Share

บทที่ 7 ตามใจ

last update Last Updated: 2025-06-27 11:00:35

หลังจากที่ช่วยท่านหมอจ้าวจนทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ไต้ฝูหรงก็กลับมาที่กระโจมของตน ก่อนจะทำแผลให้ตนเอง อย่างไรท่านหมอจ้าวก็เป็นบุรุษ เขาย่อมไม่กล้าเปิดดูบาดแผลภายในร่างกายของนางได้ส่งเดช จึงเอ่ยแนะนำนางว่าจะต้องทำแผลเช่นไร จากนั้นก็มอบทั้งยาทาและยากินให้แก่นาง ทั้งยังบอกว่าอีกสองสามวันแผลก็จะสมานกันและหายดี

ยามนี้เป็นเวลาบ่ายคล้อยแล้ว ท้องฟ้ามีแสงแดดอ่อนๆ ส่องมารำไร อีกไม่นานก็ใกล้จะถึงเวลาอาหารมื้อเย็นแล้ว อยู่ๆนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าที่ด้านหลังค่ายทหารมีแม่น้ำสายหนึ่งตัดผ่าน แม่น้ำสายนั้นใสสะอาดเป็นอย่างมาก อีกทั้งในแม่น้ำคล้ายว่าจะมีปลาและหอยอยู่ไม่น้อยเลย

เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงเดินไปหาท่านเฉิงซุน อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนสนิทของกงเหล่ย การบอกกล่าวกับเขาสักหน่อยย่อมนับว่าเป็นเรื่องดี อย่างไรยามนี้กงเหล่ยก็ยังคงวุ่นวายอยู่กับการเตรียมออกรบ ย่อมไม่มีเวลามาสนทนากับนางเท่าใด นางเองก็เข้าใจเขาดี

"ท่านเฉิงซุนเจ้าคะ"

ท่านเฉิงซุนที่กำลังยืนสั่งการเหล่าทหารอยู่เมื่อได้ยินเสียงของไต้ฝูหรงเอ่ยเรียกเขาจึงหันมามอง ก่อนจะยิ้มให้นาง หลายวันมานี้แม่นางน้อยผู้นี้พูดเก่งขึ้นมาก นางชอบถามเขาในสิ่งที่ตนไม่รู้อย่างสนอกสนใจ เขาเองก็ชอบคนที่เรียนรู้สิ่งต่างๆรอบตัวด้วยความตั้งใจอยู่แล้ว จึงไม่ได้รู้สึกรำคาญยามที่ต้องตอบคำถามของนาง 

เขาสั่งให้ทหารไปทำตามคำสั่ง ก่อนจะเดินเข้ามาหาไต้ฝูหรง

"แม่นางไต้ มีอันใดหรือ?"

ไต้ฝูหรงยิ้มตาหยี ก่อนจะเอ่ย

"ข้าจะไปจับปลาที่ด้านหลังค่ายทหารมาทำอาหารมื้อเย็นของวันนี้เจ้าค่ะ"

เฉิงซุนเมื่อได้ฟังก็รู้สึกสนใจขึ้นมา

"เจ้าจับปลาเป็นด้วยหรือ?"

"เป็นเจ้าค่ะ งานพวกนี้ข้าทำจนเคยชินแล้ว"

ไต้ฝูหรงเอ่ยตอบอย่างอารมณ์ดี เฉิงซุนที่เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย

"เจ้าเป็นสตรี ไปคนเดียวเกรงว่าจะลำบาก เอาอย่างนี้ิ ข้าจะไปกับเจ้าด้วย อีกเดี๋ยวไปตามเซียวเย่กับเฉิงซานให้ไปด้วยกัน ไปกันหลายๆคน จะได้จับปลามาเยอะๆ"

"ดีเจ้าค่ะ เช่นนั้นพวกเรารีบไปกันเถอะเจ้าค่ะ"

ไต้ฝูหรงเมื่อได้ยินว่าจะมีคนไปช่วยก็ดีใจมาก นางจึงรีบเดินแบกกระบุงคู่ใจมุ่งหน้าไปที่ริมแม่น้ำทันที

เซียวเย่กับเฉิงซานเมื่อได้ยินเฉิงซุนบอกว่าให้พวกเขาตามไปที่ริมแม่น้ำก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา 

