Share

นักยุทพเนจร

Author: Sanassetong
last update Last Updated: 2025-09-28 21:49:00

เมื่อชายชราผู้นี้ลืมตาตื่นขึ้นมา ก็เห็นเด็กสาวผู้นี้นอนอยู่ ตอนนี้พลังของเขากลับมาเหมือนเดิมแล้ว พิษที่ได้รับก็หายไปหมดแล้ว สมุนไพรในป่านี้ช่างวิเศษเสียเหลือเกิน ตั้งนานเด็กน้อยผู้นั้นก็ลืมตาตื่นขึ้นมา เขามองชายชรานั่งอยู่ใกล้ๆแล้วก็รู้สึกอับอายที่ตัวเองนั้นเผลอหลับไป

"เด็กน้อยเจ้ามีความเป็นมาอย่างไรทำไมถึงมาอยู่ในป่าลึกคนเดียวแบบนี้"

ชายชราถามขึ้น หลินซือหยาไม่รู้ว่าจะพูดออกมาได้ไหม หากว่าพูดว่าตัวเองถูกไล่จากหมู่บ้านเพราะว่าไม่มีเส้นลมปราณฝึกวรยุทธก็กลัวว่าชายชราผู้นี้จะรังเกียจตน แต่คิดไปคิดมาหากชายชราผู้นี้จะรังเกียจก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะทุกๆคนในหมู่บ้านก็รู้ว่านางไม่มีเส้นลมปราณฝึกวรยุทธ อาจจะมีคนรู้เพิ่มอีกสักคนคงไม่เป็นไรกะมัง

"ท่านตาเจ้าค่ะข้ามันคนไร้ค่า ข้าถูกไล่ออกจากหมู่บ้านเพราะว่าข้าไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแท่งตรวจเส้นลมปราณให้มีสีได้ คนในหมู่บ้านบอกว่าข้าเป็นคนไร้ค่าและไม่อยากให้ข้าอยู่ในหมู่บ้านนั้นเจ้าค่ะ ข้าจึงต้องมาอยู่ในป่าแห่งนี้ และทิศทางที่ข้าจะไปนั้นก็คือภูเขาเจ้าคะข้าต้องขึ้นไปอยู่บนภูเขานั้น"

เด็กน้อยหลินซือหยากล่าวขึ้น

"โธ่เด็กน้อยแล้วเจ้ามีนามว่าอะไรหรือ แล้วถ้าเจ้าไร้ค่าจริงจะเดินทางจากหมู่บ้านข้างล่างมาบนนี้ได้อย่างไรกัน แล้วอีกอย่างหากเจ้าไร้ค่าแล้วเจ้าจะให้ข้ากินสมุนไพรที่ขจัดพิษแบบรวดเร็วอย่างนั้นได้อย่างไรกัน เจ้าคิดดูเถอะหนูน้อย"

ชายชรากล่าวขึ้น

"ท่านตาไม่รังเกียจข้าหรอกหรือ"

หลินซินหยาถามขึ้น

"ข้าจะรังเกียจเจ้าได้อย่างไร เจ้าเป็นคนช่วยชีวิตข้าแท้ๆ เรื่องเส้นลมปราณในการฝึกวรยุทธนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญก็จริงแต่เอาเข้าจริงๆบนโลกใบนี้ไม่มีผู้ใดไม่สามารถฝึกฝนได้หรอก เจ้าอาจจะมีเหตุผลอะไรสักอย่าง จึงไม่สามารถเปลี่ยนแท่งตรวจเส้นลมปราณได้ แล้วอีกอย่างนะ บนเขาลูกนั้นก็อันตรายมากด้วย สิงห์สาราสัตว์มากมายส่วนมากจะเป็นสัตว์ที่มีวรยุทธสูงๆแล้วเจ้าจะสู้พวกมันได้หรือ ถึงแม้ว่าปกติมันจะไม่ทำร้ายสัตว์หรือผู้คนที่ไม่มีวรยุทธแต่เมื่อพวกมันหิวมากๆคนหรือสัตว์ที่ไม่มีวรยุทธนั้นคือของตายสำหรับมันเลยเชียว"

