แชร์

ตอนที่ 4

ผู้เขียน: Scince
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-18 18:53:55

ตั้งแต่กลับมา นางยังไม่เคยได้เข้าไปทำความเคารพบิดาผู้ให้กำเนิดเลยสักครั้ง เพราะเขาถูกเรียกตัวเข้าวัง เป็นเวลาเกือบเจ็ดวันแล้วที่ยังไม่กลับเข้าจวน แต่เดิมทีบุตรสาวจะได้พบหน้าบิดาก็เป็นเรื่องยากพอสมควร เนื่องจากหญิงชายมีการเว้นช่องว่างให้กันอย่างชัดเจน แม้กระทั่งคนในครอบครัวก็ไม่ละเว้น ทุกอย่างเข้มงวดกวดขันมาก

“คุณหนูเจ้าคะ นายท่านกลับมาแล้ว พ่อบ้านหลี่มาเชิญคุณหนูให้เข้าไปพบเจ้าค่ะ”

หลี่เจียวฝึกคัดอักษรในห้องนอนส่วนตัว เมื่อก่อนตอนที่อยู่ชนบทกระดาษและหมึกเป็นของราคาแพง มารดากลับไม่นึกตระหนี่ถี่เหนียวกับสิ่งของพวกนี้เลยสักนิด ทว่านางผู้เป็นลูกเห็นมารดาแอบปักผ้าตอนกลางคืนเพื่อหาเงินมาใช้จ่ายส่วนนี้ก็รู้สึกปวดใจทุกครั้งที่ต้องคัดอักษรเพื่อให้มารดาได้ชื่นชม

ทุกครั้งที่วาดพู่กันไปบนกระดาษ นางจึงตั้งใจมากเป็นพิเศษ    เพื่อไม่ให้คัดผิดแม้แต่ตัวเดียว มาบัดนี้จวนราชครูมั่งคั่ง ทั้งยังเป็นที่    โปรดปรานขององค์ฮ่องเต้ ไหนเลยจะมานั่งเสียดายสิ่งของเหล่านี้เล่า

“อืม”

ผู้เป็นนายคัดตัวอักษรสุดท้ายเสร็จ ฉินซินเหลือบเห็นว่าอักษร    ตัวสุดท้ายปลายพู่กันที่ตวัดนั้นดูสั่นเล็กน้อยไม่พลิ้วไหวเหมือนตัวอื่น ๆ นั่นบ่งบอกได้ว่าอารมณ์ของคุณหนูในตอนนี้ไม่คงที่ แม้ว่านางจะรักษาสีหน้าให้ดูสงบนิ่งเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลยก็ตาม

ใบหน้าเรียวงามกระจ่างใส ต่างจากเมื่อครั้งที่มาถึงใหม่ๆ เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง คล้ายว่ากำลังจ้องมองไปที่ไกลแสนไกล สิบปีแล้วที่นางไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงของบิดา ในความทรงจำของเด็กวัยห้าขวบ บิดาของนางเป็นบุรุษผู้เคร่งครัดในจารีตมากที่สุด ซื่อสัตย์เถรตรง จึงเป็นที่ต้องใจของฮ่องเต้

หากท่านพ่อของนางในครั้งก่อนไม่ใจร้อน สืบหาความจริงอีกสักนิด บางทีมารดาของนางอาจจะไม่ต้องจบชีวิตลงด้วยวัยเพียงเท่านี้ เมื่อนึกถึงว่ามารดาต้องเจอกับอะไรบ้าง ไฟแค้นภายในใจก็สุมขึ้นมาเป็นกองใหญ่ยากจะดับมอดลงได้ภายในวันเดียว

ไปดูสักหน่อยก็ดี บุรุษที่ถูกผู้อื่นชื่นชมว่าสมควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ทว่าภายในนั้นเน่าเฟะมากเพียงใดยากจะหยั่งรู้

ร่างอ้อนแอ้นอรชรเดินหลังตรง กลีบกระโปรงไม่ขยับ แม้กระทั่งต่างหูทั้งสองข้างก็ไม่ไหวติง เมื่อเข้ามาถึงห้องโถงใหญ่ ก็พบเข้ากับบุรุษท่านหนึ่ง รูปร่างสูงใหญ่น่าเกรงขาม แต่ยังมีกลิ่นอายของบัณฑิตผู้แกร่งกล้าวิชาเรียน ดูอย่างไรก็เป็นผู้มีความรู้แตกฉานท่านหนึ่ง