เมื่อมาถึงไต้ฝูหรงก็จัดการวางกระบุงลงที่ริมฝั่ง ก่อนจะใช้มือพับแขนเสื้อทั้งสองข้างของตนขึ้นจนเห็นท่อนแขนที่ขาวนวลเนียน หญิงสาวเดินไปที่กอไผ่ ก่อนจะจัดการตัดต้นไผ่มาหลายต้น พร้อมกับเหลามันให้แหลมคม เซียวเย่ที่เห็นเช่นนั้นจึงเดินเข้ามาถามนางด้วยความสนอกสนใจ

"แม่นางไต้ เจ้านี่น่าเหลือเชื่อจริงๆ งานหยาบเช่นนี้ก็ยังทำได้ดี เดิมข้าคิดว่าเจ้าจะเป็นสตรีอ่อนแอเสียอีก"

"สบายมากเจ้าค่ะ ข้าทำจนชินมือแล้ว แต่ก่อนต้องขึ้นไปตัดฟืนมาต้มน้ำทำอาหารให้ท่านพ่อที่ป่วยหนักอยู่ที่บ้าน ข้าจึงคล่องแคล่วอย่างไรเล่า"

เซียวเย่หันไปสบตากับเฉิงซานทันที ด้านเฉิงซุนไม่ได้เอ่ยสิ่งใดเพียงยิืนมองดูอยู่เงียบๆ และให้คนไปช่วยนางเหลาไม้ไผ่

เมื่อเหลาไม้ไผ่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ไต้ฝูหรงจึงเดินลงไปในแม่น้ำ ก่อนจะใช้ปลายไผ่แหลมแทงปลามาได้หลายตัว อีกทั้งยังเก็บหอยตลับมาได้อีกมากมาย หอยตลับเหล่านี้ชอบฝังตัวอยู่ในโคลนลึก กว่าจะเก็บมันขึ้นมาได้ มือของนางก็เลอะเทอะไปหมด แต่หญิงสาวไม่ใส่ใจเท่าใดนัก

ด้านกงเหล่ยก็เพิ่งจะจัดการรายงานทางทหารแล้วเสร็จ เมื่อออกมาจากกระโจมและไม่พบผู้ใดจึงเอ่ยถามทหารที่ยืนเฝ้าเวรยาม ก็ได้ความว่าพวกเขาไปที่ิริมแม่น้ำพร้อมกับไต้ฝูหรงแล้ว

ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น พวกเขาไปที่ิริมแม่น้ำด้วยเหตุใดกัน?

ชายหนุ่มรีบเดินตามไปที่ริมแม่น้ำทันที เมื่อมาถึง ภาพเบื้องหน้าก็ทำให้เขาค่อนข้างแปลกใจเป็นอย่างมาก

ไต้ฝูหรงกำลังใช้ไม้ไผ่แหลมแทงปลาอย่างชำนาญ โดยมีเซียวเย่และเฉิงซานเป็นลูกมือ ส่วนเฉิงซุนก็คอยยืนมอง

เสียงหัวเราะกังวานใสและรอยยิ้มที่เจิดจ้าราวดวงอาทิตย์ของนางนั้นมันทำให้หัวใจของเขาเต้นรัวแรงอย่างบ้าคลั่ง

เขาไม่เคยมีความรัก อีกทั้งยังไม่คิดอยากจะเกี่ยวพันกับสตรีคนใด ที่เขาช่วยนางเอาไว้ก่อนหน้านี้ก็เพียงเพราะความสงสาร แต่เมื่อได้พบเจอนางทุกวัน มันกลับทำให้เขารู้สึกว่าจิตใจเริ่มจะอยู่ไม่เป็นสุข

ไต้ฝูหรงล้างมือในแม่น้ำ ก่อนจะหันมามองและพบกับกงเหล่ยที่ยืนอยู่  นางยิ้มจนดวงตาเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ก่อนจะวิ่งเข้ามาหาเขา

"ท่านอ๋อง ดูสิ ข้ากับศิษย์พี่เซียวเย่และศิษย์พี่เฉิงจับปลามาได้มากมายเลยเจ้าค่ะ วันนี้เรามีอาหารอร่อยกินแล้ว"

กงเหล่ยหันไปมองเซียวเย่และเฉิงซาน ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เซียวเย่ที่เห็นเช่นนั้นก็รีบเดินเข้ามาสมทบพลางเอ่ย

"ศิษย์พี่ใหญ่กง ศิษย์น้องเล็กไต้นิสัยน่าคบหานัก อีกทั้งยังทำงานได้ทุกอย่าง พวกข้ารู้สึกชอบนางมาก ไหนๆพวกเราก็ไม่มีน้องสาว ไม่สู้ให้นางเป็นศิษย์น้องเล็กดีหรือไม่ ข้าไม่อยากเป็นน้องเล็กแล้ว"

"เหลวไหล!"