ชายชราผู้นั้นกล่าวขึ้น

"จริงๆหรือจ๊ะท่านตา ข้าเดินทางมาราวราวเจ็ดแปดวันแล้วเพิ่งพบเจอกับสัตว์อสูรตัวเป็นๆก็เมื่อวานนั่นเองจ๊ะท่านตา พวกมันไปกินซากศพของคนที่สู้กับท่านตาแล้วท่านตาล่ะจ๊ะมาอย่างไรหรือทำไมพวกนั้นถึงตามมาทำร้ายท่านตาได้ละ"

หลินซือหยาถามขึ้น

"ข้าไป๋อีเฟิงเป็นนักยุทพเนจร ไม่มีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่งและตอนนี้ก็อาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้แหละแต่ข้าว่าข้ากำลังจะขึ้นไปหาที่อยู่บนเขาอยู่พอดี หวังว่าเจ้าคงไม่กลัวข้านะถ้าเจ้าไม่กลัวก็มาอยู่เป็นเพื่อนข้าก็ได้ และที่เจ้าไม่เห็นมันคงยังไม่หิวก็ได้"

ชายชรากล่าวขึ้น

"ได้หรือจ๊ะท่านตา ไม่ใช่ว่าท่านตาเห็นว่าข้าไม่มีเส้นลมปราณที่จะฝึกวรยุทธ์ท่านตาจะใช้ข้าเป็นทาสคอยรับใช้ท่านตาหรือจ๊ะ"

หลินซินหยากล่าวขึ้น

"ใครคิดแบบนั้นกับเจ้ากันแม่หนูเจ้าก็คือผู้ที่ช่วยชีวิตของข้าเลยนะ แล้วข้าจะให้เจ้าเป็นทาสได้อย่างไร ข้าจำได้ว่าข้ามีคัมภีร์เล่มหนึ่ง ที่ใช้สำหรับเปิดเส้นลมปราณโดยเฉพาะ เพราะฉะนั้นข้าจะลองให้เจ้าฝึกฝนดูเพราะตอนนี้เจ้ายังเด็กในการฝึกฝนน่าจะง่ายอยู่ เพราะมันเป็นการเปิดเส้นลมปราณที่ออกมาจากรากฐานของการฝึกวรยุทธเลย ซึ่งเด็กวัยห้าหนาวกำลังที่จะมีเส้นลมปราณนี้ข้าคิดว่าเจ้าโชคดีที่ได้พบกับข้า หากเจ้าศึกษาคัมภีร์นี้แล้ว เจ้าอาจจะทะยานสูงสุดยิ่งกว่าผู้ที่มีปราณฝึกวรยุทธในธาตุต่างๆก็ได้ แต่มีข้อแม้อยู่นิดหน่อยนะ มันเป็นการฝึกที่เจ็บปวดมากเลยทีเดียว สำหรับเด็กวัยห้าหนาวมันจะเป็นการง่ายในการก้าวหน้า แต่มันจะเป็นการยากสำหรับความอดทน ข้าชรามากแล้วไม่ได้หลอกลวงเจ้า ลองไตร่ตรองดูหากเจ้าคิดว่าเจ้าอดทนได้ก็ลองดูก่อนก็ได้"

ชายชรากล่าว

"ท่านตาจะให้ข้าเป็นลูกศิษย์หรือจ๊ะ คนแบบข้าสามารถฝึกวรยุทได้จริงๆหรือจ๊ะ"

หลินซือหยาถามขึ้นอย่างดีใจ นางตัดใจเรื่องที่มีวรยุทธตั้งแต่ที่นางออกมาจากหมู่บ้านนั้นแล้วเพราะทุกคนตราหน้าว่านางเป็นคนไร้ค่า ไม่สามารถฝึกวรยุทธดังคนอื่นได้ นางจึงคิดว่านางไม่สามารถฝึกได้แล้วจริงๆและจะเดินทางของตัวเองใหม่ แต่ท่านผู้เฒ่าผู้นี้มาพูดให้ความหวังนางแบบนี้อีก ถึงแม้มันจะเป็นความเจ็บปวดอย่างไรก็ตามนางก็จะลองดู

