Share

ตรางูขาวพันธนาการแห่งชะตา
ตรางูขาวพันธนาการแห่งชะตา
Author: Sanassetong

ดินแดนแห่งยุทธภพ

Author: Sanassetong
last update Last Updated: 2025-10-06 15:53:37

ใต้หล้าแห่งนี้ มิได้มีราชา มิได้มีสวรรค์ชี้นำ มีเพียง พลังแห่งวรยุทธ เท่านั้นที่ชี้ขาดชะตาชีวิตผู้คน ดินแดนยุทธภพ แผ่นดินกว้างใหญ่ที่แสงอาทิตย์มิอาจส่องทั่วถึง ปกคลุมด้วยหมอกควันแห่งสงครามและเลือดสังเวยแห่งความทะเยอทะยาน ที่นี่… ความถูกผิดถูกกลืนหายไปตั้งแต่ยุคบรรพกาล เหลือเพียง “กำลัง” และ “เจตจำนงแห่งคมดาบ” เท่านั้นที่ยังคงอยู่

เหนือยอดเขา มีสำนักใหญ่ครอบครองฟ้าเบื้องบน กลางแผ่นดิน มีเจ้าพรรคผู้ปกครองดินแดนด้วยกำลังมือ ใต้เงาหุบเหว มีเหล่ามารผู้ซ่อนเร้น รอวันกลืนกินแสงสว่าง ทุกชีวิตที่ถือกำเนิดในโลกนี้ ล้วนถูกกำหนดด้วยพลังในลมปราณและเส้นทางที่ตนเลือก คำว่า “ยุทธภพ” จึงมิใช่เพียงชื่อเรียก หากคือ สนามประลองแห่งโชคชะตา ผู้ไร้พลัง ย่อมเป็นเหยื่อ ผู้มีพลัง แต่ไร้ใจ ย่อมเป็นอสูร และผู้ที่มีทั้งพลังและใจ ย่อมต้องแบกรับชะตาของโลกทั้งผืนไว้ในฝ่ามือ ในแต่ละราตรี มีเสียงกระบี่ที่ยังมิได้ชำระความ

ในแต่ละรุ่งอรุณ มีโลหิตที่ยังมิทันแห้งกรัง

ผู้ฝึกยุทธนับหมื่นชีวิตยอมสละเลือดเนื้อ เพื่อไขว่คว้า “หนึ่งก้าวเหนือฟ้า” เพราะเพียงแค่ก้าวเดียวที่ยืนสูงกว่าผู้อื่น คือเส้นแบ่งระหว่าง ผู้เป็นตำนาน และ ผู้ถูกลืม ลมแห่งยุทธภพพัดหวนทุกคราไม่เคยเงียบงัน มันพัดพาเสียงกรีดร้อง เสียงหัวเราะ เสียงคำสาบาน และเสียงร่ำไห้ของเหล่ายอดยุทธ์ที่สิ้นสูญไปในห้วงกาลเวลา

ที่นี่ไม่มีความยุติธรรม ไม่มีคำว่าพรหมลิขิต มีเพียง “ผู้รอด” ที่จะได้เขียนประวัติศาสตร์ด้วยคมดาบของตน ดินแดนแห่งยุทธภพ คือโลกที่ทุกชีวิตต้องเลือกระหว่าง การยืนอยู่เหนือผู้อื่น หรือ ถูกเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้า และเลือด... คือหมึกที่จารึกตำนานทุกบทในแผ่นดินนี้

สองสามีภรรยาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขพวกเขาพยายามที่จะไม่ยึดติดกับเรื่องวรยุทธแม้แต่อย่างใด พวกเขาเคยเป็นนักยุทที่มีชื่อเสียงมาก่อนแต่ตอนนี้พวกเขาละทิ้งเพื่อที่จะสร้างครอบครัวด้วยกัน บุรุษเป็นชายผู้หนึ่งที่หล่อเหลาเขาล้างมือจากวงการวรยุทธมาตั้งแต่ที่พบกับสตรีผู้นี้ คราแรกเขาประมือกันโดยบังเอญ เมื่อทั้งสองคนค้นพบถึงความรัก ตกลงปลงใจอยู่กินกันฉันสามีภรรยา พวกเขาสามีภรรยาไม่เคยคิดที่จะอยู่ที่เดียวเป็นเวลานาน ไม่ภรรยาชวนย้ายถิ่น ผู้เป็นสามีก็ชวนย้าย พวกเขาเข้าใจซึ่งกันและกันเพราะพวกเขาก็มีชีวิตอยู่จนคนเดียวไป หญิงสาวทั้งท้องราวเก้าปีก่อนที่จะคลอดออกมา เสียงร้องของทารกดังแผ่วเบาในค่ำคืนที่ฝนโปรยปราย

