공유

นักยุทพเนจร

작가: Sanassetong
last update 최신 업데이트: 2025-09-28 21:49:00

เมื่อชายชราผู้นี้ลืมตาตื่นขึ้นมา ก็เห็นเด็กสาวผู้นี้นอนอยู่ ตอนนี้พลังของเขากลับมาเหมือนเดิมแล้ว พิษที่ได้รับก็หายไปหมดแล้ว สมุนไพรในป่านี้ช่างวิเศษเสียเหลือเกิน ตั้งนานเด็กน้อยผู้นั้นก็ลืมตาตื่นขึ้นมา เขามองชายชรานั่งอยู่ใกล้ๆแล้วก็รู้สึกอับอายที่ตัวเองนั้นเผลอหลับไป

"เด็กน้อยเจ้ามีความเป็นมาอย่างไรทำไมถึงมาอยู่ในป่าลึกคนเดียวแบบนี้"

ชายชราถามขึ้น หลินซือหยาไม่รู้ว่าจะพูดออกมาได้ไหม หากว่าพูดว่าตัวเองถูกไล่จากหมู่บ้านเพราะว่าไม่มีเส้นลมปราณฝึกวรยุทธก็กลัวว่าชายชราผู้นี้จะรังเกียจตน แต่คิดไปคิดมาหากชายชราผู้นี้จะรังเกียจก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะทุกๆคนในหมู่บ้านก็รู้ว่านางไม่มีเส้นลมปราณฝึกวรยุทธ อาจจะมีคนรู้เพิ่มอีกสักคนคงไม่เป็นไรกะมัง

"ท่านตาเจ้าค่ะข้ามันคนไร้ค่า ข้าถูกไล่ออกจากหมู่บ้านเพราะว่าข้าไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแท่งตรวจเส้นลมปราณให้มีสีได้ คนในหมู่บ้านบอกว่าข้าเป็นคนไร้ค่าและไม่อยากให้ข้าอยู่ในหมู่บ้านนั้นเจ้าค่ะ ข้าจึงต้องมาอยู่ในป่าแห่งนี้ และทิศทางที่ข้าจะไปนั้นก็คือภูเขาเจ้าคะข้าต้องขึ้นไปอยู่บนภูเขานั้น"

เด็กน้อยหลินซือหยากล่าวขึ้น

"โธ่เด็กน้อยแล้วเจ้ามีนามว่าอะไรหรือ แล้วถ้าเจ้าไร้ค่าจริงจะเดินทางจากหมู่บ้านข้างล่างมาบนนี้ได้อย่างไรกัน แล้วอีกอย่างหากเจ้าไร้ค่าแล้วเจ้าจะให้ข้ากินสมุนไพรที่ขจัดพิษแบบรวดเร็วอย่างนั้นได้อย่างไรกัน เจ้าคิดดูเถอะหนูน้อย"

ชายชรากล่าวขึ้น

"ท่านตาไม่รังเกียจข้าหรอกหรือ"

หลินซินหยาถามขึ้น

"ข้าจะรังเกียจเจ้าได้อย่างไร เจ้าเป็นคนช่วยชีวิตข้าแท้ๆ เรื่องเส้นลมปราณในการฝึกวรยุทธนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญก็จริงแต่เอาเข้าจริงๆบนโลกใบนี้ไม่มีผู้ใดไม่สามารถฝึกฝนได้หรอก เจ้าอาจจะมีเหตุผลอะไรสักอย่าง จึงไม่สามารถเปลี่ยนแท่งตรวจเส้นลมปราณได้ แล้วอีกอย่างนะ บนเขาลูกนั้นก็อันตรายมากด้วย สิงห์สาราสัตว์มากมายส่วนมากจะเป็นสัตว์ที่มีวรยุทธสูงๆแล้วเจ้าจะสู้พวกมันได้หรือ ถึงแม้ว่าปกติมันจะไม่ทำร้ายสัตว์หรือผู้คนที่ไม่มีวรยุทธแต่เมื่อพวกมันหิวมากๆคนหรือสัตว์ที่ไม่มีวรยุทธนั้นคือของตายสำหรับมันเลยเชียว"