"555 ข้าบอกเสียเมื่อไหร่ว่าจะรับเจ้าเป็นลูกศิษย์ ข้าเองไม่ใช่อาจารย์ที่มีชื่อเสียงเสียหน่อยข้าเพียงแค่บอกเจ้าว่ามีตำราหนึ่งตำราที่อาจจะทำให้เจ้าเปิดเส้นลมปราณได้เพียงเท่านั้น อันที่จริงข้าเองก็ยังไม่แน่ใจถึง 100% แต่อย่างน้อยหากเจ้าได้ศึกษาคัมภีร์นี้ หากไม่สามารถเปิดเส้นลมปราณให้ฝึกวรยุทธได้เจ้าก็จะมีทักษะในการต่อสู้พอสมควร"

ชายชราผู้ขึ้น

"เอาจ๊ะท่านตาถึงแม้ว่ามันจะเจ็บปวดข้าก็จะยินยอมถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ผล เพียงรู้ทักษะการต่อสู้ก็ยังดีจ๊ะท่านตา"

หลินซือหยากล่าวขึ้นอย่างแนวแน่ ชายชรามองเด็กน้อยแล้วยิ้มออกมา เด็กผู้นี้มีความน่าสงสารอยู่ในตัวทคนทุกคนย่อมอยากที่จะมีวรยุทธเพราะยุทธภพแห่งนี้ผู้ไม่มีวรยุทธ์ถือว่าเป็นผู้ไร้ค่าจริงๆ แต่เขานั้นได้มีคัมภีร์ดีอยู่ในมือเพียงเท่านั้น ที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้เขามองหน้านาง เอาเข้าจริงๆเขาเองก็ไม่แน่ใจ 100% เพราะผู้ที่ให้ตำราเล่มนี้มากล่าวไว้เพียงอาจจะเปิดเส้นลมปราณที่เคยติดตายได้เท่านั้น เมื่อทั้งสองตกลงที่จะเดินทางไปร่วมกัน ชายชราไม่รีรอยื่นมือขวาของตัวเองออกมา ไม่นานมีสิ่งที่ลอยอยู่เหนือฟ้าที่มีขนาดเล็กสีเขียวพุ่งมาที่พวกเขาทั้งสองไม่นานก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนรูปร่างชัดเจนว่าเป็นใบไม้ยักษ์ หลินซือหยามองดูด้วยความทึ่งนางอ้าปากข้างกับสิ่งที่ได้เห็น เด็กน้อยวัยห้าหนาวยังไม่เคยผ่านโลกมาสิ่งแบบนี้นางไม่เคยเห็นแน่นอน

"ป่ะขึ้นไปบนนั้นกัน รอให้เจ้าเดินไปก็คงจะแก่ตายพอดี"

ชายชรากล่าวขึ้น

"ท่านตาปกติเขาใช้สิ่งนี้เป็นพาหนะหรือจร๊ะ ข้าพึ่งเคยเห็นครั้งแรก"

หลินซือหยากล่าวด้วยความด้วยความตื่นเต้น

"ปกติผู้ที่ฝึกยุทธ์จะต้องฝึกเหาะไปในตัว แต่เจ้าไม่สามารถที่จะทำมันได้ข้าก็เลยใช้สิ่งนี้แทน หากจะให้ข้าแบกเจ้าเหาะไป ข้าก็คงจะปวดหลังก่อนน่าดู วิธีนี้แหละดีแล้วไปขึ้นมาเถอะไม่ต้องมาถามอะไรมากมาย"

ชายชรากล่าวขึ้นและก้าวขาขึ้นเป็นตัวอย่างให้หลินซือหยา นางจึงก้าวขาขึ้นไปและนั่งข้างหลังชายชรา และใบไม้นั้นก็พุ่งขึ้นไปบนอากาศ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ผจญป่าฝึกใจ

