อย่างนั้นพร้อมกับจมลงสู่ห้วงแห่งความคิดของตนเอง
ทางด้านอวี้หลันเองหลังจากที่เผลอหลับไปได้ไม่นานนางก็ได้ลืมตาตื่นขึ้นก่อนจะพบว่าตนเองนั้นกำลังนอนหลับอยู่ตรงริมหน้าต่าง เมื่อปรับสายตาให้คุ้นชินได้แล้วนั้นหญิงสาวจึงได้ลุกขึ้นยืนก่อนที่ใบหน้างดงามที่ปราศจากเครื่องประทินโฉมจะมองเลยออกไปยังภูเขาหลังจวน
พร้อมกับกำลังคิดวางแผนว่าจะสร้างจวนใหม่ให้มีลักษณะเหมาะสมกับการใช้งานอย่างไรดี แต่ยังไม่ทันที่จะได้คิดเสียงเอ่ยเรียกจากเสี่ยวอิงก็ดังขึ้นอยู่ที่หน้าเรือนเสียแล้ว
“คุณหนูเจ้าคะ ได้เวลาอาหารเย็นแล้วคุณหนูต้องการจะทานเลยหรือไม่เจ้าคะ”
“จริงด้วยสิ ตอนนี้ก็เย็นมากแล้วเช่นนั้นก็จัดโต๊ะได้เลยนะพี่เสี่ยวอิง”
อวี้หลันตะโกนตอบอีกฝ่ายออกไปทั้งที่ตนเองยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับตัวไปไหน
“เจ้าค่ะคุณหนู”
หลังจบเสียงเอ่ยตอบรับอวี้หลันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าไกลออกไปแล้วดังนั้นนางจึงได้คิดที่จะไปเตรียมตัวเพื่อทานข้าว เพียงแต่ในขณะที่หญิงสาวกำลังหมุนตัวกลับมานั้น
ดวงตาหงส์ก็สบเข้ากับเงาร่างของใครบางคนที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างของจวนข้าง ๆ เห็นดังนั้นหญิงสาวจึงได้เพ็งสายตามองไปยังจุดที่พบเงาร่างอยู่เมื่อครู่ แต่กลับพบว่าที่ตรงนั้นว่างเปล่าไม่มีใครอยู่
“หรือว่าข้าจะตาฝาดไป แต่ก็ไม่น่าจะใช่เพราะสัญชาตญาณของข้าไม่เคยพลาด ต้องมีคนแอบมองอยู่จากที่ตรงนั้นแน่นอน”
หญิงสาวเอ่ยพึมพำกับตนเองเบา ๆ ก่อนจะทำเป็นไม่สนใจสิ่งที่พบเห็นแล้วหมุนตัวเดินออกจากเรือนไปในที่สุด
ส่วนคนที่แอบมองอยู่เมื่อครู่นั้นเห็นว่าอีกคนพบเจอตนเองเข้าแล้วก็รีบหลบเข้ามาภายในห้องของตนเองทันทีเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขากำลังลอบมองอยู่ และไม่นานปิงฉางก็กลับมาพร้อมกับข้อมูลของเจ้าของที่เข้ามาอยู่จวนร้างข้าง ๆ นี้
“เรียนท่านอ๋องคนที่มาอยู่จวนด้านข้างของเราก็คือ คุณหนูใหญ่ไป๋อวี้หลันบุตรสาวคนโตของเสนาบดีไป๋ที่เพิ่งจะถูกองค์รัชทายาททำร้ายจนตกบันไดและเป็นอดีตคู่หมั้นขององค์รัชทายาทที่โดนถอนหมั้นไปวันนี้ พ่ะย่ะค่ะ”
“หืม ไป๋อวี้หลันหลานสาวของท่านอาจารย์อย่างนั้นรึ หึ น่าสนใจไม่น้อย”
เมื่อชายหนุ่มรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปากคล้ายพึงพอใจอะไรบางอย่าง
“พ่ะย่ะค่ะ แถมคุณหนูไป๋อวี้หลันยังถูกขับออกจากตระกูลพร้อมทั้งทำหนังสือตัดขาดจากตระกูลไป๋เมื่อไม่กี่ชั่วยามมานี้เอง จวนแห่งนี้ก็เป็นสินเดิมของมารดาที่ทิ้งเอาไว้ให้ก่อนที่จะจากไปพ่ะย่ะค่ะ”
