Share

ใบไม้ยักษ์

Author: Sanassetong
last update Last Updated: 2025-09-28 21:49:59

ขนาดพวกเขาใช้ใบไม้ยักษ์ในการเดินทางยังใช้เวลาไปตั้งนาน แรกๆหลินซือหยายังมองไปข้างล่างอย่างสนใจ เด็กน้อยตื่นเต้นมากต้นไม้ใบสีเขียวแก่เขียวอ่อนสลับกันไป บางต้นก็มีดอกมีผลด้วย นางมองด้วยความเสียดายถ้าใบไม้นี้บินต่ำกว่านี้ก็คงจะเก็บผลไม้มาไว้กินได้ ผลไม้แล้วผลไม้เล่าผ่านใต้ท้องพวกเขาไปอย่างนาเสียดาย หลินซือหยาชะเง้อไปมองผลไม้ที่ผ่านไป

"ผลไม้ในป่านี้ตอนนี้มันลูกเล็กอยู่ถ้าหากอยู่ใกล้ๆบนเขานู้นจะลูกใหญ่กว่านี้ หรือว่าเจ้าหิวแล้วหรือถึงมองผลไม้ขนาดนั้น"

ชายชรากล่าวถาม

"ผลไม้มีลูกใหญ่กว่านี้อีกหรือจ๊ะท่านตา ไหนท่านบอกว่าท่านเป็นนักยุทธพเนจรแล้วทำไมรู้จักสถานที่นี้ดีจังเลยนะท่านตา"

เด็กน้อยถามด้วยความสงสัย

"เจ้าไม่รู้หรอกหรือที่ที่อยูห่างไกลผู้คนนั่นแหละที่จะมีอะไรดีๆเด็ดๆ และที่ข้าบอกว่านักยุทธพเนจรก็ไม่ได้บอกว่าไม่ได้รู้เรื่องอะไรมากมายนี่เจ้ายังเด็กมากนัก สถานที่นี้ก็ได้มาบำเพ็ญแล้วไม่ต่ำกว่าห้าครั้งทุกๆสี่ห้าปีข้าก็จะมาหนึ่งครั้ง เพราะข้างบนนั้นมันมีไอวิเศษที่เข้มข้นเหมาะกับการฝึกยุท"

ชายชรากล่าวขึ้น

"จริงหรือจ๊ะท่านตา แล้วท่านว่าบิดาของข้าจะรู้หรือไม่ว่าข้างบนนี้มีไอวิเศษเข้มข้น"

เด็กหลินซือหยาถามขึ้น

"เจ้าคงจะคิดถึงพ่อเจ้าสินะข้าเองก็ไม่รู้หรอกว่าพ่อเจ้าจะรู้หรือไม่ว่าสถานที่บนนั้นมีไอวิเศษเข้มข้นข้าไม่สามารถเดาได้หรอก"

ชายชรากล่าวขึ้น พลางมองคนที่อยู่ข้างหลังที่ตอนนี้กำลังทำหน้าลอยๆเหมือนกำลังคิดหนัก เมื่อใบไม้นั้นบินลอยไปเรื่อยๆลมเย็นๆที่พัดโดนใบหน้าของเด็กหลินซือหยานั้นก็ทำให้นางรู้สึกปลดปล่อยและในที่สุดนางก็เผลอหลับไปเมื่อเวลากลางคืนผ่านเข้ามานางก็ตื่นเนื่องจากว่าลมที่ปะทะกับร่างกายของนางนั้นมันหนาวเย็นมึงทำให้นานสะดุ้งตื่นและกระชับถุงผ้าที่นางกอดเอาไว้

"ตื่นแล้วหรือหิวหรือยังแต่ดูท่าทางเจ้าสิเหมือนเจ้าจะหนาว"

ชายชรากล่าวขึ้น พลางแบมือแล้วไปเอาที่ศีรษะของนางไม่นานนักความอบอุ่นจากมือของเขาก็แผ่ซ่านไปถึงหัวและลงไปเรื่อยๆจนถึงขา

"โห่ท่านตามันวิเศษจริงๆทำไมท่านตาทำได้หรือจ๊ะ ต่อไปข้าจะทำได้แบบท่านตาหรือไม่ หากข้าตั้งใจฝึกฝน"