    แสงอรุณแรกสาดลอดหมู่ไม้ ทาบเงาทาบพื้นดินเป็นริ้วทองอ่อนเสียงลมพัดผ่านยอดไม้ดัง “ซู่ซู่” คล้ายเสียงกระซิบจากวิญญาณโบราณในหุบเขาหนทางเบื้องหน้าเต็มไปด้วยหมอกขาวบาง ลึกลับราวม่านแห่งสวรรค์ที่กั้นระหว่างคนกับพลังลมปราณ หลินซื้อหยาย่างเท้าเข้าขึ้นอีกครั้งหลังจากพักผ่อนไปได้เล็กน้อย มือกำดาบไม้แน่น ในหัวใจไม่มีสิ่งใด นอกจากคำอาจารย์ที่ว่า“หากเจ้ามิอาจฝึกจิตให้สงบในหมู่ความวิเวก เจ้าก็ไม่มีวันก้าวข้ามขอบเขตวรยุทธได้”ทุกย่างก้าว นางต้องเผชิญทั้งความเงียบ ความหิว และความกลัวบางคืน เสียงสัตว์คำรามดังก้องในหุบเขาบางยาม ลมเย็นพัดผ่านจนเหมือนมีเงาผู้คนเดินตามอยู่ข้างหลัง แต่เมื่อหลับตาและปล่อยใจเข้าสู่สมาธิ นางกลับสัมผัสได้ถึงจังหวะของลมหายใจที่ผสานกับเสียงป่า ใบไม้ไหว คือการเต้นของพลังชีวิตสายน้ำที่ไหล คือการหมุนเวียนแห่งลมปราณและในที่สุด นางก็เข้าใจว่า “วรยุทธ มิได้อยู่ในคัมภีร์ แต่อยู่ในหัวใจผู้ไม่ยอมแพ้”ในป่า จากเด็กสาวที่กลัวเสียงสัตว์กลายเป็นนักยุทธที่ยืนหยัดได้กลางพายุฝนมือขวาจับดาบนิ่งสงบ ดวงตาแน่วแน่พลังภายในพลุ่งพล่านเหมือนสายน้ำที่ไหลกลับสู่ต้นธาร ราตรีนั้น ฟ้าปิดเงียบไร้ดา

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ก้าวแรกสู่ความกล้า

    เช้าวันต่อมาสองคนอาจารย์กับลูกศิษย์เมื่อกินข้าวกันเสร็จ ก็เตรียมตัวที่จะออกไปเดินป่าปกติเด็กน้อยจะไม่ค่อยได้ออกไปเดินป่าสักเท่าไหร่เพราะว่าในป่านั้นมันอันตรายชายชราจึงไม่อยากให้นางได้ไป แต่วันนี้นางมีวรยุทธถึงขั้นหนึ่งแล้ว นางจึงจำเป็นที่จะต้องหาประสบการณ์บ้าง ชายชราเพียงส่งเด็กน้อยไว้ในป่าที่เขาสามารถควบคุมได้และกลับไปยังเรือนของตัวเอง ยามที่เด็กน้อยผู้นี้ประสบภัยในป่านี้เขาก็จะได้รับรู้เป็นผู้แรกและจะมาช่วยนางได้ทันแน่นอน เมื่อนางเดินเพียงลำพังนางก็ขวัญคิดเมื่อนั้นทุกข์ได้ออกจากบ้านครั้งแรกตอนนั้นนางรู้สึกกลัวได้แต่เดินอยู่ในป่าแต่ณเวลานี้นางรู้สึกว่านางไม่ใช่เด็กคนนั้นอีกแล้วเพราะท่านอาจารย์บอกว่านางต้องหาประสบการณ์ในป่าต้องสู้กับสิ่งต่างๆไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร อาจารย์จะมารับในอีกสามวัน นางจะได้เผชิญโลกกว้างด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกนางรู้สึกตื่นเต้นมากๆ นางไม่รู้เลยว่าอยู่เฉยๆตัวเองจะมีวรยุทธ์ลำดับหนึ่งขึ้นมาได้อย่างไร แต่เอาเข้าจริงๆนางก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ เพราะในความที่นางฝันนั้นมันเหมือนจริงมากๆ นางทรมานมากๆแล้วเป็นเวลานานเสียด้วย แต่ถ้าหากให้นางฝึกยุทแล้วทรมานขนาดนี้ แล้วมีวรยุทธ์เพียง