ปิงฉางรายงานข้อมูลที่ได้รับมาทุกอย่างให้กับผู้เป็นนายที่ฟังไปพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่น่าหวาดหวั่นตามไปด้วย
“ท่าน...พี่...”เสียงเอ่ยเรียกของภรรยารองนั้นยิ่งทำให้โทสะของไป๋ฮุ่ยหมิงปะทุขึ้นจนเอ่ยตะคอกอีกฝ่ายด้วยความเกรี้ยวกราด“หุบปากเน่า ๆ ของเจ้าเสีย! เสียแรงที่ข้านั้นรักและเอ็นดูเจ้ามาตลออด แต่เจ้ากลับกล้าหักหลังข้าทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร”“ไม่เพียงแค่หลอกลวงข้าเรื่องหลินเอ๋อร์ แต่เจ้ายังวางยาฮูหยินเอกจนนางต้องตายจากไป เจ้าทำเรื่องเลวร้ายถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกันหา!”คำถามมากมายที่หลุดออกจากปากผู้เป็นสามีนั้นช่างบาดลึกลงไปในจิตใจของเป่าลี่อินเป็นอย่างมาก จริงอยู่ที่ในตอนแรกนางนั้นเข้าหาเขาเพียงเพราะต้องทำตามแผนของบุรุษชั่วช้าผู้นั้น แต่เมื่อได้ใกล้ชิดและได้รับความรัก เอาใจใส่ดูแลจากอีกฝ่ายอย่างที่ไม่เคยมีใครทำให้กับนางจึงทำให้นางเริ่มที่จะหึงหวงและอยากครอบครองไม่อยากให้เขาไปมอบความรักให้กับสตรีอื่น นางจึงได้วางแผนการทุกอย่างเพื่อที่จะใส่ร้ายฮูหยินเอกสตรีอีกหนึ่งคนที่เขารัก ด้วยการใส่ความต่าง ๆ จนในที่สุดนางก็สามารถทำสำเร็จและในขณะที่สตรีผู้นั้นตรอมใจนางจึงใช้โอกาสนี้ให้คนวางยาจนในที่สุดสตรีนางนั้นก็
“ท่านอ๋องเพคะ”อวี้หลันเอ่ยเรียกชายหนุ่มด้วยคำเรียกที่จริงจังจนทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มต้องหันกลับมามองยังหญิงสาวที่ในตอนนี้กำลังยืนจ้องมองมาที่ตนเอง“พี่บอกแล้วใช่หรือไม่ว่าให้เรียกพี่ว่าอย่างไร”ชายหนุ่มเอ่ยบอกพร้อมกับวงแขนแกร่งเองก็คว้าเอาเอวบางเข้ามานั่งลงบนตักของตัวเองอย่างต้องการทำโทษ“พี่ชายท่านหลอกกินเต้าหู้ข้าอีกแล้วนะเจ้าคะ”อวี้หลันเอ็ดชายหนุ่มตรงหน้าด้วยท่าทีไม่จริงจังนักคล้ายว่านางเองก็เริ่มที่จะชินกับนิสัยมือไวของอีกฝ่ายเสียแล้ว“ก็ใครกันเล่าที่ทำให้พี่ต้องเป็นแบบนี้”ร่างสูงเอ่ยถามพร้อมกับยื่นใบหน้าหล่อเหลาของตนเองที่ตั้งแต่วันงานเลี้ยงจบลงนางก็ไม่เห็นว่าเขาจะยอมสวมใส่หน้ากากเช่นที่ข่าวลือบอกแม้แต่น้อยเข้ามาใกล้ใบหน้าของหญิงสาวอย่างต้องการหยอกล้ออีกฝ่ายให้เขินอาย“เป็นพี่ชายเองมากกว่าที่คิดมากไปเองเจ้าคะ แต่ก็ช่างเรื่องนั้นก่อนเถิดข้าในตอนนี้ต้องการคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องสมรสพระราชทานที่ฝ่าบาททรงมอบให้เมื่อเช้านี้มากกว่า”หญิงสาวเองก็ไม่ได้คิดที่จะผ