ชายชราผู้นั้นกล่าวขึ้น

"จริงๆหรือจ๊ะท่านตา ข้าเดินทางมาราวราวเจ็ดแปดวันแล้วเพิ่งพบเจอกับสัตว์อสูรตัวเป็นๆก็เมื่อวานนั่นเองจ๊ะท่านตา พวกมันไปกินซากศพของคนที่สู้กับท่านตาแล้วท่านตาล่ะจ๊ะมาอย่างไรหรือทำไมพวกนั้นถึงตามมาทำร้ายท่านตาได้ละ"

หลินซือหยาถามขึ้น

"ข้าไป๋อีเฟิงเป็นนักยุทพเนจร ไม่มีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่งและตอนนี้ก็อาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้แหละแต่ข้าว่าข้ากำลังจะขึ้นไปหาที่อยู่บนเขาอยู่พอดี หวังว่าเจ้าคงไม่กลัวข้านะถ้าเจ้าไม่กลัวก็มาอยู่เป็นเพื่อนข้าก็ได้ และที่เจ้าไม่เห็นมันคงยังไม่หิวก็ได้"

ชายชรากล่าวขึ้น

"ได้หรือจ๊ะท่านตา ไม่ใช่ว่าท่านตาเห็นว่าข้าไม่มีเส้นลมปราณที่จะฝึกวรยุทธ์ท่านตาจะใช้ข้าเป็นทาสคอยรับใช้ท่านตาหรือจ๊ะ"

หลินซินหยากล่าวขึ้น

"ใครคิดแบบนั้นกับเจ้ากันแม่หนูเจ้าก็คือผู้ที่ช่วยชีวิตของข้าเลยนะ แล้วข้าจะให้เจ้าเป็นทาสได้อย่างไร ข้าจำได้ว่าข้ามีคัมภีร์เล่มหนึ่ง ที่ใช้สำหรับเปิดเส้นลมปราณโดยเฉพาะ เพราะฉะนั้นข้าจะลองให้เจ้าฝึกฝนดูเพราะตอนนี้เจ้ายังเด็กในการฝึกฝนน่าจะง่ายอยู่ เพราะมันเป็นการเปิดเส้นลมปราณที่ออกมาจากรากฐานของการฝึกวรยุทธเลย ซึ่งเด็กวัยห้าหนาวกำลังที่จะมีเส้นลมปราณนี้ข้าคิดว่าเจ้าโชคดีที่ได้พบกับข้า หากเจ้าศึกษาคัมภีร์นี้แล้ว เจ้าอาจจะทะยานสูงสุดยิ่งกว่าผู้ที่มีปราณฝึกวรยุทธในธาตุต่างๆก็ได้ แต่มีข้อแม้อยู่นิดหน่อยนะ มันเป็นการฝึกที่เจ็บปวดมากเลยทีเดียว สำหรับเด็กวัยห้าหนาวมันจะเป็นการง่ายในการก้าวหน้า แต่มันจะเป็นการยากสำหรับความอดทน ข้าชรามากแล้วไม่ได้หลอกลวงเจ้า ลองไตร่ตรองดูหากเจ้าคิดว่าเจ้าอดทนได้ก็ลองดูก่อนก็ได้"

ชายชรากล่าว

"ท่านตาจะให้ข้าเป็นลูกศิษย์หรือจ๊ะ คนแบบข้าสามารถฝึกวรยุทได้จริงๆหรือจ๊ะ"

หลินซือหยาถามขึ้นอย่างดีใจ นางตัดใจเรื่องที่มีวรยุทธตั้งแต่ที่นางออกมาจากหมู่บ้านนั้นแล้วเพราะทุกคนตราหน้าว่านางเป็นคนไร้ค่า ไม่สามารถฝึกวรยุทธดังคนอื่นได้ นางจึงคิดว่านางไม่สามารถฝึกได้แล้วจริงๆและจะเดินทางของตัวเองใหม่ แต่ท่านผู้เฒ่าผู้นี้มาพูดให้ความหวังนางแบบนี้อีก ถึงแม้มันจะเป็นความเจ็บปวดอย่างไรก็ตามนางก็จะลองดู

"555 ข้าบอกเสียเมื่อไหร่ว่าจะรับเจ้าเป็นลูกศิษย์ ข้าเองไม่ใช่อาจารย์ที่มีชื่อเสียงเสียหน่อยข้าเพียงแค่บอกเจ้าว่ามีตำราหนึ่งตำราที่อาจจะทำให้เจ้าเปิดเส้นลมปราณได้เพียงเท่านั้น อันที่จริงข้าเองก็ยังไม่แน่ใจถึง 100% แต่อย่างน้อยหากเจ้าได้ศึกษาคัมภีร์นี้ หากไม่สามารถเปิดเส้นลมปราณให้ฝึกวรยุทธได้เจ้าก็จะมีทักษะในการต่อสู้พอสมควร"