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ปักปิ่น

    ชายชราลงเขาเพื่อไปหาเครื่องประดับสำหรับสตรีสำหรับเขาแล้วไม่เคยชินสำหรับการสรรค์หาสักเท่าไหร่ หมู่บ้านเล็กๆที่มีของขายมากมายส่วนมากจะเป็นผู้ที่มีวรยุทธ์ไปจับจ่ายซื้อของที่ได้มาจากเขา นายพรานชอบล่าสัตว์ป่าบางประเภทที่หายากมาขาย แร่ธาตุต่างๆที่เหมาะสมสำหรับฝึกวรยุทธ์ รวมไปถึงส่วนใดส่วนหนึ่งของสัตว์ เช่นงาสัตว์และเขาสัตว์ที่หายากอีกต่างหาก เขาเดินเที่ยวหาเครื่องประดับสตรีอยู่ตั้งนาน"อ้า ไป๋อีเฟิงเจ้าทำอะไรของเจ้าน่ะหาอะไรอยู่หรือเปล่า แต่ที่เจ้าหานั้นเป็นของสตรีนี่เจ้าจะหาไปให้ผู้ใดกันหรือ"เสียงชายชราผู้หนึ่งดังขึ้น มาแต่ไกลชายชราผู้นี้จึงมองไปที่เขา"อ่า เจ้าหม่าเหิง เป็นยังไงล่ะวันนี้ถึงมาเดินตลาดได้นะ"ชายชรากล่าวขึ้นเมื่อเห็นสหายเก่าเดินมาแต่ไกล"เขาว่าช่วงนี้มีหางยูนิคอร์นขายข้าเลยมาเดินดูเสียหน่อยเผื่อจะได้สักเส้น ว่าจะเอาไปต่อกระดูกเจ้าล่ะมาหาอะไรเห็นด้อมๆมองๆกับของพวกสตรีเหล่านี้ "ชายชราอีกคนถามขึ้น"ช่วงนี้ลูกศิษย์ของข้าจะมีอายุครบสิบห้าหนาวแล้ว ข้าจึงต้องทำพิธีปักปิ่นให้นางน่ะ ข้าจึงมาหาปิ่น เพราะเจ้าก็รู้ว่าข้าไม่มีปิ่น"ชายชรากล่าวขึ้น"เฮ้ เจ้ามีลูกศิษย์ตั้งแต่เมื่อไหร่ก่อ

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ตื่นแล้ว

    ภาพนี้หยุดนิ่งอยู่เนินนานเลือดที่ออกจากทวารทั้งเจ็ดนั้นไม่ได้แห้งเหือดไปเหมือนไหลอยู่ตลอดเวลา ชายชราไม่ดื่มไม่กินยืนเฝ้าเด็กสาวผู้นี้และคอยฟังเสียงลมหายใจที่แผ่วเบาตลอด พอถึงเช้าวันที่แปดเหมือนสีหน้าของเด็กสาวผู้นั้นจะดีขึ้นและเลือดเริ่มหยุดไหลแล้ว ลมหายใจของนางเร็วและถี่ขึ้นเหงื่อนั้นท่วมใบหน้า บางครั้งมีเส้นเลือดปูดวิ่งไปวิ่งมาตามตัว ชายชรามองด้วยความเห็นใจเด็กคนนี้กำลังจะต่อสู้กับดวงดาวที่ตนเลือกแล้ว ทางด้านเด็กน้อยกำลังลังเลว่าจะเลือกดาวดวงใดแต่อยู่ๆเหมือนสติก็ดับวูบลงไปพอได้สติอีกครั้งเหมือนแขนขาของเขาถูกตึงไว้ผิวหนังของนางร้อนระอุราวกับถูกไฟลวก อุณหภูมิร่างกายสูงเกินกว่าปกติ เลือดในกายขับเคลื่อนรวดเร็วราวน้ำเดือด ดวงตาร้อนฉานเหมือนเปลวเพลิงเผา ลมปราณถูกเร่งเร้าเกินขีดจำกัด คล้ายเชื้อไฟที่ถูกเติมไม่หยุด ทำให้เส้นลมปราณบางส่วนเหมือนจะถูฉีกแตกได้ หัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะทะลุออกจากอก เสียงเลือดสูบฉีดดังสะท้อนในโสตประสาท รู้สึกเหมือนร่างกายถูกเผาจากด้านใน เลือดค่อย ๆ แห้งเหือด เป็นความทุกข์ที่ทรมานยิ่งนัก เหมือนว่ามันจะไม่รู้จักจบสิ้น เด็กน้อยพยายามฝืนทนกับความรู้สึกนี้ มันเหมือนจะก