ภายในกระท่อมไม้กลางหุบเขาอันเงียบงัน หญิงสาวนอนหมดเรี่ยวแรง เหงื่อชุ่มทั่วร่าง ผมยาวเปียกแนบแก้ม แต่ในอ้อมแขนกลับโอบสิ่งมีชีวิตน้อย ๆ ที่เพิ่งลืมตาดูโลก แสงแห่งชีวิตที่เธอรอคอย

“เขา... เป็นหญิง”

นางพึมพำเสียงสั่น ยิ้มทั้งน้ำตา สามีของนางหลี่เทียนเซิน ยืนมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน แต่ในแววตานั้นกลับมีประกายแห่งความกังวลแฝงลึก

“เจ้าทำได้ดีมาก... แต่ตอนนี้พวกมันเริ่มเข้ามาใกล้แล้ว”

เสียงแตรสัญญาณดังขึ้นจากไกลโพ้น

เงาไฟจากคบเพลิงนับสิบกระพริบอยู่บนยอดเขา ผู้ตามล่าจากสำนักไหนไม่รู้ได้เจอร่องรอยพวกเขาเข้าแล้ว หลี่เทียนเซินบีบมือนางแน่น

“ฟังข้าให้ดีนะ อวิ๋นซี... เจ้าต้องอยู่กับลูก อย่าออกไปจากที่นี่จนกว่าฟ้าสาง ข้าจะพาพวกมันออกไปให้ไกลที่สุด”

เสียงบุรุษกล่าวขึ้น ผู้เป็นภรรยามั่นใจว่าพวกนั้นมาเพราะตัวเอง จะปล่อยผู้เป็นสามีไปได้อย่างไร

“ไม่! เจ้าเพิ่งบาดเจ็บจากศึกครั้งก่อน หากไปคนเดียว—”

เสียงนางขาดห้วง น้ำตาเอ่อรื้น เขาส่ายหน้าเบา ๆ

“ข้าผ่านความตายมาหลายครั้ง หากครั้งนี้ต้องตายเพื่อให้เจ้ากับลูกปลอดภัย ข้าก็ยอม”

มือของเขาวางลงบนหน้าผากทารก เสียงเบาราวกับกระซิบ

“เจ้าตัวน้อย... จงเติบโตขึ้นโดยไม่ต้องหลบหนีเหมือนบิดา จงใช้ชีวิตที่สงบสุขในโลกที่บิดาไม่อาจมีได้”

เขาคลุมผ้าห่มให้ภรรยาอย่างอ่อนโยน ก่อนหมุนตัวคว้าดาบคู่ใจ

ปลายคมสะท้อนแสงไฟจากเตาเรือน — ดาบที่เคยสั่นสะเทือนยุทธภพ บัดนี้เป็นเพียงดาบของชายผู้หนีตายเพื่อครอบครัว เสียงฝนเริ่มหนักขึ้น เมื่อประตูไม้เปิดออก ลมหนาวพัดเข้ามาแทนที่ความอบอุ่นทันที หญิงสาวร้องไห้สะอึกสะอื้น

“เทียนเซิน! อย่าไป!”

แต่เขาเพียงหันกลับมามองยิ้มสุดท้าย — ยิ้มที่เธอจะจดจำไปชั่วชีวิต ไม่นาน เสียงฟ้าผ่าและเสียงโลหะกระทบกันดังสะท้อนจากหุบเขาเบื้องล่างเปลวไฟของคบเพลิงนับสิบส่องสว่างกลางพายุฝน ชายผู้หนึ่งลำพัง ยืนต้านผู้ไล่ล่านับร้อย — ดาบในมือวาดแสงสังหารราวดาวตก

ขณะอีกฟากหนึ่งของหุบเขา หญิงสาวกอดลูกแน่น หลับตาฟังเสียงฝนที่กลืนเสียงต่อสู้ไกลลิบ นางไม่รู้ว่าเขาจะรอดหรือไม่...