ชายชราผู้ขึ้น

"เอาจ๊ะท่านตาถึงแม้ว่ามันจะเจ็บปวดข้าก็จะยินยอมถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ผล เพียงรู้ทักษะการต่อสู้ก็ยังดีจ๊ะท่านตา"

หลินซือหยากล่าวขึ้นอย่างแนวแน่ ชายชรามองเด็กน้อยแล้วยิ้มออกมา เด็กผู้นี้มีความน่าสงสารอยู่ในตัวทคนทุกคนย่อมอยากที่จะมีวรยุทธเพราะยุทธภพแห่งนี้ผู้ไม่มีวรยุทธ์ถือว่าเป็นผู้ไร้ค่าจริงๆ แต่เขานั้นได้มีคัมภีร์ดีอยู่ในมือเพียงเท่านั้น ที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้เขามองหน้านาง เอาเข้าจริงๆเขาเองก็ไม่แน่ใจ 100% เพราะผู้ที่ให้ตำราเล่มนี้มากล่าวไว้เพียงอาจจะเปิดเส้นลมปราณที่เคยติดตายได้เท่านั้น เมื่อทั้งสองตกลงที่จะเดินทางไปร่วมกัน ชายชราไม่รีรอยื่นมือขวาของตัวเองออกมา ไม่นานมีสิ่งที่ลอยอยู่เหนือฟ้าที่มีขนาดเล็กสีเขียวพุ่งมาที่พวกเขาทั้งสองไม่นานก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนรูปร่างชัดเจนว่าเป็นใบไม้ยักษ์ หลินซือหยามองดูด้วยความทึ่งนางอ้าปากข้างกับสิ่งที่ได้เห็น เด็กน้อยวัยห้าหนาวยังไม่เคยผ่านโลกมาสิ่งแบบนี้นางไม่เคยเห็นแน่นอน

"ป่ะขึ้นไปบนนั้นกัน รอให้เจ้าเดินไปก็คงจะแก่ตายพอดี"

ชายชรากล่าวขึ้น

"ท่านตาปกติเขาใช้สิ่งนี้เป็นพาหนะหรือจร๊ะ ข้าพึ่งเคยเห็นครั้งแรก"

หลินซือหยากล่าวด้วยความด้วยความตื่นเต้น

"ปกติผู้ที่ฝึกยุทธ์จะต้องฝึกเหาะไปในตัว แต่เจ้าไม่สามารถที่จะทำมันได้ข้าก็เลยใช้สิ่งนี้แทน หากจะให้ข้าแบกเจ้าเหาะไป ข้าก็คงจะปวดหลังก่อนน่าดู วิธีนี้แหละดีแล้วไปขึ้นมาเถอะไม่ต้องมาถามอะไรมากมาย"

ชายชรากล่าวขึ้นและก้าวขาขึ้นเป็นตัวอย่างให้หลินซือหยา นางจึงก้าวขาขึ้นไปและนั่งข้างหลังชายชรา และใบไม้นั้นก็พุ่งขึ้นไปบนอากาศ