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   เลือกดวงดาว

    เหมือนว่าแรกๆนางจะไปได้ไวมากแต่เหมือนตอนนี้ว่านางเริ่มจะชะงักแล้วชายชราจึงมองออกถึงปัญหาของนางว่าตอนนี้นางยังไม่สามารถที่จะสัมผัสกับดวงดาวได้ ตอนนี้นางแค่สัมผัสกับใจของตัวเองเพื่อไม่ให้จินตนาการไปให้เกิดความกลัวตอนนี้ใจนางบริสุทธิ์ก็จริง แต่ยังไม่สามารถรับพลังของดวงดาวได้ อาจจะเป็นเพราะว่านางกังวลเรื่องที่จะเลือกดวงดาวก็มีส่วน"คืนนี้ในการนั่งสมาธิเจ้าเงยหน้าไปมองดูดวงดาวนับร้อยนับพันพวกนั้นให้เจ้าจดจำสิ่งที่มันกระพริบให้ดีราวๆครึ่งคืนให้เจ้าหลับตาลงสู่สมาธิเจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะเลือกดาวผิดหรือถูกตอนนี้เจ้าเป็นกังวลอยู่จึงทำให้ตัวเจ้าเองนั้นไม่มีความก้าวหน้า เจ้าจงคิดเสียว่าชีวิตเจ้ามาถึงขนาดนี้ได้มันดีแค่ไหนแล้ว การเลือกดวงดาวนั้นมันก็เป็นจังหวะของชีวิต มันจะมีดาวดวงหนึ่งที่สีสวยที่เจ้ามองแล้วก็ชอบนั่นแหละมันคือจังหวะชีวิตของเจ้าหากเจ้าเลือกมันมาแล้วมันเป็นดาวมรณะเจ้าก็ต้องทำใจว่าเจ้าต้องยอมตรงนี้ก่อน หากเจ้าไม่คิดที่จะเปลี่ยนเจ้ายังคิดกลัว เจ้าเองก็ไม่มีวันที่จะก้าวหน้า"ชายชรากล่าวกับเด็กน้อยวัยเจ็ดหนาว เด็กน้อยทำหน้าตาราวกับฟ้าจะถล่ม มันเป็นความรู้สึกกลัวจริงๆ จิตใจของนางก็กล

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   จิตนาการ

    "ท่านอาจารย์เจ้าคะแล้วคัมภีร์ที่ท่านอาจารย์ให้ข้าศึกษานั้นมันมีทั้งหมดกี่เล่มหรือเจ้าคะ แล้วข้าต้องไปหาจากที่ใด"เด็กน้อยถามขึ้นด้วยความสงสัย"มันจะมีกี่เล่มหรือไปหาที่ใดนั้นท่านอาจารย์ไม่สามารถรับรู้ได้ หากเจ้ามีบุญวาสนาเกี่ยวกับมันเจ้าก่อจะได้สัมผัสกับมันเอง บางครั้งอาจจะเป็นคัมภีร์เล่มๆแบบนี้หรือเจ้าอาจจะสัมผัสด้วยตัวของเจ้าเอง แล้วเจ้าก็จะได้เห็นวิชามันมาในรูปแบบต่างๆเอง อาเป็นว่าตอนนี้เราเริ่มบทเรียนบทแรกเพื่อที่จะให้เจ้าได้เปิดเส้นลมปราณฝึกวรยุทธ์เสียก่อนเถอะ"ชายชรากล่าวขึ้น"จะฝึกได้อย่างไรหรือเจ้าคะในเมื่อเขาให้ฝึกตอนกลางคืน ให้ไปนั่งสมาธิรับแสงดวงดาวเพื่อที่จะให้แสงแห่งพลังข้ามาในร่างกายให้มันมากๆ"เด็กน้อยกล่าวขึ้น"ใช่แล้วแหละเขาให้เจ้ามานั่งสมาธิเพื่อที่จะรับแสงจากดวงดาวแต่ตอนกลางวันนั้นเจ้าก็ยังต้องฝึกร่างกายเหมือนเดิมนั่นก็คือยืนขาข้างเดียวให้มั่นคงเสียก่อนไปเถอะ"ชายชรากล่าวขึ้น เด็กน้อยก็ทำตาม ณ เวลานี้นางเริ่มที่จะยืนขาเดียวได้แบบไม่เซแล้วเล็กน้อยแต่ใช้เวลาไม่นานนางก็ต้องเปลี่ยนใช้ขาอีกข้างนึงสลับกันไปในหนึ่งวัน นางก็รู้สึกเหนื่อยล้าแล้ว แต่นี้ท่านอาจารย์ยังจะให้นั่ง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status