แต่รู้เพียง ทุกลมหายใจของนางจะมีชื่อของเขาอยู่เสมอ ไม่นานบานประตูเปิดออกอีกครั้ง

"อวิ๋นซี ไปเร็วข้าจะพาเจ้าหนี"

เสียงบุรุษกล่าวขึ้น มีบุรุษราวๆสามคนพุ่งตัวเข้ามา ดาบของพวกเขาสะท้อนเงาดวงจันทร์ทำให้น่ากลัวยิ่งนัก

"ไป๋อหมิงเป็นเจ้านั่นเอง เจ้าช่วยบุตรสาวของข้าด้วยพานางหนีไป"

เสียงของอวิ๋นซีกล่าวขึ้นอย่างแผ่วเบา บุรุษหนึ่งในนั้นเดินเข้าไปหาหนังที่อยู่บนเตียงนางยืนเด็กให้เขาแล้วนำสร้อยนั้นยื่นให้ไป

"ให้นางถ้านางรู้ความแล้วอย่าให้ใครเจอสร้อยเส้นนี้มันจะเป็นอันตรายกับมันแต่มันจะช่วยชีวิตนางได้เมื่อมันจำเป็น"

เสียงของอวิ๋นซีกล่าวขึ้น และยัดของใส่มือบุรุษผู้นั้นก่อนที่บุรุษผู้นั้นจะรู้ตัวสตรีผู้นี้ก็พยายามลุกขึ้น เพื่อที่จะคุกเข่าขอร้องเข้า

"ไม่ต้องเราต้องหนีไปได้ด้วยกันข้าจะพาเด็กหนีไปก่อน เจ้าสองคนช่วยการประครองนางและคุ้มกันนางด้วยข้าจะพาเด็กผู้นี้ออกไปก่อน"

เสียงบุรุษหนุ่มกล่าวขึ้น สตรีผู้นี้ลูบหัวเด็กน้อยเบาๆอย่างอาลัยอาวรไม่นานเด็กนั้นก็หลับไป บุรุษผู้นี้อุ้มเด็กขึ้นและทะยานออกไป โดยที่เขาไม่รู้ต้นสายปลายเหตุว่าเรื่องทั้งหมดนั้นเป็นมาอย่างไร แต่เขาก็มามันช่วยชีวิตเด็กผู้นี้ หลังจากอุ้มเด็กออกไปได้ไม่นาน เขาก็เห็นมีเงาคนวิ่งมาทางกระท่อมหลังนั้น แต่เขาไม่สามารถหันหลังกลับไปช่วยได้แล้ว เขาพาเด็กผู้หญิงพุ่งทะยานไปข้างหน้าเรื่อยๆ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตรางูขาวพันธนาการแห่งชะตา   ลมแรกของตรา

    เสียงฝีเท้าในค่ำคืนยังตามหลอกหลอนในห้วงฝันของเด็กสาว ลมกลางดึกพัดผ่านผนังไม้ กรีดเสียงคล้ายมีดเฉือนใจของนาง วันนั้น...แสงเพลิงส่องลอดประตู เสียงโลหะกระทบกันก้องกังวาน นางเองได้แต่ยืนตัวสั่น มองเงาของพ่อที่ยกดาบขึ้นปะทะกับคนชุดดำในความมืด“หนีไป...!”เป็นเสียงสุดท้ายที่พ่อพูดกับนางและพลักนางให้ออกจากบ้านหลังนั้น ก่อนที่เงานั้นจะกลืนร่างท่านหายไปในม่านควัน นางวิ่งไปในความมืด หัวใจเต้นรัวดั่งจะระเบิด เสียงดาบยังดังไล่หลัง เหมือนเตือนให้จำว่าข้ายังมีชีวิตได้เพราะใคร หลายคืนแล้วที่นางไม่อาจหลับสนิท ทุกครั้งที่ปิดตา เขายังเห็นแผ่นหลังของพ่อยืนอยู่ท่ามกลางเพลิง แผ่นหลังที่สั่นไหวด้วยลม แต่ไม่เคยสั่นด้วยความกลัว นางอยากกลับไปกอดพ่ออีกครั้ง อยากบอกว่าตัวเขาจะไม่หนีอีกต่อไป นางจะเติบโต...ให้คู่ควรกับเลือดที่พ่อทิ้งไว้ในคืนนั้น ครั้นนางจะหยุดพักก็เหมือนว่ามีคนกำลังวิ่งตามพอมองออกไปก็ไร้วี่แววของผู้คน นางได้แต่คิดอยู่ในใจ ในเมื่อนางหนีมาหลายวันหลายคืนแล้ว ทำไมเสียงนั้นยังตามหลอกหลอนนางอยู่ ถามว่านางน่าจะคิดไปเองว่ายังมีคนวิ่งไล่ตามอยู่ตลอดเวลา ลมหนาวยามค่ำยังคงพัดผ่าน เด็กสาวเงยหน้ามองฟ้า เห็นดวง