“หลี่เจียวคารวะฮูหยินผู้เฒ่าขอให้มีสุขภาพแข็งแรง ท่านราชครู ฮูหยินรองเจ้าค่ะ” พูดจบก็ยอบกายอยู่อย่างนั้นไม่ได้ลุกขึ้นในทันที ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นข้าง ๆ ราวกับว่ารอคอยเวลานี้มาสักพักแล้ว

“หลี่ถิงคารวะท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่เจ้าค่ะ” ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นผู้ใด หลี่เจียวไม่ไหวติง ยังคงยอบกายอยู่อย่างนั้น

ผู้ใหญ่ทั้งสามได้แต่มองหน้ากันไปมา ภายในใจรู้สึกอย่างไรนั้นยากจะกล่าว ท่านราชครูที่ไปรับมือกับอารมณ์แปรปรวนของฮ่องเต้ เมื่อได้ยินบุตรสาวที่เคยเฝ้าถนอมฟูมฟักมาตั้งแต่ยังเยาว์ กับบุตรสาวคนรองที่ขี้อ้อนเอาใจ ก็รู้สึกปวดหนึบที่หัวใจ ยากจะเอ่ยเรื่องสำคัญกับบุตรทั้งสองออกมาได้

“ลุกขึ้นเถอะ” ฮูหยินผู้เฒ่าเหมือนจะได้สติก่อนบุตรชาย        ส่วนฮูหยินรองนั้นแอบลอบเบ้มุมปากคนเดียวเบาๆ กับความแตกต่างของหญิงงามทั้งสอง

หลี่เจียว ได้ความสง่าจากบิดามาแบบไม่ต้องสงสัย รูปร่างของนางสูงโปร่ง ผอมบาง ทว่าก็เหมาะแล้วสำหรับสตรีที่ยังไม่ออกเรือน

หลี่ถิง บุตรสาวของนางนั้น แม้ว่าจะสูงไม่เท่าหลี่เจียว ทว่าใบหน้าและผิวพรรณนั้นดูกระจ่างใสกว่ามากนัก หรือจะพูดให้เข้าใจได้ง่ายมากขึ้น คือมีราศีของคุณหนูผู้สูงศักดิ์มากกว่า

“ขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่า/ขอบคุณท่านย่าเจ้าค่ะ” ทั้งสองคนพูดขึ้นพร้อมกัน จากนั้นหลี่ถิงก็เดินไปนั่งยังตำแหน่งคุณหนูใหญ่ด้วยความเคยชิน

หลี่เจียวเห็นอย่างนั้นก็ชะงักฝีเท้าเอาไว้ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม แล้วหันไปพูดกับน้องสาวต่างมารดาด้วยน้ำเสียงชวนฟังว่า

“น้องรองคงนั่งผิดที่กระมัง” หลี่เจียวพูดเสียงระคนเอ็นดูน้องสาวอยู่หลายส่วน ที่นางเลอะเลือนไม่รู้จักตำแหน่งของตนเอง

“อันใดกันพี่ใหญ่เย้าข้าเล่นแล้ว ที่ตรงนี้ข้านั่งมาตั้งแต่จำความได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะนั่งผิด” หลี่ถิงส่ายหน้าเบาๆ ด้วยความขบขัน แม้จะรู้ว่า ตรงนี้คือที่นั่งของคุณหนูใหญ่ แต่แล้วผู้ใดจะสนกันเล่า ในเมื่อตลอดสิบปีที่ผ่านมา นางก็ถูกทุกคนปรนนิบัติไม่ต่างจากคุณหนูใหญ่ของสกุลหลี่

“เช่นนั้นหรือ ข้าคงเลอะเลือนไปเอง จากบ้านไปนานไม่ได้ติดตามกฎของสกุลหลี่ ว่ามีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไปบ้าง” หลี่เจียวพยักหน้าพูดจบแล้ว แต่ยังคงยืนอยู่ไม่ยอมหาที่นั่ง