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ขัดเกาจิตใจ

    เด็กน้อยหลินซือหยาเมื่อเห็นชายชรานั้นยิ้มตอบ ตนก็รู้แล้วว่าตนตอบคำถามได้ถูกต้องตามที่ชายชราปรารถนา เด็กน้อยคุกเข่าลงและคำนับท่านผู้เฒ่าสามครั้ง "ข้าขอกราบท่านตาเป็นอาจารย์นะเจ้าคะ เพราะในตำราบอกว่าถ้ามีอาจารย์จะทำให้ข้าเข้าใจในบทความทุกบทความได้เร็วขึ้น"เด็กน้อยหลินซือหยากล่าวขึ้น เจ็ดวันที่ผ่านมาเขาไม่ใช่แค่จดบทกวีและดูความหมายของมันเท่านั้น เขายังมองไปดูหน้าอื่นๆเผื่อหน้าอื่นๆจะซ่อนความหมายของบทกวีนี้ และหนังสือหน้าอื่นๆก็แสดงให้เรารู้เพียงว่าหากเป็นศิษย์มีครูย่อมประสบผลสำเร็จได้เร็วขึ้น เด็กน้อยผู้นี้ก็นับถือชายชราผู้นี้อยู่แล้ว ยกให้เขาเป็นครูได้เลย"เจ้าเด็กผู้นี้รู้จักพูดดีนัก ได้ข้าจะรับเจ้าไว้เป็นศิษย์เพียงผู้เดียว555 มาข้าจะตีความหมายแต่ละตอนให้ฟัง วันนี้คำตอบของเจ้านั้นโดนใจและตรงใจและตรงประเด็นมาก"บทแรก ลมพัดหวนผ่านฟ้าเวิ้งว้าง ดวงจันทร์ส่องกลางธารามืดมิดมักก็คือบรรยากาศแห่งความเวิ้งว้างว่างเปล่า สะท้อนถึงโลกที่เต็มไปด้วยความมืด ความทุกข์ หรือความไม่แน่นอน แต่ยังมีแสงจันทร์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง ความจริง และความสว่าง ที่คอยนำทางบทที่สองเงาดาบหนึ่งฟาดสะท้านส

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   บทกวี

    หลังจากกินข้าวเสร็จชายชราก็พาเด็กน้อยลงไปด้านล่างเพื่อที่จะไปหาหนังสือตำหรับตำราเขาหยิบหนังสือออกมา แล้วไสคืนที่ ชายชราเดินหยิบไปเรื่อยๆจนในที่สุดก็ได้ตำรามาสองเล่มและสมุดเปล่าอีกหนึ่งเล่ม ก่อนที่จะเดินหาผู้กันและหมึก"ได้ของครบแล้วป่ะขึ้นไปเรียนด้านบนกันเถอะ"ชายชรากล่าวขึ้นและพาเด็กน้อยขึ้นไปด้านบน เขาโบกมือหนึ่งครั้งทำให้โต๊ะที่ตั้งอยู่ตรงกลางนั้นไหลมาอยู่ตรงริมจุดที่เด็กน้อยปีนขึ้นมา ชายชราไม่ได้ปีนขึ้นมาดั่งที่ตัวเองพูด เผลอแป๊บเดียวเขาก็ขึ้นมาข้างบนได้แล้ว เด็กน้อยหลินซือหยาได้แต่คิดในใจอีกสักกี่ปีนะ นางถึงจะสามารถเหาะขึ้นมาข้างบนได้แบบนี้"มานั่งเถอะ ข้าต้องสอนหนังสือให้เจ้าก่อนให้เจ้าก่อน เจ้าจะได้รู้ตัวหนังสือแล้วเจ้าจะได้ศึกษาตำราด้วยตัวเอง"ชายชรากล่าวขึ้น"แบบนั้นท่านตาให้ข้าเขียนให้ดูก็ได้นะเจ้าคะเพราะว่านั้นก็ได้ร่ำเรียนมาด้วยตัวเองบ้าง ข้าเคยเอาตำราของพี่ชายของข้ามาฝึกฝน การเขียนอักษรบ้างแล้ว การเริ่มเขียนนั้นน่าจะไม่ค่อยจำเป็นสักเท่าไหร่ แต่ข้าอาจจะเขียนคำยากๆไม่ได้ และไม่รู้ความหมายของมันเท่านั้นเจ้าค่ะ"เด็กน้อยกล่าวขึ้น ชายชราจึงนำสมุดเปล่าและก็นำหมึกมาวางให้นางลองเ