  • ตรางูขาวพันธนาการแห่งชะตา   คำคืนที่ไม่เหมือนเดิม

    ลมราตรีพัดกรรโชกผ่านป่าไผ่ เสียงใบไผ่เสียดสีกันราวกับเสียงคร่ำครวญจากวิญญาณเร้นลับภายในเรือนเล็กกลางหมู่บ้าน ไป๋เสวี่ยหลานเด็กสาวนั่งเย็บเสื้อผ้าใต้แสงตะเกียงน้ำมัน แสงอุ่นส่องขับดวงหน้านวลที่ยังไร้เดียงสา ดวงตาคู่นั้นยังเต็มไปด้วยความฝันเรียบง่าย ใช้ชีวิตอยู่กับบิดาเงียบสงบไปวัน ๆ พรุ่งนี้เช้าทั้งสองจะออกเดินทางไปขายผ้าที่ถิ่นใหม่แล้ว ไป๋เสวี่ยหลานเย็บผ้าตัวนี้เสร็จก็จะเขานอน แต่คืนนี้ที่ควรจะสงบสุข กลับแปรเปลี่ยนเป็นฝันร้ายที่ยากลืมเลือน "ตึง! ตึง! ตึง!เสียงของประตูไม้ที่ถูกถีบแตกดังสะท้านไปทั่วเรือน ก่อนที่เงาดำหลายสายจะทะยานเข้ามาอย่างรวดเร็วบิดาของไป๋เสวี่ยหลาน นามว่าไป๋อหมิงพ่อค้าเร่ที่ทุกทุกคนพูดถึง พุ่งออกมาขวางด้วยดวงตาเด็ดเดี่ยว เขาเพียงทันคว้าดาบเก่า ๆ ขึ้นมาในมือ“หลานเอ๋อร์ถอยไปอยู่หลังข้า!” เสียงเขาก้องดังก้องไปทั้งห้องเพลี้ยง! เพลี้ยง! เพลี้ยง!เสียงดาบปะทะกับอาวุธของผู้บุกรุก เสียงโลหะเสียดสีกันจนเกิดประกายไฟในความมืด ไป๋เสวี่ยหลานตัวสั่นงันงกเมื่อเห็นโลหิตสาดกระเซ็นออกมาจากแขนของบิดา หัวใจของนางนั้นเต้นดววตาของนางก็เริ่มพร่ามัวเหมือนมีอะไรมาบังสายตาให้มันมัวลงไป