ท่านราชครูที่ถูกเบื้องบนบีบบังคับมา ก็รู้สึกเส้นเลือดปูดขึ้นมาในทันใด เดิมทีอยากจะทักทายบุตรสาวคนโตก่อนสักสองสามประโยค แล้วค่อยเข้าเรื่องสำคัญ ทว่าตอนนี้มาเห็นฉากพี่น้องแย่งที่นั่งกัน แล้วรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างยากจะระงับ

“ก็แค่ที่นั่ง เหตุใดต้องขุ่นเคืองกันถึงเพียงนี้ เจ้าเพิ่งมาอย่าก่อเรื่องเหมือนแม่เจ้าได้หรือไม่ จะนั่งตรงที่ใดก็นั่งเถิด” ท่านราชครูพูดขึ้นอย่างโมโห

หลี่เจียวพยักหน้าเข้าใจอย่างว่าง่าย จากนั้นก็นั่งลงข้างๆ บิดา   ซึ่งเป็นตำแหน่งของบุตรชายผู้สืบทอด

“เจ้า” ราชครูเบิกตากว้าง อยากจะพ่นไฟใส่ลูกสาวที่มิรู้ความผู้นี้ ต่ำช้าไร้การศึกษาที่สุด

“ไม่ได้หรือเจ้าคะ” หลี่เจียวถามด้วยสีหน้าใสซื่อ แม้จะรู้ว่ากระทำไม่เหมาะสม แต่การได้ยั่วโทสะของท่านราชครูหลี่ผู้สุขุมเยือกเย็นช่างสนุกเสียจริง

“เอาละ ๆ เข้าเรื่องเลยเถอะ เวลาไม่คอยท่าแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่าห้ามศึกย่อมๆ ของพ่อลูก เริ่มรู้สึกถึงความวุ่นวายที่กำลังจะคืบคลานเข้ามายังจวนราชครูแห่งนี้ในอีกไม่ช้า

ฮูหยินผู้เฒ่าปลอบใจตนเอง หลานสาวห่างจวนไปนาน ขาดผู้บ่มเพาะขัดเกลานิสัย ทำให้แสดงนิสัยเยี่ยงคนบ้านป่าเมืองเถื่อนนั้นออกมา แต่หลงลืมไปว่า เมื่อครั้งก่อนตนก็เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง อาศัยบารมีของบุตรชายคนโต ถึงได้ไต่เต้ามาเป็นฮูหยินตราตั้งได้

“เจียวเจียว เจ้าก็เรียกข้าว่าย่าอย่างที่ควรจะเรียกเถอะ” ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินหลานสาวทั้งสองเรียกขานแล้วกระดากอายจนถึงที่สุด จึงเป็นฝ่ายบอกกล่าวกับหลานสาวคนโต ก่อนที่คนทั้งจวนจะได้ยินกันไปมากกว่านี้

“เจ้าค่ะ ท่านย่า” หลี่เจียวขานรับอย่างว่าง่าย ต่างจากเมื่อครู่ที่มีท่าทีว่าไม่ยอมผู้ใด

ทางด้านฮูหยินรองนั้น ได้แต่หยิกแขนตัวเองเอาไว้ ไม่ให้เผลอหัวเราะออกมา เมื่อเห็นพฤติกรรมของลูกเลี้ยงและสีหน้าของสามีผู้สุขุม ถึงขั้นเก็บอารมณ์ไม่อยู่ คุณหนูใหญ่ผู้นี้ยังคงเจ้าอารมณ์เหมือนเดิม นอกจากนั้นยังยั่วโทสะผู้อื่นเก่งมากด้วยเช่นกัน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทวงคืน   ตอนที่ 54

