เขาจะเหยียบให้พีเจจมลงไปยิ่งกว่าที่เอ็นเจดับบิลเคยเจอ!
นักธุรกิจหนุ่มวางซองเอกสารสีน้ำตาลลงบนโต๊ะทำงาน ใบหน้ามีสีสันเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผน แผ่นหลังกว้างเอนไปด้านหลังพิงพนักเก้าอี้ตัวใหญ่ นัยน์ตาสีดำขลับมองลูกน้องคนสนิท
“มีอะไรอีกหรือเปล่า ถ้าไม่...”
“มีครับ เรื่องคุณภัทรให้ผมตามสืบเกี่ยวกับลูกสาวของ...” ครรชิตหยุดพูดเพียงเท่านั้น เพราะไม่กล้าเอ่ยชื่อคนซึ่งอาจจะทำให้บรรยากาศภายในห้องเปลี่ยนไป
อ้อ! นี่ก็ผ่านมาเป็นเดือนแล้วกับ ‘เหตุการณ์’ ในคลับของธาดา เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับงานจนลืมไปเสียสนิทว่าเคยสั่งลูกน้องสืบเรื่องของเธอ
“ฉันเกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย ได้ความว่าไงบ้าง”
“เท่าที่ผมเห็นเธอไม่เคยเข้าบริษัทพีเจครับ แต่ไปมหาลัยคุณเจตอาทิตย์ละสามหรือสี่ครั้งแทน”
“หื้ม! มหาลัยไอ้เจตงั้นเหรอ”
“ครับ เธอเป็นครูสอนพิเศษที่นั่น”
นอกจากการเอาคืนพีเจ ชายหนุ่มก็แทบไม่สนใจเรื่องความเป็นมาของครอบครัวนั้นเลย เขารู้เพียงว่าสมาชิกทั้งหมดมีใครบ้าง น้องสาวทำงานอยู่ด้วยกันส่วนภรรยาก็อยู่แต่ในบ้าน
ส่วน ‘ลูกสาว’ สุดที่รักก็แทบจะไม่มีใครได้เห็น คงรักมากถึงได้เลี้ยงอย่างตามใจให้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ กรามแกร่งขบเข้าหากันแน่น
ย้อนกลับมาคิดเมื่อครั้งผู้เป็นพ่อยังอยู่ ท่านก็ตามใจเขาเช่นนี้เหมือนกัน
ทว่าหลังจากได้เจอกับหญิงสาวโดยบังเอิญในวันนั้น ณภัทรก็มีแผนใหม่ขึ้นมา!
ครรชิตเริ่มเหงื่อซึม เมื่อสีหน้าของเจ้านายเปลี่ยนไป ต้องรีบออกไปจากห้องนี้เสียแล้ว
“เอ่อ...คุณภัทรจะให้ผมจัดการเรื่องของพีเจต่อเลยไหมครับ”
“ยังไม่ต้อง! ปล่อยไปก่อน เหลือแค่งานเล็ก ๆ ไม่ได้สำคัญอะไร ป่านนี้คงจะนั่งแทบไม่ติดที่กันแล้วมั้ง ไม่มีอะไรแล้วนายออกไปได้”
“ครับคุณภัทร” เฮ้อ! รอดตัวไป ครรชิตหมุนตัวรีบเดินออกจากห้องทำงานของณภัทรอย่างรวดเร็ว
คล้อยหลังลูกน้องไปแล้ว นัยน์ตาคมลึกล้ำก็เผยความเจ้าเล่ห์ออกมา การจะทำให้นายไพศาลเสียใจ ไม่จำเป็นต้องมุ่งเป้าไปที่เจ้าตัวเสียเมื่อไหร่ และคิดว่าน่าจะทำให้ทางนั้นเต้นตามได้มากกว่านี้แน่!
ภายในห้องปฏิบัติการศิลปะการแสดง
ของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง ท่วงท่าอ่อนช้อยสวยงามยามร่างกายเคลื่อนไหว อาจารย์สาวผู้มีใบหน้าสวยหวาน รอยยิ้มยังคงแต่งแต้มตลอดเวลา เธอกรีดกรายร่างอรชรไปมาในท่วงท่าต่าง ๆ นี่คือเสน่ห์ทำให้ลูกศิษย์ทั้งชายและหญิงต่างก็ยิ้มตามไปด้วย แพรวพรรณ วีรกุล ครูสอนพิเศษด้านการแสดงวัย 22 ปี หยุดในท่าสวยงามจากนั้นเสียงปรบมือก็ดังขึ้นตามมา
“จำกันได้ใช่ไหมแยกย้ายกันไปซ้อมได้เลยนะ” หลังจากเดินออกมาจากหน้าห้อง แพรวพรรณก็หันมาบอกกับลูกศิษย์
“ผมยังไม่มีคู่ซ้อมเลยอาจารย์มาเป็นคู่ให้ผมหน่อยได้ไหมครับ” นักศึกษาชายยกมือขึ้นบอก
“ก็สลับเอาสิ ถ้าครูไปเป็นคู่ให้นายแล้วคนอื่นล่ะจะว่าไง” คำตอบของเธอทำให้คนอื่น ๆ พยักหน้าเห็นด้วย
เพราะถ้าหากว่าเป็นคู่ให้ใครคนหนึ่งแล้ว ส่วนที่เหลือก็จะเรียกร้องเหมือนกัน ฉะนั้นจึงไม่มีเรื่องไปเป็นคู่ซ้อมให้กับลูกศิษย์คนไหน ใช้วิธีให้สลับคู่ซ้อมกันซึ่งการทำเช่นง่ายกว่าเยอะ
“ก็ได้ครับ” ชายหนุ่มหน้ามุ่ยแต่ก็ยอมทำตาม
ส่วนคนอื่น ๆ เมื่อทุกอย่างเคลียร์แล้วเรียบร้อย ก็แยกย้ายกันไปซ้อมตามมุมต่าง ๆ โดยมีสายตาคู่หวานของครูสาวคอยสังเกตการณ์
2 ชั่วโมงต่อมา
หลังจากสอนครบชั่วโมงก็ได้รับข้อความให้เข้ามาพบผู้อำนวยการของมหาลัย
ตอนนี้เธอก็นั่งอยู่ภายในห้องทำงานเขาแล้ว
ผู้อำนวยการหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาเฉียวคมคู่นั้นกำลังมองแพรวพรรณยังส่งยิ้มหวานเหมือนเช่นเคย
“สอนเป็นไงบ้างเด็ก ๆ ดื้อหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะพี่เจต ทุกคนน่ารักมาก”
อันที่จริงแพรวพรรณจะต้องเรียกเจตว่า ผอ. แต่เป็นเพราะว่าชายหนุ่มได้ขอให้เรียกแบบนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่าอายุไม่ได้ห่างกันเท่าไหร่ อีกอย่างอาจารย์ของเธอและอาของเขาก็เป็นเพื่อนรักกัน หญิงสาวจึงไม่ได้ขัดเรื่องนี้
“พี่ขอบใจแพรวมากนะที่มาช่วยสอนพิเศษให้กับเด็ก ๆ”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ แพรวไม่ได้ทำงานที่ไหนอยู่แล้ว”
นี่เป็นเหตุผลที่เจตชอบในตัวของแพรวพรรณ ไม่ถือตัวแล้วยังน่ารักอีกด้วย
แต่ก็เข้าถึงยากเหลือเกิน!
“วันนี้แพรวว่างไหมไปกินข้าวกัน”
ณภัทรเดินเข้าไปหาผู้เป็นแม่ซึ่งนั่งอยู่มุมประจำ หลังจากไม่ได้เข้ามาหาท่านเสียหลายวัน ทางด้านอารยาเมื่อเห็นดังนั้นก็ยิ้มตอบรับบุตรชายด้วยใบหน้าแช่มชื่น วงแขนเล็กยื่นออกไปหาร่างสูงของเขาในทันที“กลับบ้านถูกแล้วสินะลูกคนนี้”“ทางยังเหมือนเดิมอยู่นะครับแม่”“เดี๋ยวนี้รู้จักโต้ตอบแม่แล้วนะ”เขายิ้มให้กับถ้อยคำของท่านเพียงเท่านั้นก็นั่งลงข้าง ๆ กัน“ขนมขายดีไหมครับ”“ได้เรื่อย ๆ นั่นแหละ”ณภัทรก้มหน้ามองมือนุ่มเริ่มเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น หลายวันมานี้เขาคิดมาตลอดว่าจะเริ่มต้นบอกเรื่องราวทั้งหมดให้ผู้เป็นแม่ได้เข้าใจอย่างไรดี“มีอะไรหรือเปล่า” สายตาของลูกชายทำให้อารยาต้องเอ่ยถาม“ผมมีเรื่องจะคุยกับแม่ครับ”“มีเรื่องอะไรไม่สบายใจอย่างนั้นเหรอ หรือเพราะไม่ได้งานใหญ่นั้น”“ไม่ใช่ครับ แต่ถึงไม่ได้งานแม่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกครับ บริษัทยังมีสินค้าตัวอื่นอยู่ ที่ผมจะบอก คือ...ผมรักผู้หญิงคนหนึ่งครับ” หลังจากที่พูดจบณภัทรก็เริ่มมองปฏิกิริยาของผู้เป็นแม่ว่าจะแสดงออกมาอย่างไร“จริงเหรอลูก จริงจังหรือเปล่า เธอเป็นใคร พาเข้ามาหาแม่หน่อยสิ” ความตื่นเต้นทำให้อารยาตั้งคำถามมากมาย เป็
ธาดาเดินขึ้นมายังชั้นบนของบ้านหลังใหญ่ด้วยความเหนื่อยอ่อน คำพูดของชาทำให้นึกเป็นห่วงเขมจิรา เธอไม่ยอมทานข้าวอีกแล้วเขาหมุนลูกบิดประตูเปิดเข้าไปในห้องของเธอนัยน์ตาราบเรียบทอดมองเรือนร่างใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งข้างเจ้าของเตียงกว้างใบหน้าเหนื่อยล้าก้มต่ำ ต้องการพลังจากริมฝีปากหยักสวยของคนตรงหน้าเหลือเกินแต่ทว่ายังไม่ทันได้สัมผัสเรียวปากนุ่ม เขมจิราก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาเสียก่อน“ชู่ว์...ผมเอง” เสียงแผ่วเบากระซิบบอก“คุณ...มาตั้งแต่เมื่อไหร่” เสียงสั่นเอ่ยถามหลังจากเรียกขวัญตนเองกลับมา คิดว่าโดนผีหลอกเข้าให้แล้ว“สักพักนี่เอง ชาบอกว่าคุณไม่กินข้าวทำไมดื้ออีกแล้วล่ะ” ธาดาล้มตัวลงนอนเคียงข้างเธอ“ชาไม่ได้บอกเหรอว่าฉันยังกินนม”“แค่นมมันจะไปอิ่มท้องอะไร ที่รัก” ธาดาขยับตัวแนบชิดเรือนร่างนุ่มนิ่ม‘ที่รัก’คำนี้ทำให้หัวใจเต้นแรงเมื่อก่อนไม่เห็นเคยเป็นอย่างนี้นี่น่า“เอ่อ...ฉันไม่หิว คุณพึ่งกลับมาเหนื่อย ๆ กลับไปนอนห้องคุณดีกว่าไหม” พูดออกไปแล้วก็อยากจะตีตัวเองแรงสักที“คุณไล่ผม?” ธาดาขยับตัวออกห่างแต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น“เปล่า แค่เห็นว่าคุณมาน่าจะเหนื่อยมากนอนห้องใหญ่น่าจะดีกว่
เหนือน่านฟ้าภายในห้องผู้โดยสารธาดาและดิวกำลังปรึกษากันอย่างเคร่งเครียด เวลานี้มีเพียงบุคคลเดียวที่สามารถเรียกคืนอำนาจกลับมาให้พวกเขาได้“พวกมันรู้เห็นกันหมดเลยสินะ” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นลูกน้องของดิวส่งข่าวมาบอกตอนนี้อีกฝ่ายได้ดึงผู้ร่วมลงทุนไปได้เกินครึ่งแล้ว ถึงแม้จะไม่ได้มีผลต่อหุ้นมากนักแต่หากเสียงเอนเอียงไปมากขนาดนี้ก็มีสิทธิ์ที่อีกฝ่ายจะเอาข้อนี้ มาทวงตำแหน่งคืนจากเขาได้“กูถึงบอกมึงไงว่าพวกนั้นมันเขี้ยวลากดินกันทั้งนั้น” ที่ผ่านมาเขาคอยสอดส่องพฤติกรรมของเจ้าของกาสิโนคนเก่าอยู่เสมอ เพราะไม่เคยไว้ใจพวกจิ้งจอกนี้เลยแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเพลี่ยงพล้ำจนได้“มันลงมือได้เร็วแบบนี้แสดงว่าได้วางแผนกันไว้แล้วตั้งแต่แรก”“ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ที่มันยอมเซ็นให้เราเพราะคิดไว้อยู่แล้วถ้าเป็นมัน คนอื่นต้องยอมแน่”“แล้วลูกน้องมึงว่าไงบ้าง”“ไม่ต้องห่วงพวกนั้น กูผิดเองที่ไม่จัดการขั้นเด็ดขาดกับมันไปซะ” นึกมาถึงจุดนี้ ดิวถึงกับขบกรามแน่น ตัวเองตีงูแค่พอหลังหักผลสุดท้ายมันก็แว้งกลับมาทำร้ายธาดาละจากเครื่องมือสื่อสารหันไปมองเพื่อนด้วยสีหน้าอ่อนลง“มึงไม่ได้ผิด พวกมันแค่ไม่ยอมรับความจริงต่างหาก บริหาร
ณภัทรขยับตัวเมื่อรู้สึกถึงความเมื่อยล้าของท่อนแขน สายตาคมเหลือบมองด้านข้างจากนั้นมุมปากก็ยกขึ้นเมื่อเห็นใบหน้านวลเนียนเป็นเพราะมีหัวเล็กหนุนอยู่นี่เองถึงได้รู้สึกชาอย่างนี้ เขาดันตัวขึ้นนั่งดึงแขนออกมาโดยไม่ให้รบกวนอีกคน อยากตื่นขึ้นมาแล้วเห็นแพรวพรรณนอนเคียงข้างแบบนี้ทุกวันเหลือเกิน“คงเหนื่อยมากเลยสินะ พี่ไปอาบน้ำก่อนนะครับ” เสียงทุ้มบอกกับคนที่ยังหลับสนิท หย่อนขาลงจากเตียง หยัดกายลุกขึ้นแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป“อืม...” เสียงแผ่วเบาครางผ่านลำคอเมื่อเริ่มรู้สึกตัว เธอมองหาอีกคนว่าหายไปไหน ได้คำตอบเมื่อเขาเปลือยท่อนบนเดินออกมาจากห้องน้ำ“ตื่นแล้วเหรอครับ”“ค่ะ พี่ตื่นนานแล้วเหรอ”“สักพักนี่เอง ทำไมตื่นเร็วนักล่ะ” ณภัทรหย่อนตัวลงนั่งข้างเจ้าของใบหน้าหวาน เขาก้มไปหอมแพรวพรรณฟอดใหญ่“จะนอนต่อหรือลุกไปอาบน้ำ” เมื่อยังเห็นร่องรอยความอ่อนเพลียเขาจึงเอ่ยถามด้วยสุ้มเสียงนุ่มนวล“อาบน้ำ บ่ายนัดกับเขมไว้จะไปคุยเรื่องงานกันค่ะ”“ทำงานต่อเลยเหรอ ไหวหรือเปล่า”พอได้ยินอย่างนั้นแพรวพรรณก็ขยับตัว ผุดลุกนั่งเคียงคู่กับณภัทรก็ถูกลำแขนใหญ่โอบกอดทันทีเช่นกัน“ดื่มได้ก็ต้องทำงานได้สิ หรือพี่ไม่เชื่อ?” เธอ
ท่ามกลางความมืดมิดของถนนหนทาง รถยนต์หรูคันหนึ่งกำลังขับเคลื่อนทะยานมุ่งหน้าไปสู่ถนนสายเล็ก แสงไฟจากสองฟากฝั่งสะท้อนเข้ามาภายใน เห็นเรือนร่างชายหญิงคู่หนึ่งนั่งอิงแอบกันอยู่ด้านหลังแพขนตางอนยาวปิดลงเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์สร้างความมึนเมาจนร่างกายเอนเอียงยังดีมีลำแขนแข็งแกร่งโอบกอดพยุงไม่ให้ล้มไปกองที่เบาะแม้ว่าสติจะเลือนรางทว่าก็พอจำเส้นทางนี้ได้เป็นอย่างดี ณภัทรไม่ได้จะพาเธอกลับไปส่งบ้านนั่นเพราะได้มุ่งหน้าไปยังบ้านพักส่วนตัวของเขาต่างหากตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอซ่อนความรู้สึกถวิลหาณภัทรเอาไว้จนลึกสุดใจ ต่อให้รักเขามากแค่ไหนก็ไม่อาจทรยศพ่อผู้ล่วงลับไปได้แล้วยังมีแม่และอาสาวยังคงเจ็บปวด ใครเลยจะล่วงรู้ทุกค่ำคืนในความทรงจำมันย้อนกลับมาทำร้ายเธอเจ็บปวดมากแค่ไหนหรือแม้แต่การพบเห็นณภัทรผ่านสื่องานสังคมซึ่งเลี่ยงไม่ได้ยิ่งก่อให้เกิดความโหยหาเขามากขึ้นแพรวพรรณขยับร่างกายเมื่อความรู้สึกเหล่านั้นสะท้อนเข้ามาเกาะกุมหัวใจอีกครั้ง“เมื่อยหรือเปล่า” โทนเสียงอบอุ่นเอ่ยถาม สายตาพิสมัยมองใบหน้าหวาน“ไม่”“ไม่โกรธใช่ไหมที่พี่ไม่พากลับบ้าน พาแพรวมาที่นี่”“แล้วถ้าแพรวบอกว่าโกรธพี่จะพาแพรวกลับไหม”“ไม่อย
คล้อยหลังพ่อเลี้ยงเมธาไป เขมจิราก็หันมามองค้อนคนที่ยืนอยู่ด้านข้างวงแขนกว้างยังโอบกอดเธอไว้ไม่ห่าง เข้าใจอยู่หรอกว่าหวงมากแต่เมื่อครู่ไม่เกินไปหน่อยเหรอน่าจะรู้หากเกี่ยวกับงานตนเองจริงจังมากแค่ไหน ทำไมถึงไม่อะลุ่มอล่วยให้กันบ้าง พ่อเลี้ยงเมธาก็ไม่ได้มีท่าทีหยาบคายกับพวกเธอสักหน่อย พอคิดมาถึงจุดนี้ดวงตากลมโตก็ยิ่งทอแสงวาวโรจน์มากขึ้นไปอีกทว่าเพียงไม่นานเขมจิราก็สะบัดหน้าหลบสายตาเรียวคมไปอีกทาง ในแววตาคู่นั้นพอจ้องนานทำหัวใจหวั่นไหวอย่างไม่น่าให้อภัยเลยจริง ๆ!และดูเหมือนว่าไม่ได้มีแค่ตนเองหรอกที่ถูกคุมเข้มแพรวพรรณก็ไม่ต่างกัน ชายหนุ่มข้างกายทั้งตีหน้าเคร่งขรึม แล้วยังเอ่ยพึมพำอยู่เนือง ๆ อีกด้วยครั้นจะเข้าไปช่วยแก้ต่างให้แค่ตัวเองยังเอาตัวไม่รอดเลย ดังนั้นเขมจิราจึงเดินกลับมาทิ้งตัวลงนั่งอยู่ตำแหน่งเดิมโดยมีธาดาเดินตามมาหย่อนสะโพกนั่งตรงขอบพนักโซฟาด้านข้างครึ่งชั่วโมงให้หลัง“จะกลับหรือยังคุณเมาแล้วนะเขม”“คุณอยากกลับก็กลับไปก่อนสิฉันกลับกับชาก็ได้”“ไม่เอาน่าที่รัก” เขาก้มลงไปกระซิบข้างใบหูสวยสายตาเรียวคมกวาดมองไปโดยรอบเวลานี้ผู้คนเริ่มบางตาไปมากจนกระทั่งมาหยุดที่ณภัทร มาเฟียหนุ่