ในที่สุดก็มาถึงสมรสพระราชทานระหว่างชินอ๋องกับคุณหนูซ่งอวี้หลัน งานแต่งงานในครั้งนี้ถึงแม้ว่าจะมีกำหนดการที่กระชั้นชิดไปหน่อยแต่ว่างานทุกอย่างนั้นก็ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และสมเกียรติของว่าที่พระชายาของชินอ๋อง โดยงานในครั้งนี้ถูกจัดขึ้นที่ตำหนักส่วนตัวของชินอ๋องที่ผู้คนรู้จัก เพียงแต่นั้นเป็นแค่ฉากบังหน้าเพราะอวี้หลันได้พูดคุยตกลงกับชายหนุ่มเอาไว้แล้วว่าหลังจากแต่งงานเสร็จตนเองจะไปอยู่ที่จวนข้าง ๆ จวนของนาง ซึ่งชายหนุ่มเองก็ไม่คิดที่จะคัดค้าน เพราะเขานั้นตามใจหญิงสาวอยู่แล้ว ขอเพียงนางอยู่แล้วมีความสุขไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ล้วนแต่ยินดีทั้งสิ้นวันนี้ในเมืองหลวงต่างก็เต็มไปด้วยขบวนเจ้าบ่าวที่ในตอนนี้ร่างสูงสง่างามสวมชุดสีแดงสดนั่งสง่าอยู่บนหลังอาชาสีขาวตัวโปรดกำลังมุ่งหน้าไปยังจวนของว่าที่พระชายาที่เพียงแค่ขบวนสินสอดก็ยาวไปจนแทบจะสุดประตูเมือง ด้วยเกวียนขนหีบกว่าสามร้อยหีบไหนจะมีสิ้นเดิมของเจ้าสาวที่เหล่าท่านตาท่านลุงของนางนั้นมอบให้อีกกว่าสองร้อยกว่าหีบอีกเล่า เรียกได้ว่าการแต่งงานในครั้งนี้ของทั้งสองคนนั้นสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเหล่าชาวบ้านและเหล่าคุณหนูต่าง
ในที่สุดก็มาถึงวันนัดส่งมอบสินค้าของชาวหัวแดงกับกลุ่มของผู้ช่วยเผิงเจียง โดยพวกมันนั้นได้นัดพบกันที่แนวชายป่าใกล้ ๆ กับเมืองท่าที่พวกมันมักจะใช้เป็นจุดนัดพบส่งของกันอยู่บ่อยครั้งนั่นเองซึ่งข่าวเรื่องสถานที่ในการนัดพบของพวกมันนั้นเป็นชินอ๋องที่ส่งหน่วยองครักษ์ลับไปสืบข่าวมาจนได้รู้สถานที่ชัดเจนในครั้งนี้ ดังนั้นในวันนี้กลุ่มของนายท่านซ่งกับบุตรชายจึงได้เดินทางมายังสถานที่นัดพบกันในครั้งนี้กลุ่มของซ่งเฉิงป๋อนั้นทราบถึงกำหนดการจัดส่งสินค้าของพวกมันนั้นคือเวลายามซื่อของวันนี้และในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าก็จะถึงกำหนดเวลานัดของพวกมันแล้วเมื่อกลุ่มของซ่งเฉิงป๋อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาแล้วทั้งสามคนพ่อลูกรวมทั้งเหล่าองครักษ์อีกกว่ายี่สิบนายต่างก็ซุ่มอยู่ในที่กำบังอย่างเงียบเชียบไม่นานหลังจากนั้นทั้งสองกลุ่มก็ได้ยินเสียงของรถม้าหลายคันกำลังวิ่งตรงมายังทิศทางที่พวกเขารออยู่เมื่อรถม้าทั้งสามคันจอสนิทลงที่จุดนัดพบก็เป็นเวลาเดียวกันกับเกวียนวัวของพวกกลุ่มพ่อค้าชาวหัวแดงเองก็มาถึงยังสถานที่นัดหมายเช่นเดียวกันหลังจากที่รถม้าจอดสนิทดีแล้วนั้นไม่นานก็มีบ