    เมื่อร่างหนาล้มตัวลงนอน ซูเจียวก็นอนลงบ้างเช่นเดียวกัน แม้จะเตรียมตัวมาบ้างแล้ว ทว่านางก็ยังรู้สึกเกร็งอยู่มากเลยทีเดียว ไม่คิดไม่ฝันว่าบุรุษผู้นี้จะยังเลือกนางอยู่เห็นเขานอนสงบนิ่งไม่ไหวติง นางจึงใจกล้าขยับมือของตนเองไปสัมผัสฝ่ามือหยาบที่ร้อนผ่าว จากนั้นทั้งสองก็ประสานมือเข้าด้วยกัน ซูเจียวรู้สึกพอใจไม่น้อยกับท่าทางเช่นนี้ แต่ยังไม่ทันจะหลับตา ร่างหนาที่คิดว่าหลับไปแล้วก็พลิกตัวขึ้นคร่อมร่างของนางเอาไว้“องค์รัชทายาท” ซูเจียวเรียกชื่อเขาเสียงแผ่วเบา“ท่านพี่ อยู่ด้วยกันสองคนให้เจ้าเรียกข้าว่าท่านพี่ดังเช่นฮูหยิน จวนอื่นเรียกขานกัน อยู่กับเจ้าสองคนข้าก็จะเรียกเจ้าว่าฮูหยินเช่นเดียวกัน” เซ่าหมิงหยวนสบดวงตาดอกท้อคู่นั้น ใบหน้าของทั้งสองห่างกันเพียงลมหายใจกั้นเท่านั้น กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของใบชา ทำให้สมองของนางกระจ่างแจ้ง“เจ้าค่ะ ท่านพี่”สิ้นคำนั้นริมฝีปากร้อนที่อยู่ด้านบนก็เข้ามาประกบริมฝีปากหวานในทันที ความเร็วในการรุกล้ำเข้ามานั้นเริ่มจากจังหวะช้าเนิบนาบ ผ่านไปสักพักก็เพิ่มความหิวกระหายเข้าไป จนทำเอาสตรีใต้ร่างหายใจแทบไม่ทันเมื่อเห็นว่านางเริ่มประท้วง เขาก็ผ่อนแรงลง ละริมฝีปากออก แทะเ

  • ทวงคืน   ตอนที่ 53

    หลังจากที่ผ่านเรื่องราวความวุ่นวายมากมาย ก็ใกล้จะถึงกำหนดการวันอภิเษกสมรส ระหว่างองค์รัชทายาทและคุณหนูใหญ่สกุลหลี่ ซึ่งตอนหลังคนอื่นจะเรียกนางคุณหนูสกุลซู เนื่องจากหมอหลวงซูประกาศชัดเจนว่าหลี่เจียวเข้ามาเป็นคนของสกุลซู ชื่อของนางก็คือ ซูเจียว ซึ่งนางก็ชอบมากเช่นเดียวกันราชครูหลี่รู้ตัวว่าหมดความสำคัญในราชสำนัก อีกทั้งยังถูกหักหน้าเช่นนั้น ไม่สามารถอยู่ต่อในราชสำนักได้อีก จึงเขียนฎีกาลาออกยื่นถวายแด่ฮ่องเต้ ซึ่งเป็นไปตามคาด พระองค์ไม่ทรงคัดค้านเรื่องการลาออกของเขาเลยสักนิด“เจ้าลูกโง่ ลาออกก็แล้วไปเถิด เหตุใดต้องออกจากเมืองหลวง ไปด้วยเล่า” ฮูหยินผู้เฒ่าสู้ฟันฝ่ามาจนถึงขั้นนี้แล้ว นางไม่มีทางกลับไปตายที่บ้านเกิดให้คนอื่นหัวเราะเยาะเป็นอันขาดชื่อเสียงเงินทองที่สะสมมา ต้องพังพินาศเพราะสองแม่ลูกนั่น บัดนี้นางเพิ่งหูตาสว่าง หากไม่ใช่เพราะถูกจางซื่อเป่าหู มีหรือผู้เฒ่าหูตาพร่ามัวเช่นนางจะหน้ามืดเพียงนี้“ท่านแม่ เป็นเช่นนี้ถือว่าฮ่องเต้ทรงเมตตาแล้ว รัชทายาทแสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบพวกเรา ขืนทู่ซี้อยู่มีแต่จะเจ็บตัวเปล่า ๆ อีกอย่างเจียวเอ๋อร์ก็มีใจออกห่างจากพวกเรานานแล้ว หลายเดือนมานี้ที่น