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ชั้นบนของกระต๊อบ

    เช้าวันรุ่งขึ้นเด็กน้อยตื่นมาด้วยความหอมกลิ่นกรุ่น เหมือนจะเป็นไก่ย่างที่ลอยเข้ามาปลุกนางในยามเช้า จากนั้นนางก็อ้าปากหาวหนึ่งครั้งแล้วมองไปทุกที่ก็ไม่เห็นว่าจะมีที่ทำอาหารที่ไหนเลย เด็กน้อยเปิดประตูออกไป ท่ามกลางม่านหมอกบาง ๆ แสงอาทิตย์แรกของวันลอดผ่านกิ่งไม้ใหญ่ ส่องกระทบกระต๊อบเล็กหลังนี้ ที่ตั้งอยู่กลางสวนเขียวชอุ่ม กระต๊อบไม้เรียบง่ายมุงหลังคาฟางดูอบอุ่นดั่งอ้อมกอดของธรรมชาติหน้ากระต๊อบเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ ทั้งกุหลาบสีแดงสด ดอกเดซี่สีขาวสะอาด ดอกลาเวนเดอร์หอมหวานที่ส่งกลิ่นอบอวลไปทั่ว และดอกไม้ป่าหลากสีที่ชูช่อรับแสงตะวัน เกสรเล็ก ๆ พลิ้วตามลมบางเบา กลิ่นหอมอ่อนหวานลอยเคล้าไปกับเสียงนกร้อง เสมือนบทเพลงที่ต้อนรับวันใหม่ เด็หน้อยสูดหายใจเย็นเข้าไป หยดน้ำค้างที่เกาะบนกลีบดอกส่องประกายระยิบระยับราวอัญมณีเล็ก ๆ แสงอาทิตย์อุ่นละมุนตกกระทบผนังไม้ของกระต๊อบ ทำให้ทุกสิ่งรอบตัวดูอ่อนโยนและมีชีวิตชีวา บรรยากาศเต็มไปด้วยความสงบและความสดใสของรุ่งอรุณ เด็กน้อยยืนชมความงามได้สักพักก็จำได้ว่าตัวเองนั้นตามกลิ่นของไก่ย่างออกไปพอมองไปรอบๆก็ไม่เห็นมีไก่ย่างเลย"เด็กน้อยเจ้าตื่นแล้วจะฝึกเลยหรือ

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   กระต๊อบไม้หลังเล็ก

    พวกเขาทั้สองเดินไปเรื่อยๆ เสียงก้าวเดินแผ่วเบาดังก้องไปพร้อมกับเสียงใบไม้ไหว เสียงน้ำหยดจากกิ่งไม้สูงตกลงใส่พื้นอย่างแผ่วพร่า บางคราวมีเสียงนกประหลาดร้องยาวคล้ายท่วงทำนองสวดสรรเสริญ ก้องสะท้อนในหุบเขา ละม้ายเสียงเพลงจากโลกอื่น ทำให้ผู้เดินทางต้องหยุดฟังราวกับถูกสะกด เสียงนั้นพาให้ใจว่างเปล่า ลอยคว้างอยู่ในภวังค์ เด็กน้อยซือหยาหยุดเดินเป็นช่วงๆคอยฟังเสียงต่างๆ "เจ้าเหมือนจะสนใจสิ่งรอบข้างมากมายนะ รอให้เจ้าฝึกฝนให้ได้เสียก่อน ข้าจะปล่อยให้เจ้าเดินผจญภัยในป่าแห่งนี้ บอกเลยว่าสนุกเลยทีเดียว ป่าแห่งนี้มีทั้งสมุนไพรมากมาย แถมมีของหายากอีกเยอะแยะ แล้วยังมีสัตว์วิเศษที่รอให้เจ้าเป็นเจ้าของอยู่ แต่มันต้องรอให้ถึงเวลาของมันเสียก่อน"ชายชรากล่าวขึ้น เพราะเห็นเด็กผู้นี้เดินไปด้วยหยุดไปด้วยและบางครั้งก็เหมือนกับนางอินกับเสียงนกร้องเสียงกา"จริงเหรอจ๊ะท่านตาข้าจะได้มาเที่ยวในป่านี้อีกครั้งด้วยหรือ แต่เราสองคนจะเดินนานแค่ไหนล่ะถึงจะถึงที่ที่ท่านตาอยู่"เด็กหลินซือหยากล่าวขึ้น"ก็เดินทั้งวันแหละวันนี้พอตกค่ำปุ๊บก็ถึงที่พักของข้าทันทีเจ้านิใจร้อนไปได้ ทีเดินป่ามาตั้ง เจ็ดแปดวันยังไม่เห็นจะรีบร้อนเลย"