เด็กหลินซือหยาถามขึ้น

"อันนี้มันก็ขึ้นอยู่กับความตั้งใจของเจ้าและความอดทนของเจ้าแล้วล่ะ ต่อไปเจ้าจะได้เรียนทุกอย่างที่ข้ามี"

ชายชรากล่าวขึ้น

"แล้วท่านตาบนยอดเขานั้นมันสูงมากเลยหรือเจ้าคะเราเหาะมาเป็นวันแล้วยังไม่ถึงเลย"

หลินซือหยาถามขึ้น

"พรุ่งนี้ตอนค่ำก็ถึงแล้วละ ใครใช้ให้เจ้าไม่เป็นวรยุทธเล่า ปกติข้าเหาะเพียงแค่คืนเดียวก็ถึงแล้ว อันนี้ต้องใช้ใบไม้วิเศษ มันจึงทำให้ช้าแต่ก็เร็วกว่าเจ้าเดินทางมาเองก็แล้วกัน ข้าคิดว่าหากเจ้าเดินมาเองเจ้าน่าจะอายุเกือบร้อยปีนั่นแหละกว่าจะถึง"

ชายชรากล่าวขึ้น

"โหท่านตามันไกลขนาดนั้นเชียวหรือมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นจะไกลอะไรนักหนา และอีกอย่างถ้าให้ข้าเดินนานขนาดนั้น ข้าก็คงจะป่วยตายอยู่ในป่านั้นแล้วล่ะ"

เด็กหลินซือหยาถามขึ้น

"เจ้าก็คิดดูสิเจ้าเดินทางเจ็ดแปดวันก็ยังอยู่บนตีนเขาอยู่เลย นี่มันยอดเขาเลยนะ แล้วตอนนี้เจ้าหิวหรือยังกินอะไรสักหน่อยไหม พรุ่งนี้ตอนเย็นก็ถึงแล้วหรือเจ้าจะพักผ่อนเลย"

ชายชราถามด้วยความใส่ใจ และหยิบ ลูกพีชป่า เกาลัดป่าและพุทราป่าเอามาให้นาง

"ท่านตาไปเก็บมาตอนไหนหรือจ๊ะหรือว่าท่านตามีอยู่ในมืออยู่แล้วแต่ไม่เอาออกมาแบ่งให้ข้ากินตั้งแต่แรก"

เด็กน้อยหลินซือหยาถามขึ้น

"ฮ่าๆๆเจ้านี้ก็เด็กขี้สงสัยไปหมดทุกอย่างเนาะ มันก็อยู่กลางทางนี้นั่นแหละ ข้าเพียงยื่นมือไปหยิบก็หยิบได้แล้วล่ะ สงสัยมากจริงรีบกินเถอะจะได้นอนพักผ่อน"

ชายชรากล่าวขึ้น และยัดผลไม้ใส่มือเด็กน้อย นางก็นั่งกินอย่างเอร็ดอร่อย และก็นอนพักผ่อนต่อจนชายชรามาปลุกเขา เด็กน้อยก็ค่อยๆลืมตา

"เราไม่สามารถใช้ใบไม้วิเศษนี้เข้าในพื้นที่ได้อีกแล้วเพราะว่าเจ้าไม่มีวรยุทธพวกเราต้องเดินเท้าแล้ว"

ชายชรากล่าวขึ้น ก่อนที่ใบไม้ยักษ์ค่อยเลื่อนลงสู่พื้นพอทั้งสองคนลงจากมันมันก็ทะยานพุ่งหายไป

"มันไปไหนแล้วละท่านตา"

เด็กน้อยหลินซือหยาถามขึ้น

"มันไปรอข้าอยู่ที่บนเขาโน้นแล้วละ ปกติข้าไม่ค่อยได้ใช้งานมันสักเท่าไหร่หรอก มันน่าจะชรามากแล้วจึงช้าขึ้น"