  • ทวงคืน   ตอนที่ 52

    เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ได้กระอักเลือดออกมาแล้วรอบหนึ่ง ทำให้ครั้งนี้อาการของชินอ๋องน่าเป็นห่วง อีกทั้งหนึ่งเดือนที่ผ่านมาพักผ่อนน้อย ทั้งยังสู้รบ ทำให้ร่างกายและพละกำลังถดถอย“เจ้า” ชินอ๋องไม่มีแม้กระทั่งแรงจะเรียกชื่อหลานชายเสียด้วยซ้ำ“แต่ไม่ต้องห่วง เวลานี้บุตรชายที่รักของท่าน กำลังรออยู่ที่คุกหลวง โทษฐานลอบสังหารรัชทายาทเช่นข้า ท่านอาจจะคิดว่าเขานิสัยไม่เหมือนท่าน แต่ข้ากลับคิดว่า เขากล้าหาญกว่าท่านมากนัก เพราะกว่าที่ท่านจะกล้าลงมือก็นานนับสิบปี ตีเหล็กต้องตีตอนที่ยังร้อนเหมือนที่สวีเฮ่าทำ เพราะ ถ้ามัวแต่รอแบบท่าน สุดท้ายแล้ว เมื่อเหล็กเส้นนั้นหายร้อน นอกจากตีเป็นดาบไม่ได้ ปล่อยไว้นานวันเข้าสนิมก็เริ่มเกาะกิน เหมือนเช่นภายในใจท่านที่เกิดความลังเล” ดวงตาเซ่าหมิงหยวนฉายแววเหี้ยมโหดออกมา“ฮ่า ๆ อ๋องอย่างข้า ไม่จำเป็นต้องให้เด็กเมื่อวานซืนอย่างเจ้ามาชี้นำ หากพวกเจ้าสองพ่อลูกไม่ใช้แผนสกปรก มีหรือที่ข้าจะพ่ายแพ้ คนแพ้ไม่สามารถเรียกร้องสิ่งใดได้ ระหว่างข้ากับเจ้า ไม่สามารถอยู่ร่วมโลกกันได้ วันนี้ข้าผู้เป็นอ๋องอยู่ไม่สู้ตาย”พูดจบเซ่าเยี่ยนก็สั่งทหารที่ซุ่มอยู่โจมตีในทันที ทั้งสองฝ่ายต่าง

  • ทวงคืน   ตอนที่ 51

    ข่าวเรื่องอาการบาดเจ็บขององค์รัชทายาท ต่างคาดเดาไปต่าง ๆ นานา เนื่องจากว่าฮ่องเต้ทรงมีรับสั่ง ห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าเยี่ยมโดยเด็ดขาด แม้กระทั่งเสวียนกุ้ยเฟยและพระคู่หมั้นอย่างคุณหนูใหญ่สกุลหลี่เรื่องนี้ค่อนข้างเป็นประเด็นถกเถียงกันในราชสำนัก เหล่าขุนนางต่างหยิบยกถึงความมั่นคงของการสืบทอดบัลลังก์มาพูดกัน“เหลวไหล รัชทายาทบาดเจ็บ พวกเจ้าไม่เพียงไม่แสดงความภักดี แต่ยังแสดงออกว่าไม่เชื่อมั่นในสายตาของเราผู้เป็นฮ่องเต้ อีกอย่างเรายังไม่ตาย พวกเจ้าก็กังวลกันไปใหญ่โต เช่นนี้จะให้เราคิดเป็นอื่นได้อย่างไร” ฮ่องเต้ทรงพิโรธหนัก เหล่าขุนนางอกสั่นขวัญแขวนด้วยความกลัว รีบคุกเข่าขอความเมตตา ด้วยรู้ดีว่าโอรสสวรรค์ผู้นี้อารมณ์แปรปรวนยิ่งกว่าสตรี“ขอฝ่าบาทอย่าทรงพิโรธ พวกเราเพียงแต่คิดเผื่อเอาไว้เท่านั้น พ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีฝ่ายซ้ายพูดขึ้น“ความหวังดีของพวกท่านเรารับรู้ เพียงแต่อยากขอให้พวกท่านอย่าได้กังวล รัชทายาทบาดเจ็บครั้งนี้ โทษของตำหนักชินอ๋องยากเกินให้อภัยได้ จำเป็นต้องรีบจับกุมตัวชินอ๋องเข้ามารับโทษไปพร้อมกับคนในตำหนัก”ทางด้านรัชทายาทเซ่าหมิงหยวน แท้จริงแล้วเขาออกจากวังตั้งแต่คืนที่ได้รับบาดเจ็บแ