  • ตรางูขาวพันธนาการแห่งชะตา   เสียงหัวเราะที่หายไป

    เมื่อชายวัยกลางคนจัดของเสร็จวันพรุ่งนี้รุ่งเช้าเขาก็จะพาลูกออกเดินทาง เขาจึงเข้าไปดูลูกน้อย เมื่อเข้าไปแล้วก็เห็นว่าลูกยังไม่นอนกำลังเย็บผ้าที่เสียหายอยู่ ผู้เป็นพ่อนั่งลงตรงหน้าของลูก แสงตะเกียงสั่นไหวในห้องเล็ก พ่อจ้องมองดวงตาของบุตรสาวที่ยังใสซื่อ เขายกมืออันหยาบกร้านจากงานหนักลูบศีรษะเธอแผ่วเบา น้ำเสียงต่ำช้าแต่หนักแน่นเอ่ยว่า“ลูกเอ๋ยจำไว้นะ...อย่าบ่ายเบี่ยงกับคนแปลกหน้า”เด็กสาวขมวดคิ้ว น้ำเสียงสั่นถามเบา “ทำไมเจ้าคะ พวกเขาไม่ใช่คนดีหรือ?”พ่อถอนหายใจยาว แววตาเต็มไปด้วยความอาทรปนเศร้าลึก “เพราะโลกนี้...ไม่ได้มีที่สำหรับความอ่อนแอ บางครา การปฏิเสธเพียงเล็กน้อยอาจเปลี่ยนเป็นหอกที่หันกลับมาทิ่มแทงเจ้าเอง”เงียบงันครู่หนึ่ง ก่อนที่พ่อจะจับไหล่ลูกแน่น “หากเจ้าจำเป็นต้องยอม ก็ยอมอย่างฉลาด หากต้องเอ่ยถ้อยคำ ก็เอ่ยด้วยใจเย็น อย่าเผยความกลัวออกมาเด็ดขาด”คำสอนนั้นแทรกซึมในใจเด็กสาว ไม่ใช่เพียงคำเตือนเรื่องคนแปลกหน้า แต่คือการบอกนัยว่าทางข้างหน้ามีเพียงความโหดร้ายรออยู่ ผู้เป็นลูกพยักหน้าให้กับพ่องึกๆ พ่อสบสายตาลูกยิ้มให้เล็กน้อย เด็กผู้นี้แต่ก่อนมีนิสัยที่ร่าเริงแต่มาวันนี้เกิดเรื่องแ

  • ตรางูขาวพันธนาการแห่งชะตา   ของเก่าสร้อยและงู

    เมื่อเด็กน้อยทุกคนกลับไปแล้วเด็กน้อยเสวี่ยหลานก็ไปช่วยพ่อจัดผ้าอีก พ่อจึงก็หยิบกล่องไม้เล็ก ๆ ออกมา เปิดเผยวัตถุที่เสวี่ยหลานเห็นเพียงไม่กี่ครั้งในชีวิตสร้อยหยกรูปงูขาว เด็กน้อยมองด้วยความอยากรู้นางมองและจดจำลักษณะของมัน หยกนั้นขาวสะอาดจนแทบเรืองแสง ลวดลายสลักเป็นเกล็ดเรียงละเอียด เมื่อแสงแดดส่องต้องกลับสะท้อนเป็นประกายเย็นเยียบอย่างประหลาด เด็กน้อยทำตาลุกวาวเมื่อเห็นแสงสะท้อนอย่างประหลาดนั้นมากระทบตาตัวเอง นางมองเลยไปจนเห็นพ่อ ที่มองหยกอยู่นานก่อนจะยื่นให้เสวี่ยหลาน เด็กน้อยสะดุ้งเล็กน้อยไม่ใช่ว่าหนังจ้องมองขนาดนั้นจนพ่อรู้ว่านางแอบจดจำรายละเอียดแล้วหรือนางจึงไม่กล้ายื่นมือเข้าไปจับ“รับเอาไปสิ มันเป็นของเจ้า จำไว้นะ หลานเอ๋ย ของสิ่งนี้อย่าให้ใครเห็น ” น้ำเสียงเขาเต็มไปด้วยความจริงจังผิดจากทุกวัน ทำให้ผู้ฟังที่ไม่เคยกินเกิดความรู้สึกในใจว่าเหมือนกำลังจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง“ของสิ่งนี้ คือของที่แม่เจ้าทิ้งไว้ให้ จงเก็บรักษามันให้ดี มันอาจนำพาเคราะห์ร้ายมา แต่ก็อาจเป็นสิ่งเดียวที่จะคุ้มครองเจ้าได้”เสวี่ยหลานชะงัก ดวงตาสั่นไหว นางไม่ค่อยได้ถามถึงมารดา เพราะทุกครั้งที่ถาม พ่อมักเลี่ยงเสีย