ชายชรากล่าวขึ้น เด็กหลินซือหยามองดูพื้นที่รอบๆ ยามเช้าในป่าแสงแรกแห่งรุ่งอรุณแทรกผ่านหมอกขาวขุ่นที่ลอยอ้อยอิ่งระหว่างเรือนยอดไม้ ราวกับม่านเวทมนตร์ปกคลุมโลกทั้งผืน ต้นไม้ใหญ่สูงเสียดฟ้า ป่าไม้บริเวณนี้ดูโบราณมาก ต้นไม้ลำต้นหยาบกร้านประดับด้วยเถาวัลย์เก่าแก่ที่พันเกี่ยวกันแน่นเหมือนอักษรลึกลับจากกาลเวลา ใบไม้ที่ยังคงชุ่มด้วยน้ำค้างสะท้อนประกายราวอัญมณีต้องมนตร์ เสียงนกป่าที่ไม่คุ้นหูดังแว่วมาแต่ไกล เด็กน้อยตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่ง มันคล้ายเป็นบทสวดปลุกเร้าเหล่าวิญญาณแห่งป่าให้ตื่นขึ้น ไม่นานใบไม้ยักษ์นั้นก็ร่อนลงสู่พื้น

ใต้ร่มเงาทึบ แสงอาทิตย์ถูกกรองจนเป็นลำสีทองอำพันที่ทอดลงมาบนผืนดินชื้น หญ้าและดอกไม้ป่ากระพริบแสงเรืองรองราวกับมีชีวิต สายลมแผ่วเบาพัดผ่าน ทิ้งเสียงกระซิบคล้ายถ้อยคำลี้ลับที่ฟังไม่ออกว่าเป็นเสียงธรรมชาติหรือเสียงของสิ่งมีชีวิตเหนือจินตนาการ ทุกสิ่งดูเงียบสงัดและสง่างามในคราวเดียวกัน เสมือนว่าต้นไม้เหล่านี้มิได้เป็นเพียงพืชพันธุ์ แต่คือผู้พิทักษ์ที่เฝ้ามองผู้กล้าที่ก้าวเข้าสู่ดินแดนแห่งนี้

"ดูเจ้าทำราวกับไม่เคยพบเห็นมาก่อน"

ชายชรากล่าวขึ้น

"ก็ข้าไม่เคยเห็นจริงๆนิจ๊ะ ต้นไม้อะไรใหญ่โตพิสดารขนาดนี้ ดูเถาวัลย์นั้นสิพันได้อารมณ์ลึกลับมาก เหมือนอักษรขอมโบราณยังไงงั้นนะ แล้วเสียงนั้นที่เราได้ยินล่ะทำตามันเป็นเสียงของอะไรหรือ ฟังแล้วหน้าขนลุกยิ่งนัก"

หลินซือหยาถามขึ้น

"มันเป็นเสียงนกเฟิ่งหวง ในป่าแถวๆนี้น่าจะเป็นรังของพวกมัน ส่วนมากเพราะพวกนี้จะมีวรยุทธขั้นที่แปดถึงขั้นที่เก้าเลยทีเดียว หากว่าใครจะล่ามันก็ต้องมีวรยุทธมากกว่าขั้นที่สิบ เพราะสัตว์วิเศษพวกนี้จะมีกำลังมากกว่านักพูดธรรมดาหนึ่งขั้น"

ชายชรากล่าวขึ้น

"แล้วเรามาอยู่ที่นี้จะไม่เป็นการรบกวนพวกมันหรือจ๊ะท่านตา"

เด็กน้องหลินซือหยาถามขึ้น

"ไม่หรอกเราไม่ได้อยู่ที่นี่ซะหน่อยเราก็ต้องออกเดินทาง ป่ะไปกันเถอะเจ้าหิวแล้วหรือยัง อีกสักหน่อยค่อยกินก็แล้วกัน"