กงเหล่ยรู้สึกว่าเรื่องราวมันชักจะไปกันใหญ่แล้ว อยู่ๆเซียวเย่ก็ได้สหายเที่ยวเล่นเพิ่มมาอีกคนอย่างนั้นหรือ

ไต้ฝูหรงไม่เอ่ยกันใด นางเข้าใจดี อย่างไรนางก็เป็นสตรี ไม่อาจเป็นสหายกับพวกเขาได้

แต่เซียวเย่กลับเบ้ปาก ก่อนจะหันมาเอ่ยกับไต้ฝูหรงอย่างเอาแต่ใจ

"ช่างเถิด ผู้ใดไม่อยากสนใจเจ้าก็ช่าง ไต้ฝูหรง เอาเป็นว่าข้ากับศิษย์พี่รองเฉิงจะเป็นศิษย์พี่ของเจ้าเอง นับจากวันนี้เจ้าก็นับว่าเป็นศิษย์น้องเล็กของพวกข้าแล้ว ส่วนคนอื่นเจ้าไม่ต้องไปสนใจ!"

กงเหล่ยถึงกับถลึงตาใส่เซียวเย่คราหนึ่ง ก่อนจะหันไปเอ่ยกับไต้ฝูหรง

"เจ้าเพิ่งได้รับบาดเจ็บ จะออกมาทำงานเช่นนี้ทำไมกัน มีอันใดก็เรียกใช้ทหารในค่ายได้"

"ไม่เป็นอันใดเจ้าค่ะ ข้าไม่ชอบอยู่เฉยๆ มันน่าเบื่อ"

ในขณะที่พวกเขากำลังเอ่ยสนทนากันอยู่นั้น ก็มีทหารกลุ่มหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหา อีกทั้งพวกเขายังช่วยกันแบกหมูป่าตัวใหญ่ที่ถูกล่ามาได้กลับมาอีกด้วย ส่วนอีกคนก็อุ้มลูกหมูป่าตัวน้อยวิ่งตามกันมา กงเหล่ยหันไปมองพวกเขาก่อนจะเอ่ย

"พวกเจ้้าไปล่าสัตว์มาหรือ?"

ทหารชั้นผู้น้อยพยักหน้าอย่างนอบน้อม ก่อนจะเอ่ยตอบ

"ขอรับ พวกข้าไปล่าหมูป่ามา แต่พวกข้าไม่รู้ว่ามันมีลูกน้อยอยู่ตัวหนึ่ง ดูเหมือนว่าเพิ่งจะคลอดได้ไม่นาน อีกทั้งยังซุกซนมากด้วย เราจะเอามันไปทำอันใดดีขอรับ หรือว่าตุ๋นน้ำแกงลูกหมูป่ากินดีหรือไม่ขอรับ?"

ไต้ฝูหรงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็จ้องมองเจ้าหมูป่าตัวน้อยที่ดิ้นไปมาอยู่ในมือของทหารคราหนึ่ง มันส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าเวทนา อีกทั้งเท้าทั้งสี่ข้างก็แกว่งไปแกว่งมาคล้ายต้องการจะหนี อยู่ๆไต้ฝูหรงก็เกิดความสงสารขึ้นมา นางจึงหันไปเอ่ยกับกงเหล่ย

"ท่านอ๋องเจ้าคะ ข้าอยากจะ... อยากจะขอเลี้ยงเจ้าลูกหมูน้อยตัวนี้เอาไว้จะได้หรือไม่เจ้าคะ อย่าตุ๋นมันเลยจะได้หรือไม่ มันกำพร้ามารดาซ้ำยังเด็กนัก ข้าอดสงสารมันไม่ได้เจ้าค่ะ"

กงเหล่ยหันมามองไต้ฝูหรง เดิมทีคิดจะเอ่ยปฏิเสธนาง ที่นี่คือค่ายทหารไม่ใช่สถานที่อภิบาลสัตว์กำพร้า เขาคงไม่อาจอนุญาตได้

แต่เมื่อเขาได้มองเห็นว่าดวงตากลมโตของนางกำลังเอ่อคลอไปด้วยหยดน้ำตาราวกับกำลังเว้าวอนเขา มันทำให้คำปฏิเสธที่เขากำลังจะเอื้อนเอ่ยพลันหยุดชะงักไปในทันที

มารดามันเถอะ บุรุษเช่นข้าไม่มีทางพ่ายต่อสายตาอ้อนวอนของสตรี ไร้สาระที่สุด!

ไม่มีทาง!

ไม่มีทางเด็ดขาด!

"เช่นนั้นก็ทำตามที่แม่นางไต้บอก มอบเจ้าลูกหมูให้นางเลี้ยง พวกเจ้าก็ไปช่วยกันทำคอกให้มันด้วย เอาอาหารให้มันกินดีดี"

ไต้ฝูหรงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มตาหยี แววตาที่มองกงเหล่ยยิ่งซาบซึ้งเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน

"ท่านอ๋อง ท่านช่างจิตใจดีมีเมตตายิ่งนักเจ้าค่ะ"

เฉิงซุนลอบบิดเบ้มุมปากตน ไหนบอกว่าไม่พ่ายต่อสาวงามอย่างไรเล่า!

ด้านเซียวเย่และเฉิงซานก็หันมาส่งสายตาให้แก่กัน ก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากทำท่าทีคล้ายกำลังขบขันเจ้านายของตน กงเหล่ยหันไปถลึงตาใส่คนทั้งสอง ก่อนจะกระแอมไอออกมาคราหนึ่ง พลางเอ่ยกับไต้ฝูหรง

"เอาล่ะ อีกไม่นานก็จะถึงเวลาอาหารมื้อเย็นแล้ว เจ้าจะทำอาหารไม่ใช่หรือ เช่นนั้นก็รีบไปเถอะ ข้าเองก็เริ่มจะหิวแล้ว"

"เจ้าค่ะ ข้าจะรีบไปทำเดี๋ยวนี้ วันนี้ข้าจะทำให้สุดฝีมือเพื่อท่านอ๋องเลยเจ้าค่ะ"

เมื่อไต้ฝูหรงจากไปแล้ว เซียวเย่ก็เดินเข้ามาหากงเหล่ย พลางเอ่ยอย่างหยอกเย้า

“ศิษย์พี่ใหญ่กง วันนี้นางอยากได้ลูกหมูป่าท่านก็ให้นาง เกิดพรุ่งนี้นางอยากได้ลูกหมาป่า ลูกแมวป่า  ลูกไก่ป่า ลูกห่านป่า หรือแม้กระทั่งลูกเสือ ท่านก็คงจะมอบให้อย่างเต็มใจใช่หรือไม่ หากวันหน้านางนึกสนุกอยากได้ลูกงูเห่ามาเลี้ยงเล่า ท่านจะทำเช่นไร ท่านทำใจปฏิเสธนางได้ลงคอหรือ ให้ตายเถอะจะตามใจกันเกินไปแล้ว นี่มันค่ายทหารหรือสถานที่เลี้ยงสัตว์กันแน่”

“ไสหัวไปเลย!!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตามเย้ารักดอกฝูหรง   บทที่ 20 ตอนจบ

    ด้านไต้ฝูหรงนั้นตอนนี้อยู่ในที่ปลอดภัยและมีทหารคุ้มกันอย่างแน่นหนา นางเดินวนไปวนมาอยู่ในเรือนเพื่อรอฟังข่าวของกงเหล่ยเกาฮ่องเต้หนีหัวซุกหัวซุนด้วยความหวาดกลัว แต่ไม่่ว่าจะหนีไปทางไหนก็มีแต่เหล่าทหารไล่ล่าเขา เกาฮ่องเต้ถึงกับก้าวขาไม่ออก ไม่คาดคิดว่าตนเองจะมีวันนี้เดิมทีเขาสะกดวิญญาณของกงอวี้ไปแล้ว และไม่เชื่อว่ากงเหล่ยจะสามารถสังหารตนได้แต่ยามนี้เขารู้แล้วว่าตนเองคิดผิดเกาฮ่องเต้เริ่มลนลานด้วยความหวาดกลัว เขาไม่สนใจคำเตือนของทหาร วิ่งหนีออกมาจากวงล้อมป้องกัน สุดท้ายเมื่อได้เห็นคนตรงหน้าที่กำลังยื่นดาบพาดบนลำคอของเขา เกาฮ่องเต้ก็ถึงกับก้าวขาไม่ออก"เจ้า!""ไม่ได้พบกันานเลยนะ ท่านลุงเกา!"เกาฮ่องเต้มือไม้สั่นเทิ้มไปหมด เมื่อนึกถึงศีรษะของเกาข่ายบุตรชายอันเป็นที่รักซึ่งถูกกงเหล่ยสังหาร เขาก็กัดฟันกรอด"ข้าจะฆ่าเจ้า เอาหัวเจ้ามาเซ่นสังเวยให้กับวิญญาณของบุตรชายข้า!"กงเหล่ยเมื่อได้ฟังกลับส่งเสียงหัวเราะออกมา เกาฮ่องเต้ที่เห็นอย่างนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลซึมออกมาเต็มแผ่นหลัง กงเหล่ยยกมือขึ้นส่งสัญญาณ หลัวเยี่ยก็พุ่งเข้าจัดการสังหารทหารและแม่ทัพใหญ่ของเกาฮ่องเต้ตกตายไปจนหมด เกาฮ่องเต้ร้องคำรา

  • ตามเย้ารักดอกฝูหรง   บทที่ 19 ล้มตระกูลเกา

    สงครามจบสิ้นลง ทหารของเกาข่ายล้วนถูกสังหารจนหมดสิ้นไม่เหลือซาก ครั้งนี้กงเหล่ยไม่ได้ใจดีเฉกเช่นครั้งก่อน ที่จะเก็บทหารจงรักภักดีกลับใจเอาไว้ใช้งาน อย่างไรทหารพวกนั้นก็ถูกเกาฮ่องเต้ฝึกฝนมานานหลายสิบปี ไม่เหมือนกับชาวบ้านที่มีใจภักดี เขาจึงไม่คิดจะเก็บเอาไว้แม้เพียงคนเดียวแคว้นเซี่ยตอนนี้กลับสู่ความสงบเฉิงซานและหลัวเยี่ยนั้นได้รับบาดเจ็บไม่มากนัก แต่ทว่าเซียวเย่กลับได้รับบาดเจ็บที่แขนเป็นแผลใหญ่ กว่าจะห้ามเลือดได้ต้องใช้เวลาอยู่นาน โชคดีที่เขาไม่ได้เสียแขนไป ไต้ฝูหรงและท่านหมอจ้าวสลับกันช่วยดูแลเขา เซียวเย่นอนอยู่บนเตียง ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือดเล็กน้อย เขาเอ่ยขอบคุณท่านหมอจ้าว ก่อนจะหันมาเอ่ยกับไต้ฝูหรง"ศิษย์น้องเล็ก ข้าปลอดภัยดีแล้ว เจ้าไปดูศิษย์ใหญ่กงเถอะ หากเจ้ายังไม่ไปอีก พี่ใหญ่กงคงได้ตามมากระทืบข้าซ้ำแน่ ข้ายังไม่อยากถูกเขากระทืบจนตายหรอกนะ สตรีในหอนางโลมยังรอข้าอยู่"ไต้ฝูหรงหัวเราะออกมาเล็กน้อย แม้นางจะแต่งงานกับกงเหล่ยแล้ว แต่เซียวเย่ยังคงยืนยันที่จะเรียกนางว่าศิษย์น้องเล็ก นางเองก็ไม่ถือสาอันใด อย่างไรสำหรับนางแล้ว เขานับว่าเป็นพี่ชายที่แสนดีสำหรับนางเมื่อทุกคนปลอดภัยไร้กัง

  • ตามเย้ารักดอกฝูหรง   บทที่ 18 ชัยชนะที่วาดหวัง

    ไต้ฝูหรงตกใจจนแทบสิ้นสติ นางหันมองซ้ายขวาตอนนี้มีแต่ห่าธนูที่พุ่งเข้ามาหมายจะสังหารพวกนาง แต่ยามนี้ไม่อาจปล่อยให้ท่านเฉิงซุนอยู่ที่นี่ต่อได้ โลหิตของเขาไหลออกมามากเกินไป ต้องหาทางผ่าเอาลูกธนูออกและห้ามเลือดโดยเร็วที่สุด!ไต้ฝูหรงสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะตัดสินใจประคองท่านเฉิงซุนขึ้นมาและพาเขาเดินฝ่าลูกธนูออกไปโดยมีเหล่าทหารที่ยังรอดชีวิตคอยคุ้มกัน ท่านเฉิงซุนยังไม่ได้หมดสติ เขาจ้องมองสตรีข้างกายที่ประคองตนเดินฝ่าลูกธนูอย่างไม่เกรงกลัวด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย"นะ นายหญิง ปล่อยข้าเอาไว้บนนี้เถอะขอรับ! "ไต้ฝูหรงเม้มริมฝีปากแน่น นางพาเฉิงซุนลงมาด้านล่างได้อย่างปลอดภัย ก่อนที่เขาจะหมดสติไป พลันได้ยินเสียงของนางเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ"ข้าไม่มีวันทิ้งท่าน พวกเราถ้าอยู่ก็อยู่ด้วยกัน ถ้าตายก็ต้องตายด้วยกัน กงเหล่ยยังอยู่ข้างนอก เขาเคารพท่านดั่งบิดา ข้าเองก็เช่นกัน เฉิงซานหลานของท่านและแม่ทัพทุกคนก็ยังรอให้ท่านต้อนรับพวกเขากลับเข้าเมืองหลังจากพวกเรารบชนะ หากท่านตาย ข้าคงไม่อาจมองหน้าพวกเขาได้ ท่านจะต้องอดทนไว้นะเจ้าคะ ข้าจะไม่มีทางยอมให้ท่านตายเด็ดขาด!"ท่านเฉิงซุนยิ้มอย่างอ่อ

  • ตามเย้ารักดอกฝูหรง   บทที่ 17 ศึกครั้งใหญ่

    เสียงต่อสู้ดงกึกก้องไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ยามนี้กองทัพแคว้นเซี่ยกำลังสู้รบกับกองทัพของเกาข่ายอย่างไม่กลัวตาย พวกเขาใช้สมุนไพรพิษที่ไต้ฝูหรงมอบให้นำไปอาบย้อมบนอาวุธ ก่อนจะเข้าห่ำหั่นกับศัตรู กงเหล่ยควบม้าห้อตะบึงอยู่ท่ามกลางซากศพของเหล่าทหารทั้งสองฝ่าย ใบหน้าหล่อเหลามีโลหิตสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนเป็นวงกว้าง ขับเน้นให้ใบหน้าเย็นชาของเขาดูดุดันขึ้นไปอีกหลายเท่าวิธีของไต้ฝูหรงนั้นใช้ได้ผล ทหารของฝ่ายตรงข้ามเพียงถูกพิษนั้นเข้าสู่โลหิตไม่นานก็ค่อยๆอ่อนแรงและล้มตายลงไปในที่สุด เพียงไม่นานกำลังทหารของเกาข่ายก็ลดลงไปมากกว่าครึ่งเกาข่ายมองภาพเบื้องหน้าด้วยแววตาตื่นตระหนก เห็นๆอยู่ว่าแรกเริ่มนั้นเขาเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่แท้ๆ แต่แล้วเหตุใดสถาณการณ์จึงพลิกผันเช่นนี้เล่าชายหนุ่มกัดฟันกรอด พลางมองไปเบื้องหน้า "ห้ามถอย ต้องตัดหัวกงเหล่ยและสังหารทหารแคว้นเซี่ยให้จงได้!"เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ พลางกำมือแน่น ชายหนุ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติแต่ไม่รู้ว่าผิดปกติตรงที่ใด เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดวันนี้ทหารแคว้นเซี่ยจึงใช้ผ้าปิดบังใบหน้าเอาไว้ครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นเพียงดวงตา หรือว่าพวกมันกลัวตาย หากว่าเจ้าน

  • ตามเย้ารักดอกฝูหรง   บทที่ 16 สมุนไพรพิษ

    ไต้ฝูหรงมุ่งหน้ามายังภูเขาลูกหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับวัดบนเขา ห่างจากเมืองหลวงของแคว้นเซี่ยมาไม่ไกลมากนัก ฮูหยินผู้เฒ่าให้เหล่าทหารติดตามมาพร้อมสาวใช้อีกหลายคน ไม่นานรถม้าก็หยุดลง ไต้ฝูหรงจึงรีบลงจากรถม้าพร้อมกับเอ่ยกำชับสาวใช้และทหาร"พวกเจ้าคงจำลักษณะของสมุนไพรที่ข้าบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้แล้ว รีบเก็บมาให้มากหน่อย ยิ่งมากยิ่งดี เข้าใจหรือไม่"เหล่าสาวใช้และเหล่าทหารต่างพยักหน้ารับ ก่อนจะรีบแยกย้ายกันไปเก็บสมุนไพรตามที่เจ้านายของตนสั่ง ไต้ฝูหรงเองก็เดินขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรหลายอย่างมาเพิ่มเช่นเดียวกัน นางสะพายกระบุงไว้บนหลังตน และเก็บสมุนไพรอย่างรวดเร็ว เหล่าสาวใช้และทหารต่างมองนางด้วยสายตาที่ตกตะลึง นายหญิงของพวกเขายามปกติดูบอบบางและน่าทะนุถนอมยิ่ง แต่ในยามนี้กลับดูแข็งแรงและว่องไวมาก แรกเริ่มพวกเขาต้องขึ้นลงเขาเพื่อหาสมุนไพรจึงรู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน แต่เมื่อได้เห็นว่านายหญิงยังไม่บ่นสักคำ อีกทั้งยังไม่มีท่าทีเหน็ดเหนื่อย พวกเขาจึงมีแรงใจมากยิ่งขึ้นใช้เวลาไม่นานก็สามารถเก็บสุมนไพรที่ต้องการได้สำเร็จ ไต้ฝูหรงยิ้มด้วยความดีใจ ก่อนจะรีบเดินทางกลับจวน จากนั้นจึงจัดการล้างทำความส

  • ตามเย้ารักดอกฝูหรง   บทที่ 15 ออกรบ

    กงเหล่ยรีบเปลี่ยนมาสวมชุดเกราะ ก่อนจะมุ่งหน้ามายังค่ายทหารในช่วงกลางดึก เมื่อมาถึงก็พบว่าตอนนี้เหล่าทหารต่างเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว สีหน้าทุกคนมีความมุ่งมั่นปรากฏชัดบนใบหน้า ไม่มีความเกรงกลัวใดใดให้เห็นเลยแม้แต่น้อย มีเพียงความฮึกเหริมและพร้อมออกรบเพื่อปกป้องแว่นแคว้น กงเหล่ยยืนอยู่เบื้องหน้าเหล่าทหาร ในมือถือดาบเอาไว้ แววตาฉายแววมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งเกาฮ่องเต้ไม่มีทางปล่อยแคว้นเซี่ยไป อีกทั้งยังไม่มีทางยอมให้คนตระกูลกงเหลือหนทางรอด ศึกครานี้หนักหนาไม่น้อย อีกทั้งอาจจะต้องสูญเสียกำลังพลไปไม่น้อยเลย แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาย่อมไม่อาจถอย หลายปีที่หลบซ่อนตัวเขาได้ซ่องสุมกำลังทหารลับเอาไว้ร่วมหลายแสนนาย ยามนี้ถึงเวลาที่จะต้องเรียกออกมาใช้งานแล้ว"ศึกครานี้ใหญ่หลวงนัก แต่ข้าเชื่อว่าพวกเราทุกคนจะผ่านมันไปได้ ขอให้พวกเจ้าเชื่อมั่นในตัวข้า เชื่อมั่นในตัวเอง ช่วยกันปกป้องแว่นแคว้นและขจัดคนชั่วไปให้หมดจากแผ่นดินนี้เสีย!"ทันทีที่กงเหล่ยเอ่ยจบเหล่าทหารต่างชูดาบขึ้นสูง พลางตะโกนกู่ร้องก้องแผ่นดินแคว้นเป่ยและแคว้นฉีบุกประชิดชายแดน อีกทั้งยังยึดเมืองด่านหน้าสำคัญต่างๆของแคว้นเซี่ยไปได้หลายเมือง และ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status