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ใบไม้ยักษ์

    ขนาดพวกเขาใช้ใบไม้ยักษ์ในการเดินทางยังใช้เวลาไปตั้งนาน แรกๆหลินซือหยายังมองไปข้างล่างอย่างสนใจ เด็กน้อยตื่นเต้นมากต้นไม้ใบสีเขียวแก่เขียวอ่อนสลับกันไป บางต้นก็มีดอกมีผลด้วย นางมองด้วยความเสียดายถ้าใบไม้นี้บินต่ำกว่านี้ก็คงจะเก็บผลไม้มาไว้กินได้ ผลไม้แล้วผลไม้เล่าผ่านใต้ท้องพวกเขาไปอย่างนาเสียดาย หลินซือหยาชะเง้อไปมองผลไม้ที่ผ่านไป"ผลไม้ในป่านี้ตอนนี้มันลูกเล็กอยู่ถ้าหากอยู่ใกล้ๆบนเขานู้นจะลูกใหญ่กว่านี้ หรือว่าเจ้าหิวแล้วหรือถึงมองผลไม้ขนาดนั้น"ชายชรากล่าวถาม"ผลไม้มีลูกใหญ่กว่านี้อีกหรือจ๊ะท่านตา ไหนท่านบอกว่าท่านเป็นนักยุทธพเนจรแล้วทำไมรู้จักสถานที่นี้ดีจังเลยนะท่านตา"เด็กน้อยถามด้วยความสงสัย"เจ้าไม่รู้หรอกหรือที่ที่อยูห่างไกลผู้คนนั่นแหละที่จะมีอะไรดีๆเด็ดๆ และที่ข้าบอกว่านักยุทธพเนจรก็ไม่ได้บอกว่าไม่ได้รู้เรื่องอะไรมากมายนี่เจ้ายังเด็กมากนัก สถานที่นี้ก็ได้มาบำเพ็ญแล้วไม่ต่ำกว่าห้าครั้งทุกๆสี่ห้าปีข้าก็จะมาหนึ่งครั้ง เพราะข้างบนนั้นมันมีไอวิเศษที่เข้มข้นเหมาะกับการฝึกยุท"ชายชรากล่าวขึ้น "จริงหรือจ๊ะท่านตา แล้วท่านว่าบิดาของข้าจะรู้หรือไม่ว่าข้างบนนี้มีไอวิเศษเข้มข้น"เด็กหลิ

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   นักยุทพเนจร

    เมื่อชายชราผู้นี้ลืมตาตื่นขึ้นมา ก็เห็นเด็กสาวผู้นี้นอนอยู่ ตอนนี้พลังของเขากลับมาเหมือนเดิมแล้ว พิษที่ได้รับก็หายไปหมดแล้ว สมุนไพรในป่านี้ช่างวิเศษเสียเหลือเกิน ตั้งนานเด็กน้อยผู้นั้นก็ลืมตาตื่นขึ้นมา เขามองชายชรานั่งอยู่ใกล้ๆแล้วก็รู้สึกอับอายที่ตัวเองนั้นเผลอหลับไป"เด็กน้อยเจ้ามีความเป็นมาอย่างไรทำไมถึงมาอยู่ในป่าลึกคนเดียวแบบนี้"ชายชราถามขึ้น หลินซือหยาไม่รู้ว่าจะพูดออกมาได้ไหม หากว่าพูดว่าตัวเองถูกไล่จากหมู่บ้านเพราะว่าไม่มีเส้นลมปราณฝึกวรยุทธก็กลัวว่าชายชราผู้นี้จะรังเกียจตน แต่คิดไปคิดมาหากชายชราผู้นี้จะรังเกียจก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะทุกๆคนในหมู่บ้านก็รู้ว่านางไม่มีเส้นลมปราณฝึกวรยุทธ อาจจะมีคนรู้เพิ่มอีกสักคนคงไม่เป็นไรกะมัง"ท่านตาเจ้าค่ะข้ามันคนไร้ค่า ข้าถูกไล่ออกจากหมู่บ้านเพราะว่าข้าไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแท่งตรวจเส้นลมปราณให้มีสีได้ คนในหมู่บ้านบอกว่าข้าเป็นคนไร้ค่าและไม่อยากให้ข้าอยู่ในหมู่บ้านนั้นเจ้าค่ะ ข้าจึงต้องมาอยู่ในป่าแห่งนี้ และทิศทางที่ข้าจะไปนั้นก็คือภูเขาเจ้าคะข้าต้องขึ้นไปอยู่บนภูเขานั้น"เด็กน้อยหลินซือหยากล่าวขึ้น"โธ่เด็กน้อยแล้วเจ้ามีนามว่าอะไรหรือ แล้ว

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status