  • ตรางูขาวพันธนาการแห่งชะตา   เช้าของคนแร่

    แสงอรุณแรกของฤดูปลายวสันต์สาดลงมาบนตลาดเล็ก ๆ ริมทางการค้า หมอกเช้าลอยเอื่อยเหนือหลังคามุงฟาง กลิ่นควันไฟจากเตาถ่านผสมกับกลิ่นใบชาที่เพิ่งคั่ว เสียงเจื้อยแจ้วของเด็ก ๆ วิ่งไล่กันในตรอก เสียงเอะอะโวยวายของคนที่เดินผ่านตอนเด็กน้อยวิ่งไล่กันจนจะชนเขา เด็กน้อยหันมาทำหน้าล้อเลียนแล้ววิ่งหนีไป ทำให้เช้าวันนี้ดูเหมือนเช้าที่ผ่านมา อบอุ่น เงียบง่าย และไม่สำคัญต่อผู้ใดในยุทธภพที่แสนโหดร้าย ไป๋เสวี่ยหลานเด็กน้อยวางกาน้ำชาดินเผาลงบนโต๊ะไม้เตี้ย เสียงน้ำร้อนเดือดพล่านดัง ปุดปุด ขณะเธอค่อย ๆ รินลงถ้วยดินเผาสีน้ำตาล เสียงกระทบกันเบา ๆ คล้ายระฆังเล็ก สาวน้อยยิ้มบางให้ชายชราที่นั่งรออยู่พลางยื่นถ้วยไป “เชิญเจ้าค่ะ ลุงหลี่ วันนี้ชารสเข้มหน่อยนะ ดืมให้อร่อยเจ้าค่ะ”เด็กน้อยกล่าวขึ้น ชายชราหัวเราะแห้ง ๆ พลางยื่นเหรียญทองแดงสองสามอันใส่มือเธอ และสูดดมชาที่หอมกรุ่นก่อนที่จิบเล็กน้อย พอริ้มรสแล้วรู้สึกว่าไม่ร้อนมากก็กระดกใส่ปากทันที“เสวี่ยหลาน เด็กน้อยเอ๋ย หากมีลูกสาวเช่นเจ้าอยู่บ้าน ข้าคงไม่เหงาอย่างนี้ ”ชายชรากล่าวขึ้น เด็กน้อยหัวเราะเบา ยกชายผ้าพันแขนปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก พลางหันไปเรียกพ่อค้าเร่ผู้ห

  • ตรางูขาวพันธนาการแห่งชะตา   ดินแดนแห่งยุทธภพ

    ใต้หล้าแห่งนี้ มิได้มีราชา มิได้มีสวรรค์ชี้นำ มีเพียง พลังแห่งวรยุทธ เท่านั้นที่ชี้ขาดชะตาชีวิตผู้คน ดินแดนยุทธภพ แผ่นดินกว้างใหญ่ที่แสงอาทิตย์มิอาจส่องทั่วถึง ปกคลุมด้วยหมอกควันแห่งสงครามและเลือดสังเวยแห่งความทะเยอทะยาน ที่นี่… ความถูกผิดถูกกลืนหายไปตั้งแต่ยุคบรรพกาล เหลือเพียง “กำลัง” และ “เจตจำนงแห่งคมดาบ” เท่านั้นที่ยังคงอยู่เหนือยอดเขา มีสำนักใหญ่ครอบครองฟ้าเบื้องบน กลางแผ่นดิน มีเจ้าพรรคผู้ปกครองดินแดนด้วยกำลังมือ ใต้เงาหุบเหว มีเหล่ามารผู้ซ่อนเร้น รอวันกลืนกินแสงสว่าง ทุกชีวิตที่ถือกำเนิดในโลกนี้ ล้วนถูกกำหนดด้วยพลังในลมปราณและเส้นทางที่ตนเลือก คำว่า “ยุทธภพ” จึงมิใช่เพียงชื่อเรียก หากคือ สนามประลองแห่งโชคชะตา ผู้ไร้พลัง ย่อมเป็นเหยื่อ ผู้มีพลัง แต่ไร้ใจ ย่อมเป็นอสูร และผู้ที่มีทั้งพลังและใจ ย่อมต้องแบกรับชะตาของโลกทั้งผืนไว้ในฝ่ามือ ในแต่ละราตรี มีเสียงกระบี่ที่ยังมิได้ชำระความในแต่ละรุ่งอรุณ มีโลหิตที่ยังมิทันแห้งกรังผู้ฝึกยุทธนับหมื่นชีวิตยอมสละเลือดเนื้อ เพื่อไขว่คว้า “หนึ่งก้าวเหนือฟ้า” เพราะเพียงแค่ก้าวเดียวที่ยืนสูงกว่าผู้อื่น คือเส้นแบ่งระหว่าง ผู้เป็นตำนาน และ ผู

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status