ชายชรากล่าวขึ้นและทั้งสองก็เดินต่อไป

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ผจญป่าฝึกใจ

    แสงอรุณแรกสาดลอดหมู่ไม้ ทาบเงาทาบพื้นดินเป็นริ้วทองอ่อนเสียงลมพัดผ่านยอดไม้ดัง “ซู่ซู่” คล้ายเสียงกระซิบจากวิญญาณโบราณในหุบเขาหนทางเบื้องหน้าเต็มไปด้วยหมอกขาวบาง ลึกลับราวม่านแห่งสวรรค์ที่กั้นระหว่างคนกับพลังลมปราณ หลินซื้อหยาย่างเท้าเข้าขึ้นอีกครั้งหลังจากพักผ่อนไปได้เล็กน้อย มือกำดาบไม้แน่น ในหัวใจไม่มีสิ่งใด นอกจากคำอาจารย์ที่ว่า“หากเจ้ามิอาจฝึกจิตให้สงบในหมู่ความวิเวก เจ้าก็ไม่มีวันก้าวข้ามขอบเขตวรยุทธได้”ทุกย่างก้าว นางต้องเผชิญทั้งความเงียบ ความหิว และความกลัวบางคืน เสียงสัตว์คำรามดังก้องในหุบเขาบางยาม ลมเย็นพัดผ่านจนเหมือนมีเงาผู้คนเดินตามอยู่ข้างหลัง แต่เมื่อหลับตาและปล่อยใจเข้าสู่สมาธิ นางกลับสัมผัสได้ถึงจังหวะของลมหายใจที่ผสานกับเสียงป่า ใบไม้ไหว คือการเต้นของพลังชีวิตสายน้ำที่ไหล คือการหมุนเวียนแห่งลมปราณและในที่สุด นางก็เข้าใจว่า “วรยุทธ มิได้อยู่ในคัมภีร์ แต่อยู่ในหัวใจผู้ไม่ยอมแพ้”ในป่า จากเด็กสาวที่กลัวเสียงสัตว์กลายเป็นนักยุทธที่ยืนหยัดได้กลางพายุฝนมือขวาจับดาบนิ่งสงบ ดวงตาแน่วแน่พลังภายในพลุ่งพล่านเหมือนสายน้ำที่ไหลกลับสู่ต้นธาร ราตรีนั้น ฟ้าปิดเงียบไร้ดา

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ก้าวแรกสู่ความกล้า

    เช้าวันต่อมาสองคนอาจารย์กับลูกศิษย์เมื่อกินข้าวกันเสร็จ ก็เตรียมตัวที่จะออกไปเดินป่าปกติเด็กน้อยจะไม่ค่อยได้ออกไปเดินป่าสักเท่าไหร่เพราะว่าในป่านั้นมันอันตรายชายชราจึงไม่อยากให้นางได้ไป แต่วันนี้นางมีวรยุทธถึงขั้นหนึ่งแล้ว นางจึงจำเป็นที่จะต้องหาประสบการณ์บ้าง ชายชราเพียงส่งเด็กน้อยไว้ในป่าที่เขาสามารถควบคุมได้และกลับไปยังเรือนของตัวเอง ยามที่เด็กน้อยผู้นี้ประสบภัยในป่านี้เขาก็จะได้รับรู้เป็นผู้แรกและจะมาช่วยนางได้ทันแน่นอน เมื่อนางเดินเพียงลำพังนางก็ขวัญคิดเมื่อนั้นทุกข์ได้ออกจากบ้านครั้งแรกตอนนั้นนางรู้สึกกลัวได้แต่เดินอยู่ในป่าแต่ณเวลานี้นางรู้สึกว่านางไม่ใช่เด็กคนนั้นอีกแล้วเพราะท่านอาจารย์บอกว่านางต้องหาประสบการณ์ในป่าต้องสู้กับสิ่งต่างๆไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร อาจารย์จะมารับในอีกสามวัน นางจะได้เผชิญโลกกว้างด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกนางรู้สึกตื่นเต้นมากๆ นางไม่รู้เลยว่าอยู่เฉยๆตัวเองจะมีวรยุทธ์ลำดับหนึ่งขึ้นมาได้อย่างไร แต่เอาเข้าจริงๆนางก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ เพราะในความที่นางฝันนั้นมันเหมือนจริงมากๆ นางทรมานมากๆแล้วเป็นเวลานานเสียด้วย แต่ถ้าหากให้นางฝึกยุทแล้วทรมานขนาดนี้ แล้วมีวรยุทธ์เพียง