“คุณหนูซ่งรับราชโองการ....เนื่องด้วยคุณหนูซ่งอวี้หลันนั้นเป็นสตรีที่มากความสามารถอีกทั้งยังเป็นสตรีที่เพียบพร้อมไปด้วยกิริยามารยาทอ่อนหวานเรียบร้อย จึงประทานสมรสพระราชทานให้แต่งเป็นพระชายาเอกในชินอ๋องจวินซีฮันในอีก 7 วันต่อจากนี้จบราชโองการ.....”จบราชโองการทั่วทั้งจวนต่างก็ตกอยู่ในความเงียบไม่เว้นแต่หญิงสาวเองที่ตั้งตัวไม่ทันว่าตนเองจะต้องแต่งงานให้กับชายหนุ่มในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี่เองในตอนนี้หญิงสาวจึงได้ยังคงก้มหน้าเงียบจนเสี่ยวอิงต้องสะกิดเพื่อให้คุณหนูของตนรีบตอบรับราชโองการโดยไว“หม่อมฉันขอบพระทัยฝ่าบาทขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี เพคะ”จบคำของหญิงสาวกงกงคนสนิทของฮ่องเต้ก็ยื่นราชโองการสีเหลืองทองมาตรงหน้าของหญิงสาวจากนั้นมือบางจึงได้ยื่นไปรับมาถือไว้พร้อมกับเอ่ยขอบใจกงกงชราตรงหน้า“ลำบากท่านหม่ากงกงแล้วเจ้าค่ะ เสี่ยวอิงเจ้าจงตามไปส่งท่านหม่ากงกงให้ข้าด้วยนะ”ประโยคแรกนั้นหญิงสาวเอ่ยกับกงกงชราตรงหน้าด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลก่อนที่หญิงสาวจะหันไปเอ่ยกำชับกับสาวใช้คนสนิทอีกทั้งยังกำชับให้อีกฝ่ายมอ
ความเงียบยังคงปกคลุมไปทั่วชายป่าที่พวกเขายืนอยู่ หลังจากเอ่ยกับผู้เป็นตาเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้นอวี้หลันจึงได้หันหน้าไปมองยังก็ผิงซานคุนก่อนที่ริมฝีปากบางของนางจะเริ่มเอ่ยวาจาออกมา“นายท่านเผิงกล่าวมาเมื่อครู่นี้ข้าเองก็เห็นด้วยกับพวกท่านนะเจ้าคะ คนทำผิดคิดชั่วย่อมสมควรได้รับโทษทัณฑ์อย่างสาสม แต่ที่ข้าไม่เห็นด้วยก็คงจะเป็นคนที่ต้องโทษคิดกบฏนั้นหาใช่ตระกูลซ่งของข้า แต่เป็นตระกูลเผิงของพวกท่านต่างหากเล่า”“ท่านอย่าได้คิดจะเอ่ยปากแก้ตัวเพราะข้ากับท่านอ๋องนั้นต่างก็เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ที่พวกท่านมาถึงจนพูดคุยตกลงเกี่ยวกับการค้าในครั้งนี้จนไปถึงการส่งมอบสิ่งของพร้อมกับเงินทองเพื่อแลกเปลี่ยนกันแล้วอย่างไรเล่า”“นี่คงจะเพียงพอที่จะเอาผิดพวกท่านได้แล้วกระมัง แล้วไหนจะยังมีหัวหน้านายกองที่รับสินบนทั้งยังทำงานให้กับท่านมิใช่ให้กับฝ่าบาทเพียงเท่านี้ข้าคิดว่าโทษของตระกูลท่านก็คงจะมีหัวไม่พอให้ประหารชดใช้ความผิดแล้วละ”คำพูดของหญิงสาวทุกคำที่เอ่ยออกมานั้นช่างราวกับคมมีดที่กรีดลึกลงไปสุดขั้วหัวใจของคนฟังยิ่งนัก ไหนจะยังสามารถแจกแจงความผ