  • ทวงคืน   ตอนที่ 50

    เซ่าหมิงหยวนแม้ว่าจะรวดเร็วเพียงใด แต่ก็ยังได้รับบาดเจ็บจนได้ หนำซ้ำยังเป็นธนูที่อาบยาพิษอีกด้วยฮ่องเต้ทราบข่าวทรงพิโรธหนัก เร่งส่งองครักษ์เสื้อแพรพร้อมทั้งทหารในวังเข้าล้อมตำหนักชินอ๋องในทันที ไม่มีผู้ใดสามารถออกมาได้ ซื่อจื่อถูกขังไว้ในคุกหลวงรอวันลงอาญาจากนั้นออกราชโองการแต่งตั้งองค์ชายแปดเป็นองค์รัชทายาท พร้อมทั้งออกประกาศติดไปทั่วทั้งเมืองหลวง ตำหนักชินอ๋องก่อกบฏ ลอบสังหารองค์รัชทายาท มีโทษประหารเก้าชั่วโคตรข่าวนี้ค่อนข้างเป็นที่ฮือฮาของชาวเมืองหลวง ทุกคนต่างเก็บตัวเงียบ ปิดประตูบ้านเรือน ไม่มีแม้กระทั่งสัตว์สักตัวเดินอยู่บนถนนมีเพียงทหารเวรยามเดินสวนไปสวนมา เพื่อรักษาความสงบเท่านั้นทางด้านจวนราชครูต่างอกสั่นขวัญแขวนไปกับข่าวที่ได้ยิน ด้วยไม่คิดว่าซื่อจื่อจะกล้ากระทำการอุกอาจเช่นนี้ แม้กระทั่งชินอ๋องยังไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้มาก่อน“สวรรค์ นับว่าสกุลหลี่ยังพอมีวาสนาอยู่บ้าง หากเกี่ยวดองกับตำหนักอ๋อง มีหวังได้ถูกประหารเก้าชั่วโคตรไปด้วย” ฮูหยินผู้เฒ่ากลัวจนตัวสั่นเมื่อได้ยินข่าวจากบุตรชาย“ข้ายังต้องเร่งเข้าวัง ครั้งนี้ฝ่าบาททรงพิโรธหนัก องค์รัชทายาท ถูกพิษบาดเจ็บสาหัส น่าแปล

  • ทวงคืน   ตอนที่ 49

    พริบตาเดียวอีกเพียงสามวัน ก็ถึงวันงานอภิเษกสมรสระหว่าง องค์หญิงเก้าและซื่อจื่อ ทว่าที่ตำหนักชินอ๋องกลับไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆหลายวันที่ผ่านมานี้ พ่อบ้านอยากจะกรอกยาพิษใส่ปากตัวเอง วันละหลายร้อยรอบ ทว่ากลับทำไม่ลง เนื่องจากสงสารซื่อจื่อ อยู่ไม่สู้ตาย หลายวันที่ผ่านมาเขาจึงเป็นคนจัดการเตรียมงานทุกอย่าง ดีที่มีคนจากในวังเข้ามาช่วยจัดการ ทำให้ทุกอย่างเป็นระเบียบมากขึ้นงานอภิเษกองค์หญิงออกนอกวัง ไม่ยุ่งยากเท่ากับการรับพระชายาเข้าวัง เนื่องจากแต่งออกไปแล้วก็ถือว่าเป็นคนของตำหนักชินอ๋อง ถึงอย่างนั้นขั้นตอนและพิธีการต่าง ๆ ก็ถือว่าซับซ้อนมากกว่าคนทั่วไปมากนัก“ซื่อจื่อ องค์ชายแปดมาขอรับ” ต้าหลางลนลานเข้ามารายงาน“อืม” เขาไม่แปลกใจที่เห็นเซ่าหมิงหยวนมาที่นี่ ด้วยความสามารถของอีกฝ่ายแล้ว ย่อมสามารถหลบหลีกสายตาของเหล่าองครักษ์เงาได้เป็นอย่างดีเซ่าหมิงหยวนเดินเข้ามาในห้องหนังสือ แท้จริงแล้วภายในห้องนี้ ยังมีเส้นทางลับสำหรับออกไปข้างนอก ซึ่งเขาก็ใช้ทางลับนี้เข้ามายังที่นี่ด้วยเช่นกัน เดิมทีคิดว่าญาติผู้น้องคนนี้ต้องหาทางติดต่อกับเขา แต่กลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายเก็บตัวเงียบ ยอมทำตามคำสั่งของชิน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status