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ปักปิ่น

    ชายชราลงเขาเพื่อไปหาเครื่องประดับสำหรับสตรีสำหรับเขาแล้วไม่เคยชินสำหรับการสรรค์หาสักเท่าไหร่ หมู่บ้านเล็กๆที่มีของขายมากมายส่วนมากจะเป็นผู้ที่มีวรยุทธ์ไปจับจ่ายซื้อของที่ได้มาจากเขา นายพรานชอบล่าสัตว์ป่าบางประเภทที่หายากมาขาย แร่ธาตุต่างๆที่เหมาะสมสำหรับฝึกวรยุทธ์ รวมไปถึงส่วนใดส่วนหนึ่งของสัตว์ เช่นงาสัตว์และเขาสัตว์ที่หายากอีกต่างหาก เขาเดินเที่ยวหาเครื่องประดับสตรีอยู่ตั้งนาน"อ้า ไป๋อีเฟิงเจ้าทำอะไรของเจ้าน่ะหาอะไรอยู่หรือเปล่า แต่ที่เจ้าหานั้นเป็นของสตรีนี่เจ้าจะหาไปให้ผู้ใดกันหรือ"เสียงชายชราผู้หนึ่งดังขึ้น มาแต่ไกลชายชราผู้นี้จึงมองไปที่เขา"อ่า เจ้าหม่าเหิง เป็นยังไงล่ะวันนี้ถึงมาเดินตลาดได้นะ"ชายชรากล่าวขึ้นเมื่อเห็นสหายเก่าเดินมาแต่ไกล"เขาว่าช่วงนี้มีหางยูนิคอร์นขายข้าเลยมาเดินดูเสียหน่อยเผื่อจะได้สักเส้น ว่าจะเอาไปต่อกระดูกเจ้าล่ะมาหาอะไรเห็นด้อมๆมองๆกับของพวกสตรีเหล่านี้ "ชายชราอีกคนถามขึ้น"ช่วงนี้ลูกศิษย์ของข้าจะมีอายุครบสิบห้าหนาวแล้ว ข้าจึงต้องทำพิธีปักปิ่นให้นางน่ะ ข้าจึงมาหาปิ่น เพราะเจ้าก็รู้ว่าข้าไม่มีปิ่น"ชายชรากล่าวขึ้น"เฮ้ เจ้ามีลูกศิษย์ตั้งแต่เมื่อไหร่ก่อ

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ตื่นแล้ว

    ภาพนี้หยุดนิ่งอยู่เนินนานเลือดที่ออกจากทวารทั้งเจ็ดนั้นไม่ได้แห้งเหือดไปเหมือนไหลอยู่ตลอดเวลา ชายชราไม่ดื่มไม่กินยืนเฝ้าเด็กสาวผู้นี้และคอยฟังเสียงลมหายใจที่แผ่วเบาตลอด พอถึงเช้าวันที่แปดเหมือนสีหน้าของเด็กสาวผู้นั้นจะดีขึ้นและเลือดเริ่มหยุดไหลแล้ว ลมหายใจของนางเร็วและถี่ขึ้นเหงื่อนั้นท่วมใบหน้า บางครั้งมีเส้นเลือดปูดวิ่งไปวิ่งมาตามตัว ชายชรามองด้วยความเห็นใจเด็กคนนี้กำลังจะต่อสู้กับดวงดาวที่ตนเลือกแล้ว ทางด้านเด็กน้อยกำลังลังเลว่าจะเลือกดาวดวงใดแต่อยู่ๆเหมือนสติก็ดับวูบลงไปพอได้สติอีกครั้งเหมือนแขนขาของเขาถูกตึงไว้ผิวหนังของนางร้อนระอุราวกับถูกไฟลวก อุณหภูมิร่างกายสูงเกินกว่าปกติ เลือดในกายขับเคลื่อนรวดเร็วราวน้ำเดือด ดวงตาร้อนฉานเหมือนเปลวเพลิงเผา ลมปราณถูกเร่งเร้าเกินขีดจำกัด คล้ายเชื้อไฟที่ถูกเติมไม่หยุด ทำให้เส้นลมปราณบางส่วนเหมือนจะถูฉีกแตกได้ หัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะทะลุออกจากอก เสียงเลือดสูบฉีดดังสะท้อนในโสตประสาท รู้สึกเหมือนร่างกายถูกเผาจากด้านใน เลือดค่อย ๆ แห้งเหือด เป็นความทุกข์ที่ทรมานยิ่งนัก เหมือนว่ามันจะไม่รู้จักจบสิ้น เด็กน้อยพยายามฝืนทนกับความรู้สึกนี้ มันเหมือนจะก

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   เลือกดวงดาว

    เหมือนว่าแรกๆนางจะไปได้ไวมากแต่เหมือนตอนนี้ว่านางเริ่มจะชะงักแล้วชายชราจึงมองออกถึงปัญหาของนางว่าตอนนี้นางยังไม่สามารถที่จะสัมผัสกับดวงดาวได้ ตอนนี้นางแค่สัมผัสกับใจของตัวเองเพื่อไม่ให้จินตนาการไปให้เกิดความกลัวตอนนี้ใจนางบริสุทธิ์ก็จริง แต่ยังไม่สามารถรับพลังของดวงดาวได้ อาจจะเป็นเพราะว่านางกังวลเรื่องที่จะเลือกดวงดาวก็มีส่วน"คืนนี้ในการนั่งสมาธิเจ้าเงยหน้าไปมองดูดวงดาวนับร้อยนับพันพวกนั้นให้เจ้าจดจำสิ่งที่มันกระพริบให้ดีราวๆครึ่งคืนให้เจ้าหลับตาลงสู่สมาธิเจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะเลือกดาวผิดหรือถูกตอนนี้เจ้าเป็นกังวลอยู่จึงทำให้ตัวเจ้าเองนั้นไม่มีความก้าวหน้า เจ้าจงคิดเสียว่าชีวิตเจ้ามาถึงขนาดนี้ได้มันดีแค่ไหนแล้ว การเลือกดวงดาวนั้นมันก็เป็นจังหวะของชีวิต มันจะมีดาวดวงหนึ่งที่สีสวยที่เจ้ามองแล้วก็ชอบนั่นแหละมันคือจังหวะชีวิตของเจ้าหากเจ้าเลือกมันมาแล้วมันเป็นดาวมรณะเจ้าก็ต้องทำใจว่าเจ้าต้องยอมตรงนี้ก่อน หากเจ้าไม่คิดที่จะเปลี่ยนเจ้ายังคิดกลัว เจ้าเองก็ไม่มีวันที่จะก้าวหน้า"ชายชรากล่าวกับเด็กน้อยวัยเจ็ดหนาว เด็กน้อยทำหน้าตาราวกับฟ้าจะถล่ม มันเป็นความรู้สึกกลัวจริงๆ จิตใจของนางก็กล

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   จิตนาการ

    "ท่านอาจารย์เจ้าคะแล้วคัมภีร์ที่ท่านอาจารย์ให้ข้าศึกษานั้นมันมีทั้งหมดกี่เล่มหรือเจ้าคะ แล้วข้าต้องไปหาจากที่ใด"เด็กน้อยถามขึ้นด้วยความสงสัย"มันจะมีกี่เล่มหรือไปหาที่ใดนั้นท่านอาจารย์ไม่สามารถรับรู้ได้ หากเจ้ามีบุญวาสนาเกี่ยวกับมันเจ้าก่อจะได้สัมผัสกับมันเอง บางครั้งอาจจะเป็นคัมภีร์เล่มๆแบบนี้หรือเจ้าอาจจะสัมผัสด้วยตัวของเจ้าเอง แล้วเจ้าก็จะได้เห็นวิชามันมาในรูปแบบต่างๆเอง อาเป็นว่าตอนนี้เราเริ่มบทเรียนบทแรกเพื่อที่จะให้เจ้าได้เปิดเส้นลมปราณฝึกวรยุทธ์เสียก่อนเถอะ"ชายชรากล่าวขึ้น"จะฝึกได้อย่างไรหรือเจ้าคะในเมื่อเขาให้ฝึกตอนกลางคืน ให้ไปนั่งสมาธิรับแสงดวงดาวเพื่อที่จะให้แสงแห่งพลังข้ามาในร่างกายให้มันมากๆ"เด็กน้อยกล่าวขึ้น"ใช่แล้วแหละเขาให้เจ้ามานั่งสมาธิเพื่อที่จะรับแสงจากดวงดาวแต่ตอนกลางวันนั้นเจ้าก็ยังต้องฝึกร่างกายเหมือนเดิมนั่นก็คือยืนขาข้างเดียวให้มั่นคงเสียก่อนไปเถอะ"ชายชรากล่าวขึ้น เด็กน้อยก็ทำตาม ณ เวลานี้นางเริ่มที่จะยืนขาเดียวได้แบบไม่เซแล้วเล็กน้อยแต่ใช้เวลาไม่นานนางก็ต้องเปลี่ยนใช้ขาอีกข้างนึงสลับกันไปในหนึ่งวัน นางก็รู้สึกเหนื่อยล้าแล้ว แต่นี้ท่านอาจารย์ยังจะให้